บทที่ 5 ความทรงจำในภาพเขียน
บทที่ 5 ความทรงจำในภาพเขียน
“ข้าจะไปเตรียมยา ฝากเจ้าช่วยดูแลนางด้วย”
ราเซียบอกโรส หลังจากพาหญิงสาวชาวมนุษย์ทั้งสองมาอีกห้องหนึ่งซึ่งยังคงสภาพดี แต่ก่อนที่นางจะออกไป ยังไม่วายหันมาเตือนหญิงสาวผมแดงอีกครั้ง
“หวังว่าเจ้าคงไม่คิดทำอะไรโง่ ๆ อย่างการพานางหนีไปทั้งที่มีสภาพแบบนั้นหรอกนะ”
โรสมุ่นคิ้วอย่างเคืองใจ แต่ไม่คิดจะต่อปากต่อคำ ตอนนี้เธอห่วงใยคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงมากกว่า เลอาดูอ่อนแอและบอบบางราวกับตุ๊กตาแก้วที่เพียงแค่แตะต้องก็อาจจะแตกสลาย
ใบหน้าโรสแสดงความกังวลอย่างเด่นชัด ทำให้คนป่วยต้องเป็นฝ่ายปลอบโยนคนเฝ้าเสียเอง
“ข้าไม่เป็นอะไรมากหรอกจ้ะ แค่รู้สึกเพลียนิดหน่อยเท่านั้นเอง อย่าได้กังวลไปเลย”
“ท่านน่าจะได้รับการเยียวยาที่ดีกว่านี้... ที่มิเนอร์เวียน” โรสยังไม่ยอมแพ้
“อย่าพยายามเกลี้ยกล่อมข้าเลย ถึงอย่างไรข้าก็ไม่คิดจะกลับไปที่มิเนอร์เวียนอีก” เลอายิ้มแล้วหลุบตาลง “เจ้าน่าจะรู้ ข้าไม่แข็งแรงตั้งแต่ตอนอยู่ที่นั่นแล้ว”
“ที่ท่านไม่อยากกลับมิเนอร์เวียน เป็นเพราะรักเจ้าปีศาจนั่นหรือคะ เพราะท่านเห็นเจ้าฆาตกรที่สังหารคนในอาณาจักรของตัวเองอย่างเลือดเย็นสำคัญกว่าใช่ไหม” โรสพูดเสียงแผ่ว พยายามข่มกลั้นความเกลียดชังไม่ให้แสดงออกมาทางน้ำเสียงมากเกินไป เลอานิ่งไปเล็กน้อยก่อนตอบ
“ใช่ เพราะเขาเป็นคนแรกและคนเดียวที่เห็นถึงความสำคัญของข้า ตัวข้า... ที่ไม่เคยมีใครต้องการ” นางเลื่อนมือขึ้นไปแนบไว้บนทรวงอก เมื่อนึกถึงบุรุษที่คอยอยู่เคียงข้างตน
‘แม้ว่าในโลกนี้ที่ข้าไม่มีใคร อย่างน้อยยังมีเขาที่ให้ความอบอุ่นแก่หัวใจของข้าเสมอ’
“ไม่จริงค่ะ ท่านเลอา ยังมีข้าที่ต้องการท่าน”
โรสจับมือเลอากระชับแน่น ต้องการจะสื่อให้นางได้รับรู้ถึงความรู้สึกของตน
“ท่านเปรียบดั่งมารดา เสมือนพี่สาว เป็นคนที่ข้าเคารพรัก ไม่เคยมีใครดีต่อข้าได้มากไปกว่าท่าน หากไม่มีท่านก็ไม่รู้ว่าข้าจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าเมื่อไหร่ท่านคือคนสำคัญต่อข้าที่สุดเสมอ”
ฟังดังนั้นแล้วเลอาก็ได้แต่ยิ้ม
“ไม่ใช่ข้าคนเดียวหรอกที่ให้ความสำคัญกับเจ้า น่าเสียดายนัก เจ้ากลับจดจำเรื่องราวของคนที่เคยสำคัญต่อตนเองที่สุดอีกคนไม่ได้ แม้ว่าการนึกถึงคนผู้นั้นอาจจะทำให้เจ้าต้องนึกถึงเรื่องราวเลวร้ายออกไปด้วยก็ตาม”
โรสฉงนใจ ไม่อาจเข้าใจความหมายในคำพูด และความเวทนาที่แฝงอยู่ในรอยยิ้มอ่อนโยนของหญิงสาวตรงหน้าได้
ใครคือคนสำคัญที่เธอลืมเลือน ใช่ผู้ชายคนนั้นที่นางเคยบอกหรือไม่ อะไรคือเรื่องเลวร้ายที่เธอจำไม่ได้อย่างนั้นหรือ
เลอาจับมือหญิงสาวผู้อ่อนเยาว์และบีบกระชับเบา ๆ เอ่ยปากขอร้องในสิ่งที่โรสยอมรับไม่ได้
“ข้าอยากให้เจ้าปล่อยวางความเคืองแค้นที่มีต่อซาการ์ทเสีย จะได้หรือไม่”
“เรื่องนั้น ข้าคงทำให้ท่านไม่ได้” โรสตอบอย่างไม่เสียเวลาคิด
“อย่างน้อยก็ขอแค่ช่วงเวลาที่ไม้ใกล้ฝั่งอย่างข้าจะมีชีวิตอยู่เท่านั้น ไม่ได้หรือ”
“พูดอะไรอย่างนั้นคะ” โรสร้องอย่างตกใจ “ท่านป่วยขนาดไหนกัน”
เลอาไม่ตอบ ดวงตาสีฟ้าใสของนางจ้องลึกเข้าไปในตาสีเขียวของโรสอย่างคาดหวัง จนโรสทำท่าอึกอักอยู่พักใหญ่กว่าจะยอมตกปากรับคำอย่างไม่เต็มใจในที่สุด
เธอจะพยายามไม่เข้าไปหาเรื่องหรือทำร้ายเจ้าปีศาจตนนั้นจนกว่าอาการป่วยของนางจะหายดี
เพื่อเลอา เธอจะยอมอดทนต่อความชิงชังที่มีต่อชายผู้นั้นให้ก็ได้
*/*/*/*/*
เมื่อแสงอรุณรุ่งขับไล่ม่านแห่งราตรีจนหายลับไปจากขอบฟ้า อาหารเช้าสองที่จึงถูกยกเข้ามาในห้อง ที่หนึ่งสำหรับเลอา ส่วนอีกที่ถูกวางลงตรงหน้าหญิงสาวผมแดง
“ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะอยากกินมื้อเช้ากับนางที่นี่มากกว่าไปร่วมโต๊ะอาหารกับปีศาจอย่างพวกข้า กินเสียเถอะ ไม่ต้องระแวงขนาดนั้น เพราะหากจะฆ่าใครสักคน ข้าชอบไล่ล่าจับมาฉีกทั้งเป็นมากกว่า”
โรสนิ่วหน้า มองราเซียเดินหัวเราะออกไปอย่างอารมณ์ดีท่ามกลางเสียงหัวเราะเบา ๆ จากเลอาอีกคน ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า นางปีศาจเฒ่ากำลังสนุกสนานที่ได้ข่มขู่หยอกเย้าเธอ
“นางคงเหงา นอกจากคนป่วยอย่างข้ากับซาการ์ทแล้วก็ไม่มีใครที่นางจะหยอกล้อด้วยได้อีก เจ้าก็ช่วยเป็นเพื่อนคุยกับนางบ้างเถอะนะ” เลอาอธิบายขณะโรสช่วยให้นางได้นั่งในท่าที่สะดวกสบายต่อการรับประทานอาหาร
โรสนั่งมองชามข้าวต้มร้อน ๆ ของตัวเองอย่างชั่งใจครู่หนึ่ง ไอหอมกรุ่นลอยคว้างมาต้องจมูก ชวนกระเพาะให้ร้องประท้วง ในที่สุดเธอก็ยอมพ่ายแพ้ต่อความหิว เพราะเมื่อวันก่อนก็ไม่ได้กินอิ่มนัก
“ทำไมถึงบอกว่าที่นี่มีแต่พวกท่านล่ะคะ คนอื่น ๆ ไปไหนกันหมด” โรสถามหลังจัดการกับอาหารของตนจนหมดเกลี้ยง
“หลังก่อสงครามกับมิเนอร์เวียนแล้ว พวกเขารู้ดีว่าไม่มีทางที่จะมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขได้อีกบนแผ่นดินนี้ ซาการ์ทจึงสั่งให้ชาวปีศาจเหยี่ยวทั้งหมดซึ่งเหลือจำนวนไม่มากอพยพไปยังสถานที่ห่างไกล ที่จะไม่มีใครตามไปรุกรานพวกเขาได้อีก”
“หากจำไม่ผิด ซาการ์ทเป็นหัวหน้าเผ่าปีศาจเหยี่ยวดำ ในเมื่อเผ่าของตัวเองอพยพไปแล้ว ทำไมเขายังอยู่ที่นี่อีก”
แม้การที่ซาการ์ทไม่ได้อพยพตามเผ่าพันธุ์ไป จะทำให้โรสมีโอกาสได้พบกับเลอา แต่หญิงสาวก็อดสงสัยในข้อนี้ไม่ได้
“เพราะร่างกายของนายหญิงอ่อนแอเกินกว่าจะเดินทางไปไหนได้ไกลน่ะสิ” นางปีศาจเฒ่าที่เข้ามาได้ยินบทสนทนาตั้งแต่เมื่อครู่เป็นฝ่ายตอบ “และเพราะท่านซาการ์ทคิดว่าต้นเหตุแห่งปัญหาทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา จึงยอมสละตำแหน่งหัวหน้าและตัดใจทิ้งเผ่าเพื่อนาง”
“ใช่ เป็นเพราะข้า เขาจึงต้องสูญเสียทุกสิ่งที่ควรมี” เลอากล่าวเสียงเบา ยังคงรู้สึกผิด
“อา...นายหญิงข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น คนที่ผิดจริง ๆ คือ อาเดียร์ ราชาแห่งมิเนอร์เวียนต่างหาก เป็นเพราะมัน ทุกอย่างจึงพินาศสิ้นเช่นนี้” แววตานางปีศาจเฒ่าทอประกายวาววามยามนึกถึงมนุษย์ที่ชิงชัง
“จริงสิ! วันนี้อากาศดี ท่านซาการ์ทฝากมาบอกท่านว่าหากอาการดีขึ้นแล้วให้ลงไปเดินเล่นในสวนข้างล่างดีกว่า แล้วเขาจะตามท่านไปด้วย” ราเซียพูดรัวเร็วเบี่ยงประเด็น
โรสยังสงสัยอีกหลายเรื่อง แต่เลือกจะหยุดคำถามเอาไว้ก่อน เพราะไม่อยากเห็นเลอาคิดมากเช่นกัน
นักล่าสาวพาอดีตเจ้าหญิงแห่งมิเนอร์เวียนลงไปยังสวนด้านหน้าของปราสาทตามคำบอกของราเซีย สวนสวยร่มรื่นแห่งนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ชูดอกสีสดแข่งกันรับแสงอุทัยยามเช้า ธรรมชาติอันงดงามส่งความชุ่มฉ่ำคืนสู่หัวใจ เรียกรอยยิ้มให้แก่ใครบางคนซึ่งมีสีหน้าหมองหม่นมาตั้งแต่เมื่อครู่
โรสเองยังอดไม่ได้ที่จะชื่นชมความงดงามของต้นไม้นานาพันธุ์ แต่ไม่รวมไปถึงต้นไม้กินคนข้างล่างนั่นหรอกนะ
โรสพาเลอาไปนั่งเก้าอี้ใต้ร่มไม้มุมหนึ่งของสวนสวย ในไม่ช้าเจ้าปีศาจนั่นก็คงจะมา และเธอคิดว่าควรจะรู้ทางหนีทีไล่ในปราสาทแห่งนี้เอาไว้บ้าง จึงขอปลีกตัวแยกไปเดินสำรวจรอบบริเวณ กระทั่งมาหยุดอยู่ตรงพุ่มไม้กอหนึ่ง
ดอกไม้สีแดงบนลำต้นซึ่งมีหนามแหลมไหวเอนไปตามแรงลมที่พัดผ่าน กลีบดอกสีแดงสดห่อซ้อนกันหลายชั้นสร้างมิติสีสันให้งดงาม เธออดจะเอื้อมมือไปเด็ดมันมาชื่นชมดอมดมกลิ่นหอมอ่อนละมุนนั้นไม่ได้
“โรส ดอกไม้สีแดงสดที่งดงามโดดเด่นกว่าใครและมีหนามแหลมไว้ป้องกันตัว ต่อไปนี้มันคือชื่อของเจ้า เด็กน้อย”
ดอกไม้สีแดงพลันร่วงหล่นจากมือสู่ผืนดิน เมื่อถ้อยคำของใครบางคนแวบผ่านเข้ามาในความคิด
นั่นเป็นเสียงของใครกัน
น้ำเสียงนั้นทุ้มนุ่มอ่อนโยนชวนถวิล แต่เธอกลับนึกหน้าเจ้าของเสียงไม่ได้ เขาเป็นใคร ใช่บุรุษที่เลอาเคยเปรียบเป็นพี่ชายของเธอหรือไม่
หญิงสาวก้มลงมองดอกไม้ที่ตกอยู่ปลายเท้า ถึงคราวจะถามความเป็นมาในอดีตของตนได้แล้วกระมัง
โรสยืนนิ่งคิดฟุ้งซ่านอยู่พักใหญ่ก่อนตัดสินใจเดินกลับไปหาเลอา แต่ปรากฏว่าซาการ์ทได้มายืนเคียงข้างนางแล้ว เธอจึงยืนหลบหลังพุ่มไม้มองทั้งคู่พูดคุยกัน เจ้าหญิงของเธอกำลังยิ้มแย้มอย่างสดใส ขณะปีศาจหนุ่มทอดมองนางด้วยสายตาอ่อนโยนและห่วงใย ให้อคติเพียงใดก็คงปฏิเสธความหมายจากสายตาที่เห็นไม่ได้
เมื่อคืนโรสโวยวายเสียยกใหญ่ว่าเจ้าบุรุษปีศาจคงบังคับข่มเหงรังแกเลอา นางจึงได้ยอมตกต้องเป็นภรรยาปีศาจเหยี่ยวอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ว่าเลอาจะพูดแก้เพียงไร โรสก็ไม่ยอมเชื่อเป็นอันขาด กระทั่งเวลานี้
ท่ามกลางแสงตะวันอันสดใสและมวลไม้นานาพันธุ์ บุรุษสูงสง่าเคียงสตรีผู้งดงาม ราวกับภาพวาดในจินตนาการแห่งความฝัน โรสเผลอไผลเหม่อมองไปชั่วครู่ กระทั่งเมื่อรู้สึกว่าจู่ ๆ หัวใจของตนเต้นแปลก ๆ
โรสกะพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่เข้าใจ เธอเป็นอะไร ไยดวงใจจึงสั่นไหวอย่างนี้
นักล่าสาวมุ่นคิ้วมองปีศาจกับเจ้าหญิง ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในปราสาท ภายในห้องโถงที่กลายเป็นสมรภูมิขนาดย่อมเมื่อคืนก่อนถูกราเซียเก็บกวาดจนสะอาดเรียบร้อย เหลือไว้เพียงร่องรอยความเสียหายตามเสา พื้นและผนังที่รอการซ่อมแซมเท่านั้น
“ไม่จำเป็นต้องซ่อมแซมให้สวยงามเกินไปนักหรอก แค่ยังแข็งแรงดีอยู่ก็พอ อีกหน่อยที่นี่ก็คงไม่มีใครอยู่แล้ว” ปีศาจเฒ่าบอกพลางยัดห่อกระดาษที่มีขนมปังอุ่น ๆ ใส่มือโรส
“เอ่อ...ยายชื่อ ราเซีย ใช่ไหม แล้วทำไมท่านไม่อพยพไปกับคนอื่น ๆ ล่ะ” โรสถามไปเรื่อยเปื่อย เมื่อยังต้องอยู่ที่นี่ต่อไปโดยไม่มีกำหนด ผูกมิตรกันไว้ก่อนก็ไม่น่าจะมีอะไรเสียหาย
“ข้าชราเกินกว่าจะเดินทางไปไหนไกล ๆ ได้แล้ว ตามไปก็รังแต่จะเป็นตัวถ่วงคนอื่นเขา อย่างไรเสีย สามีและลูกของข้าก็ตายที่นี่ ข้าก็ขอตายในสถานที่มีครอบครัวของตนสถิตอยู่ดีกว่า” ท้ายประโยคน้ำเสียงของนางปีศาจแฝงไว้ด้วยความเศร้าและหงอยเหงา
โรสกระแอมเบา ๆ แล้วถามต่อ
“ท่านเคยเจอข้าตอนที่ยังเป็นเด็กอย่างนั้นหรือ”
“หึ เรื่องนั้นถ้าอยากรู้ ก็ลองนึกให้ออกด้วยตัวเองสิ” ราเซียยิ้มแสยะอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะหันกลับไปทำงานของตนต่อ นางไล่โรสให้ไปพ้น ๆ จะได้ไม่เกะกะขวางการทำงาน “บนชั้นสองมีห้องหนังสือ หากสนใจจะเข้าไปใช้ก็ได้ แต่ช่วยรักษาความสะอาดหน่อยล่ะ”
ราเซียลอบมองตามหลังหญิงสาวเดินบ่นพึมพำขึ้นไปชั้นบนพลางถอนหายใจ
“ในเมื่อคนที่รักเจ้าเองยังไม่อยากให้จดจำอดีตได้ มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของข้าที่จะไปรื้อฟื้น ขอเพียงอย่าได้พลั้งพลาดทำสิ่งที่ต้องมาเสียใจในภายหลังก็แล้วกัน”
โรสเดินเลยขึ้นชั้นบนวนไปตามทางเดิน ผ่านประตูห้องไหนก็แวะเข้าดูห้องนั้น แสดงเจตนาแน่ชัดว่าไม่ได้คิดจะหาห้องหนังสือเลยสักนิด
‘แน่ล่ะ อยู่ในถิ่นศัตรูที่ไม่คุ้นเคย ใครจะสนใจไปอ่านหนังสือกันเล่า สำรวจตรวจตราพื้นที่แบบนี้สนุกกว่ากันเยอะ’
หลังจากผ่านมาหลายห้อง โรสสังเกตว่าทุกที่แทบจะไม่มีฝุ่นเลย หญิงสาวรับทราบจากเลอาว่านางปีศาจเฒ่าเป็นคนดูแลปราสาทแทบทั้งหมดตนเดียวโดยมีปีศาจหนุ่มคอยช่วยเป็นบางครั้ง จึงอดยกย่องราเซียอยู่ในใจมิได้
แล้วเธอก็หัวเราะพรืดออกมาครู่ใหญ่เมื่อนึกภาพซาการ์ทสวมผ้ากันเปื้อน คาดศีรษะและปิดปากขณะช่วยราเซียทำความสะอาดปราสาทอย่างขะมักเขม้น ใบหน้าคมคายเคร่งขรึมอยู่เป็นนิตย์คงเปื้อนฝุ่นไม่น่าชม
โรสทรุดกายลงนั่งก่ายผนังตัวสั่นเทิ้ม กว่าจะอดกลั้นหยุดการหัวเราะได้ก็เล่นเอาเหนื่อยหอบ เธอปาดน้ำที่หางตาแล้วเริ่มออกเดินสำรวจอีกครั้งด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
หญิงสาวจอมซุกซนชะงักเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องหนึ่ง ภายในตกแต่งอย่างหรูหราต่างจากห้องอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด ผ้าม่าน โต๊ะ เตียง และเก้าอี้บุนวมใช้ผ้าสีน้ำตาลปักดิ้นทองมันวาวเข้าชุดสวย โรสเดินเข้าไปสำรวจจับต้องสิ่งของต่างๆ อย่างถือวิสาสะด้วยความสนใจ กระทั่งสายตาไพล่ไปเห็นรูปที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง ภาพบุรุษเจ้าของดวงเนตรสีอำพันอันคุ้นตานั้นไม่ใช่ใครที่ไหน ซาการ์ทนั่นเอง
‘เจ้าปีศาจ ทำเป็นแต่หน้าเคร่งขรึมหรือยังไง ขี้เก๊กชะมัด’
โรสพึมพำพลางจ้องภาพเด็กชายตัวเล็กอายุราวสิบขวบซึ่งยืนเยื้องอยู่ข้างหน้าซาการ์ท เค้าโครงหน้าตลอดจนเส้นผมและดวงตาซึ่งเหมือนซาการ์ทราวกับถอดแบบกันมา จะต่างก็เพียงรอยยิ้ม เด็กคนนั้นยิ้มได้สดใสกว่าเขามาก หญิงสาวหยิบรูปขึ้นมาพิจารณาใกล้ ๆ อย่างสนใจ เธอจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีอำพันของเด็กในภาพเขียน
รู้สึกคุ้นเหมือนเคยรู้จัก น่าเสียดายนักที่จำเด็กน่ารักอย่างนี้ไม่ได้ แม้ว่าเด็กคนนี้คงเป็นปีศาจเผ่าพันธุ์เดียวกับซาการ์ทที่น่าชังก็ตาม
โรสตกอยู่ในภวังค์แห่งความคิด ราวได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กดังแว่วอยู่รอบตัว พลันภาพความทรงจำบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัวอีกครั้ง
“โรส...” ใครบางคนกำลังเรียก
หญิงสาวหมุนร่างกวาดมองไปรอบตัวอย่างช้า ๆ แล้วสายตาก็สบเข้ากับร่างหนึ่ง
เด็กชายที่มีใบหน้าเหมือนเด็กในภาพเขียนกำลังกวักมือเรียก เขาส่งรอยยิ้มอันสดใสไม่ต่างจากในภาพมาให้ แต่แล้วใบหน้านั้นกลับบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เด็กชายกรีดร้องโหยหวนเมื่อร่างนั้นถูกห่อหุ้มด้วยเปลวไฟ ผิวหนังถูกความร้อนแผดเผาจนปริแยกเห็นเนื้อในที่สุกแดง เปลวไฟโชติช่วงร้อนแรงกระทั่งร่างนั้นมอดไหม้อย่างรวดเร็วกลายเป็นเถ้าธุลีเหลือไว้เพียงซากกระดูกขาวโพลน
โรสเซถอยหลังพลางยกสองมือขึ้นปิดหน้า ทว่าภาพสยดสยองซึ่งเห็นผ่านดวงตากลับยังไม่หายไป หญิงสาวสะบัดศีรษะอย่างรุนแรงเพื่อให้หลุดจากภาพนั้นแต่มันไม่ได้ผล เธอกรีดร้องเรียกชื่อคนที่ไม่รู้จักด้วยความรู้สึกกลัวและเจ็บปวดในใจอย่างสุดแสน
“ซามูเอล!!!”
“โรส!!”
ใบหน้าคมคายที่เคยสงบนิ่งแปรไปด้วยความตระหนก ซาการ์ทเดินเข้ามาพยายามรั้งตัวโรสให้หยุดนิ่ง แต่คล้ายเธอจะไม่รับรู้สิ่งใดอีกแล้ว หญิงสาวร้องไห้ตัวสั่นสะท้าน เรียกชื่อเดิมซ้ำไปซ้ำมา ปีศาจหนุ่มจึงโอบเธอไว้และลูบไปตามเรือนผมสีแดงอย่างปลอบประโลมพักใหญ่กว่าหญิงสาวจะยอมสงบลง
“ลืมชื่อนั้นไปซะ เจ้าไม่เคยรู้จักเขา”
อ้อมแขนจากร่างบางเลื่อนไปโอบกระชับร่างปีศาจหนุ่ม เสียงสะอื้นพึมพำแผ่วเบา
“อย่าทิ้งข้าไปนะ อย่าปล่อยข้าไว้เพียงลำพัง ข้าไม่อยากเหลือตัวคนเดียวอีกแล้ว”
โรสพึมพำซ้ำไปซ้ำมาอย่างนั้นกระทั่งหลับไปในอ้อมกอดของปีศาจ ซาการ์ทถอนหายใจ อุ้มหญิงสาวไปวางไว้บนเตียงนุ่มอย่างแผ่วเบา เขาเบือนหน้ามองไปยังภาพเขียน นัยน์ตาสีอำพันทอประกายปวดร้าวยามเห็นใบหน้าไร้เดียงสาในรูปนั้น แต่มันก็แปรเปลี่ยนกลับสู่ความว่างเปล่าเฉยชาเช่นเดิมอย่างรวดเร็ว เขาเก็บภาพนั้นลงลิ้นชักและลงกลอน จะไม่ให้ใครได้เห็นหรือแตะต้องมันอีก
ปีศาจหนุ่มทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ นัยน์ตาสีอำพันมองร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงพลางถอนหายใจ
“เจ้าไม่ควรกลับมาที่นี่เลย...”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 266
แสดงความคิดเห็น