ตอนที่ 110: ปิดล้อม
ตอนที่ 110: ปิดล้อม
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังจะเข้าไปในรูหนอน ค้างคาวเงาดาราก็ตื่นขึ้นมาอย่างฉับพลัน!
ขณะที่มันได้ตื่นขึ้นมานั้นอสูรร้ายก็ได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมาเสียงดัง โดยภายในเสียงนั้นได้ผสมคลื่นพลังจิตอันรุนแรงเอาไว้
ตอนนี้เซี่ยเฟยรู้สึกเหมือนมีสัตว์เลื้อยคลานเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังบุกเข้ามาในสมองและทั่วทั้งร่างของเขาก็กำลังรู้สึกเจ็บปวดอย่างท่วมท้น
แต่โชคดีที่เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกาย เพราะในก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่เขาดื่มน้ำยาของอันธเข้าไป เขาก็ได้รับความเจ็บปวดที่แสนสาหัสเช่นเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงรู้วิธีรับมือกับความเจ็บปวดเป็นอย่างดี
หลังจากที่กลับมาตั้งสติได้อีกครั้งเซี่ยเฟยก็เริ่มใช้วิชามนตราอสูรผ่านสายตาจ้องมองผ่านหน้าต่างของยานรบไปยังทิศทางของยานบัญชาการ และใช้ความพยายามทั้งหมดในการต่อต้านคลื่นพลังจิตจากค้างคาวเงาดารา
ตลอดกระบวนการนี้ชายหนุ่มได้ทำการปลดปล่อยคลื่นกระแทกที่คล้ายกับพลังจิตออกไปจากดวงตา ขณะที่ทางฝ่ายค้างคาวเงาดาราปล่อยคลื่นพลังจิตออกมาจากอวัยวะพิเศษในสมอง
วิธีการโจมตีของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่จุดประสงค์ของพวกเขานั้นเหมือนกันคือการพยายามยับยั้งและควบคุมอีกฝ่ายหนึ่งเอาไว้
การจ้องมองด้วยสายตาอันเฉียบคมของชายหนุ่มเหมือนกับสามารถเจาะทะลุยานขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามกับเขาได้ มันจึงทำให้คลื่นพลังของทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกันจนให้ความรู้สึกเหมือนกับมันได้เกิดประกายไฟตรงจุดปะทะขึ้นมา
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็ทำได้เพียงแค่ทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อชะลอความรุนแรงจากพลังจิตของฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ แต่เขาก็ได้มองเห็นเปลวไฟวิญญาณอสูรสีดำขนาดใหญ่บินขึ้นไปเหนือยานบัญชาการ และเปลวไฟอสูรที่เขาเห็นยังเป็นเปลวไฟสีดำที่เกือบจะห่อหุ้มยานบัญชาการทั้งหมดเอาไว้ข้างใน
เขารู้ดีว่าสัตว์อสูรที่มีเปลวไฟวิญญาณอสูรสีดำแบบนี้มีเพียงแต่สัตว์อสูรระดับสูงเท่านั้นและความโหดเหี้ยมของมันก็จัดอยู่ในระดับที่เป็นเหมือนกับภัยพิบัติ!
การต่อสู้กับคลื่นพลังจิตอันรุนแรงทำให้หูทั้งสองข้างของเขารู้สึกอื้ออึงจนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ซึ่งมันมีแม้กระทั่งเลือดสีแดงใส ๆ ที่ไหลออกมาจากรูจมูกของเขา
ทันทีที่ร่างของค้างคาวเงาดาราโผล่ออกมาจากตัวยาน มันก็ปล่อยจิตสังหารและพยายามใช้พลังจิตในการปลิดชีวิตเซี่ยเฟย
ชายหนุ่มไม่สามารถที่จะยอมแพ้ให้กับอุปสรรคในครั้งนี้ได้ เพราะท้ายที่สุดรูหนอนก็เปิดออกอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว และยานก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาในการเคลื่อนที่เข้าสู่รูหนอนเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าค้างคาวเงาดาราจะมีความแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่อสูรร้ายตัวนี้จะติดตามเขาไปเป็นระยะหลายพันปีแสง
ยิ่งระยะเวลาผ่านไปคลื่นพลังที่ปล่อยออกมาจากดวงตายิ่งถดถอยลงไปเรื่อย ๆ จนในตอนนี้ตาข้างหนึ่งของเขามองไม่เห็นแล้ว ขณะที่ตาอีกข้างก็รู้สึกเหนื่อยล้าเต็มที
เซี่ยเฟยเป็นเหมือนกับผู้บัญชาการที่สั่งให้กองกำลังถอยออกจากสนามรบอย่างเป็นระเบียบ ดังนั้นสิ่งที่เขาจำเป็นจะต้องทำคือการพยายามซื้อเวลาให้กองกำลังหลักถอนตัวออกไป
การทำแบบนี้จำเป็นจะต้องใช้ความระมัดระวังและปฏิกิริยาการตอบสนองที่เฉียบคม เพราะถ้าหากว่ามันเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาแม้แต่เพียงเล็กน้อย มันก็อาจจะทำให้แนวรบทั้งหมดต้องพังทลาย
ท้ายที่สุดการโจมตีของศัตรูก็เป็นเหมือนกับการโจมตีโดยรถถัง ส่วนทางด้านของเซี่ยเฟยก็พยายามต้านทานโดยใช้ทหารม้า ซึ่งไม่ว่าจะมองจากมุมไหนกำลังรบของทั้งสองฝ่ายก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
ยานโคแอกิวเลชั่นกำลังพุ่งเข้าไปในรูหนอนด้วยความเร็วสูงสุด โดยมีอสูรร้ายที่คอยติดตามอยู่ด้านหลัง
พรวด!
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ต้านทานไม่ไหวอีกต่อไป มันจึงทำให้เขากระอักเลือดออกไปเต็มคำ แต่ในเวลาเดียวกันโคแอกิวเลชั่นก็เคลื่อนตัวเข้าสู่รูหนอนได้สำเร็จ ก่อนที่สติสัมปชัญญะของชายหนุ่มจะดับลงไป
—
หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปเซี่ยเฟยก็ตื่นขึ้นพร้อมกับเสียงอื้ออึงที่ดังอยู่ในหัว
ชายหนุ่มพยายามลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างหมดแรงพร้อมกับใช้แขนเสื้อเช็ดเลือดที่เปื้อนจมูก จากนั้นเขาก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาพร้อมกับสูดควันเข้าไปเพื่อบรรเทาความตึงเครียดภายในใจ
ขณะเดียวกันอันธก็กำลังจ้องมองเซี่ยเฟยด้วยรอยยิ้มกว้างราวกับว่ามันไม่เคยมีเหตุร้ายเกิดขึ้นมาก่อนเลย
“นายจะยิ้มทำไม! ใช่สิคนที่บาดเจ็บมันไม่ใช่นายนิ” เซี่ยเฟยพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย
“ที่หางตาของนายยังมีเลือดไหลออกมาอยู่ ตอนนี้นายยังมองเห็นปกติไหม” อันธถามพร้อมกับชี้ไปที่หางตาของชายหนุ่ม
เซี่ยเฟยใช้แขนเช็ดหางตา 2-3 ครั้งก่อนที่จะมองออกไปผ่านช่องหน้าต่าง โดยภาพที่ปรากฏขึ้นมาเป็นดวงดาวที่กำลังส่องแสงระยิบระยับเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน และเขาก็สามารถมองเห็นดวงดาวเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน
“ตาไม่มีปัญหา แต่ฉันยังปวดหัวอยู่” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพ่นควันบุหรี่
อันธได้จ้องมองไปยังเซี่ยเฟยด้วยดวงตาพิจารณาเป็นเวลานาน ก่อนที่เขาจะได้กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นว่า
“เมื่อกี้ฉันคิดว่านายจะไม่สามารถยืนหยัดต่อต้านค้างคาวเงาดาราเอาไว้ได้แล้ว แต่ในวินาทีสุดท้ายพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนายก็ระเบิดพลังออกมา ก่อนที่จะดูดซับพลังจิตจากค้างคาวไปจนหมดเลย”
“นายกำลังบอกว่าพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ช่วยชีวิตฉันไว้ในช่วงวินาทีสุดท้ายอย่างนั้นหรอ?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ใช่” อันธกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
หลังได้รับคำยืนยันชายหนุ่มก็ดับบุหรี่ภายในมือ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องน้ำและทำการล้างหน้าด้วยน้ำเย็น
“นายรู้อะไรไหม ฉันคิดว่าเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับนาย แล้วถ้าหากว่านายยังต้องเจอวิกฤตในลักษณะนี้ต่อไป มันก็อาจจะทำให้สมองของนายเกิดการวิวัฒนาการครั้งที่ 2” อันธกล่าวขณะที่เขาเดินตามเซี่ยเฟยเข้ามาในห้องน้ำ
“สมองวิวัฒนาการครั้งที่ 2? นายกำลังจะบอกว่าฉันจะได้รับพลังพิเศษอื่นนอกเหนือจากพลังพิเศษสายความเร็วอย่างนั้นหรอ?” เซี่ยเฟยเผลอกลืนน้ำเข้าไปในระหว่างที่เขากำลังจะบ้วนปาก
“ใช่ แต่นายจะต้องทำการดูดซับพลังจิตเข้าไปมากเพียงพอ จากการสังเกตของฉันในระหว่างที่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนายเริ่มทำการดูดซับพลังจิต เซลล์ภายในร่างกายของนายก็กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเหมือนกัน ซึ่งมันเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นเหมือนกับตอนที่นายได้รับพลังสายความเร็ว” อันธอธิบายด้วยความตื่นเต้น
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็จดจำได้เป็นอย่างดีว่ากระบวนการเปิดใช้งานพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาเป็นเรื่องที่อันตรายมากเพียงใด เพราะถ้าหากพูดตามความเป็นจริงเขาก็เกือบจะเสียชีวิตในระหว่างกระบวนการนั้นไปครั้งหนึ่งแล้ว
“แค่การเปิดใช้งานพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ครั้งแรกก็ทำฉันเกือบตายไปแล้ว และฉันต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดทุกครั้งหากต้องการจะเพิ่มระดับความสามารถ ตอนนี้ถ้าหากว่าฉันต้องการจะได้รับพลังพิเศษเพิ่ม ฉันก็ต้องไปเสี่ยงตายดูดซับพลังจิตมาอีกเนี่ยนะ! นี่มันตรรกะบ้าบออะไรกันเนี่ย!!” เซี่ยเฟยอุทานออกไปด้วยความไม่พอใจ
“แต่นายก็ปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหมล่ะว่าทุกครั้งที่นายผ่านพ้นความยากลำบาก มันจะทำให้นายแข็งแกร่งขึ้น” อันธกล่าวพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ
คำพูดของอันธทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะสิ่งที่วิญญาณนักฆ่าคนนี้พูดมาก็ไม่ใช่สิ่งที่เกินกว่าความเป็นจริงเลยแม้แต่น้อย
ความเสี่ยงและโอกาสเป็นสมการที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันเสมอ ดังนั้นยิ่งเขาเสี่ยงอันตรายมากเท่าไหร่มันก็มีโอกาสที่เขาจะได้รับพลังกลับมามากยิ่งขึ้นเท่านั้น
“ถ้ามีโอกาสฉันก็ไม่ปฏิเสธหากจะได้รับพลังพิเศษพลังที่ 2 ตราบใดก็ตามที่ฉันไม่ตายฉันทนรับความเจ็บปวดได้ทั้งหมด ว่าแต่ในประวัติศาสตร์มันเคยมีใครได้รับพลังพิเศษพร้อมกันสองอย่างไหม?” เซี่ยเฟยถาม
“แน่นอนว่ามีและมันก็ไม่ได้มีแค่สองด้วย แม้แต่คนที่มีพลังพิเศษ 3 อย่างในคนคนเดียวก็เคยมีมาแล้ว แต่สำหรับคนพวกนั้นการได้รับความสามารถพิเศษอย่างที่ 2 ก็เป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ เพราะมันไม่มีใครมีเวลามาฝึกฝนพลังพิเศษสองอย่างพร้อมกัน แต่ฉันคิดว่านายเป็นกรณีที่แตกต่างออกไป เพราะพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนายถูกเปิดใช้งานครบทั้ง 100%” อันธกล่าวอย่างมั่นใจในตัวของเซี่ยเฟย
“ลืมเรื่องนี้ไปก่อนเถอะ พวกเราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง อย่างน้อยพวกเราก็ควรจะต้องหาคำตอบเรื่องนี้ให้ได้อย่างชัดเจนซะก่อน แล้วค่อยมาพิจารณาว่าพวกเราจะทำยังไงต่อไป” เซี่ยเฟยกล่าว
“นายควรหาผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมเพื่อทำการศึกษาเรื่องนี้ แต่นายก็ต้องเตรียมตัวเป็นหนูทดลองด้วยเหมือนกัน เพราะเท่าที่ฉันรู้มันไม่มีใครสามารถเปิดใช้งานพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้ถึง 100%” อันธกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“ฉันไม่มีวันเป็นหนูทดลองให้ใครเด็ดขาด!!” เซี่ยเฟยสาปแช่งออกมาอย่างไม่พอใจ
—
ตอนนี้เขาสามารถหลบหนีออกมาจากระยะควบคุมของค้างคาวเงาดาราได้แล้ว มันจึงทำให้ระบบนำทางและระบบระบุตำแหน่งกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งหลังจากที่ชายหนุ่มพักผ่อนเล็กน้อยเขาก็ทำการบันทึกตำแหน่งของยานบัญชาการเอาไว้ในไมโครคอมพิวเตอร์ของเขา
หากวันใดเขามีพลังมากพอที่จะจัดการค้างคาวเงาดารา เขาก็จะสามารถกลับมายังตำแหน่งที่ระบุเอาไว้เพื่อจัดการกับศัตรูเก่าและได้รับยานบัญชาการกลับไปในคราวเดียว
ยานบัญชาการแต่ละลำมีมูลค่าหลายล้านล้านสตาร์คอยน์ นอกจากนี้ถึงแม้ว่าใครจะมีเงินแต่พันธมิตรก็ไม่ได้อนุญาตให้ทุกคนสามารถใช้ยานบัญชาการได้ตามต้องการ
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะยังไม่มีวิธีใดที่จะสามารถเป็นเจ้าของยานบัญชาการแบบถูกกฎหมายได้ แต่เขาก็รู้สึกเสียดายที่จะปล่อยให้มันล่องลอยอย่างอ้างว้างอยู่ในอวกาศเช่นเดียวกัน แต่แน่นอนว่าเขาจะกลับมาเก็บยานลำนี้หลังจากที่เขามีความสามารถในการเอาชนะค้างคาวเงาดาราแล้วเท่านั้น
แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับยานบัญชาการสุดยิ่งใหญ่ติดไม้ติดมือกลับไป แต่อย่างน้อยเขาก็ได้รับยานไฮบริดรุ่นลิมิเต็ดที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสามารถกอบกู้ชิ้นส่วนอุปกรณ์เพื่อซ่อมแซมลูน่าได้จนครบ มันจึงถือว่าการเดินทางในครั้งนี้เป็นการเดินทางที่เขาได้รับผลกำไรกลับไปแล้ว
ส่วนเรื่องการวิวัฒนาการของพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ก็ค่อนข้างจะทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตื่นเต้นเช่นเดียวกัน แต่ภายใต้สถานการณ์ในปัจจุบันมันยังเป็นเรื่องที่อันตรายมากเกินไป
ระยะทางจากจุดที่เขาอยู่กับฐานเรดสโตนอยู่ห่างกันถึง 43,000 ปีแสง ซึ่งจำเป็นจะต้องใช้การวาร์ประยะไกลเพียงแค่หนึ่งครั้งเท่านั้น หลังจากที่เขาได้ตั้งค่าตำแหน่งของฐานเรดสโตนแล้วเขาก็ทำการควบคุมยานรบเข้าไปในรูหนอน
อย่างไรก็ตามเมื่อเซี่ยเฟยได้เดินทางมาจนถึงฐานเรดสโตน มันก็ทำให้เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อกับภาพที่ปรากฏในสายตา เพราะตอนนี้มันได้มีการต่อสู้อันดุเดือดกำลังเกิดขึ้นใกล้ ๆ กับฐานทัพ
เมื่อมองไปในระยะไกลกองยานที่ถูกนำโดยยานแบทเทิลครุยเซอร์ 3 ลำกำลังปิดล้อมฐานเรดสโตนเอาไว้ โดยเสียงยิงปืนใหญ่กำลังส่งเสียงคำรามดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ยานรบขนาดเล็กก็กำลังจู่โจมเข้าใส่โล่พลังงานของฐานเรดสโตนอย่างบ้าคลั่ง
ส่วนทางด้านฐานเรดสโตนก็กำลังป้องกันอย่างสุดกำลัง โดยมีปืนใหญ่มากกว่า 12 กระบอกยื่นออกมาจากหินสีแดง มันจึงทำให้การต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด
“เปิดเกราะพลังงาน, เร่งระบบการชาร์จและเร่งเครื่องยนต์ด้วยกำลังสูงสุด พวกเราต้องรีบออกจากสนามรบเดี๋ยวนี้!” เซี่ยเฟยตะโกนสั่งการ
โคแอกิวเลชั่นเพิ่งทำการวาร์ประยะไกลมามันจึงจำเป็นจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 40 นาทีเพื่อทำการชาร์จพลังงานให้พร้อมทำการวาร์ปอีกครั้ง ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงหวังว่าอีกฝ่ายคงจะไม่หาเขาพบในเร็ว ๆ นี้ ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เขาจะต้องพบเจอมันก็ไม่ต่างไปจากการหนีเสือปะจระเข้
เมื่อได้รับคำสั่งโคแอกิวเลชั่นก็ทำการพ่นเปลวไฟสีน้ำเงินเพื่อผลักให้ยานรบมุ่งหน้าไปยังทิศทางตรงข้ามกับสนามรบด้วยความเร็วเต็มกำลัง
แต่ในทันใดนั้นเองยานของศัตรูก็ได้ตรวจพบตำแหน่งของชายหนุ่มแล้ว มันจึงมียานรบขนาดเล็กแตกออกมาจากกองเรือ ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าพวกมันกำลังเห็นโคแอกิวเลชั่นเป็นศัตรู
“เปิดระบบดูดพลังงาน เปิดระบบอาวุธทั้งหมด แล้วล็อกเป้าไปที่ยานรบที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามา” เซี่ยเฟยสั่งการเสียงเข้มพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด
***************
หนีเอาชีวิตรอดจากค้างคาวแล้วต้องมาหนีเอาชีวิตรอดจากยานรบต่อ…
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 279
แสดงความคิดเห็น