ตอนที่ 767 สาวงามในสนามรบ
ตอนที่ 767 สาวงามในสนามรบ
“เซี่ยเฟยโชคดีจริง ๆ ที่ได้เข้าร่วมโครงการอัลฟ่าเพียงคนเดียว และถูกส่งตรงไปยังระบบช่วยพัฒนาเป็นเวลา 1 สัปดาห์เต็ม ๆ แบบนี้” เทพดำกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่น่าเสียดายที่หน้าจอแสดงผลของเซี่ยเฟยดับลงไป เขาจึงมองไม่เห็นว่าชายหนุ่มถูกระบบพัฒนาพลังในรูปแบบไหนกันแน่
“ฉันว่าเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับโชคหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะนิสัยเฉพาะตัวของเขา ระบบโบราณก็คงจะไม่ส่งเขาไปทำการทดสอบอย่างพิเศษแบบนี้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะความพยายามของเขาเองไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับโชคอะไรเลย” เทพขาวกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
ยิ่งเทพขาวได้เห็นเซี่ยเฟยมากเท่าไหร่ ทัศนคติที่เขามีต่อชายหนุ่มก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นทีละน้อย ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ใช่คนซื่อบื้อเหมือนน้องชายตัวเองที่จะชื่นชอบใครเพียงเพราะอีกฝ่ายเป็นผู้สืบทอดพลังของตัวเอง เขาจึงจำเป็นจะต้องใช้เวลาในการพิจารณาเซี่ยเฟยนานพอสมควร
“สถานที่แห่งนี้ช่างซ่อนความลับเอาไว้อย่างมากมายจริง ๆ แต่สิ่งที่ฉันสงสัยคือตาเฒ่าพวกนั้นเป็นคนมาปรับให้สนามรบโบราณเข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันจริง ๆ เหรอ?” เทพดำกล่าวถามอย่างสงสัย
“ไม่ว่าจะยังไงกรณีของเซี่ยเฟยก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าระบบได้มีการเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับนักรบในปัจจุบันแล้ว และในตอนนี้แม้แต่พวกเราที่อยู่ในห้องควบคุมก็ยังไม่สามารถเฝ้าดูสถานการณ์ของทางฝั่งเซี่ยเฟยได้” เทพขาวกล่าว
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าระบบนี้จะปิดกั้นเราได้ พวกเรามาลองหาช่องโหว่ของระบบกันดูดีกว่า” เทพดำกล่าว
“นี่นายยังคิดจะฝ่าฝืนคำสั่งเข้าไปในสนามรบอีกงั้นเหรอ? ถึงแม้ว่าเราจะเข้าไปได้แต่พวกตาเฒ่านั่นก็คงจะค้นพบตัวตนของเราในทันทีอยู่ดี” เทพขาวกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้วเมื่อได้เห็นความคิดแปลก ๆ ของน้องชายตัวเอง
“ใครบอกว่าพวกเราจะเข้าไปล่ะ? สนามรบโบราณมันแปลกมากที่สามารถปฏิเสธไม่ให้ผู้มีพลังระดับจักรพรรดิกฎขึ้นไปเดินทางเข้าสู่สนามรบได้ แต่ถึงแม้ว่าพวกเราจะเข้าไปไม่ได้ แต่เจ้าพวกนั้นมันก็เข้าไปได้นี่นา” เทพดำกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปยังนกทั้งสองตัวด้วยแววตาที่เจ้าเล่ห์
“นั่นสินะ พวกมันเป็นสัตว์อสูรไม่ใช่นักรบซะหน่อย” เทพขาวกล่าวด้วยรอยยิ้มและเขาก็สามารถทำความเข้าใจได้ในทันทีว่าน้องชายของเขากำลังคิดอะไร
—
พลั่ก!
ร่างกายของเซี่ยเฟยร่วงหล่นลงบนพื้น ซึ่งเวลาที่ใช้ในการชำระพลังงานภายในร่างกายของเขากินเวลาไปเพียงแค่ประมาณ 10 นาทีเท่านั้น และมันก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับการได้เล่นรถไฟเหาะ ที่ในช่วงแรกมันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจแต่หลังจากนั้นมันกลับทำให้เขารู้สึกสบายตัว
ชายหนุ่มพยายามขยับร่างกายและสัมผัสได้ว่าร่างกายของเขาไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปจากอดีตมากนัก ยกเว้นร่างกายที่รู้สึกเบาขึ้นและสมองที่รู้สึกโปร่งโล่งมากขึ้นกว่าเดิม
“เมื่อกี้คุณบอกว่าระบบทำการชำระล้างพลังงานให้กับผมงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“ใช่ การชำระล้างพลังงานแบบนี้จำเป็นจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านการกลั่นพลังงานขั้นที่ 6 ขึ้นไปในการดำเนินการเท่านั้น ซึ่งมันก็จะทำให้พลังงานภายในร่างของนายมีความบริสุทธิ์มากขึ้นกว่าเดิม”
“กระบวนการนี้เหมือนเป็นการทำความสะอาดเส้นพลังงานภายในร่างกายของนายใหม่ทั้งหมด แล้วมันก็จะช่วยให้พลังงานภายในร่างกายของนายไหลเวียนได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น โดยปกติกระบวนการนี้จะเกิดขึ้นในพื้นที่ของ 2 เผ่าพันธุ์สูงสุดเท่านั้น การที่นายได้เพลิดเพลินกับการชำระล้างพลังงานก่อนคนอื่น มันก็จะช่วยให้นายสามารถพัฒนาพลังได้รวดเร็วกว่าคนอื่นด้วยเหมือนกัน” โอโร่กล่าวอธิบาย
“ผู้เชี่ยวชาญด้านการกลั่นพลังงานทรงพลังมากขนาดนั้นเลยเหรอ? ตอนแรกผมก็คิดว่าพวกเขาสามารถสร้างคริสตัลต้นกำเนิดออกมาขายได้เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะสามารถใช้พลังในการชำระล้างพลังงานภายในร่างของนักรบได้อีกด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“นักกลั่นพลังงาน, นักประดิษฐ์และนักปรุงยาเป็น 3 อาชีพสนับสนุนที่ดีที่สุดภายในจักรวาลแห่งนี้แล้ว ถ้าหากว่านายสามารถฝึกฝนทักษะใดในระดับสูงได้ ในเวลานั้นนายก็จะสามารถดึงดูดความสนใจของใคร ๆ ได้อีกเยอะ”
“ฉันรู้ว่านายมีความรู้ทั้งในด้านการปรุงยาและการกลั่นพลังงาน แต่การพยายามฝึกฝนพลังหลาย ๆ ด้านพร้อม ๆ กันมันเป็นความพยายามที่สิ้นเปลืองทรัพยากรมากเกินไป อย่าลืมว่าอีก 7 วันหลังจากนี้นายจะต้องเข้าสู่สนามรบที่เต็มไปด้วยอันตราย สิ่งแรกที่นายควรทำคือการพัฒนาพลังการต่อสู้ให้สูงที่สุด แล้วเรื่องอื่นค่อยมาคิดในตอนหลังก็ยังไม่สาย” โอโร่กล่าว
ภาพที่ฉายอยู่ตรงหน้าของเซี่ยเฟยในตอนนี้คือทางเลือกจากระบบว่าเซี่ยเฟยต้องการจะปรับปรุงพลังในด้านไหนของเขามากที่สุด ซึ่งจากคำอธิบายของโอโร่ระบบการช่วยเหลือตรงหน้าของเขานี้เป็นเพียงแค่ระบบระดับกลาง ๆ แต่มันก็ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเขาที่ยังไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมกับสองเผ่าพันธุ์สูงสุดของจักรวาล
“ปัจจุบันผมควรจะต้องปรับปรุงประสิทธิภาพในการต่อสู้ให้ได้มากที่สุดจริง ๆ แต่การปรับปรุงประสิทธิภาพในการต่อสู้ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องปรับปรุงเพียงแค่พลังกฎอย่างเดียวสักหน่อย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่มุมปาก
“แล้วนายจะทำยังไง?” โอโร่กล่าวถามอย่างสงสัย
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร ก่อนที่เขาจะหยิบเบญจมาศดาวกระจายออกมาวางไว้บนพื้น
“ฉันลืมวิธีการนี้ไปได้ยังไง? ใช่แล้วการปรับปรุงประสิทธิภาพในการต่อสู้ของนายได้อย่างรวดเร็วที่สุด คือการให้หงส์ครามกลืนกินเบญจมาศดาวกระจายเข้าไปซะ” โอโร่กล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
ทั้งเซี่ยเฟยและโอโร่ต่างก็รอคอยที่จะได้เห็นหงส์ครามหลังจากที่มันได้กลืนกินเบญจมาศดาวกระจายเข้าไป เพราะมันไม่มีใครรู้ว่าหลังจากที่อาวุธมายาทั้งสามชิ้นได้หลอมรวมพลังเข้าด้วยกัน ผลลัพธ์ที่ออกมามันจะมีหน้าตาเป็นยังไงกันแน่
นอกจากนี้สนามรบโบราณยังมอบโอกาสที่หาได้ยากให้กับพวกเขา เพราะถ้าหากเซี่ยเฟยออกไปหลอมรวมอาวุธมายาในโลกภายนอก เขาก็จำเป็นจะต้องพบกับอุปสรรคอีกอย่างมากมาย แต่ถ้าหากพวกเขาทำการหลอมรวมเบญจมาศดาวกระจายที่นี่มันก็จะช่วยลดปัญหาให้เขามาก
ขนอุยกระพริบตาดวงน้อย ๆ ของมันอย่างเจ้าเล่ห์ ท้ายที่สุดมันกับหงส์ครามก็เป็นทั้งสหายร่วมรบและคู่แข่งที่ต้องแย่งชิงความรักจากเจ้านายคนเดียวกัน ดังนั้นเมื่อเซี่ยเฟยกำลังตั้งหน้าตั้งตาดูพัฒนาการของหงส์คราม แววตาของขนอุยจึงเผยความอิจฉาออกมาราวกับว่ามันกำลังมีแผนการอะไรบางอย่าง
—
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังพยายามหลอมรวมเบญจมาศดาวกระจายเข้ากับหงส์คราม การต่อสู้ในสนามรบโบราณก็ค่อย ๆ เริ่มต้นขึ้น
นักรบทุกคนต่างก็กระตือรือร้นในการค้นหาสิ่งที่หลงเหลือมาจากสนามรบโบราณ แต่น่าเสียดายที่หลังจากสนามรบโบราณเปิดรับผู้มาเยือนมาเป็นเวลานาน มันจึงทำให้สมบัติที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในสนามรบน้อยลงไปเรื่อย ๆ
เมื่อสมบัติจากสมัยโบราณเหลือน้อยลงนักรบที่เข้ามาสำรวจก็มักที่จะจู่โจมกันเองเพื่อขโมยสิ่งของจากอีกฝ่าย เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การที่พวกเขาสามารถหาสมบัติได้พบหรือไม่ แต่คือการที่พวกเขาสามารถเอาสมบัติกลับไปได้อย่างปลอดภัยได้หรือเปล่า
ปัจจุบันเยว่เกอกำลังยืนหอบอยู่ใต้เนินดินและจ้องมองไปยังนักรบทั้งสองคนที่อยู่ไกลออกไป แม้ว่าหญิงสาวคนนี้จะมีนิสัยเสียไปบ้าง แต่ร่างกายของเธอก็ยังคงมีเสน่ห์มากพอให้ดึงดูดผู้ชายเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
“ไอ้สารเลว! อย่าเข้ามานะ!!” เยว่เกอตะโกนเสียงดังและพยายามเตะสิ่งของเข้าใส่ชายหนุ่มทั้งสอง
“น้องสาวอย่าทำแบบนี้กับพวกพี่เลย นี่พวกเรากำลังพยายามปกป้องน้องอยู่นะ น้องก็น่าจะรู้ว่าสนามรบโบราณอันตรายมาก สาวสวยบอบบางอย่างน้องจะอยู่ตัวคนเดียวได้ยังไง?” ชายทั้งสองคนที่ไล่ตามเยว่เกอมากล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ หลังจากที่เขาพูดจบทั้งคู่ต่างก็เลียริมฝีปากพร้อม ๆ กันขณะใช้สายตาลวนลามไปทั่วทั้งร่างของหญิงสาวตรงหน้า
ชายทั้งสองคนนี้ไม่เพียงแต่จะพูดพร้อมกันเท่านั้น แต่ทั้งหน้าตาและการเคลื่อนไหวของพวกเขายังเหมือนกันทุกประการ เหมือนกับว่าพวกเขาเป็นฝาแฝดที่มีการเชื่อมโยงจิตใจเข้าหากันและกัน
พวกเขาทั้งคู่มาจากตระกูลดราก้อนฟายที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงในดินแดนกฎ ซึ่งตระกูลนี้มีความเชี่ยวชาญในการใช้กฎแห่งการบิน ทำให้สมาชิกในตระกูลสามารถเคลื่อนไหวในอากาศได้อย่างอิสระ และชายทั้งสองคนนี้ก็มีชื่อว่าซานจิ่งกับซานตู
เหตุผลที่เยว่เกอเดินทางมายังดินแดนกฎได้ นั่นก็เพราะว่าผู้นำตระกูลดราก้อนฟายชอบในพลังลวงตาของเธอ ท้ายที่สุดพลังลวงตากับกฎแห่งการบินก็เป็นการจับคู่พลังที่สมบูรณ์แบบ ผู้นำตระกูลดราก้อนฟายจึงพาเยว่เกอมายังดินแดนกฎและสอนกฎแห่งภาพลวงตาให้กับเธอ
ซานจิ่งกับซานตูเฝ้าดูเยว่เกออย่างโหยหามาเป็นเวลานานแล้ว แต่เนื่องมาจากหญิงสาวได้รับการคุ้มครองจากผู้นำตระกูล พวกเขาจึงไม่สามารถทำอะไรหญิงสาวคนนี้ได้ อย่างไรก็ตามปัจจุบันพวกเขาอยู่ในสนามรบโบราณ พวกเขาจึงพยายามใช้โอกาสนี้เพื่อให้ได้ใกล้ชิดเยว่เกอมากยิ่งขึ้น
ซานจิ่งกับซานตูบินแยกออกไป 2 ข้าง โดยคนหนึ่งบินมาคว้าใบหน้าของหญิงสาวเอาไว้ ขณะที่อีกคนพยายามใช้นิ้วลูบไล้ไปตามเอวของหญิงสาว
“น้องสาว พวกเราคือคนที่มีโอกาสกลายเป็นจักรพรรดิกฎมากที่สุดในตระกูลเลยนะ ถ้าหากว่าเธอยอมมาอยู่กับเรา ในอนาคตเธอก็จะใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย”
“หากเธอทำให้พวกเรามีความสุข บางทีพวกเราก็อาจจะพาเธอขึ้นไปยังเบื้องบนด้วยก็ได้ ในเวลานั้นพวกเราจะยกตำแหน่งสนมให้กับเธอเอง”
ชายหนุ่มทั้งคู่ยังคงพูดเรื่องของตัวเองออกไปโดยไม่สนใจท่าทีขัดขืนของเยว่เกอเลยแม้แต่นิดเดียว
เยว่เกอกัดฟันและพร้อมที่จะระเบิดพลังทั้งหมดของเธอออกมา แม้เธอจะรู้ว่าเธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา แต่เธอก็ไม่มีทางยอมตกเป็นของชายหนุ่มทั้งสองโดยไม่ขัดขืนอย่างแน่นอน
“หน้าด้านจริง ๆ ผู้ชาย 2 คนมารังแกผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง? คุณหนู พวกเรามาจัดการกับพวกเขากันเถอะ” ในขณะที่การต่อสู้กำลังจะเริ่มต้นขึ้น เสียงหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังของชายหนุ่มทั้งสอง
เมื่อเยว่เกอมองไปทางต้นเสียงเธอก็ได้พบกับหญิงสาวหน้าตาน่ารัก 2 คน ซึ่งทั้งคู่ก็ดูจะมีอายุน้อยกว่าเธอเล็กน้อย แน่นอนว่าทั้งสองคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากเซียวรั่วหยูกับจักจั่นขาว
“มันจะดีเหรอ?” จักจั่นขาวกล่าวถามขึ้นมาเบา ๆ
“ดีสิคะคุณหนู พวกมันเป็นคนเลว คนแบบนี้สมควรจะถูกฆ่าแล้ว!” เซียวรั่วหยูกล่าวเน้นย้ำ
จักจั่นขาวพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เพราะเธอยังคงไม่เข้าใจการกระทำของทั้งคู่อยู่ดี
การปรากฏตัวของหญิงสาวทั้งสองทำให้ซานจิ่งกับซานตูมองไปยังเซียวรั่วหยูกับจักจั่นขาวอย่างตกตะลึง เพราะความงดงามของหญิงสาวทั้งสามต่างก็ต้องตาต้องใจพวกเขาไม่ด้อยไปกว่ากัน
เมื่อหญิงสาวได้มารวมตัวกันมันก็กลายเป็นกลุ่มหญิงงามอย่างแท้จริง แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่รู้เลยว่ากุหลาบที่สวยงามมันก็มักที่จะมีหนามอันแหลมคม
***************
รอบนี้พี่เฟยจะได้เจอกับน้องไหม?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 196
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น