ตอนที่ 719 ถูกไล่ล่าจากจักรพรรดิ
ตอนที่ 719 ถูกไล่ล่าจากจักรพรรดิ
ณ ดาวเคราะห์ไร้ชื่อ
ในระหว่างช่วงเวลาพักการฝึกฝน เซี่ยเฟยก็ได้ทำการติดต่อเข้าไปหาเยว่เกอ ท้ายที่สุดปัจจุบันเข็มทิศมิติที่เขาใช้อยู่นั้นก็เป็นเข็มทิศมิติที่ไม่ได้ลงทะเบียน คนอื่น ๆ จึงไม่สามารถติดต่อมาหาเขาได้มีเพียงแต่เขาสามารถติดต่อไปหาคนอื่นได้เท่านั้น
เยว่เกอเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่โถงบรรพบุรุษของตระกูลหยูให้เซี่ยเฟยฟังอย่างละเอียด ราวกับว่าเธอเป็นคนที่อยู่ในงานด้วยตัวเอง แล้วเธอก็เชื่อว่าการเล่าทุกอย่างโดยละเอียดนี้มันจะมีประโยชน์ต่อการวิเคราะห์ของเซี่ยเฟย
“พวกเฝิงซินเหนียนทำได้ดีกว่าที่ฉันคาดการณ์เอาไว้จริง ๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าพวกเขาจะระดมคนจากกลุ่มดาวม้าขาวมาเป็นจำนวนมากขนาดนี้ แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกแปลก ๆ ก็ไม่รู้” เซี่ยเฟยพึมพำขึ้นมาเบา ๆ
เหตุการณ์นี้ทำให้เยว่เกอดูประหม่าอยู่เล็กน้อย เพราะรายละเอียดทุกอย่างมันมีความเกี่ยวพันกับชีวิตของเซี่ยเฟย มันจึงทำให้แม้แต่เธอที่ห่างหายจากเซี่ยเฟยไปนานก็ยังอดที่จะรู้สึกเป็นกังวลแทนสหายของเธอไม่ได้
“ฉันไปหาข้อมูลเรื่องนี้มาแล้ว ดูเหมือนว่าตอนเด็ก ๆ เฝิงซินเหนียนกับหลางซุนเย่จะเคยเป็นหัวโจกแก๊งอันธพาลในกลุ่มดาวม้าขาวมาก่อน พวกเขาจึงสามารถติดต่อไปเรียกระดมพลสมาชิกภายในแก๊งเก่าของตัวเองได้อย่างง่ายดาย” เยว่เกอกล่าว
“แล้วมันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหลังจากความวุ่นวายในตระกูลหยูอีกไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“เรื่องหลังจากนั้นมันน่าสนใจมากกว่าเดิมอีก หลังจากที่หลักฐานถูกเปิดโปงออกมาเฝิงคูชานกับมู่ฉีหยุนก็เดินทางไปที่สมาคมผู้คุมกฎด้วยตัวเอง จากนั้นตัวแทนของ 9 ตระกูลใหญ่ก็เดินทางออกจากสมาคมโดยไม่พูดอะไรสักคำ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขากำลังไปไหน แต่ฉันคิดว่าพวกเขาอาจจะไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้ พวกเขาเลยออกไปขอความช่วยเหลือจากภายนอก” เยว่เกอกล่าว
“มันยังไม่มีข่าวเรื่องหยูฮัวออกมาอีกงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ฉันพยายามว่าจ้างรุ่นน้องหลาย ๆ คนในตระกูลเพื่อรวบรวมข้อมูลตลอดทั้งวันแล้ว แต่จนถึงตอนนี้มันยังไม่มีข่าวการเสียชีวิตหรือข่าวการจับกุมหยูฮัวออกมาเลย” เยว่เกอกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
เซี่ยเฟยถอนหายใจออกมาอย่างหนัก เพราะตามสมมุติฐานของเขา หากอีกฝ่ายต้องการที่จะประนีประนอมเรื่องนี้พวกเขาก็ควรจะต้องสังหารหยูฮัวเพื่อส่งสัญญาณมาหาเขา
อย่างไรก็ตามในตอนนี้เวลามันก็ได้ผ่านพ้นมาสักพักแล้ว และการที่หยูฮัวยังมีชีวิตอยู่มันก็มีความเป็นไปได้เพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น นั่นก็คือพวกเขาตั้งใจที่จะเก็บหยูฮัวเอาไว้ ซึ่งมันก็หมายความว่าเขายังคงตกเป็นเป้าหมายของการสังหารอยู่เช่นเดิม
“โอเค ขอบคุณมาก หลังจากนี้ฉันก็ขอฝากเธอตามข่าวแล้วก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วย” เซี่ยเฟยกล่าว
เมื่อได้ยินคำว่าดูแลตัวเองจากเซี่ยเฟย มันก็ทำให้เยว่เกอตกใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก่อนที่เธอจะทันได้ตอบโต้อะไรกลับไปชายหนุ่มก็ได้ตัดการเชื่อมต่อไปเสียก่อน
“ไอ้คนผีทะเล” เยว่เกอพึมพำขึ้นมาเบา ๆ ขณะที่ร่างของเธอกำลังสั่นอย่างรุนแรง
—
หลังจากตัดการเชื่อมต่อแล้วเซี่ยเฟยก็กลับมาทำการฝึกฝนอีกครั้ง เพราะเขาอยู่ใกล้กับการเป็นราชากฎมากแล้ว และไม่ว่าผลลัพธ์ของการลงมือในครั้งนี้มันจะออกมาเป็นยังไง เขาก็ควรจะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ทุกประเภทอยู่ดี
“อีกนานแค่ไหน?” โอโร่กล่าวถาม
“30 ชั่วโมง… ถ้าหากว่าใน 30 ชั่วโมงผมยังไม่ได้รับสัญญาณจากคนที่อยู่เบื้องหลังหยูฮัว ผมก็จะปล่อยวิดีโอตัวเต็มออกไปในทันที ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ไม่คิดที่จะปล่อยผมไปอยู่แล้ว ทางรอดเดียวที่เหลือของผมในตอนนี้มีแค่การพยายามเผชิญหน้ากันตรง ๆ เท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับไป
—
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังฝึกฝนอยู่นั้น เซียงไป๋กับเซียงอู๋เฉิงก็กำลังคุกเข่าขอโทษลงตรงหน้าชายชราที่มีท่าทางอันหยิ่งผยอง
สถานที่ที่พวกเขาอยู่ในปัจจุบันคือห้องอันมืดมิดที่ยากจะเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้ เพราะท้ายที่สุดการมาเยือนเผ่าเทพของเซียงไป๋กับเซียงอู๋เฉิงในคราวนี้มันก็เป็นเรื่องที่ต้องเก็บเป็นความลับ
อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งคู่ต่างก็มีความคุ้นเคยกับชายชราคนนี้เป็นอย่างดี เพราะอีกฝ่ายไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากเซียงจินเฉิง ผู้ซึ่งเป็นพี่ชายของเซียงอู๋เฉิงและเป็นผู้คุมกองกำลังของตระกูลคนก่อน
“เรื่องมันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว?” ร่างในความมืดกล่าวถาม
“18 ชั่วโมงครับ” เซียงไป๋กล่าวตอบกลับไปด้วยความเคารพ
“ในเมื่อเจ้าหนุ่มนั่นมันพยายามส่งสัญญาณสันติมาให้กับพวกเรา มันก็หมายความว่าเขามีเส้นตายอยู่ภายในใจอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลาถ้าหากนายยังไม่ให้คำตอบที่น่าพอใจกับเขา เขาย่อมพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้รอดพ้นไปจากพวกเราอย่างแน่นอน”
“ถ้าหากหลักฐานทุกอย่างถูกเปิดเผยออกมา ในเวลานั้นถึงแม้ว่าพวกนายจะมาหาฉันแต่มันก็ยังไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี” คำตอบจากเซียงจินเฉิงในเงามืดเริ่มทำให้เซียงไป๋กับเซียงอู๋เฉิงรู้สึกตื่นตระหนก
“พวกเราจำเป็นจะต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเดินทางมาที่นี่ได้ และพวกเราก็ไม่กล้าใช้อุปกรณ์สื่อสารติดต่อมาอย่างกะทันหัน เพราะว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับตระกูลสกายวิงโดยตรง พวกเราเลยไม่สามารถประมาทได้เลยแม้แต่นิดเดียว” เซียงอู๋เฉิงพยายามอธิบายว่าทำไมพวกเขาจึงเคลื่อนไหวอย่างล่าช้า
“ใช่แล้ว ทุกอย่างที่เกี่ยวกับตระกูลสกายวิงไม่ควรที่จะประมาทเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ดูเหมือนเจ้าเด็กนั่นจะยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนของสกายวิงใช่ไหม? แบบนี้พวกเราก็สามารถที่จะจัดการเรื่องนี้เงียบ ๆ ต่อไปได้”
“สิ่งที่พวกเราจำเป็นจะต้องทำตอนนี้มีเพียงแค่การรอเท่านั้น เพราะผู้เชี่ยวชาญการติดตามจิตวิญญาณทั้งสองคนในตระกูลของเรากำลังพยายามค้นหาตัวเจ้าหนุ่มคนนั้นแล้ว” เซียงจินเฉิงกล่าว
“ผมเพิ่งได้รับข่าวมาว่าตอนนี้ทางสมาคมก็กำลังเดินทางมาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญการติดตามจิตวิญญาณด้วยเหมือนกัน ดูเหมือนจุดประสงค์ของพวกเขาก็คือการตามหาตัวเซี่ยเฟยเหมือนกับพวกเรา” เซียงไป๋อุทานออกมาด้วยความตกใจ หลังจากที่เขาได้รับข่าวใหม่ที่เพิ่งติดต่อเข้ามาเพียงแค่ไม่นาน
“เรื่องจริงงั้นเหรอ?”
“เรื่องจริงแน่นอนครับ ตัวแทนของเราในสมาคมเป็นคนรายงานเรื่องนี้มาให้กับผมเอง” เซียงไป๋กล่าว
“ก็ลองดูว่าใครจะเร็วกว่ากัน จำไว้ว่าพวกนายจะต้องจัดการทุกอย่างให้หมดจดที่สุด เพราะถ้าหากว่าเจ้าหนุ่มนั่นหลงเหลือซากศพอยู่แม้แต่นิดเดียว มันก็อาจจะหมายถึงเราต้องทำสงครามกับตระกูลสกายวิงได้เลย” เซียงจินเฉิงกล่าวอย่างจริงจัง
—
ในเวลาเดียวกันหมิงซินก็ได้นำทีมของสมาคมผู้คุมกฎเดินทางไปหาสมาคมผู้คุมกฎที่อยู่ในเผ่าเทพ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อยู่เหนือกว่าพวกเขาขึ้นมาอีกระดับ
ความจริงแล้วสมาคมผู้คุมกฎในกลุ่มดาวม้าขาวเป็นเพียงแค่สาขาย่อยของสมาคมผู้คุมกฎในเผ่าเทพเท่านั้น โดยในพื้นที่ของแต่ละเผ่าพันธุ์ต่างก็ล้วนแล้วแต่มีสมาคมผู้คุมกฎคอยดูแลพื้นที่ของตัวเอง เพื่อป้องกันข้อพิพาทระหว่างเผ่าพันธุ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
เซี่ยจงไห่เดินทางตามทีมของสมาคมในคราวนี้มาด้วย ซึ่งสถานะพิเศษที่เขามีก็ทำให้ตัวตนของเขามีอำนาจเทียบเท่ากับตัวแทนจากตระกูลชั้นยอดทั้งเก้า และด้วยบุคลิกอันแปลกประหลาดของเขา มันจึงไม่มีใครกล้าห้ามปรามชายชราคนนี้เลยแม้แต่น้อย
การพยายามขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญการติดตามจิตวิญญาณของสมาคมผู้คุมกฎในเผ่าเทพค่อนข้างจะมีเงื่อนไขอันเข้มงวด และมันก็จำเป็นจะต้องผ่านการอนุมัติของตัวแทนตระกูลชั้นยอดทั้งเก้าคนเสียก่อน ทางสมาคมถึงจะอนุมัติให้ผู้เชี่ยวชาญการติดตามจิตวิญญาณเริ่มทำงานได้
ท้ายที่สุดสาเหตุที่พวกเขาต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยากแบบนี้ นั่นก็เพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาใช้งานผู้เชี่ยวชาญการติดตามจิตวิญญาณเพื่อแก้แค้นเรื่องส่วนตัว เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการติดตามใครสักคนจึงถูกควบคุมเอาไว้อย่างซับซ้อนมากเป็นพิเศษ
“พวกเราควรรอข่าวอยู่ที่นี่หรือกลับไปกันก่อนดี?” หมิงซินกล่าวถามขณะยื่นเอกสารเพื่อรอการอนุมัติ
“พวกเราควรรออยู่ที่นี่เลยดีกว่า การเดินทางกลับไปกลับมามันจำเป็นจะต้องใช้เวลามากพอสมควร หากช่วงเวลานั้นมันมีสายลับส่งข่าวเรื่องนี้กลับไปให้กับคนร้าย พวกเราก็อาจจะพลาดเรื่องสำคัญอะไรไปก็ได้” มู่เฉียงหลิงกล่าว เพราะเขากลัวว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังหยูฮัวจะเป็นคนจาก 1 ใน 9 ตระกูลชั้นยอด
เหตุการณ์นี้ทำให้เซียงฟานผู้ซึ่งเป็นตัวแทนจากตระกูลมูนวอร์ดชะงักไปเล็กน้อย เพราะสายลับที่มู่เฉียงหลิงกำลังระแวงอยู่นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากตัวเขาเอง
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มารอฟังข่าวอยู่ที่นี่พร้อมกันเลยก็แล้วกัน” หมิงซินกล่าวพร้อมกับนั่งลงบนโซฟาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครโต้แย้งอะไร
—
พลังจากคริสตัลกลืนโลหิตบุกทะลวงเข้าไปในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเซี่ยเฟยซ้ำแล้วซ้ำเล่า คล้ายกับฝูงปลาปิรันย่าที่ค่อย ๆ กัดกินอุปสรรคไปทีละน้อย เพื่อให้ชายหนุ่มทะลวงผ่านจนกลายเป็นราชากฎได้
เซี่ยเฟยสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเขาอยู่ใกล้กับการก้าวข้ามไปเป็นราชากฎมากแล้ว และทุกอย่างก็เหมือนกับอยู่ห่างออกไปเพียงแค่เอื้อมมือเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ไม่ได้มีความคิดที่จะรีบร้อน เพราะเขารู้ดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างควรทำไปทีละขั้นทีละตอน เขาจึงจำเป็นจะต้องสงบสติอารมณ์และค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าตามเส้นทางอย่างใจเย็น
น่าเสียดายที่ในวันนี้จู่ ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดี และลางสังหรณ์นั้นมันก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
“พยายามเข้า! ตอนนี้นายควรเร่งพลังจากคริสตัลกลืนโลหิตแล้วทะลวงผ่านอุปสรรคทุกอย่างในคราวเดียว การเป็นราชากฎอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมแล้ว!” โอโร่กล่าวแนะนำขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
พลังงานจากคริสตัลกลืนโลหิตเริ่มถูกกระตุ้นให้มีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเซี่ยเฟยต้องการที่จะใช้โอกาสครั้งนี้ในการใช้พลังของคริสตัลกลืนโลหิตเพื่อทำการบุกทะลวงในขั้นตอนสุดท้าย
แต่ในทันใดนั้นเองจู่ ๆ มันก็มีความผันผวนของพลังงานอันรุนแรงปรากฏขึ้นไม่ไกลจากเซี่ยเฟย คล้ายกับว่ามันได้มีคนกำลังเปิดประตูมิติออกมา
“ไม่นะ! นั่นมันพลังระดับจักรพรรดิกฎ!! เซี่ยเฟยอยู่ห่างจากการเป็นราชากฎเพียงแค่นิดเดียวเอง ทำไมเขาถึงจะต้องมาในตอนนี้ด้วย” โอโร่อุทานขึ้นมาด้วยความเศร้าใจ
***************
ขอเป็นราชากฎก่อนไม่ได้เหรอ? แล้วจักรพรรดิกฎงั้นเหรอหรือว่าจะเป็น…
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 221
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น