รักเหนือฝัน มีฉันต้องมีเธอ 10 : ข่าวดีหรือร้าย

-A A +A

รักเหนือฝัน มีฉันต้องมีเธอ 10 : ข่าวดีหรือร้าย

       มืด! รอบตัวมืดไปหมด ไม่สามารถมองเห็นอะไรอื่นได้นอกจากเงามือตนเอง ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน หลังจากหัวถึงหมอนไม่นานสติก็ดับวูบ พอรู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ในที่มืด ๆ อย่างนี้เสียแล้ว ขณะกำลังยืนมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทันใดเสียงหนึ่งก็แว่วมาให้ได้ยิน จิ้งหรีดกลางคืนร้องระงมอยู่ที่ไหนสักแห่งไม่ไกลนัก ตามด้วยอีกเสียงที่คุ้นหูมาระยะหนึ่ง ทว่าครั้งนี้มันใสชุ่มกังวานหูกว่าทุกครั้ง

 

       “คุณณัดฐ์”

 

ทิพาธรณ์ นั่นเสียงเธอ เขาจำได้แม่น

 

       “เดินมาทางนี้ค่ะ”

 

คราวนี้เสียงดังราวกับอยู่ข้างกาย ก่อนมือจะรู้สึกถึงสัมผัสบางอย่างจับหมับเข้าให้แล้วจูงก้าวไปข้างหน้า เพียงสองสามก้าวเท่านั้นแสงสีทองจุดเล็ก ๆ ก็ปรากฏต่อสายตาอยู่ไกล ๆ ยิ่งเดินเข้าไปใกล้จุดกระจิ๊ดนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น จนมีขนาดกว้างมากพอให้เขาและใครอีกคนก้าวเข้าไป

 

       เพียงไม่นาน เมื่อทะลุเข้าแสงสว่างนั้นมา ภาพสิ่งแวดล้อมรอบตัวก็เปลี่ยนไป สิ่งที่เห็นเบื้องหน้าบัดนี้คือลูกไฟสีแดงอมชมพูพุ่งลอยขึ้นมาเหนือน่านน้ำใหญ่สายหนึ่ง มองเลยออกไปไกลพอควร อีกฟากแม่น้ำเป็นแผ่นดินใหญ่ ซึ่งชายหนุ่มไม่แน่ใจว่ายังจะใช่เขตรับผิดชอบของไทยอยู่หรือไม่ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดกับตนเองรวดเร็วและแปลกประหลาดเกินกว่าสมองจะประมวลได้ทันว่าอะไรคืออะไร กระทั่งเสียงข้างตัวที่เขาลืมไปชั่วครู่เอ่ยขึ้นด้วยความเบิกบาน

 

       “ที่นี่ริมน้ำโขงค่ะ ที่คุณณัดฐ์เห็นข้างหน้าคือบั้งไฟพญานาคไงล่ะคะ” คำเฉลยนั้นทำให้ร่างกายชายหนุ่มขนลุกซู่ขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ก่อนจะรู้ตัวว่ามันคือความรู้สึกพิศวงที่มีต่อลูกไฟที่เห็นนั่นเอง เขายืนนิ่ง ตั้งสติอยู่เดี๋ยวหนึ่ง พอสติรวมตัวมากแล้วก็ถามออกมาด้วยความสงสัย

 

       “ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันครับ” สายตาหันมองหญิงสาวด้านข้างอย่างรอคำอธิบาย ตอนนี้เธออยู่ในชุดใหม่ที่เขาไม่เคยเห็น

 

       “ตอนนี้คุณอยู่ในความฝันที่ทุกอย่างรอบตัวเสมือนจริง เพราะการดลบันดาลของท่านผู้นั้นค่ะ ฉันก็ใช้เทคนิคบางอย่างที่ท่านแนะนำจึงเข้ามาในฝันของคุณได้” ทิพาธรณ์ตอบด้วยรอยยิ้มสดใส ดูเหมือนเธอจะดีใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นพอสมควร

 

       “ท่านผู้นั้น?” เจ้าของร่างสูงกว่าทวนคำพลางขมวดคิ้ว

 

       “ท่านที่ส่งฉันมาอยู่กับคุณไงคะ” เธออธิบาย

 

       “เขามีพลังอำนาจขนาดนั้นเลยหรือครับ” เขาสงสัย คำถามของชายหนุ่มทำให้ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวของทั้งสองคน ก่อนวิญญาณสาวจะตอบ

 

       “คงจะอย่างนั้นค่ะ” พูดพลางสีหน้าก็ครุ่นคิดอะไรบางอย่างไปด้วย

 

       “นี่เป็นความคิดของเขาหรือครับ” ชวณัดฐ์หมายถึงที่พาเขามาเห็นอะไรในความฝันนี้ คนร่างบางก็พยักหน้ารับ

 

       “พอดีก่อนหน้านี้ ตอนที่ฉันรอคุณอาบน้ำอยู่ ในโทรทัศน์ออกข่าวบั้งไฟพญานาคค่ะ ฉันคิดอยากจะมาเห็นกับตานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสเหมาะสักที และคิดว่าถ้าพาคุณมาดูด้วยคุณคงจะแปลกใจพิลึก” รอยยิ้มเธอหายไปเหลือเพียงสีหน้าเรียบปกติ ส่วนชวณัดฐ์เมื่อฟังแค่นั้นก็ปะติดปะต่อเรื่องเองได้

 

       “เห็นแล้วเป็นยังไงบ้างคะ” น้ำเสียงดูแฝงความกังวลเล็กน้อย กลัวคนที่ตั้งใจหาเรื่องมาเซอร์ไพรส์จะไม่ถูกใจ

 

       “แปลกดีครับ” ชายหนุ่มหันกลับไปมองแม่น้ำสายใหญ่ภายใต้ท้องฟ้าสดใสมีแสงดาวพร่างพราย ก่อนมองลูกไฟสามสี่ลูกที่พุ่งขึ้นเหนือแม่น้ำหลายเมตรแล้วหายไปอย่างพิจารณา

 

       “คุณเคยเห็นพญานาคไหมครับ” เขาถามต่ออย่างชวนคุย บรรยากาศรอบตัวตอนนี้กำลังเย็นสบาย นอกจากเสียงจิ้งหรีดกลางคืนร้องก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดให้ได้ยินอีก ทุกอย่างอยู่ในความสงบกับสายน้ำที่ไหลไป

 

       “ไม่เคยเห็นมั้งคะ” เสียงใสตอบแบ่งรับแบ่งสู้ ก่อนอธิบายต่อตามความเข้าใจส่วนตัว

 

       “คิดว่าถึงเห็นอาจแยกไม่ออกว่าไหนเทวดา ไหนพญานาคแปลงกาย เพราะเหล่าพญานาคสามารถให้เราเห็นในสภาพมนุษย์งดงามได้ค่ะ แต่ดูดี ๆ จะไม่สวยเท่าพวกเทพ เพราะบารมีและเผ่าพันธุ์คนละระดับกัน”

 

       ชวณัดฐ์หันมองหน้าคนข้างกายอีกรอบ

 

       “คุณรู้ดีจังเลยครับ”

 

       อีกฝ่ายยิ้มให้

 

       “ก็ฉันชอบพวกเรื่องลึกลับอยู่แล้วนี่คะ เลยได้ศึกษาพอควร” เธอบอก

 

       ทั้งคู่โดยเฉพาะทิพาธรณ์ลืมไปสนิทว่ามือข้างหนึ่งของตนเองยังจับมือชายหนุ่มรูปหล่อข้าง ๆ อยู่ ขณะคุยกันก็ยังจับมือเขาอยู่อย่างนั้นโดยไม่รู้ตัว

 

       “ว่าแต่ผมจะต้องยืนอยู่อย่างนี้นานไหมครับเนี่ย” ศัลยแพทย์หนุ่มถามขึ้นมา เห็นท่าวิญญาณสาวจะอยู่ตรงนี้สักพักเลยเกรงว่าถ้าต้องยืนตลอดคงเมื่อยพอดี

 

       “โถ่ เมื่อยก็นั่งได้สิคะ” ประโยคนั้นทำให้เขาต้องหันข้างก้มมองพื้น เห็นว่าเป็นพื้นดินก็มีทีท่าชั่งใจขึ้นมา

 

       “คุณหมอนี่อนามัยจัดจริง ๆ นะคะ เฮ้อ!” เธอเห็นอย่างนั้นก็อดบ่นไม่ได้ ก่อนจะเพิ่งรู้สึกว่ามือข้างหนึ่งของตนเองกำลังจับอะไรบางอย่างอยู่ ประจวบกับที่ชายหนุ่มตอบกลับมาพอดี

 

       “ชุดผมเป็นสีขาวนะคุณ นั่งลงไปก็เปื้อนพอดีสิครับ” เขาให้เหตุผล พลางเห็นคนข้าง ๆ ก้มลงมองอะไรบางอย่างจึงมองตาม

 

       “เอ่อ…ขอโทษค่ะ” เธอกล่าวพร้อมคลายมือออกอย่างมีมารยาท

 

       เมื่อกี้ตอนหันก้มมองพื้น ชวณัดฐ์หันไปอีกข้างจึงไม่ทันสังเกต และด้วยความเลือนรางยามราตรีทำให้ไม่มีใครเห็นว่าบัดนี้ใบหน้าเรียวกำลังขึ้นสีแดงจาง ๆ

 

       “จับมือผมเพลินเลยสิครับ” กระเซ้าพลางส่งยิ้มให้ แต่อีกฝ่ายไม่ตอบ กลับเบี่ยงหน้าไปอีกทางด้วยความเขินต่อสายตากรุ้มกริ่มที่มองมา

 

       “ถ้าคุณจะอยู่ตรงนี้นาน ผมยอมนั่งก็ได้ครับ” เขาเปลี่ยนเรื่อง แล้วขยับตัวนั่งลงกับพื้น ได้ยินอย่างนั้นอีกฝ่ายก็หันมามอง จากนั้นก็ย่อตัวลงตามมา

 

       “จะว่าไปก็สวยดีนะเนี่ย” คำพูดต่อมาของเขาเป็นผลให้ร่างบางตัวเกร็งขึ้น ใบหน้าร้อนผ่าว ยิ่งเบี่ยงหน้าหนีจนคอแทบหัก ตามประสาโรคหลงตัวเอง ทำให้คิดไปว่าชายหนุ่มข้างกายกำลังชมตนเองอยู่ ทั้งที่เมื่อกี้ก็เห็นว่าเขาหันกลับไปสนใจแม่น้ำและบั้งไฟตรงหน้าต่อแล้วแท้ ๆ

 

       นั่งไปสักพักเหมือนว่าลูกไฟเบื้องหน้าจะหายเงียบไปนาน คิดว่าคงหมดแล้ว ทิพาธรณ์จึงหันมามองทางชายหนุ่มที่เงียบไปเหมือนบั้งไฟบ้าง ก่อนพบว่าเขานั่งสัปหงกไปแล้ว ท่าทางน่าเอ็นดูเหมือนเด็ก จะตลกก็ตลก จนคนมองแอบยิ้มขำไม่ได้ สงสัยจะเหนื่อยจากการเที่ยวทั้งวันมากจริง ๆ ขนาดในฝันก็ยังหลับได้อีก

 

       เห็นแล้วไม่อยากปลุกเลย แต่ว่าจะพากลับยังไงล่ะ เจ้าของร่างบางคิดในใจ ฉับพลันภาพทิวทัศน์ริมฝั่งโขงก็หายไป เหลือเพียงความมืดรอบด้านเหมือนก่อนหน้าอีกครั้ง เห็นอย่างนั้นหญิงสาวก็ตกใจนิด ๆ แต่ไม่กี่อึดใจทุกอย่างก็กลับสู่ห้องนอนของชวณัดฐ์ เป็นอันรู้ว่าการท่องเที่ยววันนี้จบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว

 

       เธอเหลือบมองบนเตียงก็พบร่างแข็งแรงหลับใหลอยู่อย่างผ่อนคลาย ลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ รูปหน้าหวานทรงเสน่ห์นั้นเห็นแล้วอดเอ็นดูไม่ได้ บางทีก็รู้สึกว่าเขาเหมือนเด็กคนหนึ่ง ดูคล้ายเข้มแข็ง แต่ภายในโหยหาอะไรบางอย่าง

 

       ขณะกำลังมองหน้าชายหนุ่มเพลิน ๆ อยู่เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นกลางสมอง เสียงทรงอำนาจนั้นกล่าวอะไรบางอย่างกับเธอโดยไม่มีใครสามารถได้ยินข้อความด้วย แต่ละประโยคที่ใครบางคนพูดกับวิญญาณสาวทำให้เธอมีสีหน้าหลากหลายอารมณ์ ทั้งตะลึง ดีใจ ตื่นเต้น และสับสนวุ่นวายใจ หนึ่งในเรื่องที่บางคนกล่าวกับเธอคือเรื่องของศัลยแพทย์สาวเพื่อนของแฟนเก่าชายหนุ่ม ผู้หญิงคนนั้นอาจจะมาทำให้เขาไม่มีใจอยากช่วยเธอกลับเข้าร่าง ดังนั้นจึงต้องทำอะไรสักอย่าง แต่ยังไม่รู้ว่าควรทำดีหรือไม่

 

       เวลานี้เสียงนั้นหายไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงความคิดที่ตีกันยุ่งในหัวทิพาธรณ์ ดวงตากลมโตหันมองคนที่กำลังหลับสบายด้วยแววตาหลากอารมณ์ก่อนเดินเข้าไปหา หัวใจเต้นโครมครามในอก และอีกเรื่องหนึ่งที่เธอเพิ่งทราบ แม้ไม่แน่ใจว่าเป็นความจริงหรือไม่ ก็อดให้หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะไม่ได้เมื่อใกล้เขาขนาดนี้

 

       ตะวันกลมโตค่อย ๆ โผล่ขึ้นจากขอบฟ้า เหล่าสรรพสัตว์นานาล้วนตื่นมารับวันใหม่ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ ตราบใดที่ยังมีวันพรุ่งนี้ทุกอย่างก็เริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

 

       วันนี้ศัลยแพทย์หนุ่มตื่นสายกว่าปกติ แต่ก็ทันเวลาไปทำงานพอดี โดยมีวิญญาณสาวช่วยปลุก เนื่องจากเมื่อวานรู้ดีว่าเขาเที่ยวจนเพลียแค่ไหน พอถึงเวลาที่เขาควรตื่นมาออกกำลังกายและเห็นเขายังนอนหลับตาพริ้มอยู่เธอจึงเลือกยังไม่ปลุก อยากให้เขาได้พักผ่อนเต็มที่สำหรับลุยงานต่อ ดังนั้นรอจนใกล้เวลาที่เขามักจะกลับจากออกกำลังกายมาอาบน้ำเปลี่ยนชุดนั่นแหละเธอจึงค่อยปลุกเขาขึ้นมาเตรียมตัว

 

       ชวณัดฐ์ยังคงทำงานแข็งขันเหมือนทุกวัน ส่วนทิพาธรณ์ก็คอยตามเขาเป็นระยะ ๆ แต่ไม่ทุกที่เหมือนก่อนหน้านี้ เพราะเห็นเขาพอจัดการกับความเศร้าของตนเองได้บ้างแล้ว

 

       ตกเย็นชายหนุ่มก็เข้าคลินิกต่อ เมื่อคืนท่านผู้นั้นเพิ่งเตือนเธอยังไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงก็เหมือนว่าสิ่งที่เขาพูดจะไม่แคล้วเป็นความจริง

 

       ก๊อกๆๆ!

       เสียงเคาะดังหน้าประตู ศัลยแพทย์หนุ่มที่กำลังจัดเตรียมอุปกรณ์การแพทย์อยู่ได้ยินจึงขานรับ แล้วประตูก็เปิดเข้ามาพร้อมกับการปรากฏตัวของศัลยแพทย์สาวคนนั้น คนที่ท่านผู้นั้นเตือนว่าเธอจะมาทำให้คนที่ตนเองติดตามอยู่เปลี่ยนใจไม่อยากช่วยแล้ว

 

       “ขอโทษที่มารบกวนค่ะ พอดีองุ่นซื้อสตรอว์เบอร์รีกับน้ำมะพร้าวมาฝากค่ะ” ในมือข้างหนึ่งของหญิงสาวถือลูกมะพร้าวเฉาะหัวแล้ว และคล้องถุงพลาสติกใส่แก้วสตรอว์เบอร์รีสีแดงลูกโตไว้ที่ข้อมือเดินตรงเข้ามาหาที่โต๊ะพร้อมรอยยิ้มสวย

 

       “ขอบคุณครับ” ชวณัดฐ์เงยหน้ามากล่าวแค่นั้นก็ไม่ได้สนใจเธอต่อ ก้มหน้าจัดเตรียมอุปกรณ์และสถานที่ต่อไป

 

       ศัลยแพทย์สาวเห็นอย่างนั้นก็ขัดใจนิดหนึ่ง แต่ก็พยายามสงบอารมณ์ทำหน้ายิ้มแย้มเข้าไว้ แล้วตัดสินใจเป็นฝ่ายชวนเขาคุยเสียเอง

 

       “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ นะคะณัดฐ์ เดี๋ยวเดือนหน้าก็ลอยกระทงแล้ว ถัดจากลอยกระทงก็คริสต์มาส เลยคริสต์มาสไปก็ปีใหม่ ที่แย่คือองุ่นไม่มีใครให้ควงไปเที่ยวงานพวกนั้นเลย แย่จังเลยนะคะ” ท้ายประโยคคนพูดจงใจทอดเสียงอ่อยให้ดูน่าสงสาร

 

       ศัลยแพทย์หนุ่มเหลือบตามองเธอเล็กน้อย พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายพยายามสื่ออะไรบางอย่างกับเขา ก่อนจะกล่าวปลอบอย่างเสียไม่ได้

 

       “มีคนมากมายรอให้องุ่นออกปากชวน แค่คุณไม่สนใจพวกเขามากกว่านะครับ” เขาพูดเรียบ ๆ

 

       “แล้วณัดฐ์ล่ะคะ ลอยกระทงปีนี้จะชวนใครไปหรือคะ” หญิงสาวลองถามหยั่งเชิง

 

       “ผมอาจไม่ไปก็ได้ครับ” ชวณัดฐ์ส่งยิ้มน้อย ๆ ให้

 

       “อยู่แต่กับห้องทั้งที่คนอื่นเขาสนุกกันน่ะหรือคะ องุ่นว่าไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ยังไงเราสองคนก็ไม่มีคนควงทั้งคู่ ถ้าจะไปเที่ยวด้วยกันก็เป็นอะไรที่ไม่เลวนะ” หญิงสาวตัดสินใจมองหน้าเขาตรง ๆ ขณะพูดประโยคนี้ออกไป ในใจก็เต้นระทึก ลุ้นว่าคนตรงหน้าจะตอบรับหรือปฏิเสธอย่างไร

 

       “ขอดูก่อนนะครับ” เขาส่งยิ้มให้อีกครั้ง แก้มเนียนมีลักยิ้มบุ๋มลงไปดูน่ารักน่าหยิกไม่น้อย

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ tor

อย่าปล่อยให้คนอื่นแย่งไปได้นะ 55

หาวิธีหลอกให้กลัวไปเลย

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.