ตอนที่ 714 ความจริง

-A A +A

ตอนที่ 714 ความจริง

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 714 ความจริง

แต่ในทันใดนั้นเองมันก็ได้มีใบมีดปริศนาบินออกมาจากฝูงชน แล้วพุ่งเข้าไปยังใบหน้าของหยูจินอย่างฉับพลัน และมันก็ทำให้พิธีการในวันนี้เข้าสู่ความวุ่นวายอย่างแท้จริง

แต่หยูจินก็เป็นถึงนักสู้ที่มีพลังใกล้เคียงจะกลายเป็นราชากฎแล้ว เขาจึงสามารถตัดใบมีดนี้ให้กระเด็นออกไปได้อย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตามการจู่โจมอย่างฉับพลันก็ทำให้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปอย่างน่าเกลียด และเนื่องมาจากว่ามันมีแขกอยู่เป็นจำนวนมาก เขาจึงมองไม่ทันเห็นว่าใครเป็นคนลงมือจู่โจมมาที่เขากันแน่

“ใครมันกล้าขว้างมีดใส่ฉัน?!” หยูจินร้องคำรามขึ้นมาด้วยความโกรธ

อย่างไรก็ตามแขกที่อยู่ในงานต่างก็ล้วนแล้วแต่มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา เสียงร้องคำรามของหยูจินจึงทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจด้วยเช่นกัน

“ถ้ามันเป็นฉันแล้วจะทำไม?”

“เมื่อกี้นายหลบได้ใช่ไหม? มาดูกันซิว่าครั้งต่อไปนายจะยังหลบได้อยู่อีกหรือเปล่า?”

ทันใดนั้นสิ่งของเป็นจำนวนมากก็เริ่มถูกขว้างปาขึ้นไปบนเวที ไม่ว่าจะเป็นอาหาร, แก้วไวน์หรือแม้กระทั่งรองเท้าก็ยังถูกขว้างปาออกมา

สถานการณ์ในตอนนี้ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายมาก และหยูจินก็ไม่สามารถที่จะควบคุมสถานการณ์ได้อีกต่อไป

ขณะเดียวกันมู่เฉียงหลิงผู้ซึ่งเป็นตัวแทนจากสมาคมผู้คุมกฎก็มีสายตาที่เฉียบคมมากกว่าหยูจิน เขาจึงสังเกตเห็นมานานแล้วว่าคนส่วนใหญ่ภายในงานเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่ภายในกลุ่มดาวม้าขาว และแม้แต่เฝิงซินเหนียนและมู่ฟู่ผิงก็ได้รวมตัวอยู่ในหมู่แขกของงานครั้งนี้ด้วย

หยูจินโกรธมากและต้องการที่จะสั่งให้ทหารมาลากตัวแขกที่ทำตัวไม่ดีพวกนี้ออกไป แต่มู่เฉียงหลิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็รีบดึงเขาเอาไว้เสียก่อน

“อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามดีกว่า ไม่อย่างนั้นเรื่องมันอาจจะวุ่นวายไปมากกว่านี้”

“ทำไมผู้อาวุโสถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ?” หยูจินรีบถามกลับ

“เด็กพวกนั้นคือพวกคุณหนูคุณชายที่มาจากกลุ่มดาวม้าขาว แม้แต่เด็กจากตระกูลชั้นยอดก็รวมอยู่ในกลุ่มแก๊งพวกนั้นด้วย ลองคิดดูดี ๆ ว่าคุณสามารถจัดการกับเด็กพวกนี้ได้หรือเปล่า เพราะแม้แต่ฉันก็ยังไม่อยากจะไปยุ่งกับพวกเขาอยู่เหมือนกัน” มู่เฉียงหลิงกล่าวขณะกวาดสายตามองไปยังกลุ่มเด็กหนุ่มสาวที่อยู่ทางด้านล่าง

คำตอบนี้ทำให้หยูจินรู้สึกตกตะลึง เพราะเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพิธีแต่งตั้งผู้นำตระกูลจะกลายเป็นเรื่องวุ่นวายขนาดนี้

ในที่สุดหยูจินก็เดินก้มหน้าออกจากเวทีโดยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความลำบากใจ เพราะเมื่อเขาคือคนที่ทำให้เด็กพวกนี้รู้สึกขุ่นเคือง เขาก็ไม่เหลือคุณสมบัติที่จะเป็นพิธีกรอีกต่อไปแล้ว

“ออกไปเลย!”

“ฮ่า ๆ ๆ ดูสิไอ้คนตาขาวนั่นมันหนีไปแล้ว”

เมื่อหยูจินลงจากเวทีมันก็มีเสียงตะโกนด่าทอดังตามขึ้นมาเป็นสาย และแม้แต่มู่เฉียงหลิงก็ไม่สามารถที่จะระงับความวุ่นวายตรงนั้นได้

“ที่ทุกคนมาที่นี่ก็เพื่อมาร่วมแสดงความยินดีกับเจ้าภาพไม่ใช่เหรอ? หยุดก่อความวุ่นวายกันเดี๋ยวนี้” เฝิงซินเหนียนกล่าวดุพร้อมกับก้าวเท้าออกมาท่ามกลางฝูงชน

ถึงแม้ว่าเสียงของเขาจะไม่ดังมากนัก แต่มันก็ดังพอที่จะทำให้ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน ท้ายที่สุดมันก็ไม่มีใครไม่รู้จักเฝิงซินเหนียน คำเตือนของชายคนนี้จึงสามารถหยุดความวุ่นวายได้ในทันที

เหล่าบรรดาผู้อาวุโสของตระกูลหยูบนเวทีมองไปยังเฝิงซินเหนียนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ เพราะถ้าหากคุณชายจากตระกูลเฝิงคนนี้ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ บางทีพวกเขาอาจจะไม่สามารถดำเนินพิธีต่อไปอีกเลยก็ได้

“พวกเขาแค่สร้างปัญหาขึ้นมานิดหน่อยเอง ทำไมพี่จะต้องไปว่าทุกคนด้วย?” หลางซุนเย่กล่าวขึ้นมาอย่างไม่ค่อยพอใจ

“ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา ทุกคนควรจะอดทนรอกันไปก่อน เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาเผยจุดอ่อนของตัวเองออกมา ในตอนนั้นพวกเราค่อยเริ่มลงมือก็ยังไม่สาย” เฝิงซินเหนียนกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“นั่นสินะ” หลางซุนเย่ตอบรับพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง และแววตาอันชั่วร้ายของเฝิงซินเหนียนก็ทำให้เขารู้สึกว่าหัวหน้าแก๊งคนเก่าของเขาได้กลับมาแล้ว

เมื่อหยูจินเดินลงมาจากเวที เขาก็เดินไปยืนอยู่ข้าง ๆ หยูฮัวด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว

ในทางกลับกันวันนี้หยูฮัวอารมณ์ดีมาก เพราะมันเป็นวันที่เขารอคอยมานานแสนนานแล้ว

“ไอ้เด็กเวรพวกนั้นมันมาจากไหนก็ไม่รู้! ผมรู้สึกเหมือนกับว่าพวกมันตั้งใจจะมาป่วนงานของพวกเราเลย” หยูจินกล่าวอย่างหงุดหงิด

“นับตั้งแต่ที่เฝิงซินเหนียนกับหลางซุนเย่ปรากฏตัวขึ้นมา ฉันก็พอจะเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่างานวันนี้มันจะต้องมีปัญหาเกิดขึ้นแน่ ๆ” หยูฮัวกล่าว

“แล้วพวกเราควรจะทำยังไงดี? พวกเราจะปล่อยให้พวกเขาก่อความวุ่นวายต่อไปงั้นเหรอ?” หยูจินถามด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง

“เซี่ยเฟยรู้จักกับเฝิงซินเหนียนตอนที่เขาเข้าร่วมงานชุมนุมมังกรฟ้า แล้วเฝิงซินเหนียนค่อยพาเขาไปรู้จักกับหลางซุนเย่อีกที ฉันไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะสนิทกันจนถึงกับทำให้พวกเขากล้ายืนหยัดอยู่เคียงข้างเซี่ยเฟย”

“สาเหตุที่พวกเขามาก่อความวุ่นวายในวันนี้ มันก็แค่เพราะพวกเขาไม่พอใจที่ฉันทำให้เซี่ยเฟยกลายเป็นผู้ต้องสงสัยของเหตุการณ์ในวันนั้น แต่ไม่ว่ายังไงเมื่อพวกเขาไม่มีหลักฐานพวกเขาก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้อยู่แล้ว” หยูฮัวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“คุณไม่ควรปล่อยให้เซี่ยเฟยหนีไปตั้งแต่แรกเลยจริง ๆ” หยูจินกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ

ประโยคนี้ทำให้หยูฮัวรู้สึกเจ็บใจอยู่พอสมควร เพราะในวันนั้นเขาไม่เคยคิดที่จะปล่อยให้เซี่ยเฟยหนีไป แต่มันเป็นเพราะว่าตอนนั้นพวกเขาไม่สามารถหยุดเซี่ยเฟยไม่ให้หลบหนีได้จริง ๆ

“นายไม่เห็นเหตุการณ์ในวันนั้น นายไม่มีวันเข้าใจหรอก” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับกรอกสายตา

หยูซีหยวนได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดจากหยูจินแล้ว เขาจึงรีบเชิญหยูฮัวออกมาประกอบพิธีโดยเร็วที่สุด

หยูฮัวเดินขึ้นมาบนเวทีด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ที่น่าแปลกใจคือในคราวนี้ไม่มีใครส่งเสียงโห่ร้องสร้างความวุ่นวายให้กับพิธีในครั้งนี้เลย เพราะทุกคนต่างก็จับจ้องมองไปยังเฝิงซินเหนียนและหลางซุนเย่ด้วยความเงียบ เมื่อพวกเขาเห็นว่าลูกพี่ของตัวเองยังไม่มีคำสั่งอะไร พวกเขาจึงยังรอคอยอยู่อย่างอดทน

ว่าที่ผู้นำตระกูลหยูคนใหม่เริ่มกล่าวคำทักทายแขกทุกคนสั้น ๆ และเริ่มยกย่องหยูเจียงผู้ซึ่งเป็นอดีตผู้นำของตระกูล จากนั้นเขาก็เปลี่ยนหัวข้อมาคุยเกี่ยวกับอสูรเทวะที่ปกป้องตระกูลของพวกเขาอย่างภักดี

แน่นอนว่าหยูฮัวได้ตระเตรียมบทพูดเอาไว้มาเป็นเวลานาน เขาจึงพยายามให้แขกทุกคนมีอารมณ์ร่วมไปกับคำปราศรัยที่เขาได้เตรียมเอาไว้ด้วย

เด็กหลาย ๆ คนที่เคยมีอดีตใกล้เคียงกับหยูฮัวเริ่มมีอารมณ์ร่วมไปกับคำปราศรัยที่ถูกตบแต่งมาเป็นอย่างดี และเด็ก ๆ หลาย ๆ คนก็เริ่มน้ำตาไหลไปกับการเสียสละของอสูรเทวะ ผู้ซึ่งคอยปกป้องตระกูลมาเป็นเวลานาน

“เมื่อฉันขึ้นรับตำแหน่งผู้นำตระกูล สิ่งแรกที่ฉันจะทำคือการทวงหาความยุติธรรมให้กับผู้อาวุโสและลากตัวฆาตกรออกมาลงโทษให้ได้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ตระกูลหยูสามารถหาคนที่เหมาะสมขึ้นมาทำหน้าที่แทนฉันได้ เมื่อนั้นฉันก็ยินดีที่จะสละตำแหน่งให้ผู้ที่เหมาะสมในทันที” หยูฮัวกล่าวอภิปรายด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

ในความเป็นจริงพวกเขาได้เตรียมหลักฐานกับแพะรับบาปเอาไว้แล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่มันถึงเวลาเขาก็จะโยนความผิดไปให้คนอื่น และโยนหลักฐานว่าเซี่ยเฟยคือคนสมรู้ร่วมคิดกับฆาตกรออกไปในทันที 

จากนั้นแพะรับบาปก็จะฆ่าตัวตายเนื่องจากความหวาดกลัวต่อความผิดที่ตัวเองได้ทำลงไป ซึ่งแน่นอนว่าความผิดทั้งหมดมันก็จะไปตกอยู่กับเซี่ยเฟย

ในเวลานั้นแม้ว่าเซี่ยเฟยจะมีหลักฐานอะไร แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะออกมาพูดอะไรได้อีกแล้ว ท้ายที่สุดชายหนุ่มก็เป็นเพียงแค่นักรบตัวน้อย ๆ ในดินแดนกฎ แล้วมันก็ไม่มีทางที่เซี่ยเฟยจะมาต่อต้านอำนาจของผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้

พูดตามตรงสาเหตุที่หยูฮัวตั้งค่าหัวเซี่ยเฟยเอาไว้ในราคา 1 ล้านคริสตัลเหลือง นั่นก็เพราะว่าเขากลัวว่าชายหนุ่มจะออกมาเปิดโปงหลักฐานในวันนั้น อย่างไรก็ตามก่อนที่เซี่ยเฟยหลบหนีไปชุดเกราะของเขาก็ได้รับความเสียหายหนักมาก จนทำให้หยูฮัวไม่มั่นใจว่ากล้องติดชุดเกราะของเซี่ยเฟยยังใช้การได้หรือไม่

แต่เมื่อเซี่ยเฟยหายตัวไปเป็นเวลานาน เขาก็คิดแล้วว่าชายหนุ่มคงจะไม่มีหลักฐานอยู่จริง ๆ ในวันนี้เขาจึงจัดพิธีรับตำแหน่งผู้นำตระกูลอย่างสบายใจ

น่าเสียดายที่หยูฮัวยังรู้จักเซี่ยเฟยไม่ดีพอ ซึ่งสาเหตุที่ชายหนุ่มยังไม่นำหลักฐานออกมาเปิดโปง นั่นก็เพราะว่าเขากำลังรอเวลาที่จะเปิดโปงหลักฐานออกมาอย่างโจ่งแจ้งมากที่สุดต่างหาก

หยูฮัวยังคงพยายามอภิปรายด้วยประโยคที่เต็มไปด้วยคำปลุกใจ และมันก็ทำให้สมาชิกตระกูลหยูทุกคนต่างก็ส่งเสียงตะโกนเชียร์ขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เมื่อพวกเขาได้คิดถึงความรุ่งโรจน์ที่จะเกิดขึ้นกับตระกูลในอนาคต

แต่ในระหว่างที่หยูฮัวกำลังรู้สึกมั่นใจมากที่สุดอยู่นั่นเอง แผนการอันยาวนานของเซี่ยเฟยก็ได้เริ่มต้นขึ้น

ทันใดนั้นมันก็ได้มีหน้าจอขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นทั่วทั้งงานเลี้ยงมากกว่า 10 หน้าจอ ก่อนที่ภาพในหน้าจอพวกนั้นจะฉายโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นบนเกาะอสรพิษพิทักษ์

ภายในภาพเผยให้เห็นว่าเซี่ยเฟยกับหยูเจียงกำลังร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรู และภาพความตายของอสูรเทวะก็ทำให้ผู้ชมทุกคนต่างก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ

ทำไมภาพเหตุการณ์มันถึงไม่ตรงกับสิ่งที่หยูฮัวบรรยายเอาไว้!?

มู่ฟู่ผิงรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัว เพราะเซี่ยเฟยเป็นคนสำคัญสำหรับเธอมาก เมื่อเธอได้เห็นว่าเซี่ยเฟยที่พยายามปกป้องหยูเจียงเอาไว้อย่างหนัก แต่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับฆาตกร มันจึงทำให้เธอรู้สึกโกรธจนอยากจะร้องไห้ออกมา

“ฉันเคยบอกไปแล้วใช่ไหมว่าเซี่ยเฟยไม่ใช่คนผิด! ตระกูลหยูจะสืบสวนมั่วซั่วมากจนเกินไปแล้ว!!” หลางซุนเย่ตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ

เฝิงซินเหนียนมองไปยังภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึงเช่นเดียวกัน เพราะพลังที่เซี่ยเฟยได้แสดงออกมาบนเกาะอสรพิษพิทักษ์นั้น มันน่าตื่นตาตื่นใจมากกว่าพลังที่เขาได้แสดงออกมาในงานชุมนุมมังกรฟ้าเสียอีก เขาจึงมีความคิดที่ว่าเขาจะนำภาพวิดีโอนี้ไปฉายให้กับพ่อของเขาดูด้วยเหมือนกัน

ภาพการต่อสู้อันโหดร้ายต่างก็ทำให้สมาชิกในตระกูลหยูร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะภาพที่อสูรเทวะเลือกที่จะระเบิดตัวเองเพื่อช่วยชีวิตเซี่ยเฟยกับหยูเจียง ยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกสะเทือนใจมากขึ้นไปอีก

เมื่อภาพวิดีโอถูกฉายขึ้นมา มันก็เริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นไปทั่วทั้งงานเลี้ยงในทันที เพราะหลักฐานนี้ได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าเซี่ยเฟยไม่ใช่ผู้ทรยศต่อตระกูลหยูแน่ ๆ แล้วใครกันแน่ที่เป็นผู้ก่อเหตุในวันนั้น

ภาพการต่อสู้แสดงให้เห็นแค่ว่าเซี่ยเฟย, หยูเจียง, หยูกู่ติงและอสูรเทวะร่วมมือกันเผชิญหน้ากับศัตรู แต่ศัตรูที่พวกเขาเผชิญหน้าอยู่นั้นเป็นชายชุดดำที่ปกปิดรูปลักษณ์ร่างกายของตัวเองเอาไว้อย่างสมบูรณ์ 

แต่ในทันใดนั้นภาพก็ฉายไปจนถึงเหตุการณ์ที่เซี่ยเฟยพยายามลุกขึ้นจากหลุมลึกด้วยแววตาอันดุร้าย ก่อนที่มุมกล้องจะเปลี่ยนไปให้เห็นหยูฮัวที่ใช้มือยกขึ้นมาปิดหูที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด ที่สำคัญไปกว่านั้นคือด้านหลังของหยูฮัวคือกลุ่มชายชุดดำที่รุมจู่โจมเข้าใส่พวกหยูเจียงในวีดีโอช่วงแรก

ภาพในวิดีโอได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าผู้สมรู้ร่วมคิดในการสังหารหยูเจียงไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือหยูฮัวผู้ซึ่งกำลังจะขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไปนั่นเอง

นี่มันเป็นความจริงที่โหดร้ายมาก!!

ฆาตกรตัวจริงกลับได้รับเลือกอย่างเป็นเอกฉันท์ให้เป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป ส่วนเซี่ยเฟยที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องอดีตผู้นำตระกูลกลับถูกใส่ร้ายกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำความผิด

เรื่องทุกอย่างมันจะกลับตาลปัตรกันไปจนหมดแล้ว!!

สายตาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนรีบมองไปที่เวทีในทันที แต่น่าเสียดายที่เมื่อหยูฮัวเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดีเขาก็รีบหนีไปตั้งนานแล้ว

“มันกล้าดียังไงมาโยนความผิดให้เซี่ยเฟย! วันนี้ฉันจะให้ตระกูลหยูต้องชดใช้ที่กล้ามาโยนความผิดให้พี่น้องของฉันแบบนี้!!” หลางซุนเย่ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง

เมื่ออดีตหัวหน้าแก๊งให้สัญญาณ เหล่าเด็ก ๆ ภายในแก๊งก็เริ่มกระจายตัวกันออกไปหาหยูฮัวในทันที

“ในเมื่อหลักฐานถูกเปิดเผยออกมาแล้ว ทำไมเซี่ยเฟยถึงยังไม่ปรากฏตัวออกมาอีก?” มู่ฟู่ผิงกล่าวถามพร้อมกับกำหมัดแน่นขณะที่เธอเดินเข้ามาหาหลางซุนเย่และเฝิงซินเหนียน

“เรื่องมันยังไม่จบง่าย ๆ แค่นี้หรอก มันเห็นได้ชัดเลยว่าเซี่ยเฟยจงใจปกปิดภาพของใครบางคนเอาไว้ หลักฐานที่เขาแสดงออกมามันจึงน่าจะมีความจริงอยู่เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น” เฝิงซินเหนียนกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางอันเคร่งขรึม

“ฉันว่าเรารีบช่วยกันกระจายข่าวนี้ให้กลายเป็นข่าวใหญ่กันดีกว่า สิ่งที่เซี่ยเฟยต้องการไม่ใช่การให้พวกเราพยายามทวงหาความยุติธรรมให้กับเขา แต่เขาต้องการให้ทุกคนรู้ความจริงในวันนี้ต่างหาก” 

“ฉันว่าเบื้องหลังของหยูฮัวจะต้องมีผู้มีอำนาจคอยบงการอยู่แน่ ๆ ถ้าหากว่าเราปล่อยผ่านเรื่องในวันนี้ไป บางทีหลักฐานที่เซี่ยเฟยเปิดโปงออกมาก็อาจจะหายเข้ากลีบเมฆก่อนที่ทุกคนจะทันได้รู้ความจริง” เฝิงซินเหนียนกล่าวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเขาตระหนักได้ถึงจุดประสงค์ของเซี่ยเฟย

***************

หนีไวมาก ไหวพริบดีจริงๆ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Rights Reserved.