ตอนที่ 766 ตระกูลดาร์กมิสท์

-A A +A

ตอนที่ 766 ตระกูลดาร์กมิสท์

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 766 ตระกูลดาร์กมิสท์

“ตระกูลดาร์กมิสท์! นี่มันตระกูลคู่แค้นของสกายวิงชัด ๆ แบบนี้เซี่ยเฟยยิ่งอันตรายมากไปอีก!” เทพดำกล่าวขึ้นมาอย่างกังวล

ตระกูลดาร์กมิสท์กับตระกูลสกายวิงต่างก็เป็นตระกูลที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการโจมตีที่รวดเร็วเหมือนกัน โดยทางฝั่งสกายวิงโดดเด่นทางด้านความเร็วโดยตรง ส่วนตระกูลดาร์กมิสท์จะโดดเด่นทางด้านการเร่งความเร็วในการจู่โจม

ในการต่อสู้ตระกูลดาร์กมิสท์จะทำการปล่อยกลุ่มหมอกขนาดใหญ่ออกมาครอบคลุมทั่วทั้งพื้นที่ ก่อนที่พวกเขาจะโจมตีด้วยกฎแห่งแสงทมิฬท่ามกลางหมอกดำที่บดบังวิสัยทัศน์ของศัตรู

ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบันตระกูลสกายวิงกับตระกูลดาร์กมิสท์มีการปะทะกันเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน และข้อเท็จจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่าหมอกดำของตระกูลดาร์กมิสท์เป็นทักษะที่สร้างปัญหาให้กับสกายวิงมาก เพราะไม่ว่าพวกเขาจะเร็วแค่ไหนแต่ถ้าหากพวกเขาไม่สามารถตรวจพบเป้าหมายได้ ความเร็วของพวกเขามันก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่ไร้ประโยชน์

กฎแห่งแสงทมิฬของตระกูลดาร์กมิสท์จึงถือว่าเป็นพลังที่น่ากลัวสำหรับนักรบสกายวิงอย่างแท้จริง และหากว่าใครสามารถเร่งความเร็วได้เกินกว่า 1 ล้านเมตรต่อวินาที มันก็มีเพียงคนไม่กี่คนในจักรวาลที่สามารถหลบความเร็วในระดับนั้นได้

ตระกูลหนึ่งคือตระกูลที่โดดเด่นในด้านความเร็วในการเคลื่อนที่ ขณะที่อีกตระกูลโดดเด่นในด้านความเร็วในการโจมตี มันจึงทำให้ทั้งสองตระกูลกลายเป็นศัตรูคู่กัดมาเป็นเวลานาน ดังนั้นถ้าหากว่าจักรพรรดิกฎจากตระกูลดาร์กมิสท์ได้พบกับเซี่ยเฟย มันย่อมเกิดการต่อสู้แห่งศักดิ์ศรีขึ้นมาอีกครั้งอย่างแน่นอน

สิ่งที่น่ากลัวมากกว่านั้นคือนักรบจากตระกูลดาร์กมิสท์เป็นจักรพรรดิกฎคนเดียว ในบรรดานักรบของเผ่ามารที่เดินทางมายังสนามรบโบราณในครั้งนี้ เขาจึงมีความสามารถอย่างเต็มที่ในการควบคุมประชากรระดับสูงสุดของเผ่ามารอีกเก้าคน ทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่เหนือเกินกว่ากลุ่มนักรบจากเผ่าเทพของทางฝั่งเซี่ยเฟยมาก

ด้วยเหตุผลนี้เองทั้งเทพขาวและเทพดำต่างก็ล้วนแล้วแต่รู้สึกกังวล เพราะนอกเหนือจากเซี่ยเฟยจะเป็นลูกหลานในเผ่าเทพของพวกเขาแล้ว ชายหนุ่มคนนี้ยังเป็นผู้สืบทอดกฎแห่งความโกลาหลของพวกเขาด้วย

“ถ้าตาเฒ่าพวกนั้นจะมาก็ปล่อยให้พวกมันมา ถึงยังไงเราก็ปล่อยให้ลูกหลานเราตกอยู่ในอันตรายไม่ได้ อย่างมากที่สุดเราก็แค่ต้องหนีไปพร้อมกับเซี่ยเฟยเท่านั้น” เทพดำกล่าวอย่างขุ่นเคือง

“นายจะคิดง่ายเกินไปแล้ว หากเราพาเซี่ยเฟยหลบหนีไปด้วยจริง ๆ ตาเฒ่าพวกนั้นจะต้องโยงความผิดของเราเข้าหาสกายวิงด้วยแน่ ๆ ตอนนั้นคนที่ซวยจะไม่ใช่แค่เซี่ยเฟยคนเดียว แต่จะเป็นสกายวิงทั้งตระกูลแทน” เทพขาวกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“นั่นก็ไม่ได้! นี่ก็ไม่ได้! แล้วฉันต้องทำยังไง?!” เทพดำตะโกนอย่างหงุดหงิด

“แล้วใครใช้ให้นายกลายเป็นผู้หลบหนีล่ะ สถานะของเรามันไม่เอื้อให้เราออกตัวไปทำอะไรตอนนี้อยู่แล้ว” เทพขาวกล่าวอย่างเย็นชา

“เดี๋ยวก่อน! นั่นมันเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่คนอื่นถูกส่งไปสนามรบโบราณ แต่เซี่ยเฟยกลับถูกส่งไปห้องลับอีกแล้ว?” ไวท์ตี้กล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหันเมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติ

ทันทีที่สิ้นเสียงของไวท์ตี้ เทพดำกับเทพขาวก็รีบไปดูหน้าจอแสดงผลของเซี่ยเฟยในทันที ก่อนที่พวกเขาจะได้เห็นตัวเลขดัชนีวัดพลังงานที่กำลังเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างรวดเร็ว

“ฮ่า ๆ ๆ พวกเราก็นึกว่าเซี่ยเฟยโชคร้ายไม่มีโอกาสได้ฝึกฝนเหมือนกับคนอื่น ๆ แต่ในความเป็นจริงเขาแค่ได้รับโอกาสในการฝึกฝนช้ากว่าคนอื่นเท่านั้นเอง ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าระบบโบราณจะมอบการฝึกฝนแบบไหนให้กับเซี่ยเฟยกันแน่?” เทพดำกล่าวอย่างตื่นเต้น

“อย่าพึ่งรีบดีใจไปหน่อยเลย ถึงแม้ระบบโบราณจะมอบการฝึกฝนที่ดีที่สุดให้กับเซี่ยเฟย แต่ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 1 สัปดาห์มันไม่มีทางที่จะลดช่องว่างระหว่างเขากับจักรพรรดิกฎได้ นอกจากนี้ทางฝั่งมารยังมีราชากฎระดับสูงสุดคอยช่วยเหลืออยู่อีก 5 คน แม้ว่าเซี่ยเฟยจะพัฒนาขึ้นมาในช่วง 1 สัปดาห์นี้ แต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะพลิกสถานการณ์ให้ฝั่งเรากลับมาเป็นฝั่งได้เปรียบได้อยู่ดี” เทพขาวกล่าว

“แต่เซี่ยเฟยมีพลังของกฎแห่งความโกลาหลนะ? นอกจากนี้ทางฝั่งนักรบเทพก็ยังมีราชากฎระดับสูงสุดจากตระกูลดราก้อนฟายอยู่อีกคนหนึ่งด้วย” เทพดำโต้กลับพร้อมกับขมวดคิ้ว

“นักรบจากตระกูลสกายวิงกับตระกูลดราก้อนฟายเป็นนักรบระดับสูงของทางฝั่งเทพจริง ๆ แต่ในคราวนี้ความแข็งแกร่งโดยรวมของทางฝั่งมารเหนือกว่าทางฝั่งเทพมาก ฉันเกรงว่าถึงแม้พวกเขาจะรวมพลังกัน แต่มันก็ยังยากที่ทางฝั่งเทพจะต่อต้านการบุกจู่โจมของทางฝั่งมารได้” เทพขาวกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย

“ทำไมเหตุการณ์ครั้งนี้มันดูแปลก ๆ ปกติเมื่อไหร่ก็ตามที่สนามรบโบราณถูกเปิดออกทุก ๆ ตระกูลจะส่งนักรบชั้นยอดของตัวเองออกเดินทางมาเพื่อสำรวจสนามรบแห่งนี้ แต่ทำไมคราวนี้พวกเขาถึงส่งนักรบชั้น 2 ของตระกูลมาสนามรบโบราณเท่านั้น มันเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ความแตกต่างระหว่างทั้งสองฝั่งมันกว้างมากขนาดนี้?” เทพดำกล่าวอย่างหงุดหงิด

แต่ในทันใดนั้นเองภาพหน้าจอของเซี่ยเฟยตรงหน้าของเทพดำก็ดับลงพร้อมกับประโยคจากระบบที่แจ้งเตือนขึ้นมาว่า ระบบการเลื่อนระดับของเซี่ยเฟยอยู่นอกเหนือเกินกว่าการสังเกตการณ์ของระบบหลัก มันจึงทำให้พวกเขาไม่สามารถสังเกตการณ์สถานการณ์ของชายหนุ่มต่อไปได้

“มันเป็นระบบที่แยกตัวออกไปจากระบบหลักงั้นเหรอ? เซี่ยเฟยกำลังถูกส่งไปที่ไหนกันแน่?” เทพดำอุทานพร้อมกับขมวดคิ้ว

ลูกบอลคริสตัลเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้าหากว่าใครสังเกตดี ๆ พวกเขาก็จะได้พบว่าภายใต้ลูกบอลคริสตัลพวกนั้นมีนักรบจากเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ กำลังถูกส่งตรงลงมายังสนามรบโบราณ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่นักรบพวกนี้มีเหมือนกันคือสีหน้าที่กำลังจ้องมองไปยังดินแดนอันกว้างใหญ่ด้วยความตกตะลึง

ในที่สุดหลังจากลูกบอลคริสตัลร่วงหล่นลงมาเหนือพื้นประมาณ 100 เมตร พวกมันก็เริ่มแตกออกส่งนักรบจากทุกเผ่าพันธุ์ลงสู่สนามรบทีละคน โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือพวกเขาควรจะต้องไปรวมทีมกับทางฝั่งของตัวเอง เพราะตราบใดก็ตามที่พวกเขาอยู่โดดเดี่ยวเพียงลำพัง มันก็มีความเสี่ยงที่พวกเขาจะถูกศัตรูลงมือสังหาร โดยไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากพันธมิตรได้เลย

แน่นอนว่ามันย่อมมีคนที่ชอบออกเดินทางเพียงคนเดียว เพราะพวกเขาไม่อยากจะแบ่งปันสมบัติที่พวกเขาเก็บได้ให้กับใคร แต่การแยกตัวออกไปลำพังแบบนั้นย่อมแลกมากับความเสี่ยงที่สูงมาก เพราะถ้าหากเขาคนนั้นบังเอิญไปพบเจอกับศัตรู มันก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะสามารถเอาชีวิตรอดกลับมาได้

การป้องกันชั้นสุดท้ายที่ระบบมอบให้คือนักรบทุกคนจะถูกส่งตัวออกไปห่างจากกันหลายสิบกิโลเมตร แต่หลังจากนี้ใครจะสามารถไปรวมกลุ่มกับพันธมิตรได้หรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของแต่ละคนแล้ว

ปัจจุบันสาวสวยคนหนึ่งกำลังยืนอยู่บนยอดเขาสูงเพื่อมองไปยังสถานที่ต่าง ๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น อย่างไรก็ตามเธอคนนี้ก็ดูเหมือนจะไม่เข้าใจความอันตรายของสถานที่แห่งนี้เลยแม้แต่น้อย คล้ายกับว่าเธอไม่เคยถูกส่งออกมาเพื่อใช้ชีวิตในสังคม

แต่ในทันใดนั้นเองมันก็มีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งรีบเคลื่อนไหวมาคว้าร่างของหญิงสาวคนแรกเอาไว้ และฉุดตัวเธอไปยังภูมิประเทศอันซับซ้อนบริเวณทางทิศตะวันออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งเธอทั้งสองคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นใดเลยนอกเสียจากจักจั่นขาวและเซียวรั่วหยู 2 นักรบหญิงที่ทางตระกูลสโนว์ดริฟท์ส่งมายังสนามรบโบราณในครั้งนี้

“คุณหนูไปยืนโดดเด่นแบบนั้นได้ยังไง? พวกเราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าพวกเราจะเริ่มซ่อนตัวก่อนแล้วค่อยหาจุดนัดพบกัน โชคดีที่จุดลงจอดของพวกเราอยู่ไม่ห่างกันมากนัก ไม่งั้นพวกเราก็คงจะใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมากกว่านี้” เซียวรั่วหยูเริ่มบ่น

แม้ว่าเซียวรั่วหยูจะมีอายุน้อยกว่าจักจั่นขาว แต่เธอก็มีความเข้าใจในสังคมอันโหดร้ายอย่างชัดเจน เธอจึงบ่นจักจั่นขาวด้วยความไม่พอใจอยู่เล็กน้อย

“ฉันแค่กำลังสนใจสนามรบโบราณในตำนานอยู่ ฉันเลยลืมข้อตกลงของเราไปแป๊บหนึ่ง” จักจั่นขาวกล่าว

แม้ว่าเซียวรั่วหยูจะหงุดหงิดแต่เธอก็ไม่สามารถที่จะโกรธจักจั่นขาวได้ ท้ายที่สุดเธอก็รู้ดีว่าเจ้านายของเธอเป็นบุคคลที่ไร้เดียงสามากเพียงใด เนื่องจากจักจั่นขาวเติบโตขึ้นมาแต่บนยานของตระกูลเท่านั้น หญิงสาวคนนี้จึงไม่เคยได้ออกไปใช้ชีวิตในสังคมเหมือนกับคนปกติเลย

“ฉันไม่ได้โกรธคุณหนูหรอก ฉันแค่หงุดหงิดที่พวกเราถูกส่งมาในสถานที่ที่อันตรายแบบนี้ ขณะที่หงส์แดงแย่งสิ่งดี ๆ จากคุณหนูไปหมด” เซียวรั่วหยูกล่าวอย่างไม่พอใจ

จักจั่นขาวพยักหน้าอย่างไม่เข้าใจ เพราะชีวิตของเธอไม่รู้จักคำว่าเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ อยู่แล้ว เธอจึงปล่อยให้เซียวรั่วหยูเป็นคนนำทางอย่างเชื่อฟัง

พฤติกรรมของจักจั่นขาวถึงกับทำให้เซียวรั่วหยูพูดอะไรไม่ออก ซึ่งมันก็อาจจะเป็นเพราะคุณหนูคนนี้ไม่เคยให้ความสนใจในชื่อเสียงหรือทรัพย์สินใด ๆ เลยแม้แต่อย่างเดียว มันจึงทำให้เธอถูกคนอื่นเอาเปรียบมาโดยตลอด

“ศัตรู!” เซียวรั่วหยูรีบคว้าจักจั่นขาวเอาไว้ด้วยมือเดียว พร้อมกับส่งลูกบอลคริสตัลสีม่วงอันสวยงามหลายลูกออกมาปกป้องพวกเธอทั้งสองคนเอาไว้

ในเวลาเดียวกันศัตรูตัวสีเขียวเข้มก็ปรากฏตัวขึ้นจากทางใต้ โดยนักรบคนนี้กำลังจ้องมองไปยังหญิงสาวทั้งสองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหื่นกระหาย

เซียวรั่วหยูขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างเคร่งเครียด เพราะสิ่งที่น่ากลัวที่สุดภายในสนามรบแห่งนี้สำหรับพวกเธอมันคงจะไม่ใช่ความตาย แต่มันเป็นเพราะร่างกายของพวกเธอคงจะดึงดูดความหื่นกระหายในศัตรูมากเกินไป

ตูม!

โปรแกรมฝึกฝน 1 สัปดาห์ของเซี่ยเฟยได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยในตอนนี้ชายหนุ่มกำลังรู้สึกราวกับว่าเขาถูกเข็มเป็นหมื่น ๆ เล่มแทงทะลุทั่วทั้งร่างพร้อม ๆ กัน จนทำให้ทั่วทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อไคล

ในเวลาเดียวกันพลังงานปริมาณมหาศาลก็กำลังถูกดูดออกไปจากทั่วทั้งร่างของเขา จนทำให้ชายหนุ่มในเวลานี้ตกอยู่ในสภาวะที่อ่อนแอมากเต็มที

“พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนายเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว ถ้าหากว่ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไป มันคงจะเกิดปัญหาใหญ่ตามมาแน่ ๆ” โอโร่กล่าวอย่างเคร่งเครียด

พลังงานคือพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ซึ่งระบบโบราณไม่เพียงแต่จะไม่มอบพลังงานให้กับเซี่ยเฟยเท่านั้น แต่ระบบยังกำลังดึงพลังงานออกไปจากร่างของชายหนุ่มด้วย

แต่ในขณะที่พลังงานภายในร่างของเซี่ยเฟยกำลังจะหมดลงอยู่นั่นเอง พลังงานปริมาณมหาศาลก็วิ่งกลับเข้ามาภายในร่างของเขาอีกครั้ง คล้ายกับกระแสน้ำอุ่นที่กำลังแพร่กระจายไปทั่วทั้งร่างของเขาอย่างรวดเร็ว

“นั่นมันการชำระล้างพลัง! ไม่น่าเชื่อเลยว่าระบบจะดึงพลังงานของนายออกไปทั้งหมดเพื่อกลั่นพลังงานให้บริสุทธิ์ แล้วเอาพลังงานพวกนั้นกลับคืนเข้าไปภายในร่างของนายอีกครั้ง” โอโร่อุทานออกมาด้วยความตกใจ

***************

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Rights Reserved.