ตอนที่ 720 ปรากฏการณ์สามมังกรทะยาน

-A A +A

ตอนที่ 720 ปรากฏการณ์สามมังกรทะยาน

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 720 ปรากฏการณ์สามมังกรทะยาน

“จักรพรรดิกฎ!” เซี่ยเฟยที่กำลังฝึกฝนอุทานออกมาด้วยความตกใจ และในขณะนี้เขาก็ไม่สามารถที่จะระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านภายในใจของเขาได้อีกแล้ว

จู่ ๆ จักรพรรดิผู้ทรงพลังก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน ซึ่งมันก็หมายความว่าสัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดได้ตัดสินใจลงมือจัดการเรื่องนี้ในที่สุด!

“นั่นนายกำลังจะทำอะไร?” โอโร่ถามขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะในเสี้ยววินาทีเดียวกันกับที่จักรพรรดิกฎได้ปรากฏตัวขึ้นมานั้น เซี่ยเฟยก็ปลดปล่อยพลังของคริสตัลกลืนโลหิตทั้งหมดออกมาในคราวเดียว

ในตอนแรกพลังของคริสตัลกลืนโลหิตเป็นเหมือนกับหยดน้ำที่ค่อย ๆ กระเทาะเอาอุปสรรคที่กีดขวางเส้นทางการพัฒนาของชายหนุ่มออกไปทีละน้อย แต่เมื่อเขาได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา พลังของคริสตัลกลืนโลหิตจึงกลายเป็นเหมือนคลื่นที่ซัดสาดเข้าใส่อุปสรรคอย่างรุนแรง

ในช่วงเวลาวิกฤตเซี่ยเฟยได้ตัดสินใจเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอย่างสิ้นหวัง ซึ่งไม่ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นยังไง การตัดสินใจในลักษณะนี้ก็มีเพียงแต่คนบ้าเท่านั้นที่กล้าจะทำแบบชายหนุ่มได้

“ทำลายพวกมันไปให้หมด!!” เซี่ยเฟยตะโกนร้องคำรามด้วยดวงตาอันแดงก่ำ

อารมณ์ของเซี่ยเฟยในคราวนี้ทำให้แม้กระทั่งขนอุยก็ยังสัมผัสได้ถึงความบ้าคลั่งได้โดยตรง มันจึงรีบมองไปยังเจ้านายของมันด้วยความกังวล

การพยายามทำลายอุปสรรคด้วยกำลังที่รุนแรงแบบนี้เป็นเรื่องที่อันตรายมาก และมันก็อาจจะก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้ทุกเมื่อ แต่ถึงกระนั้นเซี่ยเฟยก็ไม่สนใจผลเสียที่จะตามมาอีกต่อไปแล้ว พลังงานปริมาณมหาศาลจึงไหลบ่าเข้าไปในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาอย่างรวดเร็ว

เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอันมหาศาล ซึ่งแม้แต่โอโร่ที่มีประสบการณ์เป็นนักรบมาเป็นเวลานานก็ยังรู้สึกแน่นหน้าอกและรู้สึกเหมือนตัวเองหายใจไม่ออก

ตลอดทั้งชีวิตเขาเคยเห็นนักรบมากมายที่พยายามอย่างสุดกำลังให้ตัวเองมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น แต่เขาก็ไม่เคยเห็นนักรบคนไหนที่พยายามดิ้นรนอย่างหมดหวังแบบเซี่ยเฟยมาก่อน

พลังงานปริมาณมหาศาลเคลื่อนที่เข้าบดขยี้อุปสรรคที่ขวางกั้นอย่างโหดร้าย และทำให้อุปสรรคที่ขัดขวางเซี่ยเฟยไม่ให้เป็นราชากฎถูกทำลายลงไปโดยสิ้นเชิง

อุปสรรคทั้งหมดถูกทำลายลงไปแล้ว!!

“นี่มันเป็นการเลื่อนระดับที่บ้าที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาในชีวิตเลย” โอโร่พึมพำขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่

เมื่อเซียงอู๋เฉิงเดินออกมาจากประตูมิติ เขาก็เงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าที่มีพระอาทิตย์ส่องแสงสว่างลงมาอย่างเจิดจ้า และได้พบว่าดาวดวงนี้เป็นดาวอันรกร้างที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ อาศัยอยู่

“สภาพแวดล้อมบนดาวดวงนี้ไม่เลวเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่มันจะต้องกลายเป็นสุสานของนายไปซะแล้ว” เซียงอู๋เฉิงพึมพำขึ้นมาเบา ๆ แต่ในทันใดนั้นเองมันก็ได้มีคลื่นพลังมหาศาลปะทุออกมาจากหุบเขาที่อยู่ห่างจากเขาไปประมาณ 10 กิโลเมตร

เหตุการณ์ต่อมาคือมังกรแดง, มังกรขาวและมังกรน้ำเงินพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนที่มันจะก่อให้เกิดแสงสว่างอันเจิดจ้าปกคลุมไปทั่วทั้งดวงดาว

“ปรากฏการณ์สามมังกรทะยาน! นี่เซี่ยเฟยสามารถก้าวข้ามผ่านกำแพงการเป็นราชากฎขึ้นไปได้แล้วงั้นเหรอ?!” เซียงอู๋เฉิงอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะครั้งสุดท้ายที่เขาได้พบกับชายหนุ่ม เซี่ยเฟยก็เป็นเพียงแค่อัศวินกฎขั้นที่ 7 เท่านั้น แต่ในเวลาเพียงแค่ 1 เดือนต่อมาชายคนนี้กลับก้าวข้ามกำแพงราชากฎที่นักรบเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนต้องมาติดกับอุปสรรคนี้ไปตลอดชีวิต

‘เจ้าหนุ่มนั่นมันจะต้องมีพรสวรรค์ระดับไหนกันแน่ ถึงสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้’ เซียงอู๋เฉิงคิดกับตัวเองภายในใจ เพราะท้ายที่สุดปรากฏการณ์สามมังกรทะยานก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่ามันได้มีราชากฎคนใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว

ไม่ว่ายังไงบนดาวดวงนี้ก็มีเซี่ยเฟยอาศัยอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น และผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคการเป็นราชากฎไปได้ก็ไม่มีทางเป็นใครอื่น นอกเสียจากชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นเป้าหมายของเขา

กฎแห่งจิตวิญญาณถือได้ว่าเป็นกฎแห่งการติดตามที่น่ากลัวมาก และถึงแม้ว่ามันจะไม่สามารถตรวจสอบตำแหน่งที่แน่นอนของเซี่ยเฟยได้ แต่มันก็ทำให้เซียงอู๋เฉิงปรากฏตัวออกมาห่างจากเป้าหมายเพียงแค่ 10 กิโลเมตรเท่านั้น

อย่างไรก็ตามปรมาจารย์การติดตามจิตวิญญาณก็อาศัยเพียงแค่สิ่งของที่เซี่ยเฟยเคยใช้ในการสะกดรอยตามมา และการที่พวกเขาระบุตำแหน่งผิดพลาดห่างจากเป้าหมายเพียงแค่ 10 กิโลเมตร มันก็ถือว่าทักษะของพวกเขาเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างมากแล้ว

ภายในตระกูลหยูมีสิ่งของมากมายที่เซี่ยเฟยเคยใช้งาน การหาของพวกนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไรเลย ซึ่งทางด้านของสมาคมผู้คุมกฎก็ได้ใช้ชุดน้ำชาของชายหนุ่มในการสะกดรอยด้วยเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ผู้เชี่ยวชาญการติดตามจิตวิญญาณของสมาคมนั้นยังหาตำแหน่งของเซี่ยเฟยได้ช้ากว่าคนของทางตระกูลมูนวอร์ด

เมื่อเซี่ยเฟยก้าวข้ามมาเป็นราชากฎแล้ว เซียงอู๋เฉิงก็รีบมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายโดยไม่กล้าที่จะประมาทอีกต่อไป

ในสายตาของเขาพลังระดับราชากฎของเซี่ยเฟยไม่ได้มีความน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่เขารู้สึกหวาดกลัวมากที่สุดคือสายเลือดสกายวิงภายในตัวของชายหนุ่มคนนี้ต่างหาก ดังนั้นทุกวินาทีที่ผ่านพ้นไปจึงเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เขาจึงจำเป็นจะต้องกำจัดชายหนุ่มคนนี้ให้หายออกไปจากจักรวาลก่อนที่ทางฝั่งสกายวิงจะรู้ตัว

ทันใดนั้นเองเซียงอู๋เฉิงก็มองเห็นประตูมิติถูกเปิดออกจากในระยะไกล คล้ายกับว่าเซี่ยเฟยกำลังตั้งใจที่จะหลบหนีออกไปจากดาวดวงนี้

“คิดจะหนีงั้นเหรอ?” เซียงอู๋เฉิงใช้มือคว้าอากาศอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พลังกฎอันรุนแรงจะแผ่ขยายออกไปในระยะไกล 

ต่อมาประตูมิติที่เซี่ยเฟยเพิ่งจะเปิดออกมานั้นก็ถูกทำลายออกเป็นเสี่ยง ๆ เนื่องมาจากมิติที่ถูกบีบอัดอย่างรุนแรง

ทำลายประตูมิติได้ด้วยการจู่โจมเพียงแค่ครั้งเดียว!

ชายคนนี้จะต้องทรงพลังมากขนาดไหน?

ประตูมิติถูกบังคับให้ปิดตัวลงพร้อมกับฝุ่นละอองที่ฟุ้งกระจายขึ้นไปในอากาศ แม้แต่เศษกรวดเศษหินที่อยู่บนพื้นก็ปลิวกระจายออกไปทั่วทุกที่

เซียงอู๋เฉิงหยุดยืนอยู่ห่างจากเซี่ยเฟยประมาณ 100 เมตร และจ้องมองไปยังชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเย็นชา ซึ่งเขาก็ได้เห็นว่าชายหนุ่มคนนี้ยังคงยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับอสูรศักดิ์สิทธิ์มารขาวที่อยู่บนไหล่

เมื่อเศษฝุ่นค่อย ๆ จางลงเซียงอู๋เฉิงก็มองเห็นใบหน้าของเซี่ยเฟยได้อย่างชัดเจน ซึ่งรูปลักษณ์ของชายหนุ่มคนนี้ยังคงเป็นเช่นเดิม มีเพียงกลิ่นอายของอีกฝ่ายเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

กลิ่นอายของอัศวินกฎกับราชากฎเป็นสิ่งที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว และพลังที่เพิ่มขึ้นมานั้นมันก็ช่วยให้นักรบมีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม

‘ราชากฎที่พึ่งเลื่อนระดับเมื่อกี้คือเซี่ยเฟยจริง ๆ สินะ’ เซียงอู๋เฉิงพึมพำกับตัวเองภายในใจ

“อะไรกันคราวนี้ไม่คิดจะหนีแล้วงั้นเหรอ?” เซียงอู๋เฉิงกล่าวถามเมื่อได้เห็นว่าเซี่ยเฟยยังคงยืนอยู่นิ่ง ๆ ไม่ไหวติง

“คุณมีพลังระดับจักรพรรดิกฎสินะ และการที่คุณสามารถตามหาตัวผมเจอได้ มันก็หมายความว่าผมไม่มีทางหนีรอดต่อไปได้อีกแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เซียงอู๋เฉิงแอบบีบฝ่ามือของตัวเองเล็กน้อย เพราะเมื่อสักครู่เขาได้ใช้พลังเพื่อบดขยี้ประตูมิติด้วยตัวเอง ซึ่งมันจำเป็นจะต้องใช้พลังที่รุนแรงมากและมันก็ทำให้ฝ่ามือของเขารู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อย

“นายยังคงฉลาดเหมือนเดิมสินะ” เซียงอู๋เฉิงกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน

“ส่วนคุณก็ยังคงแข็งแกร่งเหมือนเดิม ไม่ต่างไปจากตอนที่คุณอยู่บนเกาะอสรพิษพิทักษ์เลย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน

“นายพร้อมที่จะตายแล้วใช่ไหม?” เซียงอู๋เฉิงกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปตรงหน้าด้วยแววตาที่ดุเดือด

เซี่ยเฟยถอนหายใจพร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ ราวกับว่าเขาพร้อมที่จะยอมรับชะตากรรมของตัวเองแล้ว

“มันเป็นเกียรติของผมจริง ๆ ที่จะได้ตายภายใต้เงื้อมมือของจักรพรรดิกฎที่แข็งแกร่ง แต่ก่อนที่ผมจะตายผมขอทราบชื่อคนที่จะฆ่าผมหน่อยได้ไหม? คุณคงไม่กลัวจะต้องเปิดเผยตัวต่อหน้าคนที่กำลังจะตายใช่ไหมล่ะ?”

เซียงอู๋เฉิงชะงักไปเล็กน้อยและถึงแม้ว่ามันจะเป็นคำขอร้องก่อนตายของเซี่ยเฟย แต่เขาก็ไม่คิดที่จะเปิดเผยตัวเองออกไป

อย่างไรก็ตามจู่ ๆ เขาก็นึกถึงพลังลึกลับของเซี่ยเฟยขึ้นมาได้ ซึ่งถ้าหากว่าเขารู้ความลับเกี่ยวกับพลังที่ชายหนุ่มใช้ บางทีข้อมูลพวกนั้นอาจจะช่วยให้เขาชดเชยความผิดพลาดที่จะถูกลงโทษในอนาคตได้

“ถึงยังไงพวกเราก็ไม่เคยมีความแค้นต่อกันมาก่อน ถ้านายจะโทษก็ให้โทษความโชคร้ายที่นายวิ่งเข้าไปหาปัญหาด้วยตัวเองเถอะ” เซียงอู๋เฉิงกล่าว

เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาอย่างบิดเบี้ยวและถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบใจประโยคในลักษณะนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้จริง ๆ ว่าวันนั้นเขาเป็นคนวิ่งเข้าไปหาปัญหาด้วยตัวเองจริง ๆ

“ก่อนตายอธิบายมาเดี๋ยวนี้ว่านายบุกทะลวงผ่านม่านพลังเข้าไปในเกาะอสรพิษพิทักษ์ได้ยังไง?” เซียงอู๋เฉิงกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“เรื่องนี้มันก็ไม่ได้ยากอะไรนิ ในตอนที่ผมกำลังศึกษากฎมิติผมก็ได้พบว่ามันมีพลังวิญญาณแหวกว่ายอยู่ภายในอักขระกฎ หลังจากที่ผมลองพิจารณาอักขระกฎอย่างละเอียดแล้ว ผมก็ได้พบว่าความจริงแล้วอักขระของกฎมิติมีพลังถูกแบ่งออกในรูปแบบของหยินหยาง” 

“หลังจากนั้นผมเลยเริ่มฝึกโดยการดึงพลังจากอักขระกฎแบบย้อนกลับ และผลลัพธ์ก็กลายเป็นว่าผมสามารถทำลายพลังของกฎที่คนอื่นสร้างขึ้นมาได้…”

เซี่ยเฟยถือได้ว่าเป็นนักเล่าเรื่องชั้นยอด เพราะเรื่องเล่าในตอนแรกของเขาไม่สามารถที่จะหลอกลวงเซียงอู๋เฉิงได้ แต่เมื่อเขาเริ่มให้เหตุผลกับเรื่องเล่าของตัวเอง มันก็เริ่มทำให้เรื่องราวของเขากลายเป็นเรื่องที่สมจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ดึงพลังย้อนกลับงั้นเหรอ!?” เซียงอู๋เฉิงอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เพราะเขาไม่เคยคิดถึงวิธีการแบบนี้มาก่อน และทั่วทั้งดินแดนกฎมันก็คงจะไม่มีใครคิดถึงการใช้พลังในลักษณะนี้ด้วย

ชั่วครู่หนึ่งนั้นเซียงอู๋เฉิงก็กำลังรู้สึกสับสนกับคำโกหกของเซี่ยเฟย และเขาก็เริ่มไตร่ตรองถึงผลกระทบจากการใช้พลังในลักษณะนี้จริง ๆ

แต่ในทันใดนั้นเองเครื่องสื่อสารบนแขนของเซียงอู๋เฉิงก็สั่นขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งมันเป็นสัญญาณจากเซียงฟานที่ต้องการจะแจ้งให้เขาทราบว่าตอนนี้ทางสมาคมได้ตรวจพบตำแหน่งของเซี่ยเฟยแล้ว

‘ไม่มีเวลาแล้ว ฉันต้องลงมือเดี๋ยวนี้!’ เซียงอู๋เฉิงคิดกับตัวเองภายในใจ

เซียงฟานคอยรายงานสถานการณ์ของสมาคมให้เขาทราบอยู่ตลอดเวลา แล้วมันก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงกล้าที่จะพูดคุยกับชายหนุ่มเป็นเวลานานขนาดนี้

อย่างไรก็ตามเมื่อสัญญาณถูกส่งมาถึง มันก็หมายความว่าเขาจะต้องลงมือในทันที ซึ่งอย่างมากที่สุดเขาก็จะมีเวลาในการกำจัดหลักฐานเป็นเวลาไม่ถึง 5 นาทีเท่านั้น

ไม่ว่าเซียงอู๋เฉิงจะมั่นใจในพลังของตัวเองแค่ไหน แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะท้าทายราชากฎทั้ง 10 คนในเวลาเดียวกันอย่างแน่นอน ดังนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาก็จะต้องจัดการกับเซี่ยเฟยก่อนที่คนของสมาคมจะเดินทางมาจนถึงที่นี่ให้ได้

การเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของเซียงอู๋เฉิงไม่สามารถที่จะเล็ดลอดจากแววตาอันเฉียบคมของเซี่ยเฟยไปได้ แล้วเพียงแค่เสี้ยววินาทีชายหนุ่มก็สามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน

“เอาเลยขนอุย!” เซี่ยเฟยตะโกนเสียงดังโดยชิงจังหวะทำการจู่โจมก่อน

ทันใดนั้นขนอุยก็พุ่งตัวออกไปราวกับดาวตก และความเร็วในปัจจุบันของมันก็ทำให้ร่างของมันเป็นเหมือนแค่เส้นแสงที่พุ่งออกไปตรงหน้าเท่านั้น

“หือ?” เซียงอู๋เฉิงอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ และเขาก็ไม่คิดว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ยังไม่โตเต็มวัยจะเป็นภัยคุกคามสำหรับเขาเลย

อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่รู้ว่าในปัจจุบันขนอุยไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เพราะมันเลื่อนพลังขึ้นไปอีกระดับแล้วทำให้มันมีความเร็วไม่ด้อยไปกว่าเซี่ยเฟยเลย

ปัง!

เซียงอู๋เฉิงใช้พลังเบี่ยงเบนการจู่โจมของขนอุยออกไป แล้วมันก็ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจในความเร็วของอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้

ระหว่างที่ชายชราปัดป้องขนอุยออกไปนั้น เขาก็โน้มตัวไปข้างหน้าโดยมีจุดมุ่งหมายคือการจู่โจมเซี่ยเฟย

มือทั้งสองข้างของชายชราตวัดออกไปคว้าอากาศอย่างว่องไว และทำให้พื้นที่มิติบริเวณรอบ ๆ เซี่ยเฟยถูกบีบอัดในทันที

ตระกูลทุกตระกูลภายในดินแดนผู้ใช้กฎต่างก็มีจุดเด่นในการใช้พลังเป็นของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น ตระกูลหยูที่มีความเก่งกาจในการใช้กฎมิติในการฉีกกระชาก ขณะที่ตระกูลมูนวอร์ดก็มีชื่อเสียงในการใช้กฎมิติในการบีบอัดทำลายพื้นที่

พลังที่มองไม่เห็นกดทับร่างของชายหนุ่มทุก ๆ ด้าน แต่ในขณะที่ชายชราได้เข้ามาใกล้จู่ ๆ หงส์ครามก็แทงทะลุขึ้นมาจากพื้นดิน

หงส์ครามได้ซ่อนตัวอยู่ในพื้นดินมาเป็นเวลานานแล้ว และมันก็เฝ้ารอโอกาสที่จะจู่โจมในตอนที่ศัตรูไม่ทันได้ตั้งตัว

“นี่มันอะไร?!” เซียงอู๋เฉิงอุทานด้วยความตกตะลึง

อย่างไรก็ตามชายชราก็ตั้งสติกลับมาได้ด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะเผยรอยยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก และใช้มือขวาสะบัดออกไปฉีกกระชากใบหญ้าขนาดใหญ่ให้ขาดออกจากกันได้อย่างง่ายดาย

“ง่ายแบบนั้นเลยเหรอ?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง เพราะแผนการที่เขาวางเอาไว้เป็นเวลานานกลับถูกเซียงอู๋เฉิงทำลายลงไปอย่างรวดเร็ว

ปัจจุบันเหลือเวลาอีกประมาณ 5 นาที ก่อนที่คนจะสมาคมผู้คุมกฎจะเดินทางมาถึง

***************

จะทันไหม?

จบแล้วสำหรับกลุ่ม VIP8 [631-720] สำหรับใครที่สนใจเข้ากลุ่มสามารถติดต่อได้ที่ เพจสนพ.เซียนอ่าน ได้เลยนะคะ โดยทางกลุ่มเฟส VIP จะมีค่าปลดตอนถูกกว่าทางหน้าเว็บแต่อัปตอนพร้อมกันน๊า

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Right Reserved.