ตอนที่ 109: ค้างคาวเงาดารา
ตอนที่ 109: ค้างคาวเงาดารา
เซี่ยเฟยได้เข้าไปทำการตรวจสอบด้านในของยานโคแอกิวเลชั่นและถึงแม้ว่ามันจะมีอายุมากกว่า 2,000 ปีแล้วแต่ยานลำนี้ก็ยังไม่บุบสลาย นอกจากนี้ข้อมูลที่แสดงออกมายังแสดงให้เห็นว่ายานลำนี้เพิ่งถูกใช้งานไปเพียงแค่ 3 ครั้งซึ่งมันเกือบจะเป็นยานลำใหม่เอี่ยม
ขณะเดียวกันถึงแม้ว่ายานลำนี้จะเป็นยานไฮบริดรุ่นพิเศษ แต่วิธีการตั้งค่าและการควบคุมของยานก็เป็นแบบทั่ว ๆ ไป ซึ่งถ้าหากไม่นับเครื่องดูดพลังงานขนาดเล็กแล้วล่ะก็อุปกรณ์ในส่วนที่เหลือก็เป็นอุปกรณ์ธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษเลย
ชายหนุ่มเชื่อว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับยานรบคือลักษณะเฉพาะของตัวยานที่มีความเด่นชัดไปด้านใดด้านหนึ่ง เช่น ยานรบที่ติดตั้งอาวุธเป็นจำนวนมากเพื่อเพิ่มพลังทำลายให้ถึงขีดสุด หรือยานรบที่ติดตั้งอุปกรณ์เป็นจำนวนนับไม่ถ้วนเพื่อก่อกวนยานรบของคู่ต่อสู้
ความธรรมดาและความสมดุลย์เป็นสองแนวคิดที่มีความแตกต่างกันแค่เส้นบาง ๆ ซึ่งวิธีการโปรดของเซี่ยเฟยในการประกอบยานคือการเสริมจุดเด่นของยานพร้อมกับทำให้ส่วนประกอบอื่น ๆ สมดุลย์มากที่สุด
แน่นอนว่าการพยายามหาจุดสมดุลย์แบบนี้เป็นเรื่องยาก แต่ชายหนุ่มก็มีวิธีการเป็นของตัวเองนั่นก็คือการสละสิ่งอำนวยความสะดวกของยานออกไป
ยกตัวอย่างเช่น เขาต้องสละพื้นที่ใช้สอยส่วนใหญ่ของลูน่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของมันให้สูงที่สุด ทั้ง ๆ ที่โดยปกติแล้วนักออกแบบจะพยายามทำให้ลูกเรือรู้สึกสะดวกสบายในระหว่างการใช้ชีวิตอยู่ในจักรวาลเพื่อไม่ให้ลูกเรือเกิดความเบื่อหน่าย
ขณะเดียวกันโคแอกิวเลชั่นก็เป็นหนึ่งในยานรบที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน แม้แต่ภายในห้องน้ำก็ยังมีคอมพิวเตอร์อัจฉริยะคอยให้บริการ ทำให้ลูกเรือสามารถนอนแช่อ่างอาบน้ำพร้อมกับดูรายการโปรดของพวกเขาได้อย่างสะดวกสบาย
สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เพราะในความคิดเห็นของเขาการใช้พื้นที่อันล้ำค่าเพื่อติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เป็นทางเลือกที่งี่เง่า หากใครกลัวว่าการเดินทางในจักรวาลจะทำให้พวกเขาเหงาคนพวกนั้นก็ควรจะนอนอยู่บ้านเฉย ๆ
หากใครเลือกจะใช้ชีวิตอันน่าเบื่อในจักรวาลแล้วพวกเขาก็ควรจะต้องทำการปรับตัว ดังนั้นการนอนแช่อ่างอาบน้ำพร้อมกับดูทีวีจึงถือว่าเป็นตรรกะที่ไร้สาระสำหรับเขาจริง ๆ
หลังได้เห็นข้อมูลของยานรบเซี่ยเฟยก็เริ่มมีแนวคิดในการดัดแปลงยานลำนี้อยู่ในใจ และถ้าหากว่าเขาสามารถนำยานกลับไปได้จริง ๆ มันก็เท่ากับว่าเขาจะมียานฟริเกตระดับสูงสุดอยู่ในการครอบครองพร้อมกันถึงสองลำ
ในเวลาต่อมาชายหนุ่มก็มุ่งหน้าตรงไปยังห้องเครื่องด้วยรอยยิ้ม โดยหวังว่าเขาจะทำการซ่อมระบบขับเคลื่อนของยานลำนี้กลับมาโดยเร็วที่สุด หลังจากนั้นเขาก็จะได้รับป้อมปราการเคลื่อนที่ในระหว่างการผจญภัยในอวกาศ
เพียงแค่การคิดว่าเขาจะได้เป็นผู้ครอบครองยานบัญชาการและยานฟริเกตชั้นนำในจักรวาลพร้อม ๆ กันถึงสองลำ มันก็ทำให้เขาส่งเสียงหัวเราะออกมาในใจ ส่วนการจะนำยานบัญชาการกลับไปยังพันธมิตรยังไงนั้น เขาก็ตัดสินใจที่จะคิดวางแผนเรื่องนี้ในภายหลัง
แต่ในทันใดนั้นมันก็มีร่องรอยความผันผวนของพลังงานเคลื่อนที่ผ่านร่างเขาไปจนทำให้ร่างกายของเขาเกือบที่จะถูกควบคุม ดังนั้นเขาจึงรีบใช้วิชาพลางจิตเพื่อทำตัวกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมโดยเร็วที่สุด
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเซี่ยเฟยมีความเชี่ยวชาญในการใช้วิชาที่อันธสอนมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เขาสามารถเข้าสู่สภาวะซ่อนเร้นได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่จำเป็นจะต้องใช้เวลาในการเตรียมตัว
“เกิดอะไรขึ้น?” อันธถามอย่างสงสัย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันสัมผัสได้ถึงการผันผวนของพลังงานมาจากด้านล่าง แล้วมันก็ทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงอันตราย” เซี่ยเฟยตอบพร้อมกับส่ายหัว
หลังได้รับคำอธิบายอันธก็พูดอะไรไม่ถูก เพราะตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาได้เห็นเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่าประสาทสัมผัสการรับรู้ของเซี่ยเฟยเฉียบแหลมเกินกว่าคนทั่วไปมาก และมันก็เป็นปรากฏการณ์ที่เขายังไม่สามารถหาคำอธิบายได้
ต่อมาชายหนุ่มก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่ลงบันไดไปอย่างช้า ๆ ซึ่งชั้นด้านล่างนี้เป็นชั้นที่เอาไว้ติดตั้งเตาปฏิกรณ์พลังงานของยานรบทำให้ทั่วทั้งห้องเหมือนกับเขาวงกตที่ถูกสร้างขึ้นมาจากท่อโลหะ
โดยการที่ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยท่อโลหะนี่เอง มันจึงทำให้ชายหนุ่มสามารถเคลื่อนที่ขณะหลบซ่อนได้อย่างง่ายดาย และเมื่อเขาได้เข้าใกล้ห้องเก็บเตาปฏิกรณ์มากเท่าไหร่เขาก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังงานอย่างชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น
“ระวังนะ! พลังงานพวกนั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาจากเครื่องจักร แต่มันมีต้นกำเนิดมาจากสิ่งมีชีวิตบางอย่าง!!” อันธกล่าวเตือนพร้อมกับขมวดคิ้ว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับพร้อมกับกางแขนขวาของเขาออกไปและกระตุ้นเรียกใบดาบของเชสซิ่งไลท์ออกมา
ระบบพลังงานของยานบัญชาการประกอบไปด้วยเตาปฏิกรณ์พลังงานหลักขนาดใหญ่และเตาปฏิกรณ์พลังงานฉุกเฉินอีกสองชุด โดยห้องเก็บเตาปฏิกรณ์พลังงานตั้งอยู่ตรงกลางของยานรบและถูกปกป้องด้วยโลหะผสมที่มีความแข็งแรงสูงมาก
ท้ายที่สุดเตาปฏิกรณ์พลังงานก็กักเก็บพลังงานเอาไว้จำนวนมหาศาล ดังนั้นถ้าหากว่ามันเกิดระเบิดขึ้นมามันก็จะก่อให้เกิดความเสียหายออกไปในวงกว้าง มันจึงทำให้สถานที่แห่งนี้จำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด
เซี่ยเฟยค่อย ๆ เคลื่อนที่เข้าไปยังพื้นที่ชั้นแรกของห้องพลังงาน ซึ่งเป็นชั้นที่พนักงานใช้ในการทำงานและพักผ่อน
ขณะเดียวกันความผันผวนของพลังงานก็เริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะนอกจากความผันผวนของพลังงานชีวภาพแล้วมันยังมีความผันผวนจากพลังงานในเตาปฏิกรณ์ด้วยเช่นกัน และถ้าหากว่าการคาดการณ์ของเขาไม่ผิดพลาด ความผันผวนของพลังงานอันแปลกประหลาดน่าจะมาจากพื้นที่ใจกลางของห้องพลังงาน
ในห้องทำงานมีหน้าต่างโปร่งใสอยู่อย่างมากมาย เพื่อให้พนักงานที่ทำงานในห้องสามารถมองเห็นการทำงานของเตาปฏิกรณ์ผ่านหน้าต่างเหล่านี้ได้
เซี่ยเฟยค่อย ๆ หมอบคลานเข้าไปใกล้หน้าต่างก่อนที่จะโผล่หัวออกมาครึ่งหนึ่งเพื่อใช้ดวงตาในการสแกนพื้นที่โดยรอบ
เตาปฏิกรณ์พลังงานหลักเป็นเครื่องจักรรูปครึ่งวงกลมเหมือนชามคว่ำ โดยมีเปลือกโลหะหนาคอยปกป้องเตาปฏิกรณ์เอาไว้ด้านใน
ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะเคยเห็นรูปร่างหน้าตาของเตาปฏิกรณ์มาก่อน แต่เขาก็ไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่เกาะอยู่บนเตาปฏิกรณ์เลย โดยสิ่งมีชีวิตชนิดนี้มีรูปร่างคล้ายกับค้างคาวขนาดยักษ์!
ปีกของค้างคาวด้านหน้าสามารถแผ่ขยายออกไปด้านข้างได้กว้างกว่าร้อยเมตร นอกจากนี้ทั่วทั้งตัวของมันยังเป็นสีดำสนิทที่มีผิวหนังเรียบเป็นมันเงา และเขี้ยวทั้งสองข้างที่โผล่ออกมาจากปากดูมีความแหลมคมเป็นอย่างมาก โดยในขณะนี้มันก็กำลังนอนหลับตาอยู่บนเตาปฏิกรณ์
หลังพิจารณาสิ่งมีชีวิตตรงหน้าหัวใจของเซี่ยเฟยก็เริ่มเต้นแรง เพราะในที่สุดเขาก็จำสัตว์อสูรตัวนี้ได้แล้ว!
นี่คือค้างคาวเงาดาราผู้เป็นอสูรร้ายแห่งจักรวาลในยุคโบราณ!!
หลังจากที่เขาได้ศึกษาข้อมูลในจารึกมนตราอสูร มันก็ทำให้เขาได้รู้จักสัตว์อสูรในจักรวาลอย่างมากมาย และสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ก็มีลักษณะตรงกันกับค้างคาวเงาดาราที่บันทึกเอาไว้ในจารึก
ตามบันทึกค้างคาวเงาดาราเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่เก่าแก่ที่สุดในจักรวาล โดยผิวของพวกมันมีความแข็งแกร่งเหมือนกับเหล็กกล้าและพวกมันยังสามารถใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายในพื้นที่ใกล้สุญญากาศได้
ขณะเดียวกันค้างคาวเงาดาราก็มีความสามารถดูดซับพลังงานได้หลายชนิด ทำให้พวกมันสามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้แม้ว่าจะไม่ได้กินอาหารเป็นเวลาหลายพันปี ขณะเดียวกันผิวของพวกมันก็ถูกเคลือบเอาไว้ด้วยสารปริศนา ทำให้ระบบเรดาร์ไม่สามารถสแกนหาสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ได้
ค้างคาวเงาดาราในวัยเด็กเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความซุกซน แต่เมื่อพวกมันโตเต็มวัยพวกมันจะกลายเป็นสัตว์อสูรที่ดุร้าย โดยวิธีการจู่โจมหลักของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้คือการใช้คลื่นพลังจิตส่งผ่านสมองของสิ่งมีชีวิตเพื่อเข้าควบคุมคู่ต่อสู้
ผู้ฝึกสัตว์อสูรเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนเคยพยายามจะฝึกสัตว์อสูรชนิดนี้มาก่อน แต่มันก็ไม่มีใครเคยทำสำเร็จเลยแม้แต่คนเดียว จนทำให้ค้างคาวเงาดารากลายเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรที่อยู่ด้านบนสุดของห่วงโซ่อาหารและมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับที่เหนือกว่ามนุษย์
โชคดีที่จำนวนของค้างคาวเงาดารามีอยู่น้อยมากและระยะการควบคุมคลื่นพลังจิตของพวกมันก็ไม่ได้ไกลมากเช่นเดียวกัน ดังนั้นตราบใดก็ตามที่มนุษย์ไม่เข้าไปใกล้รังของพวกมันก่อน สิ่งมีชีวิตชนิดนี้ก็ยังไม่ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอันตราย
เมื่อพิจารณาจากขนาดของค้างคาวตัวนี้แล้วเซี่ยเฟยก็คาดการณ์ว่ามันน่าจะเป็นค้างคาวใกล้โตเต็มวัยแล้ว ส่วนเหตุผลที่มันนอนอยู่บนเตาปฏิกรณ์ก็เพื่อทำการดูดซับพลังงาน และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตัวยานถึงมีพลังงานไม่พอที่จะสตาร์ทเครื่อง
หลังค้างคาวเงาดาราดูดซับพลังงานเข้าไปเป็นจำนวนมาก พวกมันจะตกอยู่ในสถานะคล้ายกับการจำศีล ซึ่งระยะการจำศีลนี้อาจจะกินเวลานานนับหมื่นปีและพวกมันจะไม่หยุดจนกว่าพวกมันจะมีพลังงานสะสมเพียงพอที่จะใช้ไปได้ตลอดชีวิต
เห็นได้ชัดว่าค้างคาวเงาดาราตัวนี้กำลังอยู่ในช่วงจำศีลอันยาวนาน ซึ่งตราบใดก็ตามที่มันดูดซับพลังงานจากเตาปฏิกรณ์ได้อย่างเพียงพอ มันก็จะตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตอีกครั้ง
เซี่ยเฟยรีบเคลื่อนที่ออกมาจากห้องพลังงานพร้อมกับเล่าให้อันธฟังถึงสิ่งที่เขาเพิ่งเห็นมา
“ที่แท้กองยานนี้ก็บังเอิญบุกเข้าไปภายในรังของค้างคาวเงาดารานี่เอง ว่าแต่ค้างคาวชนิดนี้มันควบคุมเครื่องจักรได้ยังไง?” อันธพึมพำกับตัวเอง
“สัตว์ชนิดนี้มันควบคุมเครื่องจักรไม่ได้แต่มันสามารถควบคุมจิตใจของมนุษย์ได้ ถ้าฉันเดาไม่ผิดลูกเรือทุกคนน่าจะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของมัน สิ่งที่พวกเขาเห็นจึงเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา” เซี่ยเฟยกล่าว
“อ๋อแบบนี้นี่เอง! ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็รีบไปกันเถอะ” อันธกล่าว
ค้างคาวเงาดาราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความแข็งแกร่งอยู่เหนือเกินกว่าที่เซี่ยเฟยจะจัดการได้ เว้นแต่ว่าเขาจะสามารถฝึกฝนวิชามนตราอสูรได้จนถึงขั้นที่ 6 เขาถึงจะมีความสามารถในการต่อกรกับอสูรร้ายชนิดนี้ได้
ด้วยเหตุนี้เองทางเลือกในปัจจุบันของชายหนุ่มจึงมีเพียงแค่ 2 ทาง โดยวิธีการแรกคือการเปิดฟังก์ชั่นการทำลายตัวเองของยานบัญชาการเพื่อทำลายอสูรร้ายไปพร้อมกับยานรบ
ส่วนทางเลือกที่ 2 คือการหลบหนีออกไปจากพื้นที่บริเวณนี้ทันทีพร้อมกับทิ้งยานบัญชาการและค้างคาวเงาดาราเอาไว้เหมือนเดิม จากนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาสามารถฝึกฝนวิชามนตราอสูรได้จนถึงขั้นที่ 6 เขาค่อยกลับมาจัดการกับค้างคาวตัวนี้พร้อมกับรับยานบัญชาการกลับไป
ข้อดีข้อเสียของตัวเลือกทั้งสองค่อนข้างที่จะชัดเจนมาก โดยตัวเลือกแรกเป็นตัวเลือกที่จะทำให้เขตดาววิลเดอร์เนสมีพื้นที่ปลอดภัยเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม แต่ตัวเลือกที่ 2 มันก็เป็นตัวเลือกที่ทำให้เขามีโอกาสจะได้รับยานบัญชาการฟรี ๆ ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ไม่ใช่คนในพื้นที่เขตดาววิลเดอร์เนสและเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องห่วงความปลอดภัยของคนในเขตดาวนี้เลย ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะจากไปแทนที่จะเปิดโหมดทำลายตัวเองของยานบัญชาการ
จากนั้นชายหนุ่มก็รีบกลับไปยังยานเอ็กคิวชั่นเนอร์ที่เขาโดยสารมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเก็บอุปกรณ์ที่เขากอบกู้มาเข้าไปไว้ในแหวนมิติ แต่น่าเสียดายที่พื้นที่ในแหวนมิติมีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้นชายหนุ่มจึงจำเป็นที่จะต้องวิ่งไปวิ่งมาหลายครั้งเพื่อขนอุปกรณ์เหล่านี้ไปเก็บไว้ในคลังสินค้าของยานโคแอกิวเลชั่น
โคแอกิวเลชั่นเป็นยานไฮบริดระดับสูงที่หาได้ยากมาก เซี่ยเฟยจึงไม่มีทางปล่อยมันไปง่าย ๆ และถึงแม้ว่าเขาจะพลาดยานบัญชาการไป แต่เขาก็จะต้องเอายานไฮบริดลำนี้กลับไปพร้อมกับเขาด้วย
ส่วนที่แย่ที่สุดคือเขาจำเป็นจะต้องทิ้งยานเอ็กคิวชั่นเนอร์เอาไว้ที่นี่และเขาก็จะต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับแอนดี้ แต่ค่าชดเชยพวกนั้นย่อมไม่มีวันเอาไปเทียบกับยานโคแอกิวเลชั่นได้
หลังจากโคแอกิวเลชั่นบินออกมาจากห้องเก็บยาน เซี่ยเฟยก็เริ่มเปิดใช้ฟังก์ชั่นการวาร์ปแบบสุ่มโดยกำหนดให้ใช้พลังงานอยู่ที่ 10%
บริเวณใกล้เคียงคือรังของค้างคาวเงาดารา ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องหนีออกไปให้ไกลจากพื้นที่บริเวณนี้เสียก่อนแล้วค่อยหาทางกลับไปยังฐานเรดสโตน
แต่ในขณะที่รูหนอนกำลังปรากฏขึ้นมานั่นเอง คลื่นพลังจิตอันรุนแรงก็ถาโถมเข้ามาราวกับคลื่นสึนามิ!
“ชิบหายแล้ว!!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง เพราะคลื่นพลังจิตนี้มันก็หมายถึงค้างคาวเงาดาราได้ตื่นขึ้นมาจากการจำศีลแล้ว
***************
เอาแล้วไง อย่าบอกนะว่าพี่เฟยจะต้องสู้?!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 174
แสดงความคิดเห็น