เพราะความฝันทำร้ายข้าในยามหลับตา
“ยินำเบ....พระมหากษัตริย์แห่งประเทศกเมาก์กิเนต ข้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบพระองค์เพคะฝ่าบาท” เธอโค้งตัวทำความเคารพด้วยท่าทางอันอ่อนช้อย และสง่างามไม่ต่างจากเป็นประชาชนของประเทศนี้มาอย่างเนิ่นนาน “ท่านเองหรือคืออาจารย์ของอาจารย์ของข้า ยินดีที่ได้พบเช่นกัน แต่ข้าเกรงว่าจะไม่มีเวลาให้ไถ่ถามสิ่งอื่นใดนอกจากต้องรีบทำตามแผนที่วางไว้ก่อนที่มาร์เวทจะมาถึงในวันพรุ่งนี้” โอฟาโพฟเดินตรงไปหาเซียนซี “ถ้าเรื่องนั้นข้าได้จัดการให้เรียบร้อยแล้ว” ประโยคของเธอคนนั้นทำให้ขาทั้งสองชะงักอยู่กับที่ มันเป็นประโยคที่เยือกเย็นอย่างน่าประหลาดใจ “ว่าแต่ว่า อยากให้ข้าพูดถึงเรื่องนี้ตรงนี้เลยรึไม่เพคะฝ่าบาท?” โอฟาโพฟมีสีหน้าปกติอีกครั้ง “เชิญไปที่ห้องรับรองก็แล้วกัน” เขายิ้มอย่างเชื่อมั่นและมีความหวัง
บรรยากาศการนั่งร่วมโต๊ะของคนทั้งห้า ประกอบไปด้วยโอฟาโพฟ ที่ตำแหน่งหัวโต๊ะ โวปาม และเซียนเซียฝั่งขวา ฝั่งซ้ายคือหญิงสีขาวและยินำเบ เต็มไปด้วยความตึงเครียดแม้ยังไม่มีเสียงของใครที่ดังลอดผ่านริมฝีปากที่ปิดสนิท “ก่อนอื่น ข้าขอเกริ่นก่อนว่าที่ข้ามาที่นี่เพราะรับรู้เรื่องราวจากยินำเบ เกี่ยวกับหญิงปริศนาที่พบในพื้นที่อดีตที่ตั้งชนเผ่ากีสเซิลซ์ รวมถึงพลังลึกลับสีดำที่สามารถสยบพลังธาตุอื่นได้” โทนเสียงของเธอฟังดูอบอุ่นเกินจนเหมือนเป็นอีกขั้วเมื่อเทียบกับโทนเสียงของโอฟาโพฟ “ข้าได้เล่าถึงเรื่องราวที่เธออาจไม่เคยทราบเกี่ยวกับยุคสมัยนี้ และจักรวรรดิแห่งไฟ จึงได้รับความยินยอมในการยืมพลังของเธอเพื่อทำลายมาร์เวท และช่วยเหลือโลกใบนี้จากเงื้อมมือของปีศาจ” โอฟาโพฟพยักหน้าเป็นจังหวะ ความจริงที่การปรากฏตัวของเธอเพียงครั้งแรก และครั้งเดียวสามารถทำให้เรื่องที่พวกเขากำลังกลุ้มใจสำเร็จลุล่วงได้ทันที ทำให้เขารู้สึกทึ่งเธอเป็นอย่างมาก “ท่านอาจารย์ชั่งมีความสามารถที่ข้ามิอาจเทียบติดนัก” เธอตอบด้วยรอยยิ้ม “แต่อย่างไรก็ตาม เธอคนนี้....เธอมิใช่มนุษย์แต่อย่างใด” ความสับสนและสงสัยพรั่งพรูออกจากจิตใจของโอฟาโพฟและโวปามแทบจะพร้อมกัน “อยู่ๆก็กล่าวเช่นนี้ ข้าเกรงว่าข้าจะตามท่านไม่ทัน” เธอส่งรอยยิ้ม “ยินำเบ มาราอานบอกว่าเจ้าเคยสัมผัสนางแล้วครั้งหนึ่ง เจ้าไม่รู้สึกผิดปกติบ้างรึ?” ยินำเบหันหน้ามองหญิงสาวในทันใด “มาราอาน นั่นคือชื่อจริงของเซียนซีรึ?” โอฟาโพฟมีดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อยอย่างตื่นเต้น “ใช่แล้วเพคะฝ่าบาท ตัวตนที่แท้จริงของเธอผู้นี้คือวิญญาณที่แปดเปื้อน” หญิงสีขาวกล่าว “วิญญาณที่แปดเปื้อน? มันคืออะไรกัน?” โอฟาโพฟเอ่ยถามอย่างสงสัย
“โดยปกติแล้ว คนที่ตายจะมีที่ไปสองที่คือสวรรค์หรือนรก ไม่ว่าจะไปที่ใด พวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่ถูกเรียกว่าวิญญาณ เพราะเป็นสิ่งไร้เลือดเนื้อ เป็นเพียงจิตวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ระหว่างสองโลก เพื่อรอการมาจุติใหม่ในโลกของเราอีกครั้ง แต่สำหรับมาราอาน เธอคือวิญญาณที่ถูกส่งขึ้นไปบนสวรรค์หลังการสิ้นอายุขัย และลงมายังโลกมนุษย์เพื่อเที่ยวเล่นเป็นครั้งคราว แต่เหมือนจะมีเหตุการณ์บางอย่างที่ตัวเธอเองไม่อาจจำได้แน่ชัดว่าทำไม เหมือนเธอจะถูกดูดเข้าไปในอีกโลก อาจจะเป็นนรกเพราะมันมีแต่สีดำ” หญิงสีขาวกล่าวอย่างไม่มั่นใจ “อย่างไรก็ตามข้าเชื่อเหลือเกินว่าที่ที่นั่นคือสิ่งที่ทำให้วิญญาณของเธอแปดเปื้อน และมีสภาพกลายเป็นสิ่งจับต้องได้อย่างที่พวกเจ้าทุกคนได้เห็นอยู่ ณ ขณะนี้” เธอหันมองมาราอาน ผู้มองสบตากลับด้วยแววตาเศร้าหมอง “ส่วนพลังที่เธอมี ไม่ใช่ทั้งพลังธาตุแสงหรือความมืด แต่เป็นพลังธาตุที่ไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน และมันอาจจะเหนือยิ่งกว่าพลังธาตุแสงและความมืดที่มาร์เวทครอบครอง” น้ำเสียงของเธอเริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “ดังนั้นแล้วมาราอาน จึงเป็นกำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับการทำลายมาร์เวทในวันพรุ่งนี้ สำคัญที่ว่าจะทำเช่นไรให้พลังที่หลับใหลอยู่ในตัวเธอ ถูกปลุกขึ้นในยามจำเป็น และจะทำเช่นไรให้เธอ และมาร์เวทอยู่ใกล้กันที่สุด ที่สำคัญยิ่งกว่าคือพวกเราต้องแยกตัวกาเลีย….ข้าหมายถึงที่ปรึกษาสีดำเซเลีย ออกจากมาร์เวทให้ได้ก่อน ไม่เช่นนั้นแผนการของพวกเราอาจถูกนางหยุดได้โดยง่าย” เพียงเสี้ยววินาทีที่หลุดปากเรียกชื่อที่ไม่คุ้นหูนั้นขึ้น ทุกคนที่กำลังจับตาฟังสิ่งที่เธอกล่าวสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง เสี้ยวของความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้านั้น
วินาทีที่ความตึงเครียดในห้องประชุมเกือบจะถึงขีดแดง อยู่ๆทั้งหมดก็ได้ยินเสียงแตรเขาสัตว์ที่ดังลากยาวไร้ที่มา แม้จะฟังดูเป็นเสียงของการสรรเสริญอันแสนธรรมดา แต่กลับไม่ใช่สำหรับโอฟาโพฟและโวปามที่ต่างก็มีอาการเดียวกัน อาการของขนแขนและหลังที่ลุกตั้งเพราะความหนาวฉับพลันที่เคลื่อนผ่านอย่างไม่ให้ตั้งตัว ก่อนที่ท้ายที่สุดจะมีเสียงตะโกนไล่ตามมาพร้อมเสียงของความโกลาหลเบื้องล่างพระราชวัง “พระจักรพรรดิเสร็จแล้ว!!!”
สายลมกระโชก กล้าแกร่งเสียยิ่งกว่าสายฝน ขับไล่มวลเมฆอัสนีด้วยอำนาจแห่งพละกำลัง และปีกกว้างของกองทัพมังกรเขา ท่องผืนนภามาแต่ไกลก่อนจะบรรจงสัมผัสกรงเล็บแหลมบนพื้นลานประลองขาว ด้านหน้าของพระราชวังสีขาวอย่างเป็นระเบียบ ผู้นำกองทัพมังกร มังกรทมิฬสองเขา สีสันโดดเด่นสะดุดตา ตัวหดเล็กลงเล็กลง พร้อมรูปลักษณ์ที่กลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง ร่างกายเปลือยเปล่าปรากฏเสื้อผ้าขึ้นดั่งการรังสรรค์ของจิตนาการ เซเลียเดินไล่ระดับของบันไดชีวิตที่ยาวยืดจนชายผ้าสัมผัสพื้นคริสทัลขาว เรียบเนียนไร้ที่ติ “พระราชวังสีขาว ข้ามาที่นี่ก็ครั้งที่สองแล้ว ทำไมถึงรู้สึกไม่คุ้นชินกับความงดงามของมันเลย” เธอกล่าว ไม่ทันได้มองด้วยซ้ำว่ามาร์เวทเดินตรงเข้าไปในพระราชวังพร้อมกองทัพองครักษ์แล้ว
“ขอต้อนรับสู่พระราชวังสีขาวขอรับฝ่าบาท” โอฟาโพฟและโวปามเป็นสองในสิบที่กำลังต้อนรับขับสู้มาร์เวทอย่างสมฐานะ “กระผมได้เตรียมห้องรับรองไว้ให้พระองค์แล้ว หากทรงประสงค์ที่จะใช้งาน....” “ไม่จำเป็น” ประโยคสั้นๆ ที่หยุดทุกเสียงให้เงียบลง มาร์เวทชำเลืองตามองร่างร่างหนึ่งที่หลบอยู่หลังโอฟาโพฟ “เจ้า นำทางให้ข้าไปยังหุบเขาอิเน่อิปวู” มาร์เวทหันมาหาโอฟาโพฟที่ยังคงนั่งคุกเข่า ก้มหน้าต่ำจนเกือบเหมือนคนคอหัก “ส่วนเจ้า จงจัดเรียกประชุมหัวหน้าชนเผ่าทั้งหมดให้มารวมตัวที่นั่นพร้อมตัวแทนเผ่าอีกสิบคน ข้าจะล่วงหน้าไปก่อน” มาร์เวทหันหลังให้ และเดินจากไปในทันที แต่เหมือนว่าจะมีอยู่คนหนึ่งที่ไม่ได้ตามไปด้วย เซเลีย เธอเพิ่งจะเดินมาถึงที่ด้านหน้าของกลุ่มโอฟาโพฟ และเลือกที่จะก้าวตรงเข้ามาหาอีกฝ่ายที่ลุกขึ้นยืนตามปกติแล้ว ใบหน้าที่แสดงออกอย่างแตกต่างของคนทั้งสองมองจ้องกันราวกับจะหาเรื่อง “ช่วงนี้ เจ้าทำอะไรอยู่รึ กษัตริย์โอฟาโพฟ?” โอฟาโพฟขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้ามิแน่ใจในคำถามของท่านนัก ท่านเซเลีย มิทราบว่าท่านทรงหมายถึงสิ่งใดกันรึ?” เซเลียแสยะยิ้มเล็กน้อย “นั่นสินะ ข้าหมายถึงสิ่งใดกัน” ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะเบาๆ “ช่วงนี้ข้ารู้สึกเหมือนว่าตัวเองมักจะถามอะไรออกไปโดยไม่ตั้งใจ บางทีคำถามเมื่อครู่ ข้าอาจไม่ได้ตั้งใจจะถามเจ้าก็เป็นได้” เธอแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แหงนหน้าขึ้นมองอย่างไร้ตำแหน่งที่แน่ชัด ก่อนจะเดินออกจากพระราชวังไป ทิ้งให้โอฟาโพฟที่มองเงาที่หายไปจากโถงพระโรง ถอนหายใจออกมาอย่างกับพยายามจะคลายความกดดันที่แน่นล้นในตัว
“พวกเจ้าทุกคนได้ยินที่พระจักรพรรดิสั่งแล้วใช่รึไม่?!! จงเตรียมการตามคำสั่งโดยไว มิเช่นนั้นหัวของพวกเจ้าอาจหลุดจากบ่าโดยมิรู้ตัว” โอฟาโพฟไม่รอช้า กึ่งวิ่งกึ่งเดินขึ้นไปยังห้องนอนของมาราราน ที่ซึ่งยินำเบ หญิงสีขาว และตัวของมารารานแอบอยู่ภายใน “ดูเหมือนพวกมันจะยังไม่รู้แผนการของพวกเรา และถือเป็นโอกาสดีที่ดอกไม้ของข้าจะนำจุดจบมาให้กับมาร์เวท เพราะมันมีคำสั่งให้นำตัวแทนชนเผ่าทุกชนเผ่าในประเทศไปรวมตัวที่หุบเขาอิเน่อิปวู เพราะงั้นแล้วข้าจะเลือกเจ้า ดอกไม้อันแสนงดงามของข้า เป็นตัวแทนชนเผ่าของข้า เมื่อสบโอกาส จงใช้พลังที่เจ้ามีสังหารชายที่ชื่อมาร์เวทเสีย ก่อนที่มันจะสังหารผู้บริสุทธิ์ไปมากกว่านี้ เจ้าเข้าใจใช่รึไม่?” ปกติแล้วโอฟาโพฟจะไม่ค่อยลงน้ำหนักเสียง หรือจะใช้ประโยคคำถามกับผู้ดอกไม้ของเขา แต่เหมือนว่าคราวนี้จะเป็นการเดิมพันที่อันตรายที่สุดในช่วงชีวิต หากชนะก็หมายถึงชัยชนะของโลก แต่หากแพ้ จุดหมายที่รออยู่คือความตายเท่านั้น เพราะนี้คือการก่อกบฏระหว่างกลุ่มกบฏเพียงหยิบมือ กับจักรพรรดิผู้กุมโลกทั้งใบ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 282
แสดงความคิดเห็น