ตอนที่ 715 พลังของลูกหลานตระกูลใหญ่

-A A +A

ตอนที่ 715 พลังของลูกหลานตระกูลใหญ่

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 715 พลังของลูกหลานตระกูลใหญ่

“ฉันว่าเบื้องหลังของหยูฮัวจะต้องมีผู้มีอำนาจคอยบงการอยู่แน่ ๆ ถ้าหากว่าเราปล่อยผ่านเรื่องในวันนี้ไป บางทีหลักฐานที่เซี่ยเฟยเปิดโปงออกมาก็อาจจะหายเข้ากลีบเมฆก่อนที่ทุกคนจะทันได้รู้ความจริง” เฝิงซินเหนียนกล่าวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเขาตระหนักได้ถึงจุดประสงค์ของเซี่ยเฟย

ทุกคนต่างก็ชะงักค้างไปโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยเฉพาะมู่ฟู่ผิงที่แสดงความกังวลออกมาผ่านทางสีหน้าอย่างชัดเจน

“พี่กำลังหมายความว่ายังไงกันแน่? ในเมื่อความจริงถูกเปิดเผยออกมาแล้วทำไมเซี่ยเฟยถึงยังไม่กล้าปรากฏตัวขึ้นมาอีก?!” หลางซุนเย่ถามเสียงดัง เพราะท้ายที่สุดเขาก็เป็นคนตรงไปตรงมา เขาจึงไม่เข้าใจว่าทำไมฝ่ายที่ถูกต้องอย่างเซี่ยเฟยถึงต้องพยายามหลบหนีเหมือนอย่างในปัจจุบันด้วย

“ฉันคิดว่าเรื่องนี้มันอาจจะร้ายแรงมากกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้น่ะสิ” เฝิงซินเหนียนกล่าวหลังจากดึงตัวมู่ฟู่ผิงกับหลางซุนเย่ไปคุยกันในมุมเงียบ

“คุณกำลังหมายความว่ายังไงกันแน่? ช่วยพูดตรง ๆ มากกว่านี้ได้ไหม?” มู่ฟู่ผิงกล่าวถามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล

“เซี่ยเฟยเป็นคนฉลาด ในเมื่อเขามีหลักฐานมากพอที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แล้วทำไมเขาถึงจะต้องรอมาจนถึงตอนนี้ด้วยล่ะ?” เฝิงซินเหนียนกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“เขาคงจะต้องการให้หยูฮัวรู้สึกเสียหน้ามากที่สุดล่ะมั้ง” หลางซุนเย่กล่าว

“นั่นก็ใช่ แต่มันยังไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด ฉันกำลังสงสัยว่าเซี่ยเฟยน่าจะกำลังสืบสวนเรื่องนี้อยู่อย่างลับ ๆ และได้รู้ว่าถ้าหากเขาไม่เปิดเผยหลักฐานออกมา เขาจะไม่มีวันรอดพ้นไปจากสถานการณ์นี้แน่ ๆ”

“ส่วนหลักฐานที่เขานำมาเปิดโปงหยูฮัวน่าจะเป็นเพียงแค่การเชือดไก่ให้ลิงดูเท่านั้น จุดประสงค์จริง ๆ ของเขาน่าจะเป็นการบอกให้คนที่อยู่เบื้องหลังหยูฮัวรู้ว่าเขามีหลักฐานทุกอย่างอยู่ในมือมากกว่า”

“ทุกคนก็น่าจะเห็นแล้วว่าภาพในวิดีโอมีการตัดต่อภาพบางส่วนออกไป ภาพของคนร้ายที่ปรากฏขึ้นมาตั้งแต่ต้นจนจบมีเพียงแค่ภาพของหยูฮัวคนเดียวเท่านั้น แต่อย่าลืมนะว่าภายในภาพเซี่ยเฟย, หยูเจียง, หยูกู่ติงและอสูรเทวะทั้งสี่คนคอยต่อสู้เคียงข้างกัน ซึ่งมันก็ไม่มีทางที่ทั้งสี่คนนี้จะพ่ายแพ้ให้กับหยูฮัวและพวกชายชุดดำพวกนั้นอย่างแน่นอน” เฝิงซินเหนียนวิเคราะห์สถานการณ์

“คุณกำลังบอกว่ามันมีกองกำลังที่แข็งแกร่งกว่านั้นคอยสนับสนุนหยูฮัวอยู่ใช่ไหม?” มู่ฟู่ผิงกล่าวถามอย่างตกใจ

เฝิงซินเหนียนพยักหน้ารับด้วยสีหน้าที่จริงจังมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ถ้าหากว่าหยูฮัวแค่ว่าจ้างใครสักคนมาสังหารหยูเจียง เรื่องนี้มันก็จะเป็นเพียงแค่ความขัดแย้งภายในตระกูล ซึ่งถ้าหากว่ามันเป็นแบบนี้จริง ๆ เซี่ยเฟยก็ไม่จำเป็นจะต้องซ่อนตัว เพราะถ้าหากว่าเขาส่งหลักฐานให้กับสมาคมผู้คุมกฏ เขาก็จะสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ในทันที” 

“หรือในกรณีที่เขาติดต่อมาขอความช่วยเหลือจากพวกเราคนใดคนหนึ่ง พวกเราก็จะสามารถช่วยให้เขาหลุดพ้นจากการเป็นบุคคลต้องสงสัยได้อย่างง่ายดาย” เฝิงซินเหนียนกล่าว

“ใช่ ตระกูลเชฟชิฟเตอร์ของพวกเรามีอำนาจสูงมาก ถ้าหากเซี่ยเฟยส่งหลักฐานมาให้กับฉันเรื่องนี้มันคงจะยุติไปตั้งนานแล้ว” หลางซุนเย่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“ในเมื่อเขาสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ง่าย ๆ แล้วทำไมเขาถึงจะต้องซ่อนตัวอยู่จนถึงทุกวันนี้ล่ะ? การที่เขาเลือกที่จะทำแบบนี้มันก็มีคำอธิบายอยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น” เฝิงซินเหนียนกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ

“มันหมายความว่าอะไรกันแน่?” มู่ฟู่ผิงกล่าวถามอย่างกังวล

“มันหมายความว่ากองกำลังที่สนับสนุนหยูฮัวอยู่จะต้องเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งมาก ชนิดที่ว่าสมาคมผู้คุมกฎก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปแตะต้องพวกเขา” เฝิงซินเหนียนกล่าวอย่างจริงจัง

“พี่จะพูดเวอร์เกินไปหรือเปล่า! ทั่วทั้งดินแดนกฎมีคนเพียงแค่ไม่กี่คนที่สมาคมผู้คุมกฎไม่กล้าเข้าไปแตะต้อง แล้วคนแบบนั้นจะเข้าไปสนับสนุนคนอย่างหยูฮัวทำไม? ผมไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกหยูฮัวนะ แต่เขายังไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะได้รับการสนับสนุนจากคนแบบนั้นจริง ๆ” หลางซุนเย่กล่าวแย้งพร้อมกับโบกมือไปมา

“แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นล่ะถ้าหากว่าเบื้องหลังของหยูฮัวคือคนพวกนั้นจริง ๆ?” เฝิงซินเหนียนยังคงกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจังต่อไป

คราวนี้สีหน้าของหลางซุนเย่กับมู่ฟู่ผิงต่างก็เริ่มเคร่งเครียดขึ้นกว่าเดิมเช่นเดียวกัน เพราะมันยิ่งทำให้สถานการณ์ในคราวนี้ยุ่งยากมากขึ้นกว่าเดิม

“ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปอย่างที่คุณพูด เรื่องทุกอย่างมันก็น่าจะชัดเจนแล้ว เซี่ยเฟยน่าจะเป็นคนที่รู้รายละเอียดมากกว่าใคร และสิ่งที่เขากำลังพยายามทำอยู่คือการพยายามแก้ไขสถานการณ์ในครั้งนี้อย่างอดทน” 

“ท้ายที่สุดอีกฝ่ายก็มีอำนาจอยู่เหนือกว่าเขามาก หลักฐานที่เซี่ยเฟยมีจึงมากพอที่จะจัดการได้เพียงแค่หยูฮัวเท่านั้น ถ้าหากว่าเขาเปิดเผยหลักฐานออกมามากกว่านี้ มันก็อาจจะทำให้เขามีอันตรายมากกว่าตอนที่เขายังเป็นอยู่ในตอนนี้ก็ได้” มู่ฟู่ผิงกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียดด้วยเช่นกัน

“คุณหนูมู่ฟู่ผิงเป็นคนที่ฉลาดมากจริง ๆ ทุกอย่างมันเป็นไปอย่างที่คุณพูดนั่นแหละ ว่าการพยายามจัดการกับหยูฮัวไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าหากว่าเซี่ยเฟยต้องการจะรอดชีวิต สิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือเขาจำเป็นจะต้องประนีประนอมกับคนที่อยู่เบื้องหลังหยูฮัวให้ได้” เฝิงซินเหนียนกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

“มันเป็นเพราะแบบนี้นี่เองสินะ เซี่ยเฟยถึงยังซ่อนตัวมาจนถึงทุกวันนี้…” ในที่สุดหลางซุนเย่ก็เข้าใจความร้ายแรงของสถานการณ์ มันจึงทำให้เขาขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างเคร่งเครียดเช่นเดียวกัน

มู่ฟู่ผิงรู้สึกหนักใจมาก เธอจึงพยายามมองไปเพื่อร้องขอความช่วยเหลือจากเฝิงซินเหนียน

“คุณหนูมู่ฟู่ผิง ผู้อาวุโสมู่เฉียงหลิงเป็นตัวแทนจากตระกูลวิทเทอร์ที่เข้ามาทำงานภายในสมาคมผู้คุมกฏใช่ไหม?” 

“ถ้าหากว่าคุณต้องการจะช่วยเซี่ยเฟยจริง ๆ คุณจะต้องเข้าไปกดดันให้ผู้อาวุโสมู่เฉียงหลิงเข้ามาสืบสวนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคอยจับตาดูเขาอยู่ ในเวลานั้นเขาก็จะไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ได้” เฝิงซินเหนียนหันไปพูดกับมู่ฟู่ผิงหลังจากที่เขาคิดแผนการอะไรบางอย่างออก

“ปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง” มู่ฟู่ผิงกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

“แต่การทำแค่นั้นมันยังไม่พอ ถ้าเป็นไปได้คุณช่วยไปขอร้องคุณปู่ของคุณด้วยได้ไหม?” เฝิงซินเหนียนกล่าวถามอย่างจริงจัง

“เดี๋ยวฉันจะลองไปขอร้องคุณปู่ดู” มู่ฟู่ผิงตอบกลับอย่างหนักแน่น หลังจากที่เธอรู้สึกลังเลอยู่เล็กน้อย

“ถ้าหากว่าผู้อาวุโสมู่ฉีหยุนเข้ามาช่วยเหลือเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เรื่องต่าง ๆ มันก็คงจะง่ายขึ้นมากกว่าเดิม และยิ่งถ้าหากว่าทางฝั่งของคุณประกาศว่าเซี่ยเฟยถือว่าเป็นสมาชิกของตระกูลวิทเทอร์ มันก็จะยิ่งทำให้เรื่องนี้ง่ายดายเข้าไปใหญ่”

“หลังจากนี้ฉันจะรีบกลับบ้านไปขอร้องให้พ่อออกมาจัดการเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน ฉันเชื่อว่าถ้าหากว่าตระกูลเฝิงกับตระกูลวิทเทอร์ออกแถลงการณ์พร้อมกัน มันก็คงจะไม่มีใครยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่าย ๆ” เฝิงซินเหนียนกล่าว

“แล้วผมล่ะ?” หลางซุนเย่ถามอย่างร้อนใจ

“อย่างแรกนายควรบอกให้สมาชิกภายในแก๊งทำยังไงก็ได้ให้กระจายข่าวเรื่องนี้ออกไปซะ แล้วบอกให้พวกเขากลับไปขอร้องผู้นำตระกูลของตัวเองให้ออกมาเรียกร้องหาความยุติธรรมให้กับเซี่ยเฟย ถึงแม้มันจะมีผู้อาวุโสหลาย ๆ คนไม่อยากจะออกหน้ามายุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ แต่อย่างน้อยการที่ลูกหลานของตัวเองมาขอร้อง มันก็จะทำให้พวกเขาไม่สามารถที่จะเข้าร่วมวงใส่ร้ายเซี่ยเฟยได้”

“ส่วนนายก็ไปหาลุงเจ็ดของนายซะ เขาเป็นหนึ่งในรองประธานสมาคมผู้คุมกฎ นายจะต้องทำให้เขามาอยู่ฝั่งเดียวกับเราให้ได้ และนายยังต้องไปตีสนิทกับผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ในสมาคมพยายามชักจูงพวกเขาให้มาอยู่ฝั่งเดียวกันกับพวกเราให้ได้มากที่สุด” เฝิงซินเหนียนเริ่มสั่งการ

คำสั่งนี้ทำให้ใบหน้าของหลางซุนเย่เปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด และถึงแม้ว่าเขาจะเป็นหลานชายสายตรงของผู้นำตระกูลเชฟชิฟเตอร์คนปัจจุบัน แต่ตอนที่เขาอยู่บ้านเขาก็มักจะถูกทุบตีที่ชอบทำตัวเหลวไหลอยู่เสมอ เขาจึงรู้สึกกลัวเหล่าบรรดาผู้อาวุโสในตระกูลของตัวเองจากก้นบึ้งของหัวใจ

“เอาว่ะ! อย่างมากที่สุดก็แค่ถูกตี อย่างน้อยฉันก็จะต้องช่วยเซี่ยเฟยทวงความยุติธรรมกลับมาให้ได้!!”

เมื่อเฝิงซินเหนียนบอกหน้าที่ของแต่ละคนแล้ว ทุกคนก็รีบกระจายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง

น่าเสียดายที่หยูฮัวรีบหนีไปแล้ว ทุกคนจึงไม่สามารถจับตัวชายคนนี้มาเค้นสอบถามความจริงได้

เมื่อหลางซุนเย่นำข้อความของเฝิงซินเหนียนไปบอกเล่ากับสมาชิกภายในแก๊ง ทุกคนต่างก็พยักหน้ารับยอมทำตามคำสั่งอย่างง่ายดาย ก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกลับไปยังตระกูลของตัวเองด้วยเช่นกัน

หลังจากนั้นเหล่าบรรดาเด็ก ๆ ภายในแก๊งก็ร่วมกันชุมนุมประท้วงพ่วงหาความยุติธรรมจากสมาคมผู้คุมกฎ เหล่าบรรดาผู้ที่ต้องการประจบประแจงคุณหนูคุณชายเหล่านี้ก็เริ่มมาเข้าร่วมกลุ่มประท้วงในครั้งนี้ด้วย 

เมื่อข่าวการประท้วงได้แพร่กระจายออกไป เหล่าบรรดาคนที่รู้สึกเสียใจเมื่อได้ยินถึงความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นในตระกูลหยูก็เดินทางมาเข้าร่วมการประท้วงมากขึ้นเรื่อย ๆ ภายใน 1 ชั่วโมงผู้เข้าร่วมกลุ่มประท้วงจึงมีจำนวนเพิ่มขึ้นไปเป็นจำนวนหลายหมื่นคน โดยทุกคนต่างก็พยายามตะโกนเพื่อทวงถามความยุติธรรมให้กับเซี่ยเฟย

ในความเป็นจริงแล้วกลุ่มคนที่อยู่ในการประท้วงครั้งนี้ไม่ได้รู้จักเซี่ยเฟยด้วยซ้ำ แต่พวกเขารู้สึกว่าการออกมาเรียกร้องหาความยุติธรรมในครั้งนี้มันน่าสนุกดี และพวกเขาก็อยู่ว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอันกันอยู่แล้ว

สำนักงานใหญ่ของกลุ่มมังกรฟ้า

เฝิงซินเหนียนรีบเดินเข้าไปภายในสำนักงาน ก่อนที่จะเคาะประตูห้องทำงานของพ่อตัวเอง

“เข้ามา!”

เฝิงซินเหนียนเปิดประตูเดินเข้ามาภายในห้องด้วยความเคารพ ซึ่งภาพที่เขาแสดงออกมาในตอนนี้ไม่เหมือนลูกชายที่เดินเข้ามาหาพ่อ แต่เหมือนลูกน้องที่เดินเข้ามาหาหัวหน้ามากกว่า

“สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับอาบรูซ” เฝิงซินเหนียนเริ่มกล่าวทักทาย ซึ่งเขาก็ไม่คิดว่าบรูซจะอยู่ในห้องทำงานของพ่อเขาด้วย

“ลูกไปยุ่งกับไอ้แก๊งเด็กพวกนั้นอีกแล้วใช่ไหม? พ่อก็คิดว่าลูกจะกลับตัวกลับใจได้แล้ว ไม่คิดเลยว่าลูกจะไปยุ่งกับเด็กพวกนั้นอีก” เฝิงคูชานบ่นขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ

“ผม, หลางซุนเย่และคุณหนูมู่ฟู่ผิงร่วมกันทำเรื่องนี้ขึ้นมา และพวกเราก็ไม่มีทางอื่นนอกจากจะต้องทำแบบนี้แล้วครับ” เฝิงซินเหนียนยังคงตอบกลับไปอย่างใจเย็น

“พ่อเข้าใจที่หลางซุนเย่มายุ่งกับเรื่องนี้ด้วย แต่ทำไมมู่ฟู่ผิงถึงมายุ่งกับเรื่องนี้ด้วย?” เฝิงคูชานถามอย่างสงสัย

“ทุกคนพยายามออกมาทวงถามหาความยุติธรรม ในเมื่อเซี่ยเฟยที่เป็นสมาชิกในกลุ่มมังกรฟ้าของเราได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม พวกเราก็ควรจะต้องออกตัวไปช่วยเหลือเขาถูกต้องไหมครับ?”

“สำหรับหลางซุนเย่กับมู่ฟู่ผิงพวกเขาก็ถือว่าเป็นสหายที่ดีของเซี่ยเฟย พวกเขาจึงไม่สามารถอยู่เฉย ๆ ได้เมื่อเซี่ยเฟยกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากแบบนี้” เฝิงซินเหนียนกล่าว

คำพูดของเฝิงซินเหนียนถือว่าเฉลียวฉลาดมาก เพราะเขาพยายามนำโศกนาฏกรรมของตระกูลหยูมาเชื่อมโยงกับกลุ่มมังกรฟ้า

คำอธิบายนี้ทำให้เฝิงคูชานชะงักไปเล็กน้อย เพราะถ้าหากเฝิงซินเหนียนบอกว่าเขาทำแบบนี้เพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวกับเซี่ยเฟย เขาย่อมจะต้องดุด่าลูกชายของตัวเองอย่างแน่นอน 

แต่เมื่อเฝิงซินเหนียนอ้างว่าเซี่ยเฟยคือสมาชิกของกลุ่มมังกรฟ้า เขาซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มย่อมไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยเช่นกัน

“เซี่ยเฟยอีกแล้วเหรอ?” เฝิงคูชานอุทานพร้อมกับขมวดคิ้ว

***************

ประโยคท้ายนี่มันคุ้นๆหูอยู่นะ?

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Rights Reserved.