บทที่ 8 เข้าเป็นทหาร
เรือลำใหญ่แล่นมาจอดที่ท่าของหมู่บ้านคีรีรัฐ ชายฉกรรจ์ 4 คนและหญิงสาวอีก 2 เดินขึ้นมาบนฝั่ง ทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังเรือนหลังหนึ่งซึ่งอยู่กลางหมู่บ้าน เรือนหลังนั้นมีขนาดใหญ่พอสมควรท่าทางเป็นเรือนของคนใหญ่คนโต พวกเขาเข้าไปในอาณาเขตของเรือนทันที โดยมีชายหนุ่มในชุดสีส้มแจมเหลืองเป็นผู้นำ ภายในนั้นปลูกดอกไม้ไว้เต็มไปหมด เรือนทำจากไม้สักทั้งหลัง ข้างหลังเรือนมีสระบัวและสวนผลไม้นานาชนิด พวกบ่าวไพร่หลายคนกำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น กายแก้วจึงนำทุกคนขึ้นไปข้างบน
"เฮ้ยขโมย" บ่าวไพร่คนหนึ่งในเรือนร้องตะโกนขึ้นเสียงดังสนั่น พวกที่ทำงานอยู่บริเวณนั้นจึงรีบวิ่งมาตามเสียงร้อง
"เอามันว่ะ" มันคนหนึ่งร้องบอกทุกคน
พวกบ่าวไพร่ถืออาวุธมุ่งตรงเข้ามายังผู้บุกรุก เสือและสิงห์จึงรีบเอาอาวุธออกมา ส่วนเทพศิลป์จ้องมองศัตรูอยู่ตลอดเวลา
"ช้าก่อน จำข้ามิได้หรือ" ชายในชุดสีส้มแจมเหลืองออกมายืนด้านหน้าทุกคน วันเวลาผ่านไปหลายปีไหนเลยบ่าวไพร่พวกนี้จะจำชายหนุ่มได้ แต่กิริยาก้าวร้าวของพวกมันยังผลให้เขาไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก จึงคิดที่จะแก้เผ็ดสักครั้งให้หนำใจ
"เอ็งเป็นใครวะ" บ่าวคนนึงถามขึ้น
"ข้ากายแก้วยังไงล่ะ"
"นายน้อย!" บ่าวไพร่ทุกคนยกมือขึ้นไหว้ทันทีเมื่อรู้ว่าเขาเป็นใคร
"อภัยให้พวกเราด้วยเถอะขอรับนายน้อย" พวกมันพูดด้วยนำเสียงสันเครือ ตัวสั่นเงินงบท่าทางหวาดกลัวยิ่ง
ชายหนุ่มชักดาบคีรีรัตนะออกมาถือไว้กับมือ แล้วตวาดพวกบ่าวไพร่ด้วยน้ำเสียงอันดังว่า "พวกเอ็งบังอาจมากที่คิดจะทำร้ายพวกข้า"
"พวกเราผิดไปแล้ว" พวกมันตะกุกตะกักบอก
"โทษของพวกเอ็ง สมควรฟันให้ขาดกลางเสียเดี๋ยวนี้" ชายหนุ่มเนื้อดาบคีรีรัตนะขึ้นทำให้บ่าวไพร่พวกนั้นถอยร่นไปไกล
"อย่านะขอรับนายน้อย พวกข้ากลัวแล้ว" พวกมันบางคนถึงกับน้ำตาไหล เพราะกลัวตายแต่บางคนก็ยังกลั้นน้ำตาไว้อยู่
ชายหนุ่มยังคงอยากเล่นสนุก เขาแกล้งทำสีหน้าให้ดูเกรี้ยวกราด ดาบในมือควงเล่นไปมา ไอ้คนพวกนี้มีสันดานที่หยาบกระด้างนัก กูจะต้องทำให้พวกมันรู้จักนอบน้อมให้จงได้
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น" หญิงวัยกลางคนออกมาจากเรือนแล้วร้องถามบ่าวที่อยู่ใกล้ๆ
"คือว่า3 มหัพภาคนายน้อยมาแล้วขอรับ" มันรายงานด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
หญิงวัยกลางคนมองมายังกลุ่มคนที่ขึ้นมาบนเรือน แล้วหยุดนิ่งที่บุรุษในชุดสีส้มแกมเหลือง ความรู้สึกยินดีเต็มตื้นในหัวใจของมารดาคนนี้ ถึงหน้าตาจะเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ยังคงจำลูกได้เสมอ
"กายแก้ว! มาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก" หญิงวัยกลางคนวิ่งมาสวมกอดผู้เป็นลูกวัยแน่น
"เพิ่งมาถึงเองขอรับท่านแม่" ชายหนุ่มดีใจที่มารดายังจำเขาได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีมารดาก็ไม่ลืมเขา ความรู้สึกผิดที่ทอดทิ้งมารดาไปหลายปีแสดงออกมาให้เห็นทางสายตา
หญิงวัยกลางคนชี้มือมายังพรรคพวกของลูก แล้วถามว่า "คนพวกนั้นเป็นใครลูก"
ชายหนุ่มจึงทำหน้าที่แนะนำทุกคนให้มารดารู้ ก่อนจะบอกกับทุกคนว่า "นี่มารดาของข้า ชื่อว่าจันทร์หอม"
แม่จันทร์หอมสั่งให้เสือกับสิงห์ไปพักอยู่กระท่อมหลังเรือน ส่วนเรไรแลเกตุมณีให้พักอยู่บนเรือน โดยเลี้ยงทั้งสองเหมือนกับลูก ซึ่งกายแก้วก็รู้สึกยินดี เขายอมรับเรไรเป็นน้อง ส่วนเกตุมณีเขาให้มากกว่านั้น
เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้วเทพศิลป์จึงลาทุกคนกลับบ้าน เขาคิดถึงแม่เป็นที่สุด เพราะมีแค่แม่คนเดียวเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่ ส่วนพ่อของเขาได้พลีชีพในสงครามเมื่อครั้งเสียกรุง ชายหนุ่มจึงต้องอาศัยอยู่กับแม่นับตั้งแต่นั้นมา
เทพศิลป์เป็นคนบ้านเดียวกับกายแก้ว แต่ต้องแยกไปเรียนคนละทิศคนละทาง ชายหนุ่มเดินทางไปเรียนที่ศรีสัชนาลัย วิชาที่เขาถนัดที่สุดก็คือธนู อาจารย์จึงมอบคันธนูพิชัยให้เป็นอาวุธ บัดนี้เขาจะใช้อาวุธที่อาจารย์ให้มากอบกู้ชาติ ต่อให้ตายกลางสมรภูมิเขาก็จะยอมชายหนุ่มเดินทางไปเรียนถึงศรีสชายหนุ่มกำพร้าพ่อเหมือนกับกายแก้ว
"ดีแล้วลูกที่คิดจะเป็นทหาร" แม่จันทร์หอมเอยขึ้นเมื่อรู้ถึงความต้องการของบุตรชาย
"ท่านแม่ พอจะรู้จักผู้ใหญ่ที่จะฝากให้ลูกเป็นทหารได้หรือไม่ขอรับ"
แม่จันทร์หอมคิดนิดนึงก่อนตอบว่า "แม่จะลองพาลูกและพรรคพวกไปฝากไว้กับพระยาเดโชชัยดู"
"พระญาเดโชชัยคือใครกันหรือขอรับ" ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย
"ก็เพื่อนของพ่อลูกไง เมื่อก่อนเคยเป็นขุนธรรมธรใจหาญ" แม่จันทร์หอมอธิบาย
"ท่านแม่หมายถึงพ่อของพลอยฟ้าอย่างนั้นหรือขอรับ"
"ใช่แล้วลูก"
รุ่งเช้าแม่จันทร์หอมได้พาทุกคนมายังเรือนของพระยาเดโชชัยเพื่อฝากฝังให้รับราชการเป็นทหาร ซึ่งในยามนั้นท่านได้มานั่งเล่นอยู่ศาลาพอดี ทุกคนจึงเดินขึ้นไปไหว้ตามประเพณี
"ท่านเจ้าคุณ นี่ลูกดิฉันเองเจ้าค่ะ" แม่จันทร์หอมชี้มือมายังกายแก้ว
"นี่น่ะหรือลูกของขุนดำ ดูองอาจยิ่งนัก" พระยาเดโชชัยเอ่ย
ส่วน 3 คนนี้เป็นเพื่อนของลูกดิฉันเองเจ้าค่ะ แม่จันทร์หอมชี้มายังทั้งสาม
แล้วผู้หญิง 2 คนนั่นล่ะเป็นใครกันหรือ
"คนที่ใส่เสื้อสีชมพูชื่อว่าเกตุมณี,, ส่วนคนที่ใส่เสื้อสีเขียวชื่อว่าเรไรเจ้าค่ะ"
พระยาเดโชชัยพยักหน้ารับรู้ แล้วหันมายังผู้ชาย 4 คนที่จะมารับสมัครเป็นทหาร "พวกเจ้าอยากอยู่หน่วยไหนล่ะ"
"กระผมขออยู่หน่วยทะลวงฟันขอรับ" กายแก้วพูดอย่างหนักแน่น
พระยาเดโชชัยมองหน้าชายหนุ่มแล้วบอกด้วยความหวังดีว่า "หน่วยทะลวงฟันเป็นหน่วยที่เสี่ยงตายมากที่สุด ตัดสินใจใหม่ได้นะหลานชาย"
กายแก้วยิ้ม แล้วบอกไปว่า "ลูกผู้ชายถ้าได้ตายเพื่อแผ่นดินก็เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจยิ่งแล้วขอรับ"
พระยาเดโชชัยยิ้มด้วยความชอบใจ แล้วหันไปถามคนอื่นต่อ "พวกเจ้าที่เหลือล่ะว่าไง"
"กระผมก็ขออยู่หน่วยทะลวงฟันเช่นกันขอรับ" เสือและสิงห์พูดพร้อมกัน
"แล้วเจ้าล่ะไอ้หนุ่ม" หันมาทางเทพศิลป์
"กระผมก็ขออยู่หน่วยทะลวงฟันเหมือนกันขอรับ"
"แต่ทหารหน่วยทะลวงฟันต้องชำนาญดาบสองมือนะ พวกเจ้าชำนาญกันหรือเปล่า" ออกญาเดโชชัยหันไปถามทุกคน
"ข้าพเจ้าถนัดยิ่งนักขอรับ", กายแก้วพูด
ท่านออกญาเดโชชัยหันไปทางชายหนุ่มทั้ง 3 ก็พบว่าพวกเขาส่ายหน้าปฏิเสธ ท่านเห็นดังนั้นจึงพูดออกไปว่า "หากใครชำนาญดาบสองมือก็จะได้อยู่หน่วยทะลวงฟัน แต่ถ้าหากผู้ใดชำนาญอาวุธอื่นก็จะได้ประจำกองนั้นๆตามแต่ถนัด"
"เอาเป็นว่า นับแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกเจ้าได้เป็นทหารแล้ว ส่วนจะได้อยู่ในสังกัดมูลนายไหนเดี๋ยวเราจะมาแจ้งให้ทราบอีกทีนึง"
"เป็นพระคุณยิ่งขอรับ" ทั้ง 4,, ,, ก้มลงกราบแล้วลากลับเรือนไป
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 141
แสดงความคิดเห็น