บทที่ 7...3/3
จอมขวัญถูกสายตาของปรานต์สั่งเกมบังคับให้ไปนั่งที่เบาะหลังรถด้วยกัน เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังจะเปิดประตูเพื่อไปนั่งข้างชานนแทน หญิงสาวไม่อยากมีเรื่องให้การทำงานในครึ่งวันนี้ไม่ราบรื่นจึงยอมเดินไปนั่งที่เบาะหลัง เขาคงหายดีแล้วกระมังถึงได้มีเวลามาใส่ใจแบบนี้ เธออยากหาเรื่องคุยกับปรานต์ แต่คิดว่าเขาน่าจะอยากอ่านอะไรเงียบๆ มากกว่า เธอจึงหยิบสิ่งที่จะสัมภาษณ์งานในส่วนนี้ออกมาอ่านทวนซ้ำ ซึ่งคำถามทั้งหมดนี้ปรานต์ได้ไปก่อนแล้ว เธอจึงไม่ต้องคอยบอกเขา
ปรานต์ถอนใจพลางปรายตามองไปที่จอมขวัญที่นั่งขยับเหมือนกับไม่สบายตัว นี่คือผลของการกินข้าวไม่กี่คำกระมัง การกินข้าวกับเขาคงทำให้เธอลำบากใจจนพานไม่อยากอาหาร แต่กว่าจะถึงโรงงานอีกตั้งเป็นชั่วโมง เขาไม่ชอบให้ใครมาขยับตัวใกล้ๆ
“นนจอดรถก่อน”
ชานนจอดรถตามที่ปรานต์ต้องการพลางมองไปทั่วบริเวณซึ่งเป็นร้านค้าต่างๆ และร้านสะดวกซื้อ
“คุณปรานต์ต้องการอะไรหรือเปล่าครับ เดี๋ยวผมลงไปจัดการซื้อให้”
“ฉันไม่อยากฟังเสียงท้องร้องจากใคร คงจะดีมากถ้าช่วยซื้ออาหารหรือขนมมาให้เจ้าตัวกินเสีย เผื่อว่าฉันจะได้ทำงานโดยที่ไม่มีเสียงอะไรมารบกวนอีก” ปรานต์ตอบชานน แต่สายตามองมาที่จอมขวัญ
จอมขวัญฟังแล้วรู้สึกตัวเองเป็นภาระอย่างไรชอบกล ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ขอให้ปรานต์จอดรถและซื้ออะไรให้สักหน่อย เขาน่าจะมีเรื่องไม่พอใจเธอสักเรื่องนั่นล่ะ ถามวันนี้ ตอนนี้เสียเลยดีไหม
“อย่าคิดมากเลยนะครับ คุณปรานต์เป็นห่วงไม่อยากให้คุณจอมขวัญหิวน่ะครับ” ชานนเอ่ยไม่อยากให้บรรยากาศในรถดุเดือดอย่างที่ไม่ควร
“มีคำไหนที่ฉันพูดไปในแนวที่หมายถึงว่าเป็นห่วง” เขาควรคิดเรื่องการเปลี่ยนบอดี้การ์ดเสียทีกระมัง
“ขอบคุณนะคะคุณนน ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”
ปรานต์ถอนใจยาว หากเขาจะบังคับจอมขวัญเพราะความดื้อของเธอคงจะได้ แต่เขาจะทำแบบนั้นไปทำไม มีวิธีแก้เผ็ดจอมขวัญด้วยวิธีอื่น ชายหนุ่มลงจากรถในตอนนั้น ทำให้บอดี้การ์ดที่รถคันหลังรีบเดินตามไป ชานนได้แต่มองอย่างสงสัยว่าปรานต์จะทำอะไร
แต่เพียงไม่นานปรานต์ก็กลับมาพร้อมของพะรุงพะรัง แถมบอดี้การ์ดที่ตามไปยังต้องช่วยกันถือมา ปรานต์ชอบแกล้งเสียด้วย คราวนี้ลงทุนไปซื้อของกินมาแทบเหมาตลาดเพราะจอมขวัญไม่ยอมฟังกันดีๆ งั้นหรือ ชานนเหลือบไปมองจอมขวัญที่ยังไม่รู้ตัวว่าถูกปรานต์เอาคืนเสียแล้ว
จอมขวัญไม่คิดว่าปรานต์จะซื้อของกินมากมายมากองที่เบาะหลัง ส่วนเขาเองไปนั่งที่เบาะหน้ากับชานน พอไม่ยอมทำตามใจเขา เขาเลยจะทำให้ได้ด้วยการบังคับให้เธอกินเนี่ยนะ พิลึกคน เขาไม่เคยถูกขัดใจหรือไง ความหิวของเธอเป็นเรื่องของเธอ เขาจะมาเดือดร้อนทำไม
“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง เดินทางกันต่อได้แล้วนน” พอได้ทำตามใจตัวเองแล้วปรานต์ก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที “ถ้ายังไม่กิน ผมก็จะแวะไปทุกปั๊ม ถ้าอยากกลับถึงกรุงเทพฯ เร็วๆ ก็ไม่ควรดื้อกับผม”
ชานนเม้มปากกลั้นหัวเราะ ถ้าปรานต์บอกดีๆ ว่ากินเถอะเดี๋ยวจะท้องว่าง ใครจะไม่ทำตามใจโดยง่าย ปรานต์มองจอมขวัญผ่านกระจกมองหลัง เธอมองเขากลับก่อนจะหยิบแซนวิชมากินเป็นอย่างแรก เขาสังเกตตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วว่าเธอไม่กินหอมใหญ่กับขึ้นฉ่าย เห็นดื้อๆ แบบนี้แต่ไม่ชอบกินผัก
การทำงานผ่านไปด้วยดีหลังจากนั้น คงต้องขอบคุณปรานต์ที่ทำให้เธออิ่มจนแทบจะร้องขอชีวิต เขาแกล้งเธอยังไงให้เหมือนได้รางวัลแบบนี้นะ แต่เธอคงไม่อยากโดนแบบนี้อีกครั้งหรอก
คำถามต่างๆ ที่เกี่ยวกับงานในด้านนี้ ปรานต์ให้ความร่วมมือตอบอย่างดีและนำไปยังส่วนงานต่างๆ เธอถ่ายรูปเขาไว้เพื่อประกอบในบทความ ความสงสัยบังเกิดอีกครั้ง ที่ผ่านมาเขาซ่อนตัวเองทำงานโดยที่ไม่ออกสื่อ คราวนี้นอกจากออกสื่อแล้วยังเปิดเผยตัวเองมากจนเกิดคำถามว่าเขามีจุดประสงค์อะไรกันแน่
แล้วคำถามที่เขาถามกลับเธอในตอนที่สัมภาษณ์ ทำให้เธอคิดว่ามีบางอย่างแน่ๆ
‘คุณทำเพื่อคนที่รักและหวังดีกับคุณได้มากแค่ไหน หากจำเป็นจะยอมฝืนใจทำหรือเปล่า’
แม้จะเป็นคำถามที่ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เธอถามปรานต์ แต่มันไม่ใช่คำถามที่ตอบไม่ได้ เธอคิดแล้วตอบกลับไปว่า
‘ถ้าสิ่งนั้นสำคัญต่อคนคนหนึ่ง ถ้าฉันฝืนใจทำให้ได้แล้วไม่ทุกข์ใจมาก ฉันจะทำให้ได้ค่ะ แต่ถ้าเกินกว่าจะฝืนรับได้ คงหาทางอื่น’
คำถามนี้คือเหตุผลที่เขาทำตัวแปลกๆ ใส่เธอหรือเปล่านะ แต่พอคิดอย่างถี่ถ้วน เธอจะใช้คำว่าแปลกสำหรับปรานต์คงไม่ได้นักเพราะไม่รู้จักเขามากพอที่จะบอกได้ว่าแบบไหนคือปกติ แบบไหนเรียกว่าแปลก
หญิงสาวหลับไประหว่างที่เดินทางกลับจากระยองมาที่กรุงเทพฯ ซึ่งดีไม่น้อยเพราะไม่ต้องหาเรื่องมาคุยกับปรานต์ ซึ่งจริงๆ แล้วก็แทบไม่ได้คุยกัน ใบหน้านิ่งๆ เรียบขรึมที่เขาทำต่อเธอ ทำให้การอยู่ใกล้ๆ กลายเป็นความอึดอัดระคนน่าค้นหาว่าทำไมเขาทำแบบนั้น แต่เธอคงไม่อยากหาคำตอบเท่าไหร่นัก
รถจอดแล้วปรานต์ยื่นมือมาสะกิดจอมขวัญเบาๆ เธอช่างนอนง่ายจนน่าอิจฉา ช่างไม่รู้เลยว่าการหลับเวลาที่อยู่ใกล้เขาอาจจะอันตรายก็ได้ จอมขวัญตื่นมาแล้วก็ยังมึนๆ หัวจึงหันไปมองปรานต์แล้วยิ้มอย่างลืมตัว อีกฝ่ายคงงงว่าเธอยิ้มให้เขาทำไม หญิงสาวแก้เก้อทำทีหยิบกระเป๋าเป้มาสะพาย ก่อนจะลงจากรถ ชานนช่วยถือของฝากที่ปรานต์แวะซื้อ เขายังอุตส่าห์แบ่งมาให้เธออีก
ปรานต์ลงมาจากรถทำไม จอมขวัญสงสัยและได้คำตอบอย่างรวดเร็วว่าเพราะแม่ของเธอออกมารอรับ ปรานต์กับแม่รู้จักกันมาก่อน จอมขวัญได้แต่สังเกตแล้วเก็บคำถามไว้ในใจ
“ขอบใจนะคะคุณปรานต์ที่พายัยจอมมาส่ง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมคงต้องขอตัวก่อนพอดีว่ามีงานด่วนต้องไปสะสางต่อ เอาไว้โอกาสหน้าผมจะมาใหม่นะครับ” ปรานต์พูดตามมารยาท อย่างไรเสียน้าลลิลาก็เป็นเพื่อนของพ่อ อีกทั้งพ่อของจอมขวัญก็เคยช่วยเหลือพ่อของเขาในอดีต เพียงเท่านั้นของการทักทาย ปรานต์กลับเข้าไปในรถแล้วจากไป
จอมขวัญได้ยินเสียงถอนใจเบาๆ จากลลิตา เธอคิดว่าวันนี้แม่คงเหนื่อยจึงถือของทั้งหมดเข้าบ้านเอง ผู้เป็นแม่เดินตามลูกสาวเข้ามาในร้านซึ่งมีลูกค้าอยู่พอสมควร มะลิกำลังทำงานมือไม่ว่างกันเลยทีเดียว
“เดี๋ยวจอมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ เกือบบ่ายโมงแล้ว วันนี้ถ้าแม่เหนื่อยก็ปิดร้านเร็วหน่อยก็ได้นะคะ ให้มะลิช่วยงานอย่าทำอะไรหนักๆ เอง เอาไว้ตอนเย็นจอมจะรีบกลับมาช่วยนะ” จอมขวัญอยากอยู่ทำงานที่ร้าน แต่งานประจำของเธอก็ต้องดูแลให้ดีด้วย ไม่เบียดบังเวลาทำงาน
“คิดถึงแม่มากเลย”
กอดอุ่นๆ ของแม่คือสิ่งที่ลูกสาวคิดถึง ตั้งแต่พ่อตาย จอมขวัญได้รู้สิ่งหนึ่งว่าอย่าได้ละเลยความรู้สึกรัก ถ้ารู้สึกต้องแสดงออก ต้องบอกให้รู้ ต้องแสดงให้เห็น ทว่าการกอดแม่ในทุกๆ วันทำให้เธอรู้ว่าแม่ผอมลงไปอีก แต่เธอจะไม่ทำให้แม่ลำบากใจไม่ว่าคำพูดอะไรก็ตาม
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วนะจอม เดี๋ยวไปทำงานไม่ทันช่วงบ่าย”
แทนที่จะปล่อยแต่จอมขวัญกลับกอดแม่แน่นขึ้นอีกนิดพร้อมกับซบหน้ากับไหล่ที่รองรับความสุข ความทุกข์ ทุกน้ำตาที่เธอได้พานพบในชีวิต ไหล่ที่แข็งแรง แผ่นหลังที่มั่นคง อ้อมแขนที่อบอุ่น เธอหอมแก้มแม่เบาๆ ก่อนจะคลายกอดเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ลลิตามองตามแผ่นหลังลูกสาวที่เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้าน ลูกคือความสุขและทำให้นางพยายามทำทุกอย่างเพื่อมีชีวิตได้นานพอ
ปรานต์ต้องเคลียร์งานทั้งหมดที่กรุงเทพฯ เพื่อกลับไปที่เกาะ ทำให้ตลอดทั้งบ่ายหลังจากประชุมผู้จัดการทั้งหมดแล้ว พอเขากลับมาที่ห้องทำงานส่วนตัว ผู้จัดการบางท่านยังมีงานอื่นๆ ที่ไม่ได้เสนอในที่ประชุมเพราะเป็นงานของฝ่ายที่รับผิดชอบมาปรึกษากับปรานต์อีกหลายคน กว่าจะเสร็จงานก็ค่ำไปแล้ว ปรานต์ปลดเนคไทแล้วนอนลงด้วยความเพลียที่โซฟารับแขกในห้องทำงานของเขา
ถ้าตอนนี้พี่ชายยังอยู่ เราสองพี่น้องคงจะคนหนึ่งทำงานอยู่ที่ฟาร์ม อีกคนทำงานอยู่ที่นี่ หรืออาจจะสลับกันไปมาก็ได้ แต่พอเหลือเพียงเขาคนเดียว หากเขาไปอยู่โยงที่เกาะ พ่อจะมาดูแลทางนี้แทน บางทีก็ให้รองประธานที่แต่งตั้งทำงานแทน ความที่เมื่อ 4 ปีก่อน บริษัทของเขาเคยถูกโกงครั้งใหญ่ ทำให้การวางใจจนวางมือให้ใครสักคนมาบริงานทางนี้แทนแบบเต็มร้อยจึงยังเป็นไปได้ยาก
เสียงเปิดประตูแม้ชานนจะพยายามให้เบาที่สุด แต่ปรานต์ที่นอนหลับตาอยู่ก็รู้สึกตัวอยู่ดี ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งเพราะรู้ว่าบอดี้การ์ดที่พ่วงตำแหน่งผู้ช่วยเลขามาด้วยเรื่องอะไร ชานนวางเอกสารที่คนของเขาเพิ่งส่งขึ้นมาให้ปรานต์พลางอธิบายไปด้วยว่า
“มีที่น่าสงสัยสามคนครับ ไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิด แต่มีเงินเข้าบัญชีผิดปกติผมเลยส่งคนตามเผื่อว่าจะรู้ว่าใครเป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง”
สามคนที่ว่านั้นทำงานอยู่ที่ตึก M เป็นพนักงานธุรการ แม่บ้านและเลขาของผู้จัดการฝ่ายการตลาด น้ำที่อยู่ในรถถูกส่งไปตรวจแล้ว แต่กาแฟที่เขาดื่มก่อนเดินทางไประยองไม่มีหลักฐานให้นำไปตรวจแล้ว ผลตรวจน้ำดื่มจากในรถยังไม่ออกมา แต่หากน้ำไม่ใช่สาเหตุของการได้รับสารพิษ กาแฟที่เขาดื่มย่อมมีความเป็นไปได้สูงว่ามีคนนำสารพิษมาใส่ แต่ใครในสามคนนั้นที่ทำ
“ก็ตามนั้น จนกว่าจะได้ตัวคนร้าย ฉันต้องการให้นนดูแลเรื่องอาหารและเครื่องดื่มให้ ไม่มีใครที่ฉันจะไว้ใจเท่านาย”
“ได้ครับผมจะดูแลให้อย่างดี” ชานนจะพูดเรื่องนี้อยู่พอดี “เกือบลืม ศกเพิ่งส่งของมาให้ครับ รางวัลของผู้ชนะอันดับที่สอง”
“จะเอามาให้ทำไม อีกไม่กี่วันฉันก็กลับไปที่ฟาร์มอยู่แล้ว” อยู่ดีๆ ศกจะส่งของมาให้ทำไมถ้าไม่ใช่พ่อของเขาสั่งมา แล้วพอเขาเปิดกล่องใบใหญ่ก็ได้คำตอบที่ไม่ผิดจากที่คิดเลย “มันเป็นความคิดของใคร คิดได้ยังไง หมอนรูปหน้ายัยจอมดื้อ ขืนฉันหนุนนอนคงนอนไม่หลับหรอก”
ชานนเห็นหมอนที่เพนท์รูปใบหน้าของจอมขวัญแล้วหัวเราะชอบใจ หากปรานต์ได้หมอนที่มีใบหน้าของจอมขวัญ ถ้าอย่างนั้นจอมขวัญก็ได้หมอนที่มีใบหน้าของปรานต์น่ะสิ
“อาจจะหลับสบายดีกว่าเดิมก็ได้นะครับ”
“เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าหมอนที่ฉันได้เป็นหน้าของยัยจอมดื้อ แล้วหมอนที่ยัยจอมดื้อได้ไปล่ะเป็นหน้าของใคร” ปรานต์มั่นใจว่าพ่อวางแผนเอาไว้แล้ว ต่อให้วันนั้นเขากับจอมขวัญแข่งแล้วเข้ามาเป็นที่โหล่ ของแบบนี้ก็จะส่งมาให้ถึงมือของเขากับจอมขวัญอยู่ดี เผลอๆ ที่ศกจับฉลากเล่นเกมหารหัสอาร์ซีได้ชื่อของจอมขวัญมาคู่กับเขาอาจเป็นความตั้งใจของพ่อก็ได้
“คงเป็นอย่างที่คุณปรานต์คิดนั่นแหละครับ”
แค่หาว่าใครลอบวางยาเขาก็ว่าแย่แล้ว แต่ปรานต์คิดว่าที่แย่กว่าคือพ่อของเขาคงไม่ล้มเลิกความคิดจับคู่จริงๆ ทั้งที่แม่ของจอมขวัญไม่ได้คาดหวังให้เกิดการแต่งงาน การที่ลูกสาวมีคนที่พึ่งพาได้ก็เพียงพอแล้ว แต่พ่อของเขาตั้งใจอยากระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นอีก หากรู้ว่านักข่าวที่เดินทางไปทำข่าวที่ฟาร์มคือจอมขวัญ พ่อคงจุดพลุฉลองเลยกระมัง
แต่การที่มีใครสักคนมารู้จักเขามากขึ้น หากนักข่าวคนนั้นเป็นจอมขวัญคงดีที่สุด อย่างน้อยเธอก็เก็บความลับได้ อย่างเรื่องที่เขาถูกวางยาจนถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าวหลุดออกไป เขาจงใจเปิดตัวในวงการธุรกิจ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้ชีวิตส่วนตัวถูกนำไปตีแผ่ด้วย
ปรานต์ชอบแกล้งแบบนี้ หลายคนอาจชอบก็ได้นะ แกล้งด้วยการซื้อของมาให้กิน
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 187
แสดงความคิดเห็น