ตอนที่ 108: ยานไฮบริด
ตอนที่ 108: ยานไฮบริด
วันที่ 15 กรกฎาคม การโจมตีล้มเหลวโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้การโจมตีของฉันยังทำให้มันรู้สึกโกรธเกรี้ยวมากกว่าเดิม นี่ฉันกำลังเจอกับตัวอะไรอยู่กันแน่? มันไม่ใช่แค่ควบคุมทหารของฉันได้เท่านั้นแต่มันยังสามารถควบคุมเครื่องจักรได้ด้วย ตอนนี้จิตใจของฉันฟุ้งซ่านไปจนหมดแล้ว คงถึงเวลาที่ฉันจะต้องไปพักสักที!
วันที่ 16 กรกฎาคม ซือหยุนได้ส่งน้ำยาขวดสีเขียวซึ่งเป็นน้ำยาเพิ่มพลังวิญญาณอย่างรุนแรงให้กับฉัน ฉันสามารถบอกจากสายตาของเธอได้เลยว่าผู้ที่ใช้น้ำยาขวดนี้คงจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตต่อไปได้อีกแล้ว การสังหารยังคงดำเนินต่อไปเหมือนกับเด็กที่ซุกซนกำลังบงการให้ทหารของเราฆ่ากันเอง วันนี้ยานรบสูญหายไปทั้งสิ้น 26 ลำพร้อมกับลูกเรือจำนวน 9,318 คน
วันที่ 17 กรกฎาคม ฉันได้เรียกผู้ใช้พลังจิตมาคุยทีละคน แต่สิ่งที่ทำให้ฉันแปลกใจคือพวกเขาทุกคนตกลงที่จะใช้น้ำยามรณะเพื่อสู้ตายกับศัตรู ทหารหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งเข้าร่วมกองทัพบอกกับฉันว่าการมีชีวิตอยู่ตอนนี้เป็นเรื่องที่ทรมานมากเขายอมตายดีกว่าอยู่! ฉันไม่รู้ว่าฉันจะต้องพูดอะไรกับเขาจริง ๆ ฉันจึงทำได้เพียงแต่พยักหน้าเป็นคำตอบกลับไปเท่านั้น
วันที่ 19 กรกฎาคม ตามแผนเดิมพวกเราคิดจะดื่มน้ำยาเพื่อต่อต้านเจ้าสัตว์ประหลาดนั่น แต่โชคไม่ดีที่พลังจิตของมันเหนือกว่าพวกเรามาก ตอนที่ฉันตื่นขึ้นมากองยานทั้งหมดก็ถูกทำลายลงไปแล้ว ลูกเรือทุกคนก็เสียชีวิตไปทั้งหมดเช่นเดียวกัน มีเพียงแค่ฉันที่ยังรอดชีวิตอยู่คนเดียว ทำไม? ทำไมมันถึงไม่ฆ่าฉัน!
วันที่ 23 กรกฎาคม ฉันได้พบกับเหล้าในครัวรสชาติของมันค่อนข้างใช้ได้เลย
วันที่ 28 กรกฎาคม ฉันตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวเป็นพัก ๆ ภาพด้านนอกยังคงเต็มไปด้วยดวงดาวที่เงียบสงัดทำให้ฉันรู้สึกหดหู่มาก บางทีมันอาจถึงเวลาที่ฉันจะต้องเลือกแล้ว
วันที่ 20 สิงหาคม ฉันใช้เวลากว่าครึ่งเดือนในการนำศพทั้งหมดเข้าช่องแช่แข็งเพื่อป้องกันไม่ให้ศพเน่าเปื่อย ระหว่างทางฉันอดที่จะร้องไห้ออกมาไม่ได้ วันนี้มันเป็นวันเกิดของฉันนะ! ทำไมฉันจะต้องมาทำแบบนี้ด้วย!!
วันที่ 1 กันยายน วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่ฉันจะทำการบันทึก ฉันเบื่อกับการถูกแกล้งและไม่สามารถควบคุมชะตาชีวิตของตัวเองได้ ฉันขอเลือกจะจบทุกอย่างเอาไว้เพียงแค่นี้ ยอดจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด 467,554 คนและไม่มีใครรอดชีวิต ฉันกัปตันโรเบิร์ต แดนน์ขอจบชีวิตเพื่อรับใช้พันธมิตร
หลังจากปิดบันทึกของกัปตันเซี่ยเฟยก็จมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง โดยเขากำลังพยายามทำความเข้าใจว่าสิ่งมีชีวิตใดกันแน่ที่ทรงพลังถึงกับสามารถทำลายกองยานที่มีทหารมากกว่า 450,000 คนได้
“ที่แท้ยานรบข้างนอกก็ถูกทำลายเพราะทหารถูกคนอื่นควบคุม ถึงว่าทำไมแถว ๆ นี้ถึงไม่มียานรบของพวกเซิร์กอยู่เลย” อันธพึมพำกับตัวเอง
“มันอาจจะไม่ใช่คน ไม่มีข้อมูลบ่งชี้ใด ๆ ว่าตัวที่ทำลายกองยานเป็นมนุษย์” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบสักพักก่อนที่เซี่ยเฟยจะยักไหล่และกล่าวขึ้นมาว่า
“ช่างหัวมัน! พวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ”
เซี่ยเฟยขยับตัวไปที่คอนโซลบังคับยานและพยายามสตาร์ทยานอวกาศขึ้นมาอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่เครื่องยนต์ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบสนองกลับมาคล้ายกับว่าพลังงานไม่พอสนับสนุนระบบการบินของยานรบ
“ตัวยานไม่ได้รับความเสียหาย แล้วทำไมมันถึงสตาร์ทเครื่องขึ้นมาไม่ได้ล่ะ?” เซี่ยเฟยพึมพำพร้อมกับขมวดคิ้วขณะพิจารณาสถานะของยาน
หลังจากใช้เวลาพิจารณาอยู่สักพัก ชายหนุ่มก็ตัดสินใจที่จะเข้าไปตรวจสอบห้องเครื่องของยาน
ระหว่างทางชายหนุ่มได้ผ่านโกดังเก็บยานบินทำให้เขาได้พบกับโดรนต่อสู้เรียงกันอย่างเป็นระเบียบจำนวนหลายร้อยลำราวกับกลุ่มนักรบที่กำลังรอคอยจะแสดงพลังของพวกมันออกมา
อาวุธหลักของยานแม่คือการปล่อยโดรนรบออกไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งโดยปกติยานบัญชาการทุกลำจะสามารถบรรจุโดรนได้ไม่น้อยกว่า 500 ลำ ขณะที่ยานบัญชาการขนาดใหญ่จะสามารถบรรจุโดรนรบได้มากกว่า 1,000 ลำ
ระหว่างการรบยานบัญชาการจะสามารถควบคุมโดรนได้พร้อมกันประมาณ 300 ลำ ขณะที่ยานบัญชาการขนาดใหญ่จะสามารถควบคุมโดรนในเวลาเดียวกันได้ถึง 600 ลำ!
ขณะเดียวกันโดรนที่อยู่ภายในยานลำนี้ก็เป็นรุ่นที่มีความแตกต่างจากโดรนโดยทั่วไป เพราะมันคือโดรนรุ่นไอร่อนคาวาลรี่ที่มีความแข็งแกร่งกว่าโดรนทั่วไปมาก
ขนาดของไอร่อนคาวาลรี่มีขนาดเกือบถึง 1 ใน 3 ของยานฟริเกต แต่ด้วยความที่โดรนเป็นยานรบไร้คนขับ มันจึงทำให้ในตัวยานไม่จำเป็นจะต้องติดตั้งระบบช่วยชีวิต, ระบบควบคุมแรงโน้มถ่วงหรือระบบอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มันจึงทำให้ตัวยานสามารถเพิ่มพลังการรบได้อย่างสูงสุด
แค่การจินตนาการว่ายานแม่ลำนี้สามารถปล่อยไอร่อนคาวาลรี่ออกไปรบได้พร้อมกันถึง 300 ลำ มันก็เป็นความน่ากลัวที่เซี่ยเฟยไม่อยากจะจินตนาการแล้ว
นอกจากนี้ไอร่อนคาวาลรี่ยังจะปฏิบัติตามหน้าที่ที่พวกมันได้รับมอบหมายแม้ว่าพวกมันจะถูกทำลายลงไปก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อไอร่อนคาวาลรี่ลำหนึ่งถูกทำลายยานบัญชาการจะสามารถปล่อยไอร่อนคาวาลรี่อีกลำเข้าสู่สนามรบได้ในทันที ดังนั้นถ้าหากว่าไม่ได้มีเหตุการณ์ที่ไอร่อนคาวาลรี่ถูกทำลายพร้อม ๆ กันเป็นจำนวนหลายร้อยลำ ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของพวกมันก็จะไม่มีวันลดลง
ยานบัญชาการขนาดใหญ่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในกำลังรบที่สำคัญที่สุดของกองทัพ เพราะพลังของยานบัญชาการขนาดใหญ่เช่นนี้ก็สามารถเทียบเท่าได้กับกองยานขนาดเล็ก
เซี่ยเฟยหยุดมองดูเหล่าไอร่อนคาวาลรี่ที่สง่างามและพยายามจินตนาการถึงฉากที่พวกมันถูกปล่อยออกไปสู้รบในอวกาศ ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่จินตนาการก็ตาม
ถ้าหากว่าเขาได้รับยานจูเหนี่ยนลำนี้จริง ๆ อย่างน้อยเขาก็จะสามารถเดินทางในเขตดาววิลเดอร์เนสได้อย่างสบายใจ และพวกโจรสลัดไม่มีทางกล้าเข้ามาหาเรื่องยานบัญชาการอย่างแน่นอน เพราะแม้แต่กลุ่มโจรสลัดขนาดใหญ่ก็เป็นเพียงแค่มดปลวกเมื่อได้มาอยู่ต่อหน้ายานบัญชาการลำนี้
แต่ถึงยังไงการพยายามขับยานบัญชาการของกองทัพกลับไปยังพันธมิตรมนุษย์ก็ยังเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากอยู่ดี และในระหว่างทางเขาก็ต้องพบกับการไต่สวนอย่างไม่รู้จบ
เซี่ยเฟยส่ายศีรษะเพื่อสะบัดความคิดออกไป จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในเขตของยานลูกที่อยู่ติดกัน โดยในแผนผังได้ระบุว่าเส้นทางเดินนี้จะพาเขามุ่งหน้าตรงไปยังห้องเครื่อง
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ได้พบกับยานรบรูปร่างแปลกประหลาดท่ามกลางยานรบลำอื่น ๆ โดยยานลำนี้มีลักษณะคล้ายกับปลิงที่มีจุดสีแดงเข้มทั่วทั้งตัว ซึ่งมันมีความแตกต่างจากยานรบโดยปกติมาก
“นี่มันยานอะไรกันเนี่ย?” เซี่ยเฟยเดินเข้าไปหายานลำปริศนาอย่างสงสัย
เขาเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับยานอวกาศมาแล้วหลายเล่มทำให้เขามีความรู้เรื่องเกี่ยวกับยานรบมากพอสมควร แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้เห็นยานลักษณะนี้
“ไม่ใช่มั้ง… อย่าบอกนะว่ามันคือยานไฮบริดที่ถูกผลิตในช่วงยุคทอง” อันธพึมพำขึ้นมาอย่างลังเล
เซี่ยเฟยเพิ่งจะเข้าสังคมระดับจักรวาลในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ดังนั้นมันย่อมมียานบางประเภทที่เขาไม่รู้จักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าหากว่าแม้แต่อันธก็ยังไม่แน่ใจมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกอะไรถ้าหากว่าชายหนุ่มจะไม่รู้จักยานลำนี้
เซี่ยเฟยใช้มือสัมผัสตัวยานด้วยความระมัดระวังและเขาก็ได้พบว่ากระบวนการในการผลิตยานลำนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าลูน่าของเขาเลย และการสัมผัสเพียงแค่ครั้งเดียวก็ทำให้เขาได้รู้ว่าตัวยานถูกผลิตขึ้นมาจากโลหะผสมไทเทเนียม
หลังจากที่ชายหนุ่มเดินไปจนถึงอีกฟากหนึ่งของตัวยาน เขาก็ได้เห็นข้อความที่สลักอยู่ใกล้กับห้องเครื่อง
รุ่น: โคแอกิวเลชั่น (รุ่นพิเศษ)
ผู้ผลิต: บริษัทเอ็มม่าแอโร่สเปส ร่วมกับ บริษัทมิททัลเทคโนโลยีกรุ๊ป
หมายเลขเครื่อง: 00061
“ฉันรู้แล้ว!” อันธตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้นหลังจากที่เขาได้เห็นข้อความที่สลักอยู่บนตัวยาน จากนั้นเขาก็กล่าวต่อไปว่า
“ยานลำนี้คือตำนาน! พวกมันคือยานไฮบริดที่ถูกผลิตขึ้นมาในยุคทอง!!”
“ยุคทอง? ยานไฮบริด? มันหมายความว่าอะไรกันแน่” เซี่ยเฟยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ยุคทองหมายถึงช่วงเวลาที่พันธมิตรมนุษย์ทำสงครามกับพวกเซิร์ก ถึงแม้ว่าช่วงเวลานั้นสงครามจะทำให้เศรษฐกิจถดถอยแต่อุตสาหกรรมทหารก็พัฒนาไปได้ด้วยความรวดเร็ว พวกบิ๊กโฟร์ก็คือ 4 บริษัทที่สามารถผลิตยานรบในช่วงสงครามได้อย่างโดดเด่น และความดีความชอบของพวกเขาในช่วงเวลานั้นก็ทำให้พวกเขากลายเป็น 4 บริษัทยานรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาลมาจนถึงปัจจุบัน”
“ในช่วงยุคของการพัฒนา บริษัทผลิตยานได้ผลิตยานรบที่เหนือจินตนาการขึ้นมาอย่างมากมาย ซึ่งความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีในช่วงเวลานั้นก็เป็นสิ่งที่รวดเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผู้คนจึงเรียกช่วงเวลาสงคราม 300 กว่าปีนั้นว่ายุคทองของการวิจัยอาวุธ”
เมื่อได้รับคำอธิบายเซี่ยเฟยก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“สงครามช่วยกระตุ้นการพัฒนาเทคโนโลยีทางทหารอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใดก็ตาม อันที่จริงโมเดลยานรบส่วนใหญ่ที่ใช้ในพันธมิตรก็ถูกพัฒนาขึ้นมาจากยานรบที่ถูกออกแบบมาจากช่วงยุคทองทั้งนั้น อย่างไรก็ตามเมื่อไม่มีสงครามอุตสาหกรรมทางทหารก็เริ่มชะลอตัว ดังนั้นมันจึงไม่ค่อยมีผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นถือกำเนิดขึ้นมาในช่วง 2,000 กว่าปีนี้เลย”
“แล้วยานไฮบริดล่ะคืออะไร?” เซี่ยเฟยถาม
“บริษัทบิ๊กโฟร์มีความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้นั่นก็เพราะว่าพวกเขามีเทคโนโลยีที่โดดเด่นเป็นของตัวเอง โดยบริษัทพวกนี้จะกุมความลับเทคโนโลยีของตัวเองเอาไว้ไม่ปล่อยให้ใครสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีพวกนี้ได้ง่าย ๆ”
“แต่ในช่วงเวลาสงครามกองทัพต้องการยานรบพิเศษที่มีสมรรถนะสูงมากที่สุด ทำให้ผู้ผลิตหลายรายต้องร่วมมือกันเพื่อพัฒนายานรบพิเศษที่มีสมรรถนะสูงกว่ายานรบโดยทั่วไป”
“โคแอกิวเลชั่นคือยานฟริเกตรุ่นพิเศษที่บริษัทเอ็มม่ากับบริษัทมิททัลร่วมกันพัฒนาขึ้นมา แต่หลังจากที่สงครามได้สิ้นสุดลงการร่วมมือกันของพวกเขาก็ยุติลงด้วยเช่นเดียวกัน มันจึงทำให้ยานไฮบริดทุกลำเป็นยานลิมิเต็ดจากยุคทองที่มีเงินแค่ไหนก็ไม่สามารถหาซื้อพวกมันได้อีกแล้ว” อันธกล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“ระหว่างโคแอกิวเลชั่นกับลูน่าของฉัน ลำไหนมีประสิทธิภาพที่ดีกว่ากัน?” เซี่ยเฟยถาม
“ประสิทธิภาพของพวกมันอยู่ในระดับเดียวกัน เพียงแต่ลูน่าเป็นยานรบที่ถูกออกแบบมาเพื่อการทำลาย ขณะที่โคแอกิวเลชั่นเป็นยานรบที่ถูกออกแบบมาเพื่อก่อกวนศัตรู ดังนั้นวิธีการใช้งานของพวกมันจึงแตกต่างกัน แต่หากเทียบประสิทธิภาพในการต่อสู้จริงโคแอกิวเลชั่นน่าจะมีความได้เปรียบอยู่เล็กน้อย”
“ก่อกวนศัตรู? ก่อกวนแบบไหน” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“โดยปกติแล้วยานฟริเกตจะไม่สามารถติดตั้งเครื่องดูดพลังงานได้ เนื่องมาจากว่าเตาปฏิกรณ์ของยานมีขนาดค่อนข้างเล็ก ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะติดตั้งเครื่องดูดพลังงานเข้าไปแต่ประสิทธิภาพในการทำงานของพวกมันก็ไม่ค่อยจะเป็นที่น่าพอใจนัก”
“แต่โคแอกิวเลชั่นเป็นยานฟริเกตรุ่นพิเศษที่ถูกพัฒนาเครื่องดูดพลังงานมาโดยเฉพาะ ทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องดูดพลังงานดีกว่าเดิมถึง 50%” อันธอธิบายพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีชัย
คำอธิบายนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงมาก เพราะเครื่องดูดพลังงานถือได้ว่าเป็นอาวุธที่ร้ายกาจที่สามารถดูดพลังงานจากฝ่ายตรงข้ามเข้ามาเพิ่มพลังงานให้กับยานของตัวเองได้
ยานลำนี้มีพลังป้องกันและอำนาจในการยิงไม่ต่างไปจากลูน่ามากนัก แต่มันมีฟังก์ชั่นพิเศษที่สามารถดูดพลังงานจากยานของศัตรูได้ ไม่ว่าจะมองมุมไหนมันก็เป็นยานรบคุณภาพสูงที่หาได้ยากมากอย่างแน่นอน
ยานรบจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับพลังงานที่ถูกกักเก็บเอาไว้ในตัวยาน เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่พลังงานไม่เพียงพอประสิทธิภาพของตัวยานก็จะลดลงในทันที หรือมันอาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าโคแอกิวเลชั่นลำนี้สามารถลดความแข็งแกร่งของศัตรูเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองได้!!
***************
พี่เฟยเราเจอยานโกงอีกแล้ว!!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 171
แสดงความคิดเห็น