บทที่ 64: ถึงเวลาแสดงฝีมือการเล่นละครแล้ว
“เจ้าไม่โกรธแค้นลี่เฟยหรือ?” มู่เทียนฉงอุ้มลูกสาวมานั่งบนตักของเขา และมองนางอย่างสำรวจ “คนที่อยากจะทำร้ายเจ้า คนที่เกือบจะฆ่าสหายร่วมเรียนของเจ้าก็คือหลานชายของนาง”
มู่ไป๋ไป่คิดว่าตัวเองจะไม่แค้นใจก็เป็นไปไม่ได้ แต่อีกใจก็ยังรู้สึกว่าลี่เฟยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ถึงกระนั้น เธอก็ไม่สามารถพูดมันออกไปต่อหน้าท่านพ่อได้อยู่ดี มิฉะนั้นแผนการทั้งหมดของเธอก็จะพังลง
“ไม่โกรธเพคะ” เด็กหญิงปรับสีหน้าของตัวเอง กะพริบตากลมโตที่ไร้เดียงสาและตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “แม้ว่าไป๋ไป่จะยังเด็ก แต่ไป๋ไป่ก็ยังสามารถแยกแยะเรื่องผิดถูกได้ คนชั่วก็เช่นกัน เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับลี่เฟย ไป๋ไป่คงจะรู้สึกผิดเช่นนี้ไปตลอดหากไป๋ไป่ไม่ได้ไปขอโทษนางด้วยตัวเอง”
คำพูดเหล่านี้ทำให้มุมปากของมู่เทียนฉงค่อย ๆ ยกขึ้น ในที่สุดเขาก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข “เอาเถอะ สมกับเป็นลูกสาวของเราจริง ๆ เจ้าเป็นคนที่รู้ความและมีเหตุผลมาก ดูเหมือนว่าการที่เจ้าไปร่ำเรียนที่ศาลาหมิงหลี่จะไม่ได้สูญเปล่า”
“ท่านพ่อชมไป๋ไป่เกินไปแล้ว” มู่ไป๋ไป่รีบคว้าโอกาสนี้อย่างรวดเร็ว “ไป๋ไป่มาที่นี่ก็เพื่อขออนุญาตจากท่านพ่อ หากท่านพ่ออยู่ด้วย ลี่เฟยจะต้องยกโทษให้ไป๋ไป่อย่างแน่นอน”
แน่นอนว่าในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฮ่องเต้หนุ่มจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร เขารู้สึกว่าคำขอของลูกสาวตัวน้อยเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ในตอนที่เป็นเด็ก ถึงจะรู้สึกผิดจนอยากจะขอโทษเพียงใดแต่ก็ยังมีความกลัวอยู่ในใจตามประสา และเด็กจะต้องหาคนที่ใกล้ชิดมาช่วยเหลือเป็นเรื่องธรรมดา
“เอาเถอะ” มู่เทียนฉงลุกขึ้นโดยที่อุ้มมู่ไป๋ไป่ไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะโบกมือเบา ๆ “เสี่ยวอัน ไปตำหนักชิงเหอ”
เมื่ออันกงกงได้ยินเสียงหัวเราะของผู้เป็นฮ่องเต้จากด้านนอก เขาก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น ประกอบกับท่าทีของฝ่าบาทก็เปลี่ยนไปตั้งแต่เหตุการณ์ตระกูลหลัวเกิดขึ้น ทันทีที่เขาได้ยินว่านายเหนือหัวจะเสด็จไปตำหนักชิงเหอ เขาก็แปลกใจยิ่งกว่าเดิม
องค์หญิงหกคนนี้ใช้กลอุบายอะไรถึงทำให้ฝ่าบาททรงเปลี่ยนความคิด?
แน่นอนว่าอันกงกงไม่กล้าถามเหตุผลนี้กับใคร เขาทำได้เพียงระงับความแปลกใจของตัวเองและรีบเตรียมการทันที
ในเวลานี้ ลี่เฟยกำลังลากองครักษ์คนใหม่ของตำหนักมาเกี้ยวพาราสี โดยที่นางไม่รู้ว่ามู่ไป๋ไป่กำลังพามู่เทียนฉงมาที่ตำหนักชิงเหอ
หลังจากกินยาลับแล้ว นางก็รู้สึกเหมือนกำลังหลงอยู่ในวิมานบนสรวงสวรรค์ แม้แต่ความคิดของนางก็ไม่ชัดเจน และนางก็อยากจะเคลื่อนกายที่อยู่เหนือองครักษ์หนุ่มให้เร็วขึ้นเรื่อย ๆ
“พระสนม พระสนม แย่แล้ว!” จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูเรียกให้ลี่เฟยหลุดออกจากภวังค์ แต่นางก็ทำเป็นไม่สนใจ จึงกลายเป็นองครักษ์ที่อดไม่ได้ที่จะห้ามพร้อมกับเตือนนางว่ามีนางกำนัลกำลังเคาะประตูเรียกอยู่
เวลานี้เฟิงหลิงที่อยู่หน้าประตูกำลังเป็นกังวลมาก แต่นางไม่กล้าผลักประตูเปิดเข้าไปข้างในเช่นกัน นางทำได้เพียงตะโกนอยู่ข้างนอก “พระสนม ฝ่าบาทเสด็จมาที่นี่เพคะ! พระองค์กำลังมาถึงทางเข้าตำหนักชิงเหอแล้ว อีกไม่นานก็คงมาถึงที่นี่!”
จากนั้นเสียงภายในห้องก็เงียบลง ก่อนจะมีเสียงดังคล้ายของหนัก ๆ ตกลงบนพื้น
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ!?” ประตูถูกเปิดจากด้านในเผยให้เห็นลี่เฟยที่อยู่ในสภาพไม่เรียบร้อย นางมองไปที่คนพูดแล้วลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว
“ในตอนที่ฝ่าบาทกำลังจะเสด็จ ขันทีที่ทำหน้าที่เฝ้าอยู่ที่อุทยานหลวงมารายงานว่าเขาเห็นฝ่าบาทกับองค์หญิงหกกำลังเสด็จมาที่ตำหนักชิงเหอเพคะ” เฟิงหลิงรายงานอย่างรวดเร็ว “โชคดีที่ขันทีคนนั้นรีบมารายงานพวกเราก่อน หม่อมฉันจึงรีบมาที่นี่เพื่อแจ้งข่าวให้แก่พระสนมทราบ”
“จากที่หม่อมฉันประเมิน ฝ่าบาทจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้”
“เราจะทำอย่างไรดีเพคะ?”
ลี่เฟยเองก็อยากจะถามว่าต้องทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ถูกสังเกตเห็น ปกตินางมักจะเลือกเรือนที่ตั้งอยู่ไกลที่สุดในตำหนักชิงเหอเพื่อทำสิ่งนั้น และจากที่นี่ไปจนถึงห้องโถงด้านหน้าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งก้านธูป
ยิ่งไปกว่านั้น ปัจจุบันนางตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หากนางไม่อาบน้ำชำระล้างร่างกายเสียก่อนที่จะไปพบมู่เทียนฉง อีกฝ่ายคงจะสามารถมองออกได้ว่านางกำลังทำอะไรลับหลังเขา
หญิงสาวเดินวนไปมารอบ ๆ ในขณะที่คิดหาวิธี ทำให้นางละเลยปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจากฤทธิ์ของยา หลังจากนั้นไม่นานนางก็ปลอบใจตัวเองแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ข้าจัดคนเอาไว้ในห้องโถงด้านหน้าแล้ว พวกเขาน่าจะสามารถรั้งฝ่าบาทเอาไว้ได้ชั่วคราว”
“เฟิงหลิง รีบไปเตรียมน้ำร้อนให้ข้าเร็วเข้า แล้วสั่งให้คนในห้องโถงด้านหน้ารั้งฝ่าบาทเอาไว้ให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ข้าจะรีบไปโดยเร็วที่สุด”
หลังจากเฟิงหลิงได้รับคำสั่งจากผู้เป็นนายแล้ว นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งก่อนจะรีบไปทำตามคำสั่ง
หากความสัมพันธ์ของลี่เฟยกับองครักษ์ถูกค้นพบ พระสนมคงไม่ใช่คนเดียวที่ต้องตกที่นั่งลำบาก ถึงเวลานั้นคงไม่มีนางกำนัลหรือขันทีคนใดในตำหนักชิงเหอที่จะมีชีวิตรอดไปได้
“ลี่เฟย... ฝ่าบาทเสด็จมาที่นี่หรือพ่ะย่ะค่ะ?” องครักษ์ที่อยู่ภายในห้องลุกขึ้นนั่งอยู่ข้างเตียงด้วยความหวาดกลัว
เขาที่ถูกลี่เฟยล่อลวงกลับหน้ามืดตามัวยอมขึ้นเตียงกับนาง แต่ทันทีที่เขาได้ยินว่าฝ่าบาทเสด็จมาที่นี่ เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าตนนั้นได้ทำเรื่องอันตรายโง่ ๆ ลงไปแล้ว
นางเป็นถึงสตรีของฮ่องเต้เชียวนะ
ข้าจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรถ้าข้านอนกับสตรีของฮ่องเต้?
เมื่อหญิงสาวเห็นว่าใบหน้าขององครักษ์ซีดเผือดเพราะความตกใจ นางก็ส่งเสียงเย้ยหยัน “เจ้าจะมารู้สึกผิดอะไรตอนนี้ เมื่อกี้เจ้าเองก็ดูจะมีความสุขมากไม่ใช่หรือตอนที่เจ้ากำลังโยนข้าลงบนเตียง”
ชายหนุ่มรู้สึกอับอายมากจนต้องรีบก้มศีรษะลงและไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ อีก
“เจ้ารีบออกไปซะ” ลี่เฟยเองก็เป็นกังวลมากเช่นกัน นางไม่มีเวลาสนใจอีกฝ่ายขณะโบกมือไล่เขา “หุบปากเอาไว้ให้สนิท ถ้าฝ่าบาทรู้เข้า เจ้าคงรู้นะว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
แล้วองครักษ์คนนั้นก็เหมือนพบหนทางสว่าง เขารีบวิ่งหนีไปทางหน้าต่างโดยไม่มีเวลาสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยด้วยซ้ำ
ขณะเดียวกัน เจ้าส้มที่เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็รีบไปแจ้งมู่ไป๋ไป่
ในเวลานี้ สองพ่อลูกกำลังนั่งจิบชาอยู่ในห้องโถงด้านหน้า ท่าทีของเธอยังคงสงบนิ่ง แต่จริง ๆ ในใจของเธอกระวนกระวายมากเพราะกลัวว่าหากล่าช้าไปกว่านี้ ลี่เฟยจะมีโอกาสหลบหนีไปได้
เด็กหญิงสอดส่ายสายตาไปมาและจงใจถามมู่เทียนฉงที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “ท่านพ่อ ทำไมลี่เฟยถึงยังไม่ออกมาต้อนรับท่านล่ะ เป็นเพราะว่านางยังโกรธอยู่หรือไม่?”
นางกำนัลที่รออยู่ด้านข้างได้ยินดังนี้ก็หัวใจเต้นรัว นางจึงรีบเข้ามาอธิบายว่า “องค์หญิงหก จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไรเพคะ ช่วงเวลานี้พระสนมมักจะนอนงีบพักสายตา แต่ฝ่าบาทกับองค์หญิงหกเสด็จมาที่นี่อย่างกะทันหัน ตอนนี้พวกหม่อมฉันได้ส่งคนไปปลุกพระสนมแล้วเพคะ”
“องค์หญิงหกโปรดรอสักครู่ ลี่เฟยจะมาที่นี่ในอีกไม่ช้าเพคะ”
มู่ไป๋ไป่คิดว่าหากเธอต้องทนรออยู่เฉย ๆ แบบนี้ต่อไป อีกฝ่ายอาจจะซ่อนชู้ของตัวเองเอาไว้จนมิด และตามคำบอกเล่าของเจ้าส้ม สถานที่ที่ลี่เฟยทำเรื่องลับหลังกับชู้นั้นเป็นเรือนด้านหลังตำหนัก ดังนั้นคนที่งีบหลับอยู่ในเรือนหลัก ณ เวลานี้ต้องไม่ใช่นางแน่
“ไป๋ไป่ ในเมื่อเจ้ามาที่นี่เพื่อขอโทษนาง เจ้าก็ต้องอดทนรอสักหน่อย” มู่เทียนฉงรู้สึกไม่พอใจที่ลี่เฟยไม่ได้ออกมาต้อนรับตนทันที แต่พอคิดว่าพวกเขาเดินทางมาที่นี่อย่างกะทันหัน เขาจึงไม่รู้สึกโกรธอีก
คนตัวเล็กเม้มริมฝีปากขณะปล่อยให้เวลาเคลื่อนผ่านไป ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ แมวตัวสีส้มก็กระโดดเข้ามาจากทางหน้าต่างเงียบ ๆ แล้วขึ้นไปบนไหล่ของเธอ
“มู่ไป๋ไป่ รีบหน่อย ลี่เฟยกำลังจะมาแล้ว” เจ้าส้มรีบเล่าสิ่งที่มันได้ยินจากเรือนด้านหลัง “ลี่เฟยคนนี้เป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์ นางถึงขั้นสั่งให้คนในห้องโถงด้านหน้ารั้งพวกเจ้าเอาไว้ให้ได้นานที่สุด”
“ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่?” มู่เทียนฉงรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นแมวอ้วน เขากำลังจะเอื้อมมือไปคว้าหลังคอแมวออกจากบ่าของลูกสาว แต่เป้าหมายกระโดดหนีไปเสียก่อน
“เจ้าส้ม ตอนนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว!” มู่ไป๋ไป่กระซิบกับเจ้าส้ม “ถึงเวลาแสดงฝีมือการเล่นละครของเจ้าแล้ว!”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 59
แสดงความคิดเห็น