บทที่ 42: ปวดท้อง

-A A +A

บทที่ 42: ปวดท้อง

วันที่ 15 ของทุกเดือนเป็นวันที่มู่เทียนฉงจะต้องพลิกป้ายเพื่อเลือกชื่อพระสนม

“ท่านพ่อ นี่มันเรื่องอะไรกันเพคะ?” มู่ไป๋ไป่ไม่เข้าใจเหตุผล จึงเกาหัวถามอย่างสงสัย

เมื่อเธอเอื้อมมือออกไปแตะป้ายบนถาด หว่านผินก็คว้ามือของเธอพร้อมส่งสัญญาณว่าอย่าแต่ต้องอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า

“ซนนักนะ” มู่เทียนฉงเองก็ดีดหน้าผากน้อย ๆ ของเด็กหญิงเช่นกัน และในที่สุดก็บอกอันกงกงว่า “หาป้ายของลี่เฟยมา”

วันเกิดของลี่เฟยกำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน แล้วอีกอย่างเขาก็ไม่ได้ไปเยี่ยมเยียนตำหนักชิงเหอมาระยะหนึ่งแล้ว

“พ่ะย่ะค่ะ” 

อันกงกงพลิกป้ายของลี่เฟย และก้าวถอยหลังไปด้วยท่าทางนอบน้อม ก่อนจะสั่งคนให้ไปที่ตำหนักชิงเหอเพื่อให้ลี่เฟยเตรียมตัว

พอมู่ไป๋ไป่เห็นอย่างนี้ ในที่สุดเธอก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่อาจทนเฉยอยู่ได้

นี่เป็นวิธีการเลือกไปเยี่ยมตำหนักพระสนม

ลี่เฟยเป็นผู้หญิงเจ้าชู้ อีกทั้งไม่รู้ว่านางผ่านมือองครักษ์มากี่คนแล้ว

หากนางได้ร่วมหลับนอนกับมู่เทียนฉง มันก็จะทำให้เขาต้องแปดเปื้อน

มู่ไป๋ไป่ขมวดคิ้วแน่นทันที 

ไม่ เธอไม่มีทางปล่อยให้ผู้หญิงสกปรกอย่างลี่เฟยมาสัมผัสพ่อขี้โมโหของเธอแน่นอน

เมื่อเห็นมู่เทียนฉงดื่มชาบ้วนปาก เตรียมตัวจะออกเดินทาง เด็กหญิงก็นึกอะไรออก

เธอกุมท้องตัวเองแล้วส่งเสียงร้องที่เกินจริง 

จากนั้นเธอก็กลิ้งลงจากเก้าอี้ไปนอนอยู่บนพื้น แถมไม่พอ เธอยังกลิ้งจนไปถึงแทบเท้าของผู้เป็นพ่อก่อนที่จะหยุดลง

ต่อมา เธอเงยหน้าที่เหยเกมองมู่เทียนฉงแล้วพูดออกไปว่า “ท่านพ่อ จู่ ๆ ไป๋ไป่ก็ปวดท้องขึ้นมา…”

ในเวลาเดียวกัน อวี้เซิ่งซึ่งซ่อนตัวอยู่ในความมืดกำลังเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้และคิดหาวิธีเตือนฝ่าบาท แล้วเขาก็ต้องรู้สึกพูดไม่ออกอีกครั้งในขณะที่เขามองดูมู่ไป๋ไป่เล่นละคร

ทางด้านมู่เทียนฉงรู้สึกขบขันกับท่าทางของนาง เขาอดไม่ได้ที่จะย่อตัวลงไปแซวลูกสาวว่า “มันปวดเช่นไรหรือ?”

“ก็…” มู่ไป๋ไป่ทำตาล่อกแล่กพลางตอบเสียงหวาน “เหมือนมีคนต่อยไป๋ไป่เพคะ”

“จริงหรือ?” ฮ่องเต้หนุ่มเลิกคิ้วถามเสียงจริงจัง

“ถ้าอย่างนั้นก็ให้หมอหลวงมาตรวจไป๋ไป่ที่นี่ดีหรือไม่ และให้ท่านหมอเอายาให้เจ้ากิน”

เมื่อคนตัวเล็กได้ยินคำว่ายา ใบหน้าของเธอก็หมองลงทันที 

แต่พอคิดว่าตนกำลังช่วยปกป้องมู่เทียนฉง มู่ไป๋ไป่ก็หลับตากลั้นใจราวกับว่ายอมส่งตัวเองไปตายเพื่อผดุงความยุติธรรม

จากนั้นเธอก็วางมือลงบนท้องแล้วนอนราบอยู่ที่เท้าของคนเป็นพ่อ “เพคะ แต่ท่านพ่อต้องอยู่กับไป๋ไป่ ไป๋ไป่ไม่กล้าให้หมอหลวงมาตรวจในตอนที่ท่านพ่อไม่อยู่ด้วย”

“ไป๋ไป่ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่สิ” ซูหว่านที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนี้จึงก้าวไปเพื่อดึงลูกสาวขึ้นมา

นางรู้ว่ามู่ไป๋ไป่กำลังคิดจะทำอะไร แต่การที่มู่เทียนฉงพลิกป้ายเพื่อเลือกไปเยือนตำหนักพระสนมนั้นเป็นเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในวังหลังเพียงเดือนละครั้ง มันเกี่ยวข้องกับการสืบทอดทายาท ดังนั้นแม้ว่าองค์หญิงหกจะได้รับความโปรดปรานมากเพียงใด แต่นางก็ไม่สามารถหยุดเรื่องนี้ได้

“ฝ่าบาท ปล่อยให้หม่อมฉันดูแลไป๋ไป่เองเถิดเพคะ” ซูหว่านย่อตัวเล็กน้อยเป็นการถวายความเคารพมู่เทียนฉง และกล่าวด้วยความเอื้อเฟื้อว่า “เชิญฝ่าบาทเสด็จไปยังตำหนักชิงเหอเถิดเพคะ อย่าปล่อยให้ลี่เฟยต้องรอนาน” 

“ท่านแม่!” มู่ไป๋ไป่กระทืบเท้าอย่างขัดใจ โดยไม่รู้ตัวว่าตัวเองจะเผลอหลุดพูดความจริงในใจออกมา “ท่านจะปล่อยให้ท่านพ่อไปหาคนอื่นได้อย่างไร?”

จู่ ๆ สีหน้าของหว่านผินก็เปลี่ยนไป  ก่อนที่นางจะรีบปิดปากเจ้าตัวเล็กโดยไม่กล้ามองหน้าฮ่องเต้หนุ่มอีก

“ฝ่าบาททรงยกโทษให้ไป๋ไป่ด้วย นางยังเด็กนัก จึงได้เอ่ยวาจาที่ไม่เหมาะสม ตั้งแต่นี้ต่อไปหม่อมฉันในฐานะแม่จะสั่งสอนนางให้ดี”

ในเวลานี้ อันกงกงได้เดินกลับมาและกระซิบข้างหูมู่เทียนฉงว่าที่ตำหนักชิงเหอได้เตรียมการเรียบร้อยแล้ว

แต่ผู้เป็นฮ่องเต้กลับไม่ขยับ เขามองดูหว่านผินที่กำลังคุกเข่าก้มหัวอยู่บนพื้นจนเผยให้เห็นส่วนเล็ก ๆ ของลำคอเรียวของนาง ทันใดนั้นเขาก็เริ่มสงสัยเกี่ยวกับนางขึ้นมา

สตรีทุกคนในวังหลังต้องการได้รับความโปรดปรานจากเขา แล้วพวกนางต้องพยายามใช้กลอุบายต่าง ๆ เพื่อให้เขาโปรดปรานด้วยเช่นกัน

ทว่าซูหว่านกลับอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวมาโดยตลอดตั้งแต่ที่เขาเลื่อนตำแหน่งให้นางเป็นพระสนมขั้นผิน และการที่นางพยายามให้ตัวเองเข้ามาอยู่ในสายตาของเขานั้นก็น้อยกว่าพระสนมในตำหนักอื่นเสียอีก

นางคิดจะทำอะไรกัน? หรือบางทีนางอาจจะแตกต่างจากพระสนมคนอื่น ๆ

ในไม่ช้าริมฝีปากของมู่เทียนฉงก็ยกเป็นรอยยิ้มพึงใจ “เราไม่ไปแล้ว”

“???”

อันกงกงเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ เช่นนั้นแล้วฝ่าบาทจะให้เขาออกไปเตรียมการจนกระทั่งกลับมาทำไม?

ซูหว่านเองก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน แต่นางก็ไม่กล้าแสดงอะไรออกมา มีเพียงมู่ไป๋ไป่เท่านั้นที่มีความสุขมากจนแทบจะกระโดดโลดเต้น

“จริงหรือ? ท่านพ่อจะไม่ไปตำหนักชิงเหอจริงหรือเพคะ?”

“ใช่ ไป๋ไป่ปวดท้องไม่ใช่หรือ? พ่อจะอยู่กับไป๋ไป่ในระหว่างที่หมอหลวงมาตรวจ”

มู่เทียนฉงพยักหน้าก่อนจะนั่งลง “สำหรับตำหนักชิงเหอ เราไปที่นั่นวันอื่นก็ได้”

มู่ไป๋ไป่ส่งเสียงร้องไชโยในใจ เพราะในที่สุดเธอก็สามารถช่วยท่านพ่อไว้ได้ครั้งหนึ่ง

ครั้งต่อไปเธอจะต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้

ทางด้านตำหนักชิงเหอที่ตกอยู่ในความวุ่นวายหลังจากที่อันกงกงมาส่งข่าว

ลี่เฟยรู้สึกมีความสุขมากที่รู้ว่ามู่เทียนฉงเลือกป้ายของนางในวันนี้

นางอาบน้ำชำระล้างร่างกาย จุดกำยาน และถึงขั้นใช้ยาตำรับลับด้วย เพื่อพยายามใช้คืนนี้ให้มู่เทียนฉงกลับมาโปรดปรานนางอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม นางนอนเปลือยอยู่บนเตียงจนถึงกลางดึก แต่ก็ไม่มีวี่แววของฝ่าบาทเลย

สุดท้ายนางก็ทนไม่ได้กับความทรมานของฤทธิ์ยา นางจึงเรียกเฟิงหลิง นางกำนัลส่วนตัวของตนมาเพื่อสอบถามถึงสถานการณ์

“หม่อมฉันได้ยินมาว่าฝ่าบาททรงประทับอยู่ในตำหนักอิ๋งชุนเพคะ” เฟิงหลิงรับรู้ได้ถึงความโกรธของผู้เป็นนายและพยายามพูดอย่างระมัดระวัง “มีคนบอกว่าจู่ ๆ องค์หญิงหกก็ปวดท้องขึ้นมา และนั่นเป็นสาเหตุที่นางรั้งฝ่าบาทเอาไว้เพคะ”

เมื่อลี่เฟยได้ยินดังนี้ ใบหน้าของนางก็บิดเบี้ยวเพราะความโกรธ ขณะที่ดวงตาคู่สวยเหมือนมีไฟลุกโชนขึ้น 

จากนั้นนางก็ขยำผ้าห่มแน่น “ตอนกลางวันนางยังดี ๆ อยู่เลย แต่ทำไมพอฮ่องเต้มีรับสั่งจะเสด็จมาที่ตำหนักชิงเหอ นางก็ปวดท้องขึ้นมาเสียล่ะ”

“จะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้ได้อย่างไร? นางต้องจงใจอย่างแน่นอน!”

หญิงสาวโกรธแค้นมาก แต่ก็ทรมานเพราะฤทธิ์ยาจนต้องก้มหน้าลง

หลังจากที่ลี่เฟยหยุดพูด เฟิงหลิงก็เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจว่า “พระสนม คืนนี้ฝ่าบาทอาจจะไม่เสด็จมาแล้วเพคะ ตอนนี้พระสนมกินยาลับเข้าไปแล้ว และพระสนมจำเป็นจะต้องหาใครสักคนมาช่วยโดยเร็วที่สุด…” 

หญิงสาวนึกถึงสถานการณ์ของตัวเองขึ้นมาได้ จึงโบกมือแบบผ่าน ๆ “รีบไปเร็วเข้า”

วันรุ่งขึ้น มีข่าวแพร่สะพัดไปทั่ววังหลวงว่ามู่เทียนฉงประทับอยู่ที่ตำหนักอิ๋งชุน

โดยเฉพาะเรื่องที่ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทมีรับสั่งว่าจะไปเยือนตำหนักชิงเหอ

ทันใดนั้นวังหลังก็เกิดความโกลาหล และพระสนมที่เคยถูกลี่เฟยข่มเอาไว้ก็รีบเดินทางไปที่ตำหนักอิ๋งชุนราวกับว่าพวกนางอยากพบหน้าคนที่ช่วยให้พวกตนรอดชีวิต

ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากอำนาจครอบครัวที่หนุนหลังลี่เฟย จึงทำให้นางเป็นคนเดียวที่ได้รับความโปรดปรานในวังหลัง ซึ่งมันทำให้พระสนมคนอื่น ๆ มีชีวิตที่ยากลำบาก ดังนั้นพวกนางจึงตั้งตารอให้มีใครสักคนสามารถเทียบเคียงกับลี่เฟยได้ทุกเมื่อเชื่อวัน

ในที่สุดพวกนางก็มีความหวังแล้ว

ดังนั้นหลังจากที่ซูหว่านกลับมาจากการไปดูแลลูกสาว นางก็ได้รับแจ้งว่ามีพระสนมจำนวนไม่น้อยมาขอเข้าพบเพื่อแสดงความยินดีกับตน

ขณะนี้มู่ไป๋ไป่ยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น เพราะเธอเอาแต่กังวลว่าตัวเองจะหาข้ออ้างอะไรดีในครั้งต่อไปที่มู่เทียนฉงจะไปประทับที่ตำหนักลี่เฟย

“ระวัง!”

ในตอนที่เธอกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเองนั้น ก็มีมือใหญ่มากุมหน้าผากเธอไว้

มู่ไป๋ไป่เงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงง ก่อนจะพบว่ามีเสาสีแดงอยู่ตรงหน้าตน

หากมู่จวินฝานไม่ยกมือมาขวางทันเวลา ตอนนี้เธออาจจะเดินเอาหัวชนเสาไปแล้ว

“เหตุใดเจ้าถึงเหม่อลอยเช่นนี้? เจ้ามีอะไรในใจอย่างนั้นหรือ?” เมื่อองค์รัชทายาทเห็นเด็กน้อยเอาแต่จ้องมองเสาโดยไม่พูดอะไร เขาก็เริ่มรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา “เจ้าสบายดีหรือไม่ เมื่อวานนี้ข้าได้ยินว่าหมอหลวงเร่งรีบไปที่ตำหนักอิ๋งชุน”

  “อื้อ” มู่ไป๋ไป่พยักหน้าและได้เล่าเกี่ยวกับการที่เธอแกล้งป่วยเมื่อคืนนี้อย่างใจเย็น

ที่เธอกล้าบอกพี่ชายคนนี้เป็นเพราะเธอไว้ใจเขา เธอรู้ว่าเขาไม่มีทางทำร้ายเธออย่างแน่นอน

หลังจากที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมาหลายวัน เธอก็เข้าใจนิสัยของมู่จวินฝานเป็นอย่างดี

เขาอาจจะดูซื่อบื้อในบางครั้ง แต่จริง ๆ แล้วเขาก็ให้ความสำคัญกับเธอมาก

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.