ตอนที่ 750 ความโกรธแค้นของเซียงจินเฉิง
ตอนที่ 750 ความโกรธแค้นของเซียงจินเฉิง
เซียงจินเฉิงรู้มาตั้งนานแล้วว่าเซี่ยเฟยทั้งได้ครอบครองอสูรศักดิ์สิทธิ์และอาวุธมายา แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าภายในเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พวกเซี่ยเฟยจะได้ดูดซับพลังงานจากคริสตัลต้นกำเนิดขั้นที่ 5 ของเซี่ยเหล่าสือไปมากถึง 14,700 ก้อน
การดูดซับพลังงานปริมาณมหาศาลมากเพียงพอที่จะทำให้ทั้งขนอุยและหงส์ครามมีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด ความแข็งแกร่งที่เซี่ยเฟยได้ครอบครองในตอนนี้จึงเป็นสิ่งที่ตัวเขาเมื่อหนึ่งเดือนก่อนไม่สามารถจะนำมาเปรียบเทียบกันได้
หงส์ครามซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นดินอย่างเงียบ ๆ โดยใบหญ้าทั้งสี่ใบมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมและใบหญ้าแต่ละใบยังมีความยาวมากกว่าหนึ่งกิโลเมตร
ขณะเดียวกันขนอุยก็ได้รับการวิวัฒนาการมาแล้ว 5 ครั้งถือว่ามันได้เติบโตจนกลายเป็นวัยรุ่นโดยสมบูรณ์ ร่างกายที่เคยเป็นสีทองของมันเปลี่ยนกลับมาเป็นสีขาวอีกครั้ง และขนาดร่างกายของมันยังขยายขึ้นมาจนเท่ากับลูกเบสบอลแล้วอีกด้วย
ตูม!
หงส์ครามพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินพยายามจับเซียงจินเฉิงเอาไว้ ขณะที่ขนอุยกับเซี่ยเฟยเริ่มทำการจู่โจมจากคนละด้าน
“ทำได้ดีนี่” เซียงจินเฉิงส่งเสียงตะโกนก่อนที่เขาจะระเบิดพลังงานออกมารอบร่างเพื่อทำการจู่โจมในวงกว้าง
การเคลื่อนไหวของชายชราทำให้เซี่ยเฟยชะงักเท้าอย่างฉับพลัน ก่อนที่เขาจะตัดสินใจพลิกตัวเพื่อกระโดดถอยกลับมาตั้งหลักใหม่อีกครั้ง
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยทำการหลบหนีมิติภายในรัศมี 1 กิโลเมตรก็เริ่มถูกบีบอัดอย่างรวดเร็ว แม้แต่หินสีดำขนาดใหญ่ที่อยู่บนพื้นก็ยังถูกบีบจนแตกกลายเป็นดินทราย
เซียงจินเฉิงเผยรอยยิ้มออกมาอย่างยินดี เพราะถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะไม่ได้ติดกับดัก แต่หงส์ครามกับขนอุยยังคงอยู่ในระยะการโจมตีของเขา
ทั้งอสูรศักดิ์สิทธิ์และอาวุธมายาชิ้นนี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ช่วยที่ทรงพลังที่สุดของเซี่ยเฟย ซึ่งถ้าหากว่าเซี่ยเฟยปราศจากตัวช่วยเหล่านี้แล้ว พลังของเขาเพียงแค่ลำพังก็ไม่ได้มีความน่ากลัวในสายตาของเซียงจินเฉิงเลย
ด้วยเหตุนี้เขาจึงใช้วิชาบีบมิติอันทรงพลังโดยกำหนดเป้าหมายไปที่ขนอุยกับหงส์ครามตั้งแต่แรก
ใบหญ้าสีฟ้าถูกบีบตัวอย่างฉับพลันจนก่อให้เกิดเสียงถูกบีบดังขึ้นมาจากด้านใน ใบหญ้าทั้งสี่จึงบิดไปบิดมาราวกับว่ามันกำลังเจ็บปวด
ตูม!
ในขณะที่ทั่วทั้งร่างกำลังถูกพลังมิติบีบอัดอยู่นั่นเอง ขนอุยก็ปล่อยพลังออกไปล้อมร่าง ก่อนที่พลังงานพวกนั้นจะระเบิดออกไปรอบ ๆ ตัวของมันอย่างรวดเร็ว
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือขนอุยพยายามผลักพลังงานรอบร่างของมันเพื่อต่อต้านจากพลังบีบอัดที่กดทับลงมาจากภายนอก
นี่คือความสามารถในการต่อสู้ใหม่ของขนอุยหลังจากที่มันได้วิวัฒนาการครั้งที่ 5 ตอนนี้ร่างกายของมันจึงเปรียบเสมือนเป็นระเบิดเวลาที่สามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบ ๆ ตัวมันได้ในทุก ๆ ที่ที่มันเคลื่อนที่ผ่านพื้นที่บริเวณนั้นไป
สาเหตุที่เซี่ยเฟยกระโดดออกมาตั้งหลัก นั้นก็เพราะว่าเขารู้ถึงพลังของขนอุยดีอยู่แล้ว ขณะเดียวกันเซียงจินเฉิงยังคงคิดว่าเซี่ยเฟย, ขนอุยและหงส์ครามยังคงมีพลังอยู่ในระดับใกล้ ๆ เดิม แน่นอนว่าสิ่งที่ชายชราคนนี้คิดมันผิดจากความเป็นจริงไปไกล
ตอนนี้เซี่ยเฟยได้กลายเป็นผู้ใช้พลังพิเศษสายความเร็วระดับสูงสุดแล้ว ขนอุยก็ได้พัฒนากลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์วัยรุ่นด้วยเช่นกัน ทางด้านหงส์ครามก็เติบโตขึ้นมาจากเดิมเป็นอย่างมาก แม้ว่าตอนนี้ชายชราจะยังไม่ได้มีโอกาสสัมผัสกับความแข็งแกร่งของอาวุธมายาชิ้นนี้ แต่เขาก็จะได้สัมผัสกับพลังของหงส์ครามในไม่ช้า
วิญญาณหวน!
เซี่ยเฟยปลดปล่อยอาวุธที่สร้างขึ้นมาจากดาร์คเมทัล เพื่อเข้าไปสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในสถานการณ์ตรงหน้าให้ทวีความเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม
เพียงแค่การปะทะกันระหว่างพลังงานต้นกำเนิดของขนอุยกับพลังกฎของเซียงจินเฉิง มันก็ทำให้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าในพื้นที่บริเวณนั้นเกิดความปั่นป่วนมากแล้ว เมื่อสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปั่นป่วนถูกรบกวนโดยดาร์คเมทัล มันก็ยิ่งทวีความบ้าคลั่งมากขึ้นไปกว่าเดิมก่อให้เกิดเป็นพายุคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดใหญ่
เหตุการณ์ทุกอย่างนี้คือแผนการที่เซี่ยเฟยได้คำนวณเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว และเพื่อที่จะให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามแผนการ ทั้งหงส์ครามและขนอุยต่างก็ต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเพื่อล่อให้เซียงจินเฉิงปลดปล่อยพลังของเขาออกมา
พายุแม่เหล็กไฟฟ้าก่อให้เกิดเศษดินเศษหินพัดไปทั่วทั้งบริเวณอย่างรวดเร็ว พร้อม ๆ กับหงส์ครามที่เริ่มพุ่งตัวออกมาจู่โจมเข้าใส่ชายชราด้วยเช่นกัน เซียงจินเฉิงจึงจ้องมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยสีหน้าอันขุ่นเคือง เพราะทั่วทั้งร่างของเขาเริ่มมีรอยขีดข่วนปรากฏขึ้นมาอย่างมากมาย
พลั่ก!
ชายชราใช้พลังกระแทกชิ้นส่วนของวิญญาณหวนให้กระจายออกไปโดยรอบอย่างง่ายดาย จนทำให้เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างกังวล
หลังจากที่ชายหนุ่มได้ฝึกฝนพลังความเร็วจนถึงขั้นสูงสุดแล้ว เขาก็ได้พบว่าพลังจิตของเขาเหมือนจะดูอ่อนแอลงมากกว่าเดิม ซึ่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสาเหตุของความอ่อนแอนั้นมันเกิดขึ้นมาจากอะไร แต่ผลลัพธ์มันก็ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมอาวุธผ่านพลังจิตได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนเดิม
—
“นั่นเซี่ยเฟยสามารถทำร้ายเซียงจินเฉิงได้จริง ๆ งั้นเหรอ?” ผู้ชมภายในห้องโถงอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ และถึงแม้ว่าเขาจะเป็นราชากฎเช่นเดียวกันกับเซี่ยเฟย แต่เขาก็ไม่มีความคิดที่จะกล้าไปเผชิญหน้ากับเซียงจินเฉิงเลยแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นถึงแม้ว่าทั่วทั้งร่างของชายชราจะมีเพียงแค่บาดแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงแล้ว
“เซี่ยเฟยไม่ได้ทำให้เซียงจินเฉิงได้รับบาดเจ็บสักหน่อย ถ้าจะพูดให้ถูกควรจะบอกว่าอาวุธมายากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นเป็นคนที่ทำให้เซียงจินเฉิงได้รับบาดเจ็บต่างหาก” ตัวแทนจากตระกูลแอจจิเททกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา
ตระกูลแอจจิเททมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลมูนวอร์ดมาโดยตลอด พวกเขาจึงพยายามพูดเข้าข้างเซียงจินเฉิงอย่างสุดกำลัง น่าเสียดายที่ศัตรูของตระกูลมูนวอร์ดคราวนี้คือสกายวิง พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับตระกูลมูนวอร์ดอย่างโจ่งแจ้ง เพราะไม่อย่างนั้นตระกูลของพวกเขาก็คงจะตกเป็นเป้าของตระกูลคนบ้าพวกนั้นด้วย
“นักรบทุกคนต่างก็จำเป็นจะต้องพึ่งพาอาวุธอุปกรณ์หรือเครื่องมือเพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง ทั้งอาวุธมายาและอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นต่างก็ล้วนแล้วแต่ยอมติดตามเซี่ยเฟยอย่างเต็มใจ หรือจะบอกว่าพวกมันคืออาวุธของเซี่ยเฟยก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
“อสูรศักดิ์สิทธิ์แต่ละตัวต่างก็ล้วนแล้วแต่มีบุคลิกที่แปลกประหลาด แม้แต่อาวุธมายาก็ไม่ใช่จะยอมรับใครเป็นเจ้านายของพวกมันง่าย ๆ การที่พวกมันยอมติดตามเซี่ยเฟยแบบนี้ มันก็เป็นเรื่องชัดเจนแล้วว่าพวกมันคือส่วนหนึ่งในความแข็งแกร่งของเซี่ยเฟยด้วยเหมือนกัน” ราชากฎขั้นสูงจากตระกูลวิทเทอร์กล่าว
หลังจากนั้นเหล่าบรรดาผู้ชมก็เริ่มแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะสมาชิกจากตระกูลวิทเทอร์ที่ดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลมาจากผู้นำตระกูลและมู่ฟู่ผิง พวกเขาจึงพยายามพูดแทนสกายวิงคล้ายกับแอจจิเททที่พยายามพูดแทนมูนวอร์ด
เมื่อมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน มันจึงเริ่มมีการโต้เถียงกันเกิดขึ้น และในเวลาเพียงแค่ไม่นานราชากฎของทั้งสองที่ตะโกนก็เริ่มทะเลาะกันเสียงดัง
“เงียบ!” เสียงของชายชราคนหนึ่งดังขึ้นมาพร้อมกับแรงกดดันอันมหาศาล ก่อนที่พวกเขาจะได้เห็นผู้นำของตระกูลเชฟชิฟเตอร์เดินเข้ามา ซึ่งชายชราคนนี้ก็คือหลางไต่เถิงผู้ซึ่งเป็นจักรพรรดิกฎขั้นที่ 3 นั่นเอง
ตระกูลเชฟชิฟเตอร์คือตระกูลที่ขึ้นชื่อเรื่องความซื่อสัตย์และความยุติธรรมมากที่สุด พวกเขาจึงเป็นตระกูลที่ผู้คนทั่วทั้งดินแดนกฎให้ความเคารพ และเมื่อหลางไต่เถิงเอ่ยปากขึ้นมามันจึงไม่มีใครกล้าที่จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับชายชราคนนี้
“สาเหตุที่ตระกูลส่งพวกนายมารับชมการประลองในครั้งนี้ก็เพื่อให้พวกนายมีโอกาสได้เปิดหูเปิดตารับชมการต่อสู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งไม่ใช่เหรอ แล้วพวกนายจะมาทะเลาะกันทำไม แหกตาดูการประลองไปเงียบ ๆ ซะ”
ตามปกติหลางไต่เถิงไม่จำเป็นจะต้องมาสั่งสอนเด็กรุ่นใหม่พวกนี้เลย เพราะผู้ชมส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่สมาชิกของตระกูลเชฟชิฟเตอร์ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามเขาก็เป็นคนตรงไปตรงมาอยู่เสมอ เมื่อเห็นเด็ก ๆ ทำตัวไม่ดีเขาจึงสั่งสอนออกไปตามหน้าที่ของผู้ที่มีความอาวุโสกว่า
“เฮ้อ เซี่ยเฟยไม่น่าไปทำให้เซียงจินเฉิงหงุดหงิดแบบนั้นเลย การทำแบบนี้มันจะยิ่งทำให้การประลองนี้อันตรายมากขึ้นกว่าเดิม” หลางไต่เถิงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
—
เซียงจินเฉิงยกมือขึ้นมาแปะเลือดบนแก้มพร้อมกับขมวดคิ้ว และถึงแม้ว่าบาดแผลที่เกิดจากหงส์ครามขณะนี้จะไม่ร้ายแรงอะไร แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกชา ซึ่งหมายความว่าใบหญ้าพวกนั้นมีพิษแฝงเอาไว้อยู่
หงส์ครามได้ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่พายุแม่เหล็กไฟฟ้ากำลังปั่นป่วนพลังงานของเขาอย่างรุนแรงเพื่อจู่โจมเข้าใส่เขาอย่างฉับพลัน และถึงแม้ว่าเขาจะมีเกราะป้องกันห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้ แต่ท้ายที่สุดมันก็ยังคงมีรอยถลอกเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นมาทั่วทั้งตัวของเขาอยู่ดี
เมื่อได้เห็นถึงความร้ายกาจของเซี่ยเฟย ในที่สุดเซียงจินเฉิงก็ตัดสินใจที่จะจบการต่อสู้ในครั้งนี้โดยเร็วที่สุด
หลังจากตัดสินใจได้แล้วเซียงจินเฉิงก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ก่อนที่เขาจะเริ่มต้นทำการโจมตีอย่างรุนแรง
แม้ว่าตอนนี้ชายชราจะไม่ได้ใช้วิชาผสานกฎเพื่อจู่โจม แต่การโจมตีต่อเนื่องของเขาก็ยังสามารถสร้างแรงกดดันให้กับเซี่ยเฟยอย่างมหาศาล
การบุกจู่โจมของจักรพรรดิกฎแห่งตระกูลมูนวอร์ดทำให้เหล่าบรรดานักรบสกายวิงกำหมัดแน่นด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว เพราะทุกคนรู้ดีว่าสาเหตุที่เซี่ยเฟยกำลังพยายามอยู่ในตอนนี้ นั่นก็เพราะว่าเขาไม่ต้องการที่จะซ่อนตัวอยู่ภายใต้การคุ้มครองของสกายวิง
การโจมตีหลายร้อยรอบเกิดขึ้นในเวลาเพียงแค่เสี้ยวพริบตา ทั้งขนอุยและหงส์ครามต่างก็พยายามช่วยกันต่อต้านการโจมตีอันบ้าคลั่งของเซียงจินเฉิงจนแทบที่จะไม่มีเวลาได้พักหายใจ
“นั่นมันอะไร? อย่าบอกนะว่ามันคืออาวุธของเซี่ยเฟยอีกชิ้น” เซี่ยจงไห่อุทานพร้อมกับขมวดคิ้ว เมื่อเขาสังเกตเห็นหุ่นยนต์ตัวเล็กที่มีทักษะในการเคลื่อนไหวแปลก ๆ คล้าย ๆ กันกับเซี่ยเฟย
***************
หืมมมมม หุ่นยนต์ที่เคลื่อนไหวแปลก ๆ คล้ายกับเซี่ยเฟยงั้นเหรอ อย่าบอกนะว่า…
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 239
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น