รักเหนือฝัน มีฉันต้องมีเธอ 9 : สายใยบาง ๆ
ชวณัดฐ์กลับถึงคอนโดฯ ระหว่างยังไม่รู้จะทำอะไรก็เผลอนั่งเหม่อเป็นระยะ ๆ จนทิพาธรณ์ปล่อยให้เขาอยู่นิ่งไม่ได้ จึงหาเรื่องชวนคุยเรื่อย ๆ ถ้าจะเล่าอะไรให้ฟังเฉย ๆ เผลอไม่นานก็ดิ่งเข้าภวังค์ไปทุกที การชวนคุยทำให้เขาไม่ว่างเกินไป
“คุณณัดฐ์ไม่เชื่อเรื่องบุญบาป แล้วทำไมถึงเลือกเป็นหมอล่ะคะ” วิญญาณสาวถามด้วยความสงสัย
“นั่นสิครับ ผมรู้แค่ว่าทุกครั้งที่มือผมได้ช่วยเยียวยาชีวิตคน ผมจะรู้สึกดีทุกครั้ง” ชวณัดฐ์เล่า
“ดีจังค่ะ แล้วคุณณัดฐ์มีไอดอลหรือเปล่าคะ อย่างฉันนี่เป็น....ค่ะ” เธอพยายามชวนคุยต่อ
“มีครับ แพทย์หญิงท่านหนึ่งที่รักษาผมตอนเด็ก” เขาพูดถึงตรงนี้ก็สะดุด เมื่อหัวดันนึกถึงต้นเหตุที่ทำให้วันนั้นต้องไปโรงพยาบาล และได้พบกับแพทย์หญิงคนดังกล่าว ด้วยความที่ไม่ทันเอะใจกับความผิดปกติบางอย่างในตัวชายหนุ่ม วิญญาณสาวก็ถามเรื่อย
“เล่าที่ไปที่มาของความประทับใจในตัวหมอหญิงคนนั้นให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ เผื่อจะเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันบ้าง ฉันชอบฟังเรื่องคนทำอะไรดี ๆ ค่ะ” เธอขอเขาด้วยท่าทางกระตือรือร้นที่จะฟัง ทว่าเขาไม่อยากพูดถึงมันแล้ว
“เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่าครับ” ชวณัดฐ์บอก พยายามทำน้ำเสียงให้ปกติที่สุด ได้ยินอย่างนั้นทิพาธรณ์จึงเพิ่งเอะใจ และไม่เซ้าซี้ต่อ พาเปลี่ยนเรื่องคุยไปเรื่องอื่นแต่โดยดี
“คุณณัดฐ์มีความฝันไหมคะ” คำถามนี้เป็นอีกเรื่องของชายหนุ่มที่เธอสนใจอยากจะรู้
“มีครับ”
“พอจะเล่าให้ฟังได้ไหมคะ”
“ผมอยากมีคลินิกเป็นของตัวเองสักแห่ง ที่สร้างด้วยน้ำพักน้ำแรงของผมครับ”
“ว้าว! น่าสนใจจังค่ะ แล้วจะเป็นคลินิกแบบไหนหรือคะ” เธอถามด้วยความตื่นเต้น
“ตอนแรกผมจะเปิดเป็นคลินิกรักษาโรคทั่วไปครับ แต่ตอนนี้ถ้ากำลังถึงจะเปิดเป็นคลินิกความงามเหมือนที่ทำที่นี่” พอชายหนุ่มพูดถึงตรงนี้ความสงสัยหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัวของทิพาธรณ์ เธอจึงจ้องหน้าเขาอย่างพินิจ ด้วยความแปลกใจ ชวณัดฐ์จึงถาม
“มองหน้าผมแบบนั้นทำไมหรือ”
“หน้าคุณณัดฐ์นี่ของจริงทั้งหมดหรือเปล่าคะ?” หญิงสาวถามด้วยแววตาสงสัยจริงจัง
“โธ่! ของจริงสิครับ” เขาอุทานออกมาเมื่อถูกกล่าวหาว่าหน้าหล่อ ๆ ของเขาเป็นของเทียม เห็นท่าชายหนุ่มอย่างนั้นเธอก็หัวเราะชอบใจ
“คิก ๆ ๆ ก็ใครจะไปรู้ล่ะคะ”
หาเรื่องมากมายมาชวนศัลยแพทย์หนุ่มคุยได้พักใหญ่ กระทั่งนาฬิกาบอกเวลาห้าโมงกว่าทิพาธรณ์ก็ชวนเขาไปออกกำลังกาย
อยู่ด้วยกันครึ่งเดือนกว่า แปลกใจทีเดียวที่ในใจมีความรู้สึกอาทรต่อใครอีกคน คนที่รู้จักกันไม่นาน แต่กลับรู้สึกห่วงใยอย่างประหลาด
ชวณัดฐ์ยอมรับว่าเธออาจไม่ใช่คนแรกในชีวิตที่รู้สึกห่วงใย แต่เธอเป็นหนึ่งในคนจำนวนน้อยถึงน้อยที่สุดที่เขาจะรู้สึกแบบนี้ด้วย นอกจากคนเจ็บป่วยทั่วไป โดยเฉพาะคนไข้ที่อยู่ในความรับผิดชอบของเขา ที่เหลือก็ไม่เคยมีให้ใครมาก่อน ไหนความรู้สึกอยากดูแลเอาใจใส่อีกเล่า เป็นเพราะอะไรกัน
ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธเมื่อวิญญาณสาวชวนไปเข้าวัดทำบุญ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่อยู่นอกสายตามาตลอด แต่เพราะคิดว่าการทำบุญเป็นสิ่งที่พวกวิญญาณแบบเธอต้องการมาก ราวกับอาหารที่ต้องกินทุกวันแล้ว จึงตกลงทำตามที่เธอชวน
เช้าวันนี้หลังจากออกกำลังกายที่มักทำเป็นประจำแล้ว สาย ๆ หน่อยเขาก็ขับรถออกจากคอนโดฯ ไปซื้อของถวายพระตามที่วิญญาณสาวแนะนำ ได้ทั้งข้าวสาร น้ำดื่ม น้ำผลไม้ และชุดยาสามัญประจำบ้านที่เขาเลือกเอง สำหรับใช้ทำสังฆทานมาจำนวนหนึ่ง
ไม่รู้ทำไมทิพาธรณ์ถึงได้รู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็นพิเศษที่ชายหนุ่มยอมตกลงมาทำบุญตามที่เธอชวน ความเอิบอิ่มปลาบปลื้มใจเหมือนได้อะไรบางอย่างคืน ตีขึ้นอกจนน้ำตาแทบคลอเบ้า เป็นความรู้สึกที่ประหลาดนัก ดวงตาโตหันมองหนุ่มหน้าหวานหล่อ อยากรู้ว่าเขาจะรู้สึกอย่างเดียวกันหรือไม่ ทว่าฝ่ายนั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรผิดไปจากทุกวันแม้แต่น้อย
ศาลาการเปรียญเวลานี้เต็มไปด้วยชาวบ้านมากหน้าหลายตาที่มากันเป็นครอบครัวบ้าง เป็นคู่บ้าง หรือบ้างก็มาคนเดียว ชายหนุ่มสังเกตจากสายตา เห็นคนส่วนใหญ่ที่มาทำบุญจะเป็นคนค่อนข้างมีอายุมากแล้ว ส่วนคนรุ่นใหม่ที่มาก็นับคนได้ และมักจะมากับพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่มากกว่ามากันเอง บอกให้รู้ว่าสมัยนี้ศาสนาไม่เป็นที่นิยมกับคนรุ่นหลังมากนัก
ด้านหน้าทุกคน ขณะนี้พระสงฆ์ไม่กี่รูปกำลังนั่งเป็นพิธีฟังพระผู้ใหญ่รูปหนึ่งเทศนาธรรมให้เหล่าชาวบ้านที่มาทำบุญในวันนี้ฟัง
“รู้สึกยังไงบ้างคะ” ทิพาธรณ์หันมาถามเพื่อเช็กภาวะอารมณ์ของชายหนุ่ม ซึ่งนั่งเงียบมองผู้คนที่กำลังทำกิจกรรมทางศาสนาอยู่อย่างไม่รู้จะทำอะไรดีกว่านี้
“ก็ดีครับ” ตอบอย่างไม่รู้จะตอบอะไรดี
“เมื่อยไหมคะ” ทิพาธรณ์ถามด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าเขาจะไม่ชินที่ต้องมานั่งรอกับพื้นแบบนี้นาน ๆ
“นิดหน่อยครับ” เขาตอบ
“ทนหน่อยนะคะ อีกไม่นานพระท่านคงเทศนาธรรมเสร็จแล้วให้พรค่ะ จากนั้นพวกเราก็เข้าไปถวายสังฆทานได้แล้วล่ะ” ร่างบางพูดปลอบด้วยรอยยิ้มใจดีและแววตาอาทร ชวณัดฐ์เห็นอย่างนั้นก็สะดุดไปนิดหนึ่ง รู้สึกเหมือนความอุ่นซ่านในหัวใจอย่างประหลาด
ศัลยแพทย์หนุ่มสร้างความประหลาดใจให้วิญญาณสาวไม่น้อย เมื่อเห็นว่าเขาเลือกยกมือพนมรับพรได้ถูกจังหวะ นั่นคือขณะที่พระเริ่มขึ้นบทให้พรว่า สัพพีติโย ไม่ใช่ ยะถา วะรีวะหาปูรา อย่างที่คนทั่วไปมักจะเข้าใจกันว่าต้องพนมมือไหว้ตอนนั้น
ระหว่างที่พระกว่าสี่รูปกำลังให้พร หัวใจสองดวงซึ่งอยู่ในตัวหนึ่งหญิงหนึ่งชายต่างภพกันก็เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้น เนิ่นนาน เมื่อไรไม่ทราบได้ เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ดวงตาเรียวงามของร่างกำยำเหลือบมองคนข้างกายอย่างอยากรู้ว่าเธอจะรู้สึกอะไรแปลก ๆ เหมือนกันไหม ทว่าเมื่อหันมอง ใบหน้าเรียวสวยก็หันมาทางเขาพอดีเช่นกัน จังหวะนั้นราวไฟฟ้าช็อตทำสะดุ้งในใจกันทั้งคู่จนต้องรีบหลบสายตา
เสร็จจากถวายสังฆทานแล้ว ชวณัดฐ์และทิพาธรณ์ก็พากันออกจากศาลา และเดินชมวัดตามที่วิญญาณสาวแนะนำ
“คุณได้รับบุญที่ผมส่งให้หรือเปล่า” เขาส่งคำถามไปทางกระแสจิตขณะเดินออกจากศาลามาสวมรองเท้าที่ถอดทิ้งไว้
“ได้ค่ะ ขนาดไม่ชอบเข้าวัดนะคะ ยังส่งบุญเป็นด้วย” ทิพาธรณ์เย้าพลางส่งยิ้มให้
“ถ้าหลักสูตรโรงเรียนไทยไม่บังคับให้เรียนวิชาพระพุทธศาสนา สอบนักธรรม ผมก็คงไม่รู้เรื่องทางพุทธนักหรอกครับ ที่พอส่งบุญเป็นก็เคยเห็นความรู้จากสื่อต่าง ๆ มาบ้าง ก็ผ่าน ๆ ตาเหมือนกันครับ” เขาเล่าตามตรง ใส่รองเท้าเรียบร้อยก็เดินไปยังโบสถ์สวยหลังวิจิตรที่อยู่ไม่ไกลมากนัก
“คุณมาวัดนี้บ่อยหรือ” ถามอย่างชวนคุย
อีกฝ่ายพยักหน้ารับ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อจู่ ๆ เสียงสมาร์ทโฟนของเขาก็ส่งเสียงขัดจังหวะขึ้น มือแข็งแรงหยิบวัตถุดังกล่าวออกจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตขึ้นดูสายเรียกเข้า เมื่อเห็นเป็นใครก็ผ่อนหายใจออกเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจรับ
“สวัสดีครับองุ่น” ชื่อที่ชายหนุ่มเอ่ยออกมามีผลให้หัวใจของวิญญาณสาวหวั่นไหวไปนิดหนึ่ง
ตั้งแต่วันแรกที่เธอพบศัลยแพทย์สาวคนนั้นจนกระทั่งวันนี้ ดูเหมือนฝ่ายนั้นจะพยายามหาทางเข้ามาอยู่ในชีวิตของผู้ชายที่เธอกำลังติดตามมากเกินความจำเป็นเข้าทุกที ไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่สัญชาตญาณผู้หญิงด้วยกันมันพอดูออกอยู่บ้างว่าเพื่อนสาวของศัลยแพทย์สาวอัจฉริยาคิดอย่างไรกับอดีตแฟนเพื่อนตนเอง
แต่ความรู้สึกปั่นป่วนท้องและความรู้สึกบางอย่างในอกที่เกิดขึ้นกับเธอเวลาที่ผู้หญิงคนนั้นเข้าใกล้เขานี่สิคืออะไร ทั้งน้อยใจ อิจฉา และหวง เธอคงบ้าไปแล้ว
“ผมอยู่ข้างนอกครับ ไม่รู้จะกลับเข้าไปเมื่อไร”
วิญญาณสาวพยายามที่จะไม่แอบฟังทั้งคู่คุยกัน เพียงยืนคอยเงียบ ๆ ดูว่าเขาจะตอบปลายสายไปว่าอะไรบ้างเท่านั้น
“ไม่เป็นไรครับ ผมมาทำธุระ ว่าแต่คุณมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า” เขายังคุยต่อไป แล้วเงียบ ฝั่งคู่สายตอบกลับมา
“ครับ” ตอบแค่นั้นแล้วก็เงียบไปครู่หนึ่งอย่างไม่อยากจะพูดอะไรมากกว่านี้ จนอีกฝ่ายต้องพูดต่อเองอีกครั้ง
“ครับ” แล้วเขาก็ลงท้ายคำเดิม ก่อนไม่นานนักเธอจะเห็นเขาหย่อนโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋า เป็นอันว่าการสนทนากับศัลยแพทย์สาวสวยคนนั้นสิ้นสุดลงแล้ว
ดวงตากลมโตมองเขาเหมือนมีอะไรจะพูด แต่ก็สะกดไว้ด้วยความไม่กล้า มองเขาถอดรองเท้าก้าวขึ้นบันไดโบสถ์ไปเฉย ๆ เสียอย่างนั้น
“วันนี้คุณณัดฐ์จะซื้ออะไรเป็นมื้อเย็นคะ” ทิพาธรณ์ถามขึ้น ระหว่างชายหนุ่มที่เธอติดตามกำลังขับรถกลับจากเที่ยวเตร่ด้วยกันมาทั้งวัน และตอนนี้ก็จวนจะใกล้ถึงที่พักแล้ว
“ผมคิดว่าวันนี้จะกิน...” ชวณัดฐ์บอกชื่อรายการอาหารฝรั่งที่เขาคุ้นเคยให้ทิพาธรณ์ทราบ พรางสายตายังจับที่ถนนเบื้องหน้าอย่างมีสมาธิ
หลังจากขับรถเที่ยวที่นั่นที่นี่อยู่หลายชั่วโมงจนตกเย็น รู้สึกว่าอารมณ์เขาจะดีขึ้นบ้าง แต่กระนั้นความหม่นเศร้าในใจก็ยังตกค้างไม่ไปไหนเท่าไร ก็ยังดีที่ไม่ต้องจมอยู่แต่กับห้อง และมีคนชวนคุยเป็นระยะ ๆ ชวนดูอะไรหลายอย่างเพลิน ๆ ไป
“โห เมนูฝรั่งอีกแล้วนะคะ ถามจริง เคยกินอาหารไทยกี่เมนูกันคะเนี่ย” วิญญาณสาวถามอย่างจะชวนคุย เธออยากรู้เรื่องชายหนุ่มเกือบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามในชีวิตเขา
“ก็เคยทานหลายเมนูครับ”
“แล้วคุณณัดฐ์ชอบเมนูไหนที่สุดคะ”
“น่าจะมัสมั่นครับ”
"โห อาหารโบราณขึ้นชื่อของไทยเลยนะคะนั่น ส่วนฉันนี่ชอบทุกอย่างที่อร่อยค่ะ" ท้ายประโยคเธอพูดกึ่งติดตลก ทว่ามันก็คือความจริงของเธอ
“ใครก็ชอบของอร่อยทั้งนั้นแหละคุณ” ชวณัดฐ์ว่าให้ แต่ไม่ได้จริงจังอะไร
“ก็อาหารไทยสำหรับฉันชอบทุกอย่างเลยนี่คะ ไม่มีอะไรที่สุด ขอแค่อร่อยและเป็นของพื้นบ้านไทย ๆ หรือทางเหนือล่ะก็ชอบหมดแหละ” เธอร่าย
“แต่อาหารฝรั่งนี่ขอผ่านนะคะ เลี่ยนสุด ตาเคยพาไปเลี้ยงครั้งหนึ่ง อื้อหือ รับไม่ได้” มิวายอดบ่นออกมาตามประสาผู้หญิง
“แต่ผมทำอร่อยนะ” ชวณัดฐ์นึกอวดบ้าง คนฟังถึงกับตาโตด้วยความตื่นเต้น และไม่อยากเชื่อหู
“คุณณัดฐ์ทำอาหารเป็นด้วยหรือคะ” ทิพาธรณ์ถามด้วยความสนใจ
“พอได้ครับ ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารฝรั่งกับอาหารไทยง่าย ๆ บางอย่าง”
“มีโอกาสทำให้ชิมได้ไหมคะ อยากกิน อยากรู้ว่าจะอร่อยอย่างที่คุณณัดฐ์ว่าไหม” ร่างบางพูดด้วยความกระตือรือร้น
“เอาไว้ผมว่างจะทำให้กินครับ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเท่าไร ส่วนใหญ่ก็จะซื้อทานเอา เร็วดีครับ” ชายหนุ่มบอก ก่อนเปิดไฟเลี้ยวหักรถเข้าเทียบหน้าร้านอาหารมีระดับร้านหนึ่งไม่ไกลจากคอนโดฯ เขานัก
“งั้นวันไหนคุณณัดฐ์สะดวกฉันขอยืมร่างคุณณัดฐ์ทำอะไรให้กินบ้างนะคะ เห็นอย่างนี้ฝีมือใช้ได้เลยนะ” เธออวดตัวพร้อมยิ้มแป้น
“โอเคครับ ว่าแต่ตอนนี้ผมขอลงไปซื้ออาหารก่อนนะ”
ซ่า!
เสียงคนใช้ห้องน้ำชำระร่างกายแว่วออกมาเบา ๆ ให้ได้ยินบ้าง ขณะที่เสียงโทรทัศน์จอแบนติดผนังจอใหญ่ก็ดังสู้ไม่แพ้กัน ร่างโปร่งบางนั่งดูข่าวอย่างใจจดใจจ่ออยู่ลำพังบนโซฟานิ่ม รอคนที่หายเข้าห้องน้ำไปเกือบครึ่งชั่วโมงอาบน้ำให้เรียบร้อย
หน้าจอโทรทัศน์ดังกล่าวบัดนี้ฉายภาพผู้ประกาศข่าววัยกลางคนกำลังสาธยายถึงปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคที่จังหวัดหนองคาย ซึ่งจะมีทุกวันออกพรรษา เธอสนใจเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว พอเห็นข่าวเข้าก็หยุดทุกอย่างฟังด้วยความตั้งใจ ในหัวก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อย
“วันนี้วันดี ชวนเขาไปดูด้วยกันสิ” เสียงทุ้มทรงอำนาจดังขึ้นกลางสมองโดยไม่ทันตั้งตัว ทำเอาคนได้ยินสะดุ้งเฮือกแล้วเหลียวมองไปรอบตัวอย่างจะหาอะไร วิญญาณสาวจำเสียงนั้นได้ บุคคลปริศนาที่ส่งตัวเธอมาอยู่กับศัลยแพทย์หนุ่ม
“จะไปยังไงหรือคะ คงไปไม่ทันคืนนี้แน่ ๆ?” ทิพาธรณ์ถามทางกระแสจิตด้วยความสงสัย
ก่อนหน้าเพิ่งคิดว่าถ้ามีโอกาสอยากไปดูบั้งไฟถึงถิ่นใกล้ ๆ บ้าง และคงดีไม่น้อยถ้าชวนเขาคนนั้นไปด้วยกัน เขาคงไม่อยากสนใจเรื่องพวกนี้ แต่ถ้าเห็นว่าลูกไฟสีแดงอมชมพูนั้นโผล่ขึ้นเหนือน้ำมาอย่างไรต้องประหลาดใจแน่ ๆ
“ฉันจะช่วย แค่บอกให้เขารีบเข้านอนก็พอ” เสียงทุ้มกล่าวเรียบ ๆ แต่น้ำเสียงนั้นทำให้คนฟังรู้สึกว่าเขากำลังยิ้มให้ แต่เป็นยิ้มแบบไหนนั้นเธอยังไม่แน่ใจ
“แค่นั้นหรือคะ แล้วหนูต้องทำอะไรไหม” เธอถามต่อ เพราะนึกไม่ออกว่าเพียงให้ชายหนุ่มรีบเข้านอนแล้วจะไปดูบั้งไฟได้อย่างไร
“ให้เขาเข้านอนก่อน หลังจากนั้นฉันจะบอกอีกทีว่าเธอต้องทำอะไรบ้าง”
พอชายหนุ่มอาบน้ำแต่งตัวเสร็จทิพาธรณ์ก็บอกให้เขาเข้านอนไวกว่าปกติเล็กน้อย โดยให้เหตุผลว่าเธอมีเซอร์ไพรส์ให้ดู ท่าทางวิญญาณสาวดูตื่นเต้นจริงจัง ไม่เหมือนกับคนหลอกอำเล่น ประกอบกับความอ่อนเพลียจากการท่องเที่ยวหลายสถานที่ตลอดวันทำให้เขายอมนอนไวตามที่เธอขอ หลังจากหัวถึงหมอนไม่นานนัก สติของเขาก็ดับวูบลงราวมีใครปิดสวิตช์
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 1383
- 👍 ถูกใจ
ความคิดเห็น
ขอบคุณครับ เรื่องประนมมือรับพร เพิ่งรู้จักเรื่องนี้เลย
แสดงความคิดเห็น