บทที่ 3 การโต้เถียงกันของเทพเจ้า 1/2
ชายหนุ่มคนหนึ่งผู้ที่มีดวงตาสีฟ้าสดใสผมสีทองยาวประบ่า หน้าตาเยาว์วัยกำลังจ้องมองภาพเบื้องหน้าที่มีผู้คนหลากหลายกำลังทำกิจกรรมต่างๆ เขายิ้มแย้ม ก่อนที่จะมีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นเพื่อปลุกเขาให้ออกจากห้วงภวังค์ความคิด
หญิงสาวนัยน์ตาสะสวยเส้นผมสีฟ้ายาวถึงไหล่ หน้าตาอ่อนหวานดุจเทพธิดาพยากรณ์ ริมฝีปากโค้งสวยได้รูปกำลังถือถ้วยชาตรงมา ในมือข้างซ้ายมีคุกกี้ทำเอง หล่อนนั่งลงข้าง ๆ ก่อนที่จะถามอย่างใคร่รู้
“วันนี้อารมณ์ดีจังนะ มีอะไรอย่างนั้นเหรอ”
“ใกล้จะถึงวันแห่งราชันแล้วน่ะ ฉันจะได้ปลดเกษียณสักที พวกเราทั้ง 4 คนจะได้ไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข โดยที่ไม่ต้องสนใจเรื่องโลกใบนี้อีก ไม่สิถ้าจะพูดให้ถูกอีกสองสามโลกที่ฉันกำลังดูแลอยู่ก็เหมือนกัน ฉันรู้สึกว่ามันคงดีแน่เลยถ้าพวกเราทั้ง 4 คนได้อยู่ด้วยกันเหมือนสมัยที่เราก่อตั้งโรงเรียนบาบิโลเนียขึ้นมา”
หญิงสาวผมฟ้า หยิกแขนของเด็กหนุ่มผมทอง “บ้าเหรอ จะพูดเรื่องนั้นให้มันได้อะไรขึ้นมา ที่พวกเราสร้างโรงเรียนบาบิโลเนียก็เพราะว่าเธออยากให้การศึกษาของโลกนี้เหมือนกับโลกที่เธอเคยจากมาต่างหาก อันที่จริงแล้วพวกเด็กๆก็สามารถอยู่ได้แด้วยความสามารถของตัวเองอยู่แล้ว”
“ไม่ได้หรอก ฉันอยากให้พวกเด็กๆที่เกิดมาทุกคนมีการศึกษาที่เท่าเทียม สิทธิเสรีภาพที่เท่าเทียมกันไม่มีใครเหลื่อมล้ำถึงแม้ว่ามันจะเป็นเหมือนอุดมคติและก็ความเพ้อฝันที่ไม่มีสิ้นสุด แต่ว่ามันก็ยังดีที่ฉันอุตส่าห์ได้ทำก่อนที่จะจากมา แต่ว่าทำไปแล้วก็ถึงได้รู้นะ ว่าต่อให้พยายามเท่าไหร่ความเหลื่อมล้ำก็จะอยู่คู่กับสังคมเสมอ เราคงจะต้องปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของคนรุ่นต่อไปที่จะดำเนินรอยตามต่อ”
“แหม ๆ พวกเราก็ทำได้เต็มที่เท่าที่พวกเราสามารถทำได้ ยังไงตอนนั้นมันก็เป็นความสามารถที่พวกเรายังเป็นมนุษย์อยู่นี่นา แต่ว่าถ้าอยากทำจริงๆเธอก็แค่ไปเกิดใหม่แล้วก็ใช้ร่างอวตารไปแก้ไขปัญหาก็จบแล้ว ไม่เห็นต้องมานั่งกุมหัววุ่นวาย อยู่ที่จะรอดูเรื่องสนุกๆแบบนี้เลย พอใครทำอะไรได้ถูกใจเหมือนเด็กที่ชื่ออะไรนะ”
หญิงสาวมีท่าทางตึกตรอง ก่อนที่เสียงของชายหนุ่มจะเฉลยความกระจ่างให้เธอได้รับรู้ ชายหนุ่มผมทองยิ้มแย้มเมื่อกล่าวถึงชื่อนี้อีกครั้ง
“ไบรท์ เด็กคนนั้นน่ะเขาชื่อว่าไบรท์ เป็นคนที่น่าสนใจมากเลยนะ”
หญิงสาวพยักหน้ารับ “เด็กคนนั้นแหละ ถ้าหากเด็กคนนั้นทำอะไรถูกใจเธอเธอก็ยิ้มหัวเราะอย่างดีใจ พอเด็กคนนั้นทำอะไรไม่ถูกใจเธอเธอก็ทำท่าทางไม่สบายใจ เธออย่าลืมนะว่าตามกฎพวกเราทั้ง 3 คนไม่มีสิทธิ์ไปแทรกแซงเรื่องของโลกอีกต่อไปแล้ว”
“ใช่แล้วพวกเราไม่มีสิทธิ์ไปแทรกแซง ฉันที่เป็นตัวแทนของฝ่ายมนุษย์ คาออสที่เป็นตัวแทนของฝ่ายเทพแห่งความสับสนและความโกลาหล แล้วก็พระเจ้าผู้ที่ได้ชื่อว่าเทพแห่งแสงสว่าง พวกเราทั้งสามคนได้ให้สัญญากันไว้ว่าต่อให้พวกเราจะเห็นว่าโลกนั้นจะล่มสลายหรือไม่ พวกเราทั้งสามก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกใบนั้นอีกต่อไป”
ทันใดนั้นเอง หญิงสาวคนหนึ่งก็กล่าวโต้แย้ง หล่อนเดินมาด้วยความไม่พอใจ เส้นผมสีทองปลิวไสวไปตามแรงลม ผิวสีแทนส่องแสงหน้าตาบูดบึ้งน้ำเสียงที่กล่าวคับคล้ายคับคลาว่าเธอกำลังโมโหอะไรบางอย่าง
“พูดเรื่องนี้กันไม่จบอีกใช่ไหม พูดนายทั้งสามคนตกลงกันว่าจะไม่แทรกแซงเรื่องของลูก แต่พวกนายทั้ง 3 คนจะให้ทายาทของตัวเองไปยุ่งวุ่นวายกับโลกทำให้กฎระเบียบมันวุ่นวายไปหมดแล้ว คนที่ตามเช็ดตามล้างน่ะมันคือพวกเจ้าหนูเทพฝึกหัดที่ต้องลงไปดูแลนะเว้ย พวกนายไม่เคยคิดเลยใช่ไหมเอาแต่ความสุขใส่ตัว ฉันน่ะอยากจะด่าพวกนายมานานแล้วถ้าไม่ติดที่ว่าเกรงใจพี่สาวของฉันที่นั่งอยู่ตรงนี้นะ”
หญิงสาวผมสีทองผิวสีแทนชี้นิ้วมายังพี่สาวของตน
หญิงสาวผมสีทองผิวสีแทนนั่งลงที่โต๊ะไม้ตรงข้าง อย่างไม่พอใจ เธอก็หยิบคุกกี้ของพี่สาวตนเองที่ทำไว้ขึ้นมากิน ก่อนที่จะมองหน้าเด็กหนุ่มผมสีทอง
“พระเจ้าส่งคนไปที่อาณาจักรววิทาเรีย ส่วนนายก็ส่งเด็กนั่นไปที่อาณาจักรบาบิโลเนีย ส่วนเจ้าอ๊อดนั่นยิ่งวุ่นวายเข้าไปใหญ่”
เด็กหนุ่มผมทองเห็นว่าอดีตสหายพูดชื่อของเทพผิด เขาจึงกล่าวด้วยความหวังดี
“เคออส หรือคาออส เป็นเทพแห่งความโกลาหลหรือความสับสน ส่วนเทพที่เป็นเทพของความสงบสุขก็คือคอสมอสน่ะ เธออาจจะจำเทพปฐมกาลผิดนะ”
“ฉันจะเรียกยังไงมันก็เรื่องของฉัน นายที่ได้ชื่อว่าเทพเหมือนกันยังไม่เห็นสนใจนามบ้าบอนั่นเลย”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากโต้เถียงอะไรกับหญิงสาวตรงหน้า เขาพยายามคิดหาเรื่องเบี่ยงประเด็นแต่ก่อนที่เขาจะได้พูดประตูมิติก็เปิดออก
บุรุษหนุ่มท่าทางกวนส้นตีนโผล่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน ผมสีขาวปลิวไสวไปตามแรงลม ริมฝีปากยิ้มอย่างกวนบาทา มือซ้ายอบไหล่ของหญิงสาวหน้าตาสะสวยผมสีแดงยาวเป็นประกาย มือขว้าจับไหล่หญิงสาวผมดำหน้าตาเย็นชา ด้านหลังมีหญิงสาวผมทองเดินตามมาไม่ห่าง
เขายกมือก่อนที่จะทักทาย “ไงวันนี้เป็นวันรวมญาติอย่างนั้นเหรอ เทพที่แข็งแกร่งที่สุด 1 ตนกับอดีตสาวกทั้งสอง มันต้องตี 3 นี่แล้วหายไปไหนคนนึงวะ”
“บ้าเอ้ย จะมาทำไมตอนนี้วะเคออส ตอนที่อยากเจอเสือกไม่มา ตอนที่ไม่อยากเจอที่สุดเสือกมา” เขาบ่นพึมพำกับตนเอง แต่มันกลับไม่รอดพ้นหูของหญิงสาวทั้งสอง
“สวัสดีค่ะ มาทำไมหรอรอแป๊บนึงนะเดี๋ยวฉันไปหาของว่างมาให้ก่อน” หญิงสาวผมฟ้ากล่าวทักทาย ก่อนจะรีบกุลีกุจอไปเตรียมของรับแขกที่มาโดยที่ไม่คิดจะนัดหมาย
ชายหนุ่มผมขาวที่โผล่มาไม่คิดจะรออะไร เขานั่งลงบนโต๊ะที่หญิงสาวผมฟ้าลุกออกไป ก่อนที่จะให้หญิงสาวที่มีผมสีแดงนั่งตักของตน แล้วนำเก้าอี้ ที่อยู่ไม่ห่างไกลไปนะมาให้หญิงสาวผมสีดำกับสีทอง
หญิงสาวผมสีดำนั่งอยู่ข้างซ้าย ส่วนหญิงสาวผมสีทองนั่งอยู่ด้านขวา ชายหนุ่มละสายตาออกจากผู้หญิงของตนก่อนที่จะมองยังอดีตสหาย
“เป็นไง”
“อะไรของมึงวะ เป็นยังไงหมายความว่าอะไรและอีกอย่างเก้าอี้ที่มึงใช้อยู่มันเป็นชื่อของแฟนกันนะเว้ย”
คาออสยิ้ม “ใช้คำว่ากันอย่างนั้นหรอ ภาษาเก่าจังนะ กันคิดว่าภาษาแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่คนที่อ่านอาจจะงงได้”
ชายหนุ่มผมทองยิ้ม ก่อนที่จะกล่าว “ก็ช่างมันสิ ถ้าคนอ่านนิยายเรื่องนี้ไม่เข้าใจฉันคิดว่าก็ให้คนอ่านไปศึกษาเอาก็แล้วกัน ยังไงกันก็คิดว่า ถ้าใช้ประโยคแบบนี้ก็สื่อสารกับแกได้รู้เรื่องอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง กันคิดว่าแกก็ชอบอ่านมังงะหรือนิยายสมัยๆ เก่าไม่ใช่เหรอ”
“นิยายสมัยเก่าเคยอ่านอยู่ แต่ว่าอ่านฉบับของที่มันเป็นภาษาญี่ปุ่นตรงๆ นี่ไม่รู้หรอว่าตัวของกัน ได้ใช้เครื่องแปลภาษาแบบเห็นปุ๊บมันก็แปลเข้าหัวให้ได้อัตโนมัติ”
“ให้ใครทำให้ล่ะ อย่าบอกนะว่าให้เทพแห่งวิทยาศาสตร์ทำให้ บ่ต่ายเทพองค์นั้นชื่ออะไรนะจำไม่ได้ว่ะ ว่าแต่จะมาที่นี่ทำไมแถมมาก็ไม่ได้เข้าทางประตูด้วย”
คาออสยิ้ม “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก กันคิดว่าจะลงไปเดินเล่นบนโลกมนุษย์สักหน่อย รู้สึกว่าช่วงนี้โลกใบนั้นจะน่าเบื่อก็เลยอยากจะไปสร้างสีสัน”
ชายหนุ่มผมทองผงะกับคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้า เขายกมือห้ามเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มสาธยายต่อ
“จะลงไปเดินเล่นนี่หมายความว่ายังไง ลงไปเดินเล่นโดยใช้พลังแบบไหนต้องลดพลังก่อนนะเว้ย ขืนจะเดินเล่นแบบนั้นแล้วไปเจอพวกสัตว์อสูรระดับกากเกรียนกะโหลกกะลากิ๊กก๊อกก๋วยเตี๋ยวบ้าบออะไรก็ตามแต่ แล้วตัวแกเสือกใช้พลังเทพขึ้นมาแล้วก็โรคที่สร้างกันมาก็พังหมดพอดี และอีกอย่างแกจะลงไปกับใครอย่าบอกนะว่าจะเอาสาวของแกไปด้วยื ถ้าเป็นอย่างนั้นกันนี่แหละไม่ยอม”
คาออสยักไหล่อย่างไม่สนใจ “ก็ใช่น่ะสิใครจะยอมลงไปเดินเล่นคนเดียวล่ะ ฉันก็อยากไปกับสาวของฉัน แต่ว่านะเลิกใช้คำว่ากันได้หรือเปล่า แบบนี้มันพูดยาก”
“แล้วแต่แกสิ กันจะใช้นี่ว่า ว่าแต่จะลงไปเกิดตอนไหน รอให้วันแห่งราชันผ่านไปก่อนได้ไหม พวกเราจะได้โยนงานบัดซบนี้ให้พวกคนอื่นมาดูแลต่อ”
คาออสมีท่าทางคิดอยู่สักพัก ก่อนที่จะส่ายศีรษะปฏิเสธ
“วันแห่งราชันย์วันที่จะคัดเลือกเทพองค์ใหม่มาดูแลโลกนี้ต่อนะเหรอ แกก็มีเด็กในดวงใจอยู่แล้วนี่ทำไมไม่ใช้พลังแล้วก็โยนหน้าที่ความรับผิดชอบที่แกมีให้มันไปเลยล่ะ จะมาคัดเลือกอะไรแบบนี้อีก”
“ถ้าฉันทำแบบนั้นฉันก็โดนบ่นตายห่าพอดีสิวะ บ้าเอ้ย ไม่น่าจะเอาชนะไอ้พวกสามตาแก่นั่นแล้วก็มายึดครองที่แทนเลย ความผิดเป็นเพราะพวกแกทั้งสองคนนั่นแหละ ฉันก็อยากใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ธรรมดาธรรมดา เกิดแก่เจ็บตายสูญเสียความทรงจำบ้าง ชีวิตจะได้ตื่นเต้นเร้าใจเหมือนชาติที่แล้วอ่ะ”
“นี่อะไร มีความทรงจำทุกชาติจนความมีตัวตนของตัวเองหายไปหมดเลย เหลือบุคลิกบ้าบออะไรก็ไม่รู้ พวกแกต้องรับผิดชอบในฐานะที่เป็นคนที่แนะนำทางนี้ให้ฉัน”
คาออสยักไหล่ “มันผ่านมาแค่ร้อยสองร้อยปีเองนะเว้ย แถมแกน่ะความผิดมันอยู่ที่พวกแกต่างหาก เลือกใช้เวทมนต์ย้อนเวลาไปแก้ไขอดีตทำไมวะ ปล่อยไว้มันจะเป็นแบบนั้นของมันไป แก้ให้มันดีขึ้น แถมยังบ้าบอ เสือกสร้างสามอณาจักรมาไว้สำหรับคานอำนาจกันเอง แถมยังไปจัดกฎระเบียบเวทมนตร์ใหม่ทำให้ระเบียบของเวทมนตร์หายไป แบ่งแยกสัตว์ประเภทต่างๆทำให้สัตว์อสูรในโลกใบนั้นลดลง จนคนที่ตายน้อยลงตอนนี้เทพแห่งนรกไม่มีงานว่างไม่มีอะไรทำ ว่างๆเทพแห่งนรกมันก็ไปดูหนังที่ญี่ปุ่น กลายเป็นโอตาคุติดอนิเมะใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย นี่ไม่ใช่ความผิดของฉันนะเว้ยเป็นความผิดของแกเลยไอ้บ้า”
คาออสชี้นิ้วใส่เด็กหนุ่มผมสีทอง
“ใครมันจะไปรู้วะ กันก็แค่ทำให้โลกมันน่าอยู่ขึ้นตามอุดมคติของกันแค่นั้นเอง ก็ตอนที่สมัยกันได้ไปเกิดใหม่น่ะ กันต้องหนีตายสัตว์อสูรแถมยังต้องไปเข้าเรียนฝึกโหด พลังเวทย์ก็ไม่ค่อยมีการวัดระดับพลังเวทย์ก็ไม่ได้มาตรฐาน โรงเรียนก็รับอะไรก็ไม่รู้ สอนกันเละเทะชิบหายเด็กอายุ 8-9 ขวบได้ไปเรียนระดับเดียวกันกับเด็กที่มีอายุ 18-19 เพราะเด็กพวกนั้นได้ชื่อว่าอัจฉริยะ การไล่ล่าเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างอย่างเช่นเผ่าเอลฟ์ เผ่ามนุษย์ครึ่งสัตว์ก็มีเยอะแยะเกินไป ก่อนนั้นกันก็พยายามเปลี่ยนแปลงแล้วแต่ว่าพอได้เวทแห่งเวลา ก็เลยทำอะไรให้มันได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เส้นทางกลับไปแก้ไขอดีต”
“มันก็ใช่อยู่หรอกแต่ว่า สิ่งที่แกทำมันมากเกินไปโลกนี้แหละมันกลายเป็นโลกที่มีแต่ความสงบสุขไปแล้ว คนตายน้อยอายุคนยืนยาวมากเกินไป โลกที่แกดูแลอยู่นะมันสมบูรณ์เกินไปโว้ย”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 242
แสดงความคิดเห็น