ตอนที่ 707 คริสตัลกลืนโลหิต
ตอนที่ 707 คริสตัลกลืนโลหิต
เซี่ยเฟยค่อย ๆ ถอดแหวนมิติออกมาจากนิ้วซากศพของควินซี่ จากนั้นเขาก็ส่งกระแสจิตออกไปเพื่อสำรวจสมบัติที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ภายในนั้น
“ฮ่า ๆ ๆ ควินซี่มีสมบัติเก็บเอาไว้อยู่เยอะจริง ๆ” เซี่ยเฟยส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“ของส่วนใหญ่มันก็ขโมยไปจากฉันทั้งนั้นแหละ สมควรแล้วที่มันจะต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน” โอโร่กล่าวขึ้นมาอย่างไม่ค่อยพอใจ
เซี่ยเฟยยังคงเพิกเฉยต่อคำบ่นของอดีตจอมมาร ขณะที่เขาค่อย ๆ ไล่พิจารณาสมบัติไปทีละชิ้น เพราะมันมีสิ่งแปลกหูแปลกตาเขาอยู่อย่างมากมาย และของบางชิ้นมันก็เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน
“นี่มันอะไร?” เซี่ยเฟยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย ขณะหยิบหูฟังแปลก ๆ ออกมาจากแหวนมิติ
“มันเป็นเครื่องดักฟังที่เอาไว้ดักจับการสื่อสารผ่านสัญญาณทุกชนิดภายในระยะ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้คนส่วนใหญ่ใช้เข็มทิศมิติในการสื่อสารจนหมดแล้ว จำนวนของยานรบที่ใช้ในปัจจุบันก็ลดลงจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด มันเลยเป็นเครื่องดักฟังที่แทบจะไม่สามารถเอาไปใช้งานจริง ๆ ได้” โอโร่กล่าวอธิบาย
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะหยิบป้ายโลหะออกมาตรวจสอบ และเขาก็ได้พบว่าพวกมันคือวิชาการต่อสู้โดยการใช้กฎแห่งความมืด ซึ่งมันก็ดูเหมือนว่าควินซี่จะพกพาวิชาพวกนี้ติดตัวไปด้วยหลังจากที่เขาได้หลบหนีออกมาจากตระกูล
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ไม่ได้คิดที่จะฝึกฝนกฎแห่งความมืด สิ่งของพวกนี้จึงแทบที่จะไม่มีความสำคัญสำหรับเขา
เซี่ยเฟยจำแนกสิ่งของในแหวนมิติออกเป็นกลุ่ม ๆ อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะเก็บพวกมันเอาไว้ภายในแหวนมิติของตัวเอง
“แปลกมาก! ควินซี่เป็นถึงอัจฉริยะของราชวงศ์ไลอ้อนฮาร์ทไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมแหวนมิติของเขาถึงเล็กกว่าแหวนมิติของฉันอีก?” เซี่ยเฟยพึมพำพร้อมกับส่ายหัวอย่างเสียดาย
ระหว่างการผจญภัยชายหนุ่มได้เก็บสะสมสิ่งของต่าง ๆ เข้าไปในแหวนมิติมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้แหวนมิติที่มีความจุ 10,000 ลูกบาศก์เมตรใกล้ที่จะเต็มแล้ว ซึ่งในความเป็นจริงเพียงแค่ยานรบลำจิ๋วของเผ่ามารเพียงลำเดียว มันก็ได้ครอบครองพื้นที่ไปมากกว่า 1,000 ลูกบาศก์เมตรแล้วด้วยซ้ำ
เซี่ยเฟยคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะได้รับแหวนมิติที่มีความจุมากกว่านี้ ซึ่งถ้าหากว่ามันเป็นไปได้เขาก็อยากที่จะใส่กองทัพหุ่นยนต์ทั้งกองทัพเอาไว้ภายในแหวนมิติของเขาเลย
“นายรู้ไหมว่าแหวนมิติมันถูกสร้างขึ้นมาได้ยังไง?” โอโร่กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาแปลก ๆ
“มันก็ใช้กฎมิติสร้างขึ้นมาไม่ใช่เหรอครับ?” เซี่ยเฟยพยายามคาดเดาถึงวิธีการสร้างสิ่งมหัศจรรย์อย่างแหวนมิติขึ้นมา
“มันถูกเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ถ้าจะตอบให้ถูกทั้งหมดนั่นก็คืออันดับแรกผู้สร้างจะต้องหาช่องว่างมิติที่มีความเสถียรในจักรวาลให้พบเสียก่อน จากนั้นค่อยให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการเชื่อมโยงมิติใช้กฎมิติในการเชื่อมช่องว่างมิติเข้ากับแหวนที่ถูกเตรียมเอาไว้”
“ถึงแม้ว่าแหวนจะอยู่บนมือของนาย แต่ในความเป็นจริงของทั้งหมดถูกเก็บเอาไว้ในช่องว่างมิติอันไกลแสนไกล เหมือนกับตัวฉันในตอนนี้ที่ดูเหมือนจะอยู่ใกล้กับนายมาก แต่จริง ๆ แล้วฉันอยู่ห่างจากนายออกไปไกลหลายพันปีแสง” โอโร่กล่าวอธิบาย
“ที่แท้แหวนมิติก็ทำหน้าที่เป็นเหมือนสะพานเชื่อมระยะไกลนี่เอง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเราถึงไม่สามารถตรวจสอบสิ่งที่อยู่ในแหวนได้ ที่แท้นั่นก็เพราะว่าสิ่งที่อยู่ในแหวนอยู่ห่างออกจากตัวแหวนจริง ๆ ไปไกลมาก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“การพยายามหาช่องว่างมิติที่เสถียรเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก จนถึงขนาดที่มันมีคนทำอาชีพสำรวจช่องว่างมิติ แล้วทำแผนที่บอกตำแหน่งเพื่อเอาข้อมูลพวกนั้นไปขายให้ช่างทำแหวนมิติด้วยซ้ำ”
“เมื่อช่างทำแหวนได้รับตำแหน่งของช่องว่างมิติแล้ว พวกเขาก็จะพาคนของตัวเองไปสำรวจช่องว่างมิตินั้นด้วยตัวเอง ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มสร้างสะพานเพื่อเชื่อมโยงช่องว่างมิติเข้ากับตัวแหวน”
“แต่ในระหว่างกระบวนการมันก็มีความเสี่ยงอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน เพราะยิ่งช่องว่างมิติมีขนาดใหญ่มากเท่าไหร่ ความเสถียรของมันก็จะยิ่งลดน้อยลงไปเท่านั้น ถ้าหากว่าช่องว่างมิติเกิดการล่มสลายของทุกอย่างที่ถูกเก็บเอาไว้ภายในช่องว่างมิตินั้นก็จะหายไปตลอดกาล”
“มันเลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมแหวนมิติที่มีความจุขนาดใหญ่จึงหาพบได้ยากมาก นั่นก็เพราะปัจจัยในการสร้างพวกมันมีเงื่อนไขที่ยุ่งยากมากนั่นเอง”
“ถึงแม้ว่าแหวนมิติขนาด 10,000 ลูกบาศก์เมตรของนายจะยังไม่ใช่แหวนมิติรุ่นที่มีขนาดใหญ่มากที่สุด แต่มันก็ถือว่าเป็นหนึ่งในแหวนมิติที่มีความจุอันดับต้น ๆ ของจักรวาล ฉันคิดว่าตอนนี้แหวนของนายน่าจะเป็นแหวนที่มีความจุมากที่สุดเท่าที่นายจะหาได้แล้ว เพราะถ้าหากว่านายต้องการแหวนที่มีความจุมากกว่านี้ นายก็คงจะต้องเข้าไปหาบนดินแดนของเผ่าเทพหรือดินแดนของเผ่ามารเท่านั้น”
เมื่อโอโร่อธิบายจบลงเซี่ยเฟยก็มีความเข้าใจเกี่ยวกับแหวนมิติมากยิ่งขึ้น โดยในก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมีความเข้าใจเกี่ยวกับเบื้องหลังของแหวนมิติเลยแม้แต่น้อย แต่ในตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าสาเหตุที่แหวนมิติมีราคาแพงมาก นั่นก็เพราะว่าช่องว่างมิติเป็นสิ่งที่หาพบได้ยากมากเช่นเดียวกัน แล้วมันก็ยิ่งทำให้การพยายามสร้างแหวนมิติขนาดใหญ่กลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากยิ่งกว่า
เซี่ยเฟยสวมแหวนมิติขนาด 1,000 ลูกบาศก์เมตรของควินซี่เอาไว้ที่นิ้วก้อยซ้าย ก่อนที่เขาจะจ้องมองไปยังของทั้งสามชิ้นที่เขายังคงวางพวกมันทิ้งเอาไว้บนพื้น
ชุดเกราะอาทิตย์อัสดงเป็นผลงานชั้นยอดของช่างประดิษฐ์อันดับต้น ๆ ในแดนมาร พลังป้องกันของมันจึงเป็นรองเพียงแค่ชุดเกราะชาร์ปเลสที่เขาได้สวมใส่อยู่เท่านั้น มันจึงถือได้ว่าชุดเกราะชุดนี้คือชุดเกราะชั้นยอดที่มีในจักรวาล
ชายหนุ่มกดปุ่มเล็ก ๆ บนชุดเกราะทำให้ตัวเกราะเริ่มหดตัวและรวมเข้าด้วยกันในทันที หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีมันก็กลายเป็นกล่องชิ้นเล็ก ๆ ที่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้อย่างง่ายดาย
ชุดเกราะระดับสูงส่วนใหญ่ต่างก็ล้วนแล้วแต่มีฟังก์ชั่นนี้ด้วยกันทั้งหมด เพื่อให้พวกมันสามารถจัดเก็บได้ง่ายและการกดปุ่มอีกครั้งก็จะทำให้ตัวเกราะขึ้นมาสวมใส่บนร่างกายของผู้ใช้โดยอัตโนมัติ ซึ่งมันก็มีฟังก์ชั่นการปรับขนาดให้เข้ากับรูปร่างของผู้ใช้งานโดยอัตโนมัติอีกด้วย
มันจึงทำให้ผู้ใช้อาทิตย์อัสดงสามารถเป็นได้ทั้งผู้ชาย, ผู้หญิง, คนตัวใหญ่หรือแม้กระทั่งเด็ก ๆ ก็ยังสามารถสวมใส่ชุดเกราะได้พอดีตัวโดยไม่มีปัญหาอะไร
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเก็บชุดเกราะอาทิตย์อัสดงของควินซี่เข้าไปในแหวนมิติ
ชุดเกราะชั้นยอดแบบนี้หาได้ยากมาก เขาจึงคิดที่จะมอบมันให้กับเฉินตง เพราะท้ายที่สุดปัจจุบันเฉินตงก็ตัดสินใจเข้าร่วมกับแดนมารแล้ว การให้เฉินตงสวมใส่ชุดเกราะที่สร้างขึ้นจากแดนมารจึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุด
หากเขาตัดสินใจสวมใส่ชุดเกราะอาทิตย์อัสดงในเขตแดนของทางฝั่งเทพ มันก็คงจะก่อให้เกิดความสงสัยในตัวของเขาอย่างมากมาย เซี่ยเฟยจึงไม่คิดที่จะเก็บชุดเกราะชุดนี้เอาไว้ใช้เอง แล้วมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงว่าในปัจจุบันเขายังมีชุดเกราะชาร์ปเลสที่แข็งแกร่งกว่าสวมใส่อยู่แล้วด้วย
ของที่ยังเหลืออยู่ตรงหน้าของชายหนุ่มเหลือเพียงแค่ 2 ชิ้นเท่านั้น และของทั้งสองชิ้นนี้ต่างก็บรรจุอยู่ในกล่องโลหะที่ประดับด้วยตราสัญลักษณ์ของราชวงศ์ไลอ้อนฮาร์ท
ชายหนุ่มตัดสินใจเปิดกล่องที่มีขนาดใหญ่มากกว่าเป็นอันดับแรก ก่อนที่เขาจะหยิบป้ายเหล็กที่สลักอักขระกฎออกมา ซึ่งตราบใดก็ตามที่เขาได้ส่งกระแสจิตเข้าไปในป้ายเหล่านี้ เขาก็จะสามารถทำความเข้าใจสิ่งที่ซ่อนอยู่ในป้ายได้อย่างชัดเจน
“มันคือกฎแห่งชีวิตใช่ไหม? กฎที่แข็งแกร่งที่สุดที่ทางฝั่งของมารสูญเสียไป แล้วมันก็เป็นกฎที่สามารถทำให้นักรบมีชีวิตเป็นอมตะได้” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม ขณะหยิบป้ายเหล็กขึ้นมาพิจารณา
ดวงตาของโอโร่ผิดแปลกไปจากเดิมเล็กน้อย ราวกับว่าเขาไม่อยากเห็นภาพที่เซี่ยเฟยจะเก็บกฎแห่งชีวิตพวกนี้ไป แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่กัดฟันอยู่นิ่ง ๆ โดยไม่พูดอะไรออกมาทั้งนั้น
“ไม่ต้องห่วง ผมจะเก็บพวกมันเอาไว้เป็นอย่างดี แต่ผมจะไม่ฝึกฝนพวกมันหรอกนะ” เซี่ยเฟยกล่าวก่อนที่จะเก็บแผ่นป้ายของกฎแห่งชีวิตเข้าไปไว้ในแหวนมิติ
“อะไรนี่นายไม่อยากมีชีวิตเป็นอมตะงั้นเหรอ?” โอโร่ถามอย่างสงสัย
“อยากสิ แต่ผมไม่ได้วางแผนที่จะใช้กฎแห่งชีวิตเพื่อมีชีวิตเป็นอมตะ ไม่ว่ายังไงถ้าหากว่าผมฝึกฝนต่อไปเรื่อย ๆ วันหนึ่งผมก็จะกลายเป็นอมตะได้ด้วยเหมือนกัน ผมเลยอยากพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเองก่อน ถ้าหากว่าวันหนึ่งเส้นทางนี้มันนำผมไปสู่ทางตันในวันนั้นผมค่อยหันกลับมาฝึกกฎแห่งชีวิตก็ยังไม่สาย” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
โอโร่ทำได้เพียงแค่เม้มริมฝีปากและเนื่องจากกฎแห่งชีวิตไปอยู่ในมือของเซี่ยเฟยแล้ว ชายหนุ่มก็คงจะไม่มีทางคืนมันให้กับทางราชวงศ์ไลอ้อนฮาร์ทง่าย ๆ ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าเซี่ยเฟยจะได้ครอบครองวิธีการฝึกกฎแห่งชีวิตแล้ว แต่ชายหนุ่มคนนี้ก็ยังคงยืนยันที่จะไม่ฝึกกฎแห่งชีวิตอยู่ดี เว้นแต่ว่าเส้นทางที่เขาเลือกจะเดินไปจนถึงทางตัน
“ถ้าผมเดาไม่ผิดกล่องชิ้นสุดท้ายนี้คงจะเป็นกล่องที่บรรจุคริสตัลกลืนโลหิตอยู่ใช่ไหม? คราวนี้ผมโชคดีมากที่ควินซี่ได้เก็บมันเอาไว้ให้กับผม” เซี่ยเฟยหยิบกล่องใบสุดท้ายขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
‘เก็บไว้ให้กับนาย? นี่มันเป็นสมบัติในราชวงศ์ของฉันโว้ย!!’ โอโร่ตะโกนภายในใจ
ชายหนุ่มกดปุ่มเปิดสวิตช์เพื่อให้ฝาครอบด้านบนกล่องเปิดออกโดยอัตโนมัติ ก่อนที่เขาจะได้พบกับคริสตัลรูปห้าแฉกสีแดงใสถูกวางเอาไว้ภายในกล่อง
เซี่ยเฟยจับจ้องมองไปยังสมบัติชิ้นตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น พร้อมกับความรู้สึกมากมายที่เอ่อล้นขึ้นมาภายในจิตใจของเขา
ย้อนกลับไปในวันที่เขาก้าวเท้าเข้ามาในดินแดนกฎวันแรก วันนั้นมีแต่คนต่อว่าว่าเขาเป็นเพียงแค่คนที่ไร้ประโยชน์และไม่สามารถที่จะฝึกพลังกฎได้ แต่ในตอนนี้เขาได้ก้าวเท้าเข้ามาอยู่ใกล้การเป็นราชากฎมากแล้ว และถ้าหากว่าเขาได้รับความช่วยเหลือจากคริสตัลชิ้นนี้ โอโร่ก็บอกว่าเขาสามารถที่จะพัฒนาจนกลายเป็นราชากฎได้อย่างแน่นอน
“ใช่แล้ว นี่คือคริสตัลกลืนโลหิต มันแค่อันเดียวก็ช่วยให้นายกลายเป็นราชากฎได้” โอโร่กล่าว
“แค่อันเดียวก็พอแล้วงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยแววตาอันเป็นประกาย
“ผลของคริสตัลกลืนโลหิตมีมากกว่าคริสตัลนางแอ่นขาวหลายร้อยเท่า ตัวมันจะทำหน้าที่เป็นเหมือนกับกระแสน้ำที่ค่อย ๆ ช่วยพัดพานายให้ฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ในระหว่างการฝึกฝนไปได้อย่างต่อเนื่อง”
โอโร่พยายามเน้นย้ำถึงคุณลักษณะที่อ่อนโยนของคริสตัลกลืนโลหิตมากเป็นพิเศษ ทำให้ชายหนุ่มเริ่มจินตนาการไปแล้วว่าเขากำลังอยู่ใกล้กับการเป็นราชากฎเพียงแค่เอื้อมมือเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยกลับตัดสินใจวางคริสตัลกลืนโลหิตในทันที ราวกับว่าเขาไม่ได้คิดที่จะเลื่อนระดับกลายเป็นราชากฎในวันนี้เลย
“อะไรนี่นายไม่ได้คิดจะใช้คริสตัลกลืนโลหิตเลยงั้นเหรอ?” โอโร่กล่าวถามด้วยความสับสน
“มันคงจะมีแค่คนโง่เท่านั้นแหละครับที่ไม่อยากจะเป็นราชากฎ แต่ก่อนที่ผมจะเริ่มใช้มันผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณก่อน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็หยิบเข็มทิศมิติที่ดูธรรมดาออกมาจากแหวนมิติ
ตัวเข็มทิศมิติทำขึ้นมาจากโลหะสีเงินโดยไม่มีการตกแต่งด้วยข้อความใด ๆ ประดับอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว อย่างไรก็ตามเข็มทิศชิ้นนี้กลับทำให้รอยยิ้มของโอโร่หายไป เพราะมันดูเหมือนกับว่าเซี่ยเฟยได้ค้นพบกับสิ่งที่เขาพยายามเก็บซ่อนเอาไว้เป็นความลับมาโดยตลอดเรียบร้อยแล้ว
***************
เหลี่ยมใส่กันอีกแล้วววว
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 377
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น