ตอนที่ 727 กวาดล้างสวนดอกท้อ
ตอนที่ 727 กวาดล้างสวนดอกท้อ
เฮือก!
เซี่ยเฟยสะดุ้งลุกขึ้นมาจากการตื่นนอนพร้อมกับมองไปยังสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างระแวดระวัง
“ทำไมมันถึงมีจิตสังหารเข้มข้นขนาดนี้? นี่ฉันกำลังอยู่ที่ไหนกันแน่?” ชายหนุ่มยังคงพยายามตั้งท่าป้องกันอย่างเต็มที่ เพราะสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยจิตสังหารที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
“ใจเย็น ๆ ตอนนี้นายอยู่ที่ตระกูลสกายวิงและนายก็ปลอดภัยแล้ว พวกสกายวิงถึงขั้นวางแผนจะทำสงครามกับตระกูลมูนวอร์ดเพราะเรื่องของนาย ตอนนี้มันได้มีราชากฎ 36 คนกับจักรพรรดิกฎอีกสองคนได้มารวมตัวกันที่ตระกูลแล้ว” โอโร่กล่าวหลังจากได้เห็นชายหนุ่มฟื้นขึ้นมาจากนิทรา
“ราชากฎ 36 คนกับจักรพรรดิกฎอีกสองคนงั้นเหรอ? ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตระกูลสกายวิงจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
“ถ้าจะพูดให้ถูกรวมนายด้วย มันก็ควรต้องบอกว่าตระกูลสกายวิงมีราชากฎมารวมตัวกันแล้ว 37 คนมากกว่า” โอโร่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ไม่ได้มีเวลาให้ตกใจมากนัก เขาจึงรีบเลิกผ้าห่มออกมาด้วยความร้อนใจ ก่อนที่เขาจะได้เห็นขนอุยนอนหลับสนิทอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างเงียบงัน โดยรอบ ๆ ตัวของมันถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าพันแผลหลายชั้น คล้ายกับว่ามันจะได้รับการรักษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อพิจารณาจากกลิ่นของยาบนผ้าพันแผล เขาก็ได้พบว่าทักษะของนักปรุงยาคนนี้ค่อนข้างที่จะน่าพอใจพอสมควร และถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่ากับน้ำยาสูตรของอันธ แต่อย่างน้อยมันก็เป็นสูตรน้ำยาที่อ่อนโยนกว่าและสามารถใช้การได้แม้ว่าสภาพร่างกายของคนไข้จะอ่อนแอมากก็ตาม
“ขนอุย ๆ” เซี่ยเฟยร้องเรียกชื่อขนอุยเบา ๆ
อสูรตัวน้อยค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างงุนงง โดยภายในแววตาของมันเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังพยายามขยับเข้ามาใกล้และใช้ลิ้นของมันเลียหลังมือชายหนุ่มเบา ๆ
ขนอุยในตอนนี้ดูอ่อนแอมาก และมันก็แทบที่จะไม่หลงเหลือความมีชีวิตชีวาแบบเมื่อก่อนให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันก็หมายความว่าร่างกายของอสูรตัวนี้ได้รับบาดเจ็บหนักมาก และมันก็คงจะไม่สามารถฟื้นฟูพลังกลับมาได้ง่าย ๆ
ตูม!
“ผมหลับไปนานแค่ไหน?” เซี่ยเฟยชกเข้าใส่กำแพงอย่างแรงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ
“นายหมดสติไปแค่ 30 นาที สมาชิกทุกคนในตระกูลสกายวิงต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ใช้กฎแห่งความเร็ว พวกเขาจึงสามารถจัดการเรื่องทุกอย่างได้เร็วมาก ขณะเดียวกันแม้ว่าขนอุยจะระเบิดพลังออกมาอย่างสุดแรงแต่มันก็ยังเด็กเกินไป การโจมตีในครั้งนี้จึงยังไม่อันตรายถึงชีวิตของมัน”
“แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังทำให้ขนอุยได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างหนักอยู่ดี โชคดีที่หมอประจำตระกูลสกายวิงใช้ว่านทองซึ่งเป็นสมุนไพรที่หาได้ยากมากช่วยขนอุยเอาไว้ และตอนนี้มันก็น่าจะพ้นจากขีดอันตรายมาเรียบร้อยแล้ว” โอโร่พยายามกล่าวปลอบใจ
เซี่ยเฟยที่ได้ศึกษาวิชาการปรุงยามาโดยตลอดรู้ดีว่าว่านทองเป็นสมุนไพรที่ล้ำค่ามากแค่ไหน อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้เห็นขนอุยที่กำลังนอนพักฟื้นอย่างเจ็บปวด และหงส์ครามที่ยังคงพยายามฟื้นฟูอาการบาดเจ็บภายในแขนของเขา มันก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดราวกับว่าโดนมีดกรีดเข้ามาที่หัวใจ
ทั้งขนอุยและหงส์ครามต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งคู่ และอยู่ห่างจากความตายเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งมันก็ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกโกรธมากจนยากที่จะระบายอารมณ์พวกนั้นออกไปได้
ปัง!
จู่ ๆ ประตูก็ถูกเปิดออกอย่างฉับพลัน พร้อมกับเซี่ยจงไห่ที่เดินเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด จากนั้นเขาก็หยิบชุดเกราะออกมาจากแหวนมิติ และโยนชุดเกราะนั้นให้กับชายหนุ่มพร้อมกับแผ่นป้ายโลหะอีกอัน
เมื่อเซี่ยเฟยรับแผ่นป้ายมาตรวจสอบ เขาก็ได้พบว่ามันคือตรารูปมังกร 2 ปีกที่ด้านหลังมีคำว่าเซี่ยเฟยสลักอยู่
ชายหนุ่มรู้ดีว่าตราชิ้นนี้คือตราอสูรคลั่งของตระกูลสกายวิง และตราบใดก็ตามที่เขาบดขยี้ตราอสูรคลั่งให้แหลกสลายกลายเป็นชิ้น ๆ มันก็จะเป็นการออกคำสั่งเรียกระดมกองกำลังของตระกูลให้รีบกลับมารวมตัวกันโดยเร็วที่สุด
ดังนั้นแผ่นป้ายนี้จึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก และการที่เซี่ยจงไห่มอบตราอสูรคลั่งให้กับเขาอย่างง่ายดาย มันจึงทำให้เขามองไปยังอีกฝ่ายด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“สวมชุดนั้นแล้วตามฉันมา” เซี่ยจงไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ
“ไปไหนครับ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสับสน
“ถามอะไรไร้สาระ! ตอนนี้พวกเรามารวมตัวกันครบแล้ว มันถึงเวลาที่พวกเราจะต้องไปฆ่าไอ้พวกสารเลวจากตระกูลมูนวอร์ดน่ะสิ”
เซี่ยเฟยพยายามจะบอกเซี่ยจงไห่ว่าเขาไม่ใช่สมาชิกของตระกูลสกายวิง อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายก็กำลังโกรธจนเกินกว่าจะรับฟังความเห็นของเขา ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงแค่สวมชุดเกราะลงไปบนร่างของเขาเท่านั้น
“มีอะไรเอาไว้ค่อยคุยกันทีหลัง” เซี่ยจงไห่กล่าวก่อนที่เขาจะเดินนำชายหนุ่มออกไปจากห้องโดยไม่พูดอะไร
เมื่อได้เห็นความอ่อนแอของขนอุยกับหงส์คราม เซี่ยเฟยก็คิดว่าสิ่งที่ชายชราพูดมาคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ตอนนี้ไม่ว่ามันจะมีเรื่องอะไรพวกเขาควรจะเอาเรื่องพวกนั้นไปพูดคุยกันทีหลัง เพราะสิ่งแรกที่เขาควรจะต้องทำคือการกำจัดศัตรู
—
หลังจากเดินผ่านบานประตูโค้ง เซี่ยเฟยก็ได้พบว่าตัวเองได้มาอยู่ที่ลานหน้าบ้านที่ล้อมรอบไปด้วยจิตสังหารอันรุนแรง
ที่ลานนี้มีคนยืนอยู่ประมาณ 40 คนและพวกเขาต่างก็กำลังมองไปยังเซี่ยเฟยด้วยดวงตาสีแดงฉาน
นี่มันคือการรวมตัวกันของคนบ้าที่ทรงพลังชัด ๆ และจิตสังหารที่พวกเขาได้ปลดปล่อยออกมามันก็ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก
‘นี่มันจะรุนแรงเกินไปแล้ว!’ เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาภายในใจอย่างเงียบ ๆ
สมาชิกในตระกูลสกายวิงได้มีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน โดยฝ่ายหนึ่งเป็นเหมือนกับทหารที่มีหน้าที่คอยจู่โจม ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเป็นทีมผู้หญิง 9 คนที่ถือกล่องยาอยู่ในมือ คล้ายกับว่าพวกเธอจะเป็นฝ่ายสนับสนุนที่คอยปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บ
ทันใดนั้นประตูของลานกว้างก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับชายชรา 2 คนที่เดินเข้ามาผ่านทางประตู โดยชายชราคนหนึ่งคือชายชราผู้สวมแว่นตาที่มีชื่อว่าเซี่ยเทียน และเขาก็เป็น 1 ใน 2 จักรพรรดิกฎอันแข็งแกร่งของตระกูลสกายวิง
“ท่านผู้นำ ราชากฎทั้ง 37 คนได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ครบหมดแล้ว” เซี่ยจงไห่กล่าวรายงานกับชายชราทั้งสอง
“ทางทีมแพทย์ของเราก็พร้อมแล้ว” หญิงชราผู้ถือไม้เท้ากล่าวขึ้นมาอย่างหนักแน่นเช่นเดียวกัน
ผู้นำตระกูลสกายวิงคนปัจจุบันคือเซี่ยบูหยุน โดยเขาเป็นชายชราร่างผอมผมสีขาวหงอกไปทั้งศีรษะ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงเป็นจักรพรรดิกฎอีกคนของตระกูลสกายวิง
“เมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงที่แล้วพวกคนจากตระกูลมูนวอร์ดพยายามที่จะสังหารสมาชิกในตระกูลของเรา ดังนั้นพวกเราจะให้พวกมันต้องชดใช้ที่กล้ามาทำร้ายพวกเราอย่างสาสม!!” เซี่ยบูหยุนส่งเสียงปลุกระดมอย่างอาจหาญ
“หากใครกล้าแตะต้องตระกูลของเรา พวกมันก็จะต้องตาย!”
“ฆ่าพวกมูนวอร์ดซะ! กฎเหล็กของพวกเราคือห้ามใครมาทำร้ายคนในตระกูลของเราอย่างเด็ดขาด!!”
เหล่าบรรดาสมาชิกของตระกูลสกายวิงต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องตะโกนอย่างดุร้าย
เซี่ยบูหยุนยกแขนขึ้นมาบนฟ้าเป็นสัญญาณให้ทุกคนเงียบเสียงลง ก่อนที่เขาจะเริ่มกล่าวต่อไปว่า
“เมื่อกี้มีคนจากเบื้องบนถามฉันมาว่าพวกเราจะปล่อยผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ไหม?”
คำบอกเล่าของชายชราทำให้เซี่ยเฟยชะงักค้างไปอย่างฉับพลัน เพราะคนจากเบื้องบนที่อีกฝ่ายพูดขึ้นมานั้นย่อมหมายถึงคนจากเผ่าเทพ ผู้ซึ่งเป็น 1 ใน 2 เผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล
“พวกคนจากเผ่าเทพคงจะกลัวว่าสมาชิกภายในเผ่าจะทำร้ายกันเอง จนทำให้ความแข็งแกร่งโดยรวมของเผ่าตกต่ำลง พวกเขาจึงพยายามกดดันตระกูลสกายวิงไม่ให้ลงมือทำอะไรบุ่มบ่าม ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าตระกูลนี้จะเป็นพวกบ้าอย่างข่าวลือในตำนานหรือเปล่า เพราะถ้าหากพวกเขากล้าขัดคำสั่งมันก็หมายถึงพวกเขาจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับคนจากเผ่าเทพด้วย” โอโร่กล่าว
อย่างไรก็ตามจู่ ๆ เซี่ยบูหยุนก็ส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาดังลั่น ก่อนที่เขาจะกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดูถูก
“ตอนนั้นฉันตอบเขาไปว่าถ้าจักรวาลไม่ถล่มฉันก็ไม่มีทางปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปอย่างเด็ดขาด แต่ไม่ต้องห่วงพวกเราจะไม่ทำอะไรผู้สูงอายุกับเด็ก ๆ ของตระกูลมูนวอร์ดอยู่แล้ว เพราะพวกเราไม่ใช่คนที่จะลงมือสังหารคนที่ไม่มีทางสู้”
ทันใดนั้นสมาชิกทุกคนต่างก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเช่นกัน คล้ายกับว่าการพยายามล่อหลอกคนจากเผ่าเทพกลับไปจะไม่ใช่สิ่งที่ทำให้คนในตระกูลนี้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย
“นี่พวกเขากล้าพูดกับคนจากเผ่าเทพแบบนี้ได้ยังไง? พวกเขาไม่รักชีวิตของตัวเองแล้วเหรอ?!” โอโร่อุทานด้วยดวงตาอันเบิกกว้าง แต่อย่างไรก็ตามเรื่องราวมันก็ยังไม่ได้จบลงแต่เพียงเท่านี้
“บรรพบุรุษของเราจากเผ่าเทพก็ได้ติดต่อมาหาฉันด้วยเหมือนกัน และนี่ก็คือข้อความที่เขาฝากฉันประกาศบอกทุกคน” เซี่ยบูหยุนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
กิ๊ก!
เซี่ยบูหยุนกดปุ่มบนเครื่องมือเพื่อเล่นบันทึกวิดีโอ ขณะเดียวกันมันก็มีพลังกฎที่มองไม่เห็นปกป้องไม่ให้ผู้ที่อยู่นอกลานได้ยินเสียงวิดีโอหลังจากนี้ เพราะท้ายที่สุดนี่ก็คือเสียงของบรรพบุรุษ แล้วมันก็ไม่สมควรที่คนนอกจะได้เข้ามารับรู้เรื่องภายในของพวกเขา
สมาชิกทุกคนของตระกูลต่างก็แสดงสีหน้าออกมาอย่างเคร่งเครียด เพราะนี่คือข้อความจากบรรพบุรุษที่อาศัยอยู่ในเผ่าเทพ ซึ่งในความเป็นจริงคนส่วนใหญ่ภายในตระกูลยังไม่เคยมีโอกาสได้พบกับชายชราคนนี้เลยด้วยซ้ำ
“เด็ก ๆ ฉันรู้ดีว่าตอนนี้ไอ้พวกสารเลวจากเผ่าเทพกำลังกดดันทุกคนอยู่ และต้องการให้พวกเราปล่อยผ่านเรื่องของตระกูลมูนวอร์ดไป”
เริ่มแรกเสียงพูดของชายชราดังขึ้นมาอย่างเชื่องช้า ก่อนที่จู่ ๆ เสียงพูดของชายชราคนนี้จะตะโกนออกมาทำให้ประโยคหลังจากนั้นแล่นทะลวงเข้าสู่จิตใจของทุกคน
“จำเอาไว้! ถึงแม้ว่าพวกเราจะถูกกดดันแต่สิ่งที่ทุกคนจะต้องทำมีเพียงแค่ 3 เรื่อง เรื่องแรกคือจัดการไอ้พวกมูนวอร์ดซะ เรื่องที่ 2 คือจัดการไอ้พวกมูนวอร์ดซะ และเรื่องที่ 3 ก็คือจัดการไอ้พวกมูนวอร์ดซะ!!”
“ถ้าเราจัดการพวกมันไม่ได้ในวันเดียวก็จัดการพวกมันตลอดทั้งปี ถ้าหากว่าในปีนี้พวกเรายังจัดการมันไม่ได้พวกเราก็จะทำสงครามกับพวกมันไป 100 ปี ถ้าหากว่าพวกนายยังจัดการกับพวกมันไม่ได้อีก ฉันคนนี้จะลงไปจัดการกับพวกมันเอง!”
“ตราบใดก็ตามที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องคนในครอบครัวของเราอย่างเด็ดขาด หากใครกล้ามาทำร้ายคนในตระกูลของเรา พวกเราก็จะทำลายตระกูลของพวกมันให้ย่อยยับ!!”
“พวกมันเป็นคนจากตระกูลชั้นยอดแล้วยังไง? พวกมันเป็นคนจากเผ่าเทพแล้วยังไง? จงจำเอาไว้ว่าพวกเราคือสกายวิง!”
“ไปฆ่าไอ้สารเลวพวกนั้นซะ ถ้าหากพวกนายฆ่าพวกมันไม่ได้ก็อย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก!!”
บ้า!
บ้าไปแล้ว!
เซี่ยเฟยแทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง เพราะใครจะไปรู้ว่าข้อความจากบรรพบุรุษของตระกูลสกายวิงจะเป็นการออกคำสั่งให้สังหารตระกูลของศัตรูอย่างโหดเหี้ยมแบบนี้
แม้แต่โอโร่ก็ยังพูดไม่ออกเป็นเวลานาน เพราะในตอนแรกเขาคิดว่าบรรพบุรุษของสกายวิงจะมาห้ามลูกหลานของเขาซะอีก แต่ในความเป็นจริงข้อความของบรรพบุรุษกลับพยายามกระตุ้น เพราะกลัวว่าลูกหลานของตัวเองจะลงมืออย่างปวกเปียกมากเกินไป
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมตระกูลสกายวิงถึงถูกเรียกว่าพวกคนบ้า เพราะแม้แต่บรรพบุรุษของตระกูลยังบ้าขนาดนี้ แล้วสมาชิกคนที่เหลือในตระกูลจะไม่บ้าได้ยังไง” โอโร่พึมพำกับตัวเองภายในใจ
—
สวนดอกท้อคือพื้นที่อยู่อาศัยที่ใหญ่ที่สุดของตระกูลมูนวอร์ดในกลุ่มดาวม้าขาว
ตระกูลมูนวอร์ดรู้ดีว่าศัตรูของพวกเขาในคราวนี้ทรงพลังมากเพียงใด พวกเขาจึงอพยพสมาชิกที่อ่อนแอออกไปจากสวนของตระกูลเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
พรึบ!
จู่ ๆ มันก็มีเปลวไฟอันโหมกระหน่ำเผาทำลายสวนอย่างฉับพลัน และมันย่อมต้องเป็นผลงานจากตระกูลสกายวิงอย่างแน่นอน
“นี่คือเรื่องของสกายวิง ใครไม่เกี่ยวไสหัวออกไปซะ!” เสียง ๆ หนึ่งตะโกนขึ้นมาอย่างฉับพลันและทำให้พื้นที่ในบริเวณนั้นตกอยู่ในความว่างเปล่าในทันที
ผู้ไม่เกี่ยวข้องทุกคนต่างก็รีบหลบหนี เพราะทุกคนรู้ดีว่าสกายวิงเริ่มทำสงครามกับมูนวอร์ดแล้ว และในตอนนี้แม้แต่เผ่าเทพก็คงจะไม่สามารถหยุดยั้งการปะทะกันระหว่างพวกเขาได้
เมื่อเวลา 11:15 น. เซี่ยเฟยถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
11:20 น. ตราอสูรคลั่งถูกทำลายพร้อมกับเซี่ยจงไห่ประกาศสงครามระหว่างสองตระกูล
11:45 น. 37 ราชากฎและ 2 จักรพรรดิกฎได้มารวมตัวกันที่สวนสายลมของตระกูลสกายวิง
11:55 น. เพียงแค่ 35 นาทีหลังจากตราอสูรคลั่งถูกทำลาย สวนดอกท้อซึ่งเป็นสถานที่อยู่อาศัยของตระกูลมูนวอร์ดก็ถูกเผาจนราบเป็นหน้ากลอง
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 253
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น