บทที่ 9 พลอยฟ้านารี
หลังจากกลับมาจากเรือนของพระยาเดโชชัยแล้ว ทั้งหมดก็แยกย้ายไปพักผ่อนตามอัธยาศัย
กายแก้วเข้ามานั่งในห้องตามลำพัง ชายหนุ่มหยิบตำราพิชัยสงครามขึ้นมานั่งอ่านจนเพลิน กลศึกต่างๆเขาก็นั่งศึกษาจนช่ำชอง
เสียงคนเคาะประตูดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มตื่นจากภวังค์ เขาวางตำราพิชัยยุทธไว้บนโต๊ะแล้วเดินไปเปิดประตู
“เกตุมณี” เขาต้องแปลกใจเมื่อเห็นหญิงสาวมาอยู่หน้าห้องของตน แต่ก็แอบดีใจอยู่บ้างที่ได้เห็นหน้าของนาง
“ข้าเอาขนมต้มมาให้” พูดแล้วหญิงสาวก็ยื่นถ้วยเงินที่ใส่ขนมมาต่อหน้าเขา
ชายหนุ่มยื่นมือขวาออกไปรับไว้ เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดหญิงสาวจึงมาเคาะประตู ชายหนุ่มอยากพูดจากับนางเป็นอย่างมาก แต่เขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี จึงแกล้งถามออกไปว่า
“เหตุใดเจ้าไม่ใช้บ่าวไพร่เอามาให้เราแทนล่ะ ลำบากมาเองทำไม” ชายหนุ่มชวนคุยมากกว่าที่จะถามจริงๆ
“ก็แม่ของเจ้าใช้ข้าให้เอามาให้นี่ แล้วใครจะกล้าขัด”
“งั้น เจ้าก็มากินกับข้า” ชายหนุ่มชักชวนแล้วเดินไปนั่งที่ระเบียงหน้าห้อง
หญิงสาวเดินตาม แต่ก็ไม่ยอมนั่งลงข้างเขา “ข้าไม่หิว” บอกสั้นๆ
“งั้น ข้าก็ไม่กิน” ชายหนุ่มยื่นถ้วยขนมคืนให้หญิงสาวแต่หญิงสาวส่ายหน้า
“อย่าทำอย่างนั้น”
“งั้น เจ้าก็กินกับข้าสิ”
“ก็ได้” เกตุมณีนั่งลงข้างเขาโดยมีถ้วยขนมกั้นกลางไว้ หญิงสาวหยิบขนมเข้าปากชิ้นหนึ่งแล้วพยักหน้าให้เขากินบ้าง
“มือของข้าเปื้อน เจ้าช่วยป้อนหน่อยสิ” ชายหนุ่มทำเสียงอ้อน
“รอก่อนนะ เดี๋ยวข้าไปเอาน้ำมาให้ล้างมือ” หญิงสาวกำลังจะลุกขึ้น แต่ก็ถูกรั้งไหล่ไว้เสียก่อน
“เสียเพลา กว่าเจ้าจะไปเอาน้ำมาได้ ข้าคงหิวตายกันพอดี ช่วยป้อนเราหน่อยน้า” ชายหนุ่มในเวลานี้ไม่ผิดกับเด็กๆที่ขี้อ้อน แต่เหมือนคนที่ถูกอ้อนจะไม่ใจแข็งพอที่จะปฏิเสธเสียด้วย
“ก็ได้” หญิงสาวไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมถึงขัดใจเขาไม่ได้ ทั้งๆที่ใจอีกส่วนก็อยากจะทำอย่างนั้น แต่ดูเหมือนอีกส่วนมีอำนาจมากกว่า หญิงสาวจึงต้องทำตามที่เขาขอร้องทุกอย่าง
บนเรือนหลังใหญ่ หญิงสาววัยดารุณีนั่งร้อยพวงมาลัยอยู่กับพี่เลี้ยง ผู้หญิงคนนี้เพิ่งจะอายุ 14 ปีเท่านั้น หน้าตางดงาม ผิวสีขาวนวล ดวงตาสดใสมีเสน่ห์ ห่มสไบสีขาวนวล นางมีชื่อว่าพลอยฟ้า เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของพระยาเดโชชัย
“เฟื่องฟ้า มาลัยที่หนูร้อยงามหรือยัง” พลอยฟ้าหันไปถามคนรับใช้พร้อมยื่นพวงมาลัยที่ทำจากดอกมะลิให้ดู
“งามประณีตแท้เจ้าค่ะ” เฟื่องฟ้าตอบอย่างเอาใจ
นางเดินมายังหน้าต่าง ในมือข้างขวายังถือพวงมาลัยมาด้วย พลอยฟ้ายืนนิ่งเพื่อรับลม สายตาก็เพ่งมองไปยังต้นจำปีที่ปลูกไว้ใกล้ๆหน้าต่างอย่างพอใจ
หญิงสาวยืนคิดอะไรเพลินๆ จนเผลอปล่อยพวงมาลัยหลุดออกจากมือ พวงมาลัยของพลอยฟ้าตกลงไปยังเบื้องล่าง แต่ก็หาถึงดินไม่ เพราะบังเอิญมีบุรุษในชุดสีส้มเดินผ่านมาพอดี พวงมาลัยจึงตกลงใส่หัวเขาอย่างจัง
“นี่มันอะไรกัน” ชายหนุ่มพูดด้วยความไม่พอใจ
ชายหนุ่มหยิบพวงมาลัยออกจากหัวแล้วพิจารณาดู ฝีมือการร้อยนับว่าใช้ได้ ชายหนุ่มคิดในใจ แล้วขว้างพวงมาลัยคืนกลับไปยังที่เดิม มาลัยดอกมะลิลอยกลับไปคล้องคอคนที่เป็นเจ้าของทันที การกระทำของเขาทำให้พลอยฟ้าขุ่นเคืองใจ
“บังอาจนะไอ้ทาส นี่เอ็งไม่รู้เหรอ ว่าข้าเป็นใคร” พลอยฟ้าตวาดลงมาด้วยน้ำเสียงอันดัง
“แล้วแม่หญิงเล่า เหตุใดจึงบังอาจทำพวงมาลัยหล่นใส่หัวบุรุษอย่างนี้” เขายอกย้อน
“ข้ามิได้ตั้งใจนี่” พูดน้ำเสียงอ่อนลง
“มิได้ตั้งใจอย่างนั้นรึ แล้วเหตุใดมิขอสมาเล่า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน
“มากไปแล้ว ไอ้ทาส” หญิงสาวพูดออกไปด้วยความโกรธ
“ใครเป็นทาสเจ้า” ชายหนุ่มยังคงญีญวนนิศนว่าฝ่ายตรงข้ามจะโกรธแค่ไหน
“บังอาจมากอ้ายธาสชั้นต่ำ คอยดูเถอะ เอ็งจะหลังลาย” หญิงสาวคับแค้นใจที่ไม่สามารถขู่ให้บุคคลนี้หวาดกลัวได้แม้แต่น้อย เห็นทีต้องให้ท่านพ่อช่วยจัดการเสียแล้ว
“ข้าจะรอวันนั้น” พูดจบเขาก็รีบเดินไปจากตรงนั้นทันที
ณ บนเรือนของพระยาเดโชชัย ตอนนี้ทุกคนมานั่งรวมกันจนพร้อมหน้า จากนั้นท่านก็เปิดประเด็นพูดว่า
“เมื่อพวกเจ้ามากันครบแล้ว ข้าก็จะมอบชุดทหารให้” พระญาเดโชชัยประกาศ
ทั้งสีถูกเรียกให้มารับชุดทหารเมื่อยามเย็น เมื่อได้รับชุดแล้วพระยาเดโชชัยจึงสั่งให้บ่าวไพร่เอาอาหารมาเลี้ยงทั้ง 4 คน
พลอยฟ้าเดินขึ้นมาบนเรือนพร้อมบ่าวคนสนิท นางกวาดสายตาไปทั่วแล้วไปหยุดที่บุรุษในอาภรณ์สีส้มแซมเหลือง “อยู่นี่เองหรอไอ้ทาส วันนี้เอ็งหลังลายแน่”
กายแก้วหันมามองนิดนึงแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ภายในใจเขาคิดว่า วันเวลาผ่านไป จิตใจของคนก็เปลี่ยนไปด้วย ไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ นางคงลืมเราสิ้นแล้วสินะ เขาได้แต่คิดอยู่ในใจ
พระยาเดโชชัยมองลูกสาวด้วยสายตาตำหนิ แล้วบอกว่า “นี่ไม่ใช่ทาสหรอกลูก เขาคือกายแก้ว บุตรชายของขุนแสนศึกพ่าย แต่คนสนิทจะเรียกว่าขุนดำ”
“พี่กายแก้วหรือเจ้าคะ” พลอยฟ้าถามบิดาด้วยความไม่แน่ใจ
“ใช่แล้วลูก” พระยาเดโชชัยตอบ
“มัวยืนเฉยอยู่ทำไมล่ะ ไหว้พี่เขาเสีย”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 91
แสดงความคิดเห็น