บทที่ 4 ปีศาจเฒ่าผู้เฝ้าปราสาท

ใต้เงาแห่งปีกสีดำ
คุณกำลังอ่าน: ใต้เงาแห่งปีกสีดำ

-A A +A

บทที่ 4 ปีศาจเฒ่าผู้เฝ้าปราสาท

บทที่ 4 ปีศาจเฒ่าผู้เฝ้าปราสาท

 

                โรสพยายามเพ่งมองเจ้าของเสียงแหบพร่า ทว่าแสงจากตะเกียงที่คนผู้นั้นถืออยู่ไม่ช่วยให้มองเห็นอะไรได้มากนัก แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วคาดว่าจะเป็นหญิงชราอายุมากพอควร

                หญิงสาวเลื่อนมือไปกุมด้ามอาวุธคู่กาย พร้อมจะชักมันออกมาได้ทุกขณะหากถึงคราวคับขัน แม้เป็นเพียงหญิงชราก็คงประมาทไม่ได้นัก เคหะสถานแห่งนี้เป็นที่อยู่ของปีศาจเหยี่ยวดำ นางก็ไม่น่าจะเป็นอะไรที่นอกเหนือไปจากนั้น

                โดยเฉพาะเมื่อได้ยินประโยคที่กล่าวว่าตัวเธอ “น่ากิน” ก็ยิ่งไม่น่าไว้วางใจเข้าไปใหญ่

                เสียงหัวเราะแหบยานน่าเกลียดดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเจ้าของเสียงก้าวเท้าเข้ามาใกล้ แสงจันทร์สาดส่องผ่านบานกระจกเข้ามากระทบร่างหญิงชรา เผยรูปลักษณ์ของนางให้ประจักษ์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น นางมีใบหน้าเรียวยาว ผิวหนังเหี่ยวย่นตกกระ จมูกแหลมงองุ้มราวกับแม่มดในนิทานภาพที่เคยอ่าน ดวงตาปูดโปนน่าเกลียดสีเทาเช่นเดียวกับเส้นผมกำลังจ้องโรสเขม็งพลางยิ้มแสยะอวดฟันขาว

                ปีศาจยายแก่!!

                นั่นล่ะ ความคิดแรกของโรส

                “แม่สาวน้อย เก่งมากที่หาทางเข้ามาในปราสาทแห่งนี้ได้ เจ้าผ่านเหล่าต้นไม้ที่น่ารักของข้ามาได้อย่างไรกัน” หญิงชราพูดพลางขยับเกร็งนิ้วจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น “แต่รู้ไหม เจ้ากำลังบุกรุกบ้านของใครอยู่”

                อสูรร้ายหัวเราะร่วนระคายหู ปีกสีดำงอกออกมาจากกลางหลัง กรงเล็บแหลมยืดยาวจากนิ้วมือทั้งสิบ นางยิ้มแสยะแล้วพุ่งเข้าจู่โจมโรสอย่างรวดเร็ว หญิงสาวรอจังหวะให้นางปีศาจเข้ามาใกล้ แล้วจึงพลิ้วตัวหลบ ตวัดดาบหมายฟันไปที่สีข้างนางปีศาจ

                หากอสูรเฒ่าไหวตัวทัน หันมาใช้กรงเล็บรับคมดาบไว้ และใช้อีกข้างทะลวงใส่หญิงสาว โรสจำต้องปล่อยมือจากอาวุธคู่กายซึ่งถูกกรงเล็บจิกไว้จนสะบัดไม่หลุดเพื่อหลบหลีกการโจมตี

                นางปีศาจเหวี่ยงดาบของโรสทิ้งไป หญิงสาวจึงต้องชักดาบสั้นอีกเล่มมาใช้แทนซึ่งไม่สะดวกนัก เธอจึงคอยหลบหลีกการโจมตีไปเรื่อย ๆ พลางหาโอกาสไปเก็บอาวุธของตนคืนมา

                แม้ว่านางปีศาจจะจู่โจมโรสหลายครั้ง แต่ด้วยความคล่องแคล่วที่หญิงสาวมีมากกว่า ทำให้หลบหลีกได้อย่างไม่ยากเย็นสักเท่าใด กรงเล็บเหยี่ยวชราจึงจู่โจมพลาดเป้าหมายไปโดนสิ่งของต่าง ๆ ภายในห้องนั้นพังเสียหายไปเป็นแถบ

                “หนอย! ไวเป็นลิงเชียวนะ” นางปีศาจเฒ่าหยุดพักหายใจด้วยอาการเหนื่อยหอบ สังขารไม่อาจทำให้เล่นไล่จับกับหญิงสาวได้นานนัก

                ระหว่างนั้น นัยน์ตาสีเทาที่กวาดมองไปทั่วห้องพลันเบิกกว้างอย่างตระหนก แล้วนางปีศาจเฒ่าก็ร้องโวยวาย

                “ตายแล้ว! นางเด็กน้อย เจ้าทำให้ข้าวของในปราสาทของข้าพังเสียหาย”

                โรสอาศัยจังหวะที่นางปีศาจเผลอวิ่งไปเก็บอาวุธคู่กาย แล้วไปหลบในมุมมืดหลังเสาใหญ่ต้นหนึ่ง เมื่อได้ยินคำกล่าวหาก็เบะปาก บ่นพึมพำเบา ๆ

                “เจ้าทำของเจ้าเองไม่ใช่หรือไง ยายแก่ปีศาจ”

                ทว่าอสูรเฒ่าหูไวกว่าที่คิด

                “อยู่นั่นเอง! ยายเด็กปากดี”

                โรสยังพูดได้ไม่ทันขาดคำ นางปีศาจเฒ่าก็หันขวับมาทางเสาที่เธอแอบซ่อนอยู่ นางตั้งท่าเตรียมพุ่งเข้ามาหาเธออีกครั้ง

                ทว่าเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของใครบางคนซึ่งกำลังใกล้เข้ามากลับทำให้นางชะงักทันควัน

                “ยายหนู เจ้าทำให้นายท่านของข้าตื่น...อ้าว! หนีไปจนได้ ไวเหมือนลิงจริง ๆ ด้วย” นางปีศาจบ่น เมื่อหันไปมองทางเด็กสาวชาวมนุษย์ก็พบว่าเธอไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว

                “เกิดอะไรขึ้น ราเซีย” เสียงทุ้มแฝงแววขุ่นข้องจากเจ้าของฝีเท้าเมื่อครู่เอ่ยถามนางปีศาจ หลังจากพบว่าสภาพห้องโถงของปราสาทซึ่งควรจะสะอาดเรียบร้อยดีไม่เหลือเค้าเดิมที่ควรเป็น

                “แค่มีหนูเล็ก ๆ ตัวหนึ่งหลงเข้ามาเท่านั้นเองค่ะ ท่านซาการ์ท” ราเซียฉีกยิ้ม

                จะให้บอกได้อย่างไรล่ะ ว่าทั้งหมดนั่นจริง ๆ แล้วเป็นฝีมือของนางเอง

                นัยน์ตาสีอำพันหรี่ลงมองราเซียอย่างรู้ทัน แต่เขาเลือกจะไม่สนใจสภาพห้องซึ่งพังยับเยินด้วยฝีมือของราเซียไปมากกว่า ‘หนู’ ตัวที่ว่า

                น้อยนักที่จะมีสิ่งมีชีวิตใดหลุดรอดเข้ามาถึงปราสาทหลังจากพวกเขาปลูกพืชกินเนื้อเอาไว้รอบเขาลูกนี้ตั้งแต่ห้าปีก่อน

                “หวังว่าหลังจากนี้ คงจะไม่มีอะไรไปอยู่ในที่ไม่สมควรอยู่หรอกนะ” ซาการ์ทกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบทว่าเฉียบขาดก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป

                “ข้าจะรีบจัดการมันให้เร็วที่สุดแน่นอน” ราเซียรับคำ

                นางปีศาจเฒ่ารับใช้ใกล้ชิดซาการ์ทมานาน จึงรับรู้ได้ว่าในน้ำเสียงที่เรียบเฉยนั้นมันแฝงอารมณ์กรุ่นโกรธต่อผู้บุกรุกปราสาทของพวกเขาเพียงใด

                นางปีศาจพยายามคิดเช่นนั่น เพื่อเข้าข้างตัวเองว่าการที่นางทำลายข้าวของจนพังพินาศไม่ได้เป็นอีกสาเหตุหนึ่งซึ่งทำให้ปีศาจหนุ่มเกิดอารมณ์

                */*/*/*/*

 

                “เฮอะ! จะอยู่ต่อให้โง่หรือไง แค่นางปีศาจเฒ่านั่นก็เต็มกลืนแล้ว ขืนมีมาอีกข้าตายแน่ ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเป็นอาหารให้ต้นไม้หรือเหยี่ยวหรอกนะ” โรสบ่นอุบอิบหลังจากหนีมายืนหอบอยู่บนทางเดินห่างจากห้องโถงเมื่อครู่ไม่ไกลนัก

                ‘ว่าแต่...นี่มันเงียบเกินไป เหมือนไม่มีใครอยู่ เสียงอึกทึกน่าจะเรียกความสนใจให้ฝูงปีศาจออกมาดูได้สบาย ถึงเราจะไม่อยากเจอก็เถอะ แต่มันแปลกจริง ๆ’

                โรสเดินไปตามทางที่มืดสลัว แม้จะหวาดหวั่นอยู่บ้างก็ไม่คิดจะจากไปมือเปล่า เดาว่าสถานที่แห่งนี้คงไม่มีปีศาจอาศัยอยู่มากเท่าไร เอาไว้เกิดเรื่องจวนตัวค่อยคิดหนีก็ยังไม่สาย... กระมัง

                หญิงสาวชะงักเท้า หยุดความคิดทั้งปวงลงเมื่อได้ยินเสียงดังแว่วมา ครั้นเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ก็พบว่าเป็นน้ำเสียงที่นุ่มนวลอ่อนหวานของสตรีกำลังขับขานบทเพลงอันไพเราะ ท่วงทำนองของเพลงนั้นช่างคุ้นหู ชวนให้คำนึงถึงใครบางคน

                โรสเดินตามเสียงนั้นไปจนพบประตูบานหนึ่ง แสงไฟสลัวลอดผ่านใต้ช่องประตูออกมา เธอไม่รอช้า เดินเข้าไปแนบหูที่ประตูบานนั้น เสียงเพลงดังจากห้องนี้เอง

                โรสจับประตู คิดจะเปิดเข้าไป ทว่าชะงักเมื่อได้ยินเสียงแหบพร่าจากด้านหลัง

                “อยู่ที่นี่เองหรือ ยายหนูน้อย”

                นางปีศาจเฒ่าทะลวงกรงเล็บแหลมใส่ประตูไม้หนาจนกลายเป็นรูโหว่ แทนที่ศีรษะโรสซึ่งเบี่ยงหลบไปได้ทัน

                “ตายแล้ว! เจ้าทำให้ประตูบานนี้พังจนได้ ท่านซาการ์ทต้องโกรธมากแน่ ๆ ”

                เมื่อประตูบานสวยถูกทำลายจนกลายเป็นเศษไม้กองกระจายไปบนพื้น นางปีศาจก็ร้องโวยวาย โรสอยากเถียงเหลือใจว่า ‘ใครกันแน่ที่เป็นจอมทำลาย’ แต่เมื่อสายตาสบเข้ากับสตรีคนหนึ่งซึ่งผุดลุกไปยืนอยู่ริมระเบียงด้วยความตกใจ เธอก็กลืนถ้อยต่อว่ากลับลงคอทันที

                “ท่านเลอา!”

                แม้ว่านางจะดูผอมบางและสูงวัยขึ้นกว่าเมื่อแปดปีก่อน โรสก็ยังจดจำคนสำคัญต่อตนได้ เธอถลาเข้าไปหาเจ้าหญิงแล้วคุกเข่าจับมือนางมาซุกไซ้ ลืมสนใจปีศาจเฒ่าที่ยืนมองอยู่ด้วยสายตางงงัน

                เลอาประคองหญิงสาวให้ลุกขึ้น พิจารณาใบหน้าอีกฝ่ายชัด ๆ

                “เจ้าคือ...โรส!” นางคลี่ยิ้มอย่างยินดี “โตขึ้นเป็นหญิงสาวที่งดงามจนจำเกือบไม่ได้”

                “ท่านเลอา ข้าตามหาท่านมาตลอด ได้โปรดกลับไปกับข้านะคะ”

                “ข้าคงปล่อยให้เจ้าทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ยายหนู” ราเซียพูดพลางขยับกรงเล็บ “บอกแล้วใช่ไหมว่าคนที่ล่วงล้ำเข้ามาที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาตต้องตาย!”

                “ช้าก่อน! ราเซีย นางไม่ใช่คนร้าย นางคือโรส จำได้ไหม เด็กคนนั้นอย่างไรล่ะ”

                เลอารีบห้ามก่อนจะเกิดการต่อสู้ขึ้นอีกครั้ง นางปีศาจเฒ่าจึงหยุดพิจารณาใบหน้าของหญิงสาวครู่หนึ่ง จนทำท่าว่านึกออก

                “อ้อ! ที่แท้เจ้าคือยายหนูผมแดงขี้แยคนนั้นเองหรอกหรือ ถึงว่าหน้าคุ้น ๆ ”

                ‘นี่ขนาดคิดว่าหน้าข้าคุ้น ยังเกือบมีรูโหว่ที่หัวไปหลายรอบเชียวนะ’ โรสเผยอปากค้าง มองนางปีศาจด้วยสีหน้าพรั่นพรึง

                ‘แต่จำไม่เห็นได้ว่าเคยไปรู้จักกับนางอสูรนี่ตอนไหน’

                นางปีศาจยังคงแสยะยิ้ม จ้องโรสด้วยแววตาข่มขู่เช่นเดิม

                “ถึงเจ้าจะเป็นเด็กคนนั้นจริง แต่หากคิดจะพานางไป ข้าก็คงปล่อยเจ้าเอาไว้ไม่ได้ เพราะข้ามีหน้าที่ดูแลนางและปราสาทแห่งนี้”

                “ราเซีย ไม่จำเป็นต้องลงมือกับนาง ข้าไม่คิดไปจากที่นี่อยู่แล้ว”

                โรสหันขวับมองหน้าเจ้าหญิง

                “ทำไมล่ะคะ ท่านเลอา ราชาอาเดียร์กำลังรอการกลับไปของท่านอยู่นะ แล้วดูสิ ร่างกายท่านผ่ายผอมขนาดนี้ แสดงว่าป่วยอยู่ใช่ไหม พวกเขาจะดูแลรักษาท่านได้ดีหรือเปล่า กลับอาณาจักรของเราด้วยกันเถอะค่ะ ที่นั่นท่านจะได้รับการรักษาอย่างดีแน่”

                “โฮะโฮะโฮะ ยายหนูน้อย เจ้าดูถูกพวกเราเกินไป คิดว่าคนที่อาณาจักรของเจ้าจะดูแลนางได้ดีไปกว่าเราอย่างนั้นหรือ” ราเซียเอ่ยเสียงเยาะ

                เลอามองโรสแล้วผ่อนลมหายใจ

                “ข้ารู้ดีว่าร่างกายตัวเองเป็นอย่างไร ถึงกลับไปก็ไม่มีใครรักษาข้าได้หรอก ราเซียดูแลข้าอย่างดีที่สุดแล้ว ข้าเองก็อยากอยู่ที่นี่” เลอาเว้นวรรคคำพูดพลางเบี่ยงสายตา ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ

“เพราะข้าเป็นภรรยาของซาการ์ทแล้ว”

                โรสอ้าปากค้างด้วยความตระหนก เมื่อได้ฟังคำกล่าวของเลอา

                “ท่านเลอาน่ะหรือ ป...ป...เป็นภรรยาของเจ้าปีศาจนั่น!”

                โอย...โรสจะเป็นลม!

                “เอาล่ะ! เลิกท่ามากได้แล้ว ยายหนู” นางปีศาจกล่าวขัด เมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าทางราวกับโลกถึงกาลอวสาน

                “ในเมื่อเจ้ายังไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในสถานที่แห่งนี้ ข้ามีทางเลือกให้สองทาง ระหว่างออกไปจากที่นี่เองแต่โดยดี หรือออกไปอย่างไม่มีลมหายใจ ถ้าเลือกอย่างหลัง ข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปหาอาหารให้เหล่าต้นไม้ที่น่ารักของข้าพอดีเลย ข้าไม่มีเวลาให้เจ้าคิดมากนัก จงรีบตอบก่อนที่นายท่านของข้าจะมา”

                โรสหรี่ตา ยิ้มกวนโทสะก่อนตอบ

                “ข้าขอเลือกสังหารทั้งเจ้าและนายของเจ้าก่อนจะพาเจ้าหญิงไปได้ไหมล่ะ”

                “ปากดี! ช่างไม่สำนึกในบุญคุณใครเอาเสียเลย กับข้าน่ะไม่ว่า แต่กับท่านซาการ์ทแล้วเจ้ามันช่างเนรคุณเสียจริง ๆ น่าจะปล่อยให้ตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”

                “เฮอะ! ข้าจำไม่เห็นได้ว่าเคยให้พวกปีศาจมามีบุญคุณกับข้าตอนไหน หน้าเจ้าข้ายังจำไม่ได้ว่าเคยเห็นด้วยซ้ำ ข้าจำได้อย่างเดียว คือเผ่าพันธุ์ของเจ้าที่สังหารผู้คนซึ่งเป็นดั่งครอบครัวของข้าจนหมด และตอนนี้ข้าจะขอทวงท่านเลอาและความแค้นทั้งหมดคืนด้วย”

                 “อย่างนั้นก็เข้ามา! ข้าจะช่วยส่งเจ้าไปหาครอบครัวที่แสนดีของเจ้าเอง”

                ราเซียกางกรงเล็บออกและกระโจนเข้าหาโรสทันที ขณะที่หญิงสาวแสยะยิ้มเตรียมตั้งรับ

                “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”  

                เลอาร้องห้ามและถลาเข้ามาขวางระหว่างหญิงสาวกับปีศาจเฒ่าอย่างไม่มีใครคาดคิด ด้วยความกระชั้นชิดทำให้ราเซียไม่อาจรั้งมือทัน

                ระหว่างที่ทั้งหมดมัวแต่ตกตะลึง มือใหญ่หนาแข็งแกร่งพลันคว้าหมับเข้าที่ท่อนแขนของราเซีย ช่วยรั้งนางไว้ก่อนที่กรงเล็บแหลมจะไปทำร้ายเลอา

                ราเซียหน้าเผือดลง เมื่อเห็นว่าคนที่หยุดตนได้นั้นเป็นใคร แม้ใบหน้าคมคายจะยังเรียบเฉย แต่ดวงตาสีอำพันกลับวาววับจนน่ากลัว รังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาทำให้นางปีศาจเฒ่าถึงกับตัวสั่น

                ปีศาจหนุ่มไม่ได้เอ่ยสิ่งใดกับราเซีย เขาเดินเลยไปกระชากคอเสื้อโรสแล้วยกเธอจนลอยขึ้นเหนือพื้น ก้าวไปยังระเบียง

                โรสพยายามแกะมือที่แข็งราวกับคีมเหล็กของปีศาจ เธอเหลือบลงมองไปใต้เท้า เห็นพื้นเบื้องล่างห่างลงไปลิบลับจนเผลอชะงักการดิ้นรนด้วยเกรงว่าจะตกลงไป

                “เจ้าคงอยากจะรีบไปจากที่นี่ ข้าช่วยสงเคราะห์ให้ดีไหม” ซาการ์ทเอ่ยเสียงเรียบ แต่ดวงตากลับฉายแววเหี้ยมเกรียมอำมหิต

                โรสจ้องซาการ์ทอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ หากต้องให้เธอร้องขอชีวิตต่อเขา สู้ให้เธอตายไปเลยเสียดีกว่า

                โรสคิดว่าจะถูกโยนออกไปจริง ๆ แต่เลอากลับเข้ามาขอเจ้าปีศาจร้ายให้ใจเย็นและปล่อยเธอลง  

หากไม่ใช่เพราะเขาเห็นว่าสีหน้าเลอาไม่ดีนัก คงไม่ยอมหยุดมือง่าย ๆ  ปีศาจหนุ่มพ่นลมหายใจ ยอมปล่อยหญิงสาวในเงื้อมือลงอย่างไม่เบาแรง

                เขาสั่งราเซีย ก่อนหมุนกายเดินไปทางประตู

                “หาห้องใหม่ให้พวกนางอยู่ และจับตาดูเด็กนั่นเอาไว้ด้วย”

                “ถึงเจ้าจะไว้ชีวิตข้าสักกี่ครั้ง แต่เมื่อใดที่มีโอกาสสังหารเจ้า ข้าจะไม่ปล่อยโอกาสนั้นไปแน่” โรสกล่าวด้วยความอาฆาต นัยน์ตาสีเขียวจ้องปีศาจหนุ่มอย่างเคืองแค้น

                “โรส! อย่าพูดเช่นนั้น มันไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด ซาการ์ทเค้า...”

                “เจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร มันเป็นอย่างที่นางคิดนั่นแหละ”

                ซาการ์ทเอ่ยขัด นัยน์ตาสีอำพันหันมาจ้องโรสด้วยแววดุดัน

                “อย่าก่อเรื่องในบ้านข้าอีก ไม่อย่างนั้นต่อให้เลอาขอร้องเท่าไร ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”

                โรสจ้องตามแผ่นหลังกว้างที่เดินจากไปด้วยสายตาชิงชัง

                “คิดว่าข้าจะกลัวหรือไง”

                แต่แววสุดท้ายที่ฉายออกมาแวบหนึ่งจากดวงตาสีอำพันซึ่งปรายมาเพียงครู่กลับทำให้โรสรู้สึกหวิวโหวงในใจกะทันหัน

                มันเป็นแววแห่งความเศร้า แฝงลึกด้วยความทุกข์ร้าวในจิตใจ

                ทำไมเจ้านั่นต้องมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น...

 

                แล้วทำไมใจของข้าถึงเจ็บแปลบแบบนี้...

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.