บทที่ 239: ข้าจะช่วยเจ้า
หลังจากที่เซียวถังอี้กล่าวเช่นนั้น มู่ไป๋ไป่ก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันชัดเจนมากขึ้น
เหตุใดซูหว่านจึงยืนกรานว่าตนเองเป็นคนทำร้ายลี่เฟย และไม่ยอมให้เธอทำการสอบสวนต่อไป
ทำไมลี่เฟยถึงได้ตกเลือดถึงขั้นสูญเสียบุตรกะทันหัน
ที่แท้ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะตัวเธอนั่นเอง
“ราชครูคนนั้นพยายามจะบอกว่าข้าเป็นคนสร้างหายนะให้กับแคว้นเป่ยหลงเช่นนั้นหรือ?” มู่ไป๋ไป่หัวเราะเยาะ “ช่างน่าขันยิ่งนัก องค์หญิงคนนี้เป็นดาวนำโชคของเป่ยหลงต่างหาก!”
“คำคนมันน่ากลัว” เซียวถังอี้พูดขึ้นมาเสียงเรียบ “หลายครั้งความจริงอาจไม่สำคัญว่าจะเป็นเช่นไร สิ่งสำคัญก็คือผู้คนมองมันอย่างไร”
เด็กหญิงที่ได้ยินดังนั้นเงียบไปทันที
ใช่ สิ่งที่เจ้าสัตว์ประหลาดพูดนั้นถูกต้อง
ไม่ต้องพูดถึงว่าราชครูเอ่ยวาจาไร้สาระต่อหน้าท่านพ่อของเธออย่างไร ถ้าทุกคนรู้ว่าเธอสามารถพูดคุยกับสัตว์ได้ มันคงจะทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัวอย่างแน่นอน
พอถึงเวลานั้นคงจะมีคนออกมาต่อต้านเธอและบอกว่าเธอเป็นมนุษย์ต่างดาวเป็นแน่แท้
ขอเพียงราชครูใช้โอกาสนี้บอกทุกคนว่าผู้ที่เป็นต้นเหตุที่จะทำให้แคว้นเกิดภัยพิบัตินั้นคือองค์หญิงหก เธอที่มีแค่ปากเดียวคงไม่สามารถต่อกรกับปากหลายร้อยหลายพันปากได้
“เช่นนั้นท่านแม่ก็ต้องการ…” มู่ไป๋ไป่พูดยังไม่ทันจบประโยคก็รู้สึกแสบตาเล็กน้อย
“ถ้าข้าจำไม่ผิด หว่านผินต้องการใช้โอกาสนี้ให้ฝ่าบาทขังพวกเจ้าไว้ในตำหนักเย็น” เซียวถังอี้วิเคราะห์ออกมาช้า ๆ “เพราะเจ้าถอยออกไปจากสายตาของทุกคน แม้ว่าราชครูจะพูดอะไร แต่สุดท้ายแล้วเจ้าที่เพิ่งถูกลงโทษจะได้รับการไว้ชีวิตจากเสด็จพ่อของเจ้า”
“ไม่มีทาง!” เด็กหญิงโต้กลับทันควัน “ท่านพ่อรักข้ามาก เขาจะไปฟังคำพูดมั่วซั่วของราชครูที่ไม่รู้ที่มาคนนั้นได้อย่างไร!”
“เจ้าคิดเช่นนั้นจริง ๆ หรือ?” เด็กหนุ่มหรี่ตามองคนตัวเล็ก ทำให้หางตาที่อยู่ภายใต้หน้ากากสีเงินดูมีเสน่ห์น่ามองมากยิ่งขึ้น “ก่อนที่พ่อของเจ้าจะได้ขึ้นครองราชย์ เขาได้ปฏิญาณตนเอาไว้ว่า…”
“กษัตริย์ต้องรับผิดชอบต่อชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วนในแว่นแคว้น”
“เจ้าคิดว่าเขาจะกล้ารับความเสี่ยงนี้หรือไม่?”
มู่ไป๋ไป่ที่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายถึงกับพูดไม่ออก
ทุกวันนี้เธอใช้ชีวิตราบรื่นจนลืมสิ่งที่ทุกคนเรียกขานท่านพ่อของเธอว่า ‘กษัตริย์ผู้โหดเหี้ยม’ ไปเสียสนิท
ไม่ว่าตอนนี้มู่เทียนฉงจะให้ความสำคัญกับเธออย่างไร แต่นั่นเป็นเพราะมันไม่มีผลประโยชน์ของแคว้นเป่ยหลงเข้ามาเกี่ยวข้อง
หากวันหนึ่ง เธอกับผลประโยชน์ของแคว้นเป่ยหลงยืนอยู่คนละฝั่งกันขึ้นมาจริง ๆ ชายคนนั้นจะยังคงสนับสนุนเธออย่างไร้เงื่อนไขเหมือนที่เขาทำอยู่ตอนนี้หรือไม่?
มู่ไป๋ไป่ไม่มีคำตอบ และไม่กล้าคิดเรื่องนี้ต่อไปด้วยเช่นกัน
“แต่ถึงอย่างนั้น… ข้าจะปล่อยให้ท่านแม่ของข้าถูกตัดสินว่ามีความผิดในเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด” เด็กหญิงพูดพลางขยี้ปลายจมูกที่รู้สึกร้อนผ่าว “ในเมื่อราชครูมาที่นี่เพราะข้า เช่นนั้นข้าก็จะยอมรับการท้าทายนี้”
“ท่านแม่ของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์…”
“นอกจากนี้ ท่านยังบอกเองว่าราชครูพุ่งเป้ามาที่ข้า และลี่เฟยก็สูญเสียบุตร วิธีการที่ท่านแม่ของข้าคิดอาจจะไม่ได้ผล”
เซียวถังอี้มองดูใบหน้าที่ทั้งน่ารักและเย่อหยิ่งของเจ้าตัวเล็กพร้อมกับมีความรู้สึกชื่นชมในดวงตาของเขา “เจ้าคิดจะสอบสวนเรื่องนี้จริง ๆ หรือ เจ้าคิดชัดเจนแล้วหรือยัง? หากพบความจริง หรือราชครูกล่าวในภายหลังว่าเจ้าเป็นต้นเหตุของภัยพิบัติ ชีวิตเจ้าอาจจะสูญสิ้นได้”
“ถ้าข้าแพ้ ข้าก็จะยอมรับ” แววตาของมู่ไป๋ไป่แสดงออกถึงความแน่วแน่ “18 ปีต่อมา องค์หญิงคนนี้กลายเป็นคนดีอีกครั้ง!”
*สำนวน 18 ปีต่อมา เขากลายเป็นคนดีอีกครั้ง เป็นความเชื่อโชคลางว่าผู้คนสามารถกลับชาติมาเกิดได้ทันทีหลังความตาย ดังนั้นหลังจากผ่านไปอีก 18 ปี พวกเขาจึงกลับมาเป็นคนดีอีกครั้ง ซึ่งเอ่ยถึงคนที่ไม่กลัวความตาย
อย่างไรก็ตาม นี่ก็นับได้ว่าเป็นการกลับมามีชีวิตเป็นครั้งที่ 2 ของเธอ ดังนั้นเธอไม่มีอะไรต้องเสียใจอีก
“ฮ่า ๆๆ!” เซียวถังอี้เงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงดัง “เป็นคำพูดที่ดีจริง ๆ 18 ปีต่อมา เขากลายเป็นคนดีอีกครั้ง”
มู่ไป๋ไป่ไม่เคยเห็นเจ้าสัตว์ประหลาดหัวเราะเช่นนี้มาก่อน เธอจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ท่านหัวเราะทำไม ข้าพูดอะไรผิดไปหรือ?”
“ไม่ผิด” เด็กหนุ่มลดสายตาลง ในขณะที่ดวงตาของเขาดูอ่อนโยนมากยิ่งขึ้นภายใต้เงาสะท้อนของหิมะ “นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการ”
ดวงตาของเด็กหญิงเป็นประกายทันทีที่ได้ยินดังนั้น “เสด็จอาเล็ก นี่หมายความว่าในครั้งนี้ท่านจะช่วยข้าหรือ?”
“ใช่” เซียวถังอี้เดินออกจากตำหนักไปโดยเอามือไพล่หลังและมุ่งหน้าไปยังห้องทรงพระอักษรของฮ่องเต้ “ทางฝั่งเสด็จพ่อของเจ้าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า เจ้าเพียงแค่ไปสืบสวนให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ของเจ้ากับลี่เฟย”
“ตกลง!” มู่ไป๋ไป่ตอบรับพร้อมกับรีบวิ่งตามเขาไป “เสด็จอาเล็ก ข้าขอยืมองครักษ์ของท่านได้หรือไม่ ตอนนี้ข้าไม่มีใครที่มีฝีมือพอจะช่วยข้าได้”
“ได้” เสียงของเด็กหนุ่มดังมาจากที่ไกล ๆ
หลังจากคนตัวเล็กได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย เธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาอย่างยิ่ง
แม้ว่าสิ่งที่เซียวถังอี้พูดเมื่อครู่นี้จะทำให้เธอหวาดกลัวจับใจ แต่แล้วเธอก็คิดถึงว่าเขาเป็นเทพสงครามที่ได้รับการยอมรับจากทุกคนในเป่ยหลง
ขอเพียงเธอกอดต้นขาของคนผู้นี้เอาไว้ให้แน่น ใครจะกล้าแตะต้องเธอกัน?
“องค์หญิงหก แล้วเราจะทำอย่างไรกันต่อไปเพคะ?” หลัวเซียวเซียวที่ยกชายกระโปรงเดินเข้ามาหามู่ไป๋ไป่ถามขึ้น
“กลับตำหนักอิ๋งชุน!” เด็กหญิงยกมุมปากขึ้น “เราไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะ ข้าวิ่งวุ่นมาเกือบทั้งคืน หิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย”
หากได้กินดื่มจนพอใจ เธอก็จะมีแรงสืบสวนต่อไป
“เพคะ!” หลัวเซียวเซียวผ่อนคลายลงเมื่อเห็นรอยยิ้มขององค์หญิงหก “หม่อมฉันจะกลับไปแจ้งให้ทุกคนเตรียมสำรับให้พระองค์เพคะ”
…
ขณะเดียวกัน ในตำหนักลี่เฟย
ในห้องที่อบอุ่น ลี่เฟยค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียง ใบหน้าของนางซีดเซียว ทว่าแววตากลับไร้ความโศกเศร้า
“ฟื้นแล้วหรือ?” ชายชราคนหนึ่งเดินหลังค่อมออกมาจากหลังม่าน “ทุกอย่างเป็นไปตามแผน”
“เยี่ยมมาก!” ลี่เฟยดีใจมากที่ได้เห็นอีกฝ่าย “ท่านอาจารย์ เรื่องในครั้งนี้ต้องขอบคุณท่าน”
“มันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น” ชายสูงวัยนั่งลงข้างเตียงก่อนจะกล่าวว่า “แต่เดิมยาที่ข้าเคยให้เจ้าไปก่อนหน้านี้ ถ้าเจ้าอยากจะตั้งครรภ์ มันต้องแลกมากับการที่เจ้าเสพสังวาสกับบุรุษจนกว่าร่างกายของเจ้าจะเต็มไปด้วยพลังหยาง ถึงเวลานั้นเจ้าจะสามารถตั้งครรภ์ได้”
“แต่หากผิดพลาดไป เจ้าอาจจะตั้งครรภ์ลูกของคนอื่นเช่นนี้”
หญิงสาวกัดริมฝีปากของตัวเองแน่นแล้วกล่าวว่า “ถ้ามู่ไป๋ไป่ไม่เข้ามาทำลายแผนการของข้า เด็กคนนี้ก็ควรจะเป็นลูกของฝ่าบาท ข้าวางแผนมานานหลายปี ในที่สุดข้าก็ได้เด็กคนนี้มา…”
“แต่ถ้าข้าสามารถแลกชีวิตของเด็กคนนี้กับมู่ไป๋ไป่ได้แล้วละก็ ข้าก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่ายิ่งนัก”
“ท่านอาจารย์ ในวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกับมู่เทียนฉง? เขาเชื่อที่ท่านพูดหรือไม่?”
“ข้าได้ทำทุกอย่างตามแผนการแล้ว แต่เขาไม่เชื่อ” ชายชราที่ได้รับตำแหน่งราชครูลูบเคราของเขาเบา ๆ “ข้าทำให้ฝนตกต่อหน้าเขาถึง 3 ครั้ง เหตุใดเขาถึงยังไม่เชื่อข้าอีก”
“คงเป็นเพราะเขารักองค์หญิงหกสุดหัวใจ ตอนนี้จึงไม่ใช่เวลาที่เราจะพูดออกไปตามตรงว่าองค์หญิงหกเป็นต้นเหตุของภัยพิบัติ”
“การที่เจ้าตกเลือดถึงขั้นสูญเสียบุตรในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี”
“สำหรับหว่านผิน เพื่อที่จะปกป้ององค์หญิงหก นางไม่มีทางบอกความจริงออกไปอย่างแน่นอน ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ให้นางไปสารภาพต่อหน้าฝ่าบาท”
“ตอนนั้นเองข้าถึงจะออกหน้าบอกว่านางเป็นต้นเหตุของภัยพิบัติได้”
“ยอดไปเลย!” ลี่เฟยปรบมืออย่างตื่นเต้น “มู่ไป๋ไป่ทำให้ตระกูลหลัวของข้าต้องย่อยยับ ถ้าข้าไม่ล้างแค้น ข้าก็ไม่ขออยู่เป็นคนอีกต่อไป”
“เอาเถอะ เจ้าเพิ่งตกเลือดไป ดังนั้นเจ้าอย่าได้ออกแรงมากเกินไป” ราชครูกล่าวจบแล้วก็ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็นำหมวกขึ้นมาปิดบังใบหน้าที่แก่ชราของตัวเอง “เจ้าพักผ่อนให้มาก ๆ อีกไม่นาน มู่ไป๋ไป่ก็จะต้องตาย”
คืนนั้นเป็นค่ำคืนที่หิมะตกหนักมากกว่าปกติ แต่ในวังหลวงกลับไม่สงบ
เซียวถังอี้กับมู่เทียนฉงพูดคุยกันในห้องทรงพระอักษรอยู่ทั้งคืน
ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาหารือกันเรื่องอะไร พวกเขารู้แค่ว่าท่านอ๋องเซียวมีสีหน้าไม่ดีหลังจากที่เขาออกมาในเช้าวันรุ่งขึ้น
และเช้าวันนั้นฝ่าบาทก็ไม่ได้เข้าประชุมเช้า
รวมถึงยังไม่มีใครไม่รู้เรื่องที่หว่านผินผลักลี่เฟยจนนางสูญเสียบุตร ทันใดนั้นทุกคนในท้องพระโรงก็คาดเดาว่าคงจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในวังหลังอีกครั้ง
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: โหหหห คดีพลิก ลี่เฟยโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้เลย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 88
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น