ชีวิตและความหมายของการหายใจ

-A A +A

ชีวิตและความหมายของการหายใจ

        แสงแดดเช้าตรู่   กระดิ่งคอสั่นไปตามการเคลื่อนไหวของกีบเท้า   วิ่งออกไปข้างหน้าอย่างสุขสันต์   บนผืนหญ้าเขียวขจี   ทั้งสาม   ขนหนาเหมือนแกะไร้เขา   หูยาวพับลงอย่างกระต่าย   ไม่ต่างจากพ่อแม่ลูก   ไกลแค่ไหนก็จะมาบรรจบที่เดิม   รั้วเหล็กสีเงินวาว   สูงเกินข้ามผ่าน   กริ้งๆ   ระฆังสั่นดังมาไกลๆ   ใบหน้าของความสุข   หันมองไปที่สิ่งก่อสร้างสีขาว   หญ้ากองโตบนถาดสีขาวในรั้วเหล็กส่วนตัว   บ้านหลังเล็กของพวกมัน  

               

                ค่ำคืนนั้น   หลับใหลอย่างสุขสันต์   เจ้าหนูน้อยตัวนั้น   ผมตั้งอย่างกับไฟช็อต   ตัวเล็กกะทัดรัด   นอนซุกกลางอกพ่อแม่เหมือนทุกวัน   เช่นเดียวกับเช้าของอีกวัน   วิ่งๆๆ   วิ่งออกไปข้างหน้าด้วยใจเบิกบาน   และหยุดที่สุดขอบโลกกว้าง   หันกลับไปไม่เห็นเงาอีกสอง   ใจหวิวทันใด   ไม่นานก็เริ่มเห็นทั้งสองกำลังเดินตรง   เจ้าหนูขนปุยเงยหน้าขึ้น   ทำหน้าภูมิใจ   พ่อแม่เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้   วิ่ง   วิ่งไปข้างหน้า   เชิดหน้าขึ้นอย่างภูมิใจเพราะสำหรับมัน   คือสิ่งมีค่าและควรถูกยกย่อง   แม้ตัวอื่นจะไม่ได้มองแบบนั้น   แต่จะสนใจทำไมในเมื่อมีพ่อและแม่ที่คอยส่งรอยยิ้มให้ความไร้เดียงสาของมันตลอด   ไม่จำเป็นต้องเข้าสังคมแม้จะอยู่ในที่เดียวกันก็ไม่จำเป็น  

                อาหารเย็นวันนี้ก็เหมือนทุกครั้ง   หญ้าอย่างดีบนถาดสีขาวและแดง   ตรงไปที่ถาดแดงทันใดเพราะปริมาณเยอะกว่าเห็นๆ   แต่กลับถูกพ่อดักทางอย่างรู้ทัน   เจ้าหนูจอมตะกละก้มหน้าก้มตาเคี้ยวหญ้า   เข้านอนพร้อมพ่อและแม่ของมัน   แต่ไม่ได้นอนทันทีเพราะใบหูกำลังถูกเลียด้วยลิ้นอุ่นๆ   ของพ่อ   เจ้าหนูน้อยเคลิ้มหลับไปไม่นาน   ทิ้งไว้คือใบหน้าของพ่อและแม่ที่ต่างจ้องมองมันด้วยความเศร้าศร้อย   ก่อนที่พ่อของมันจะเริ่มบรรจงเลียหน้าของเมียตัวเองอย่างอ่อนโยน   อีกฝ่ายไม่ยอมแพ้เช่นกัน  

                ขาพวกมันกระทืบฟางหญ้าแห้งตรงพื้นเป็นจังหวะ   ส่วนขาหน้ายื่นไปจับไหลของกันและกัน   การเต้นรำในค่ำคืนอันยาวนาน   หวนให้ฝ่ายหญิงนึกถึงครั้งแรกที่เจอกับผู้เป็นผัว   ท่าเต้นกวนๆ   ที่ทำให้มีเด็กคนนั้นที่กำลังนอนน้ำลายยืด   เห็นแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้   ค่ำคืนนั้นทั้งพ่อและแม่ของมันต่างนอนลงข้างเจ้าหนูขนปุย   ขาหน้าของพวกมันพาดกับตัวของเจ้าปุยน้อยราวกับการกอดที่แสนอบอุ่น

 

                เสียงประตูรั้วที่เปิดออก   เป็นสัญญาณให้เจ้าปุยน้อยหลุดจากฝัน   หางสะบัดไปมา   พร้อมแล้วจะออกจากฟาร์มแห่งนี้   ความดีใจห่อเหี่ยวอย่างรวดเร็วเพราะไม่เห็นพ่อแม่   หันหน้าไปซ้ายที   ขวาที   ไม่เห็นพ่อแม่ของมัน   หางสั่นช้าลง   และหยุดในที่สุด   มันออกวิ่งด้วยความเร็วมากกว่าทุกครา   ด้านนอกเต็มไปด้วยพวกมัน   แม้ไม่ใช่ญาติแต่เผ่าพันธุ์เดียวกัน   สายตาคู่โตกลับเห็นเพียงความว่างเปล่า   มันวิ่งต่อไป   วิ่งจนหอบหายใจ   มาถึงหน้ารั้วเหล็ก   ไร้วี่แววของพ่อแม่   ไม่มีเงาของทั้งสอง   เสียงกระดิ่งดังมาแต่ไกล   มันวิ่งกลับไป   เร็วเท่าที่จะเร็วได้   กลับไปที่บ้านแสนสุขของมัน   ถาดหญ้าสีขาว   ตั้งอยู่โดดๆ   ขาก้าวออกไปอย่างช้าๆ   ตรงไปที่กองหญ้า   ดมอยู่พักหนึ่งก่อนจะทิ้งตัวนอน   ใบหน้าที่มักแสดงออกอย่างภูมิใจ   ไม่มีอีกต่อไป  

                “คุณเจมส์ครับ   วันนี้เจ้าโกอารอคตัวเดิมไม่กินหญ้าอีกแล้วครับ”   ชายหนุ่มสวมชุดทำนาสไตร์อเมริกันกับหมวกฟางเอ่ยถามเจมส์   ชายวัยกลางคนในชุดสูทอย่างดี   กำลังนั่งเขียนอักษรลงบนสมุดหนาอย่างขะมักเขม้น   “ทำตามขั้นตอนได้เลยครับ”   เจมส์ตอบแบบปัดๆ   ดูจะไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ   “รับทราบครับ   คุณเจมส์”   ชายหนุ่มเดินออกจากห้องอันเย็นเฉียบ   ตรงไปที่ฟาร์มสีขาวตรงข้ามกับบ้านหลังใหญ่ที่เขาเพิ่งออกมา   รั้วเหล็กที่โกอารอคตัวนั้นนอน   อิริยาบถนั้นมันท่าเดิมกับที่เขาเห็นในช่วงเช้าที่มาเปิดประตูรั้ว   ถาดอาหารไม่ค่อนลงแม้แต่น้อย   เขาบรรจงอุ้มเจ้าโกอารอคอย่างเบามือที่สุด   ไม่มีสัญญาณของการขัดขืน   ไปยังบ้านอีกหลังที่ตั้งตรงข้ามกับฟาร์ม   จับเจ้าหนูซึมเศร้าขังไว้ในกรงเหล็กที่มีถาดอาหารและน้ำภายใน   กระนั้นเจ้าโกอารอคกลับไม่เหลียวตามอง   “คงตรอมใจสินะ   นั่นสิ   พ่อแม่ของแกก็ตายไปแล้ว   บางทีมันอาจจะดีก็ได้ที่แกจะตายไปพบกับพวกเขา”   ชายหนุ่มจ้องมันต่ออีกสักพักก่อนจะถอนหายใจ   เดินไปหยิบคราดก่อนจะเดินออกไป   ทิ้งให้เจ้าหนูซึมเศร้าอยู่เพียงลำพังในความมืดที่แสงบนเพดานกำลังจางหายไป

 

                ไม่รู้นานแค่ไหน   แต่แล้วหูมันกระดิกเหมือนเวลาที่พ่อเอาลิ้นมาเลีย   สบายเสียจน....!!   เจ้าขนปุยลืมตาขึ้นฉับพลัน   ความว่างเปล่าภายในห้องกับแสงไฟบนเพดานส่องสว่างจนแสบตา   ความหวัง   ความดีใจพังทลายในพริบตา   มันฟุบหน้าลงกับฟางหญ้าสีเหลืองอ่อนอีกครั้ง   เปลือกตาเกือบปิดสนิท   เสียงที่คุ้นเคยเหมือนกับทุกเช้าที่มันตื่น   กรงขังของมันถูกเปิดออกอย่างช้าๆ   เจ้าขนปุยแม้เห็นอิสรภาพตรงหน้ากลับไม่คว้าไว้   กริ้งๆ   หูผึ่งอีกครั้งเพราะเสียงกระดิ่ง   ไม่ใช่เวลาอาหารแต่เป็นเสียงกระดิ่งเดียวกับที่ห้อยคอมัน   ขาที่ไร้เรี่ยวแรงพาตัวมันลุกขึ้น   ออกวิ่งไปข้างหน้า   มองเห็นประตูบ้านที่เปิดออกอย่างช้าๆ   วิ่งสุดแรงเกิด   หน้าเชิดขึ้นแสดงถึงความภูมิใจ   ตามเสียงกระดิ่งที่ดังไปข้างหน้าจนถึงสุดขอบรั้ว   จุดสิ้นสุดของโลกที่มันรู้จักบัดนี้ปรากฏรูขนาดใหญ่   เสียงกระดิ่งยังคงเร้าอารมณ์   ชวนให้ขาวิ่งตามไป   เข้าไปในป่าลึก   เหมือนหลุดเข้ามาในอีกมิติ   เสียงนกร้อง   และเสียงของสัตว์อื่นราวกับกำลังขับกล่อมเพลงแห่งผืนป่า   กลิ่นไม่คุ้นเคย   แม้จะกลัวแต่ก็วิ่งต่อไป   วิ่งไปข้างหน้าอย่างภาคภูมิใจ   เพียงแว๊บเดียวที่ทุกสิ่งกลายเป็นสีขาว   เจ้าขนปุยหยุดวิ่งเพราะเสียงกระดิ่งที่หายไป   ผืนหญ้าที่เคยยืนหายไปหมด   ทั้งหมดมีแต่สีขาวโพลน   ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายืนอยู่บนอะไร   กริ้ง~   เจ้าขนปุยหันไปตามเสียงกระดิ่ง   ดวงตามันเบิกกว้างเมื่อเห็นโกอารอคสองตัวที่คุ้นตา   ส่งยิ้มให้มัน   เจ้าขนปุยวิ่งเข้าไปหาทั้งสอง   เอาหัวซุกแผงคอของทั้งสอง   เงยหน้าขึ้นมองทั้งสองตัวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ   เสียงร้องดังออกจากลำคอเหมือนการสื่อสารที่มีเพียงพวกมันด้วยกันที่เข้าใจ

                “ยินดีด้วยนะ   เจ้าตัวเล็ก”   เสียงเอ่ยอันนิ่มนวลทำให้มันหันมองกลับไปได้อย่างน่าฉงนใจ   ใบหน้าของคนคนนั้น   เป็นรอยยิ้มที่กว้างจนเห็นฟันสองแถวที่เรียงตัวอย่างสมบูรณ์แบบ   เจ้าตัวเล็กส่งเสียงร้องออกมาราวกับจะสื่อสารกับมนุษย์คนนั้น   ชายหนุ่มเองเผยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน   “ที่นี่คือสวรรค์ยังไงล่ะ   เจ้าตัวเล็ก”   เจ้าตัวเล็กส่งเสียงต่อไปราวกับคำถามที่ยังไม่หมดดี   “สวรรค์หรือ?   ก็คือสถานที่ที่เมื่อสิ่งมีชีวิตอย่างเจ้าและทุกสิ่งมีชีวิตจะมาอยู่เมื่อตายแล้วยังไงล่ะ”   มันยังคงถามอย่างสงสัยซึ่งชายหนุ่มก็ตอบทุกข้อสงสัยอย่างฉะฉาน   เมื่อรู้ถึงความจริง   รู้ว่าตายคืออะไรมันจึงค่อยๆ   เชิดหน้าขึ้นในขณะที่หันมองผู้เป็นพ่อและแม่   แสดงออกอย่างภาคภูมิใจซึ่งมันทำให้ชายหนุ่มอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้   “น่าประทับใจมาก   สายสัมพันธ์ของเจ้าตัวเล็กกับพ่อและแม่ของเจ้า   แม้ความตายจะพรากพวกเจ้าออกจากกัน   และแม้ว่าเจ้าจะต้องตายเพื่อมาอยู่กับพ่อและแม่ของเจ้า   เจ้าก็คิดว่ามันเป็นสิ่งสมควรและน่าภาคภูมิใจสินะ”   ชายหนุ่มหุบยิ้มเมื่อกล่าวจบ   ใบหน้ายังแสดงออกถึงความอ่อนโยน   “ถ้างั้นมาอยู่กับฉันสิ   เจ้าตัวเล็ก   อยู่กับฉันแล้วเจ้าจะได้อยู่กับพ่อและแม่ของเจ้าตลอดไป   ดีไหมล่ะ?”   เขายิ้มกว้าง   ยื่นมือออกไปข้างหน้า   เจ้าตัวเล็กกระดิกหางอย่างมีความสุข   และใช้ลิ้นเลียนิ้วมือหนาของเขาอย่างทะเล้น   “ถือว่าตกลงแล้วนะ”   ชายหนุ่มยิ้ม   ถ้างั้นจากนี้ไปเจ้าคือเฮอร์เบิร์ต   เฮอร์เบิร์ตผู้ภาคภูมิใจยังไงล่ะ”   ชายหนุ่มยกเฮอร์เบิร์ตขึ้นสูง   หน้าของมันชั่งดูภูมิใจเหลือเกิน

 

                “อะไรกัน   เรื่องแค่นั้นผมไม่โทษคุณหรอกนะ   คุณโรเบิร์ต   ก็แค่โกอารอคใกล้ตายตัวหนึ่งหนีออกจากกรง   ป่านนี้ก็คงเป็นอาหารของสัตว์ในป่าไม่ก็ตายระหว่างทางแล้ว   อย่าใส่ใจกับเรื่องเล็กๆ   เลยครับ   คุณโรเบิร์ต”   โรเบิร์ตที่ได้ยินแบบนั้นก็พลันผ่อนลมหายใจอย่างช้าๆ   “ขอบคุณครับ   คุณเจมส์”   โรเบิร์ตเดินออกจากห้องไป   “เห้อ~   ไอ้หนุ่มนี่มันอะไรกัน   กับอีแค่สัตว์หายไปตัวเดียว   ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้”   เจมส์ส่ายหัวก่อนจะเริ่มทำงานบนโต๊ะต่อไป        

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.