ตอนที่ 704 กฎแห่งความมืด VS กฎแห่งความโกลาหล
ตอนที่ 704 กฎแห่งความมืด VS กฎแห่งความโกลาหล
การต่อสู้ได้พัฒนามาจนถึงจุดตัดสินแล้ว ซึ่งมันก็ไม่มีใครรู้ว่ากฎแห่งความมืดของควินซี่หรือกฎแห่งความโกลาหลของเซี่ยเฟยจะมีพลังมากกว่ากัน เพราะบางทีนี่อาจจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่กฎทั้งสองชนิดนี้ได้ปะทะกันเป็นครั้งแรกในจักรวาลก็ได้
เซี่ยเฟยเคยพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วว่ากฎแห่งความโกลาหลมีความสามารถในการลบล้างกฎหลักทั้งสองของเผ่าเทพเจ้า แต่กฎแห่งความโกลาหลจะสามารถล้มล้างกฎของทางฝั่งเผ่ามารได้หรือไม่ ผลลัพธ์ก็คงจะปรากฏออกมาในช่วงเวลาหลังจากนี้อีกเพียงแค่ไม่นาน
การต่อสู้ในคู่อื่น ๆ หยุดนิ่งลงไปแล้ว ทำให้ทั่วทั้งปราสาทคริสตัลตกอยู่ในความเงียบงัน เหลือเพียงแค่ควินซี่และเซี่ยเฟยที่จะต้องวัดพลังกันเพียงแค่คู่เดียวเท่านั้น
พลังแห่งความมืดเป็นจำนวนมากถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของควินซี่ก่อตัวเป็นเมฆดำในชั่วพริบตา ก่อนที่เมฆเหล่านั้นจะเริ่มแตกกระจายไปทั่วทั้งบริเวณ
ฝ่ามือคู่ฤดูใบไม้ร่วง!
เซี่ยเฟยใช้พลังของกฎแห่งความโกลาหลออกมาด้วยมือทั้งสองข้างในเวลาเดียวกัน หรือมันอาจจะเรียกว่าวิชานี้ว่าเป็นวิชารุ่นอัพเกรดของวิชาฝ่ามือใบไม้ร่วงก็ได้
ปัจจุบันชายหนุ่มได้ฝึกฝนกฎแห่งความโกลาหลจนถึงขั้นที่ 3 แล้ว มันจึงทำให้เขาสามารถควบคุมพลังของกฎแห่งความโกลาหลได้อย่างละเอียดอ่อนมากกว่าเดิม และมันก็ทำให้เขาสามารถใช้พลังออกมาผ่านฝ่ามือทั้งสองข้างได้ในเวลาเดียวกัน
ราตรีนิรันดร์!
ควินซี่ส่งเสียงร้องคำรามออกมาราวกับสัตว์ร้าย และทำให้พลังแห่งความมืดกระจายไปทั่วทั้งพื้นที่ด้วยความรวดเร็ว
เมื่อฝ่ามือของเซี่ยเฟยได้สัมผัสเข้ากับพลังของกฎแห่งความมืด มันก็ก่อให้เกิดเสียงร้องคำรามขึ้นมาอย่างรุนแรง คล้ายกับเสียงมังกรในตำนาน 2 ตัวกำลังร้องคำรามออกมาพร้อม ๆ กัน โดยมังกรตัวแรกร้องคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด ขณะที่มังกรอีกตัวกำลังร้องคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง
พลังของกฎแห่งความมืดที่ควินซี่ได้ปลดปล่อยออกมาในขณะนี้ เป็นเหมือนกับลูกโป่งสีดำขนาดใหญ่ที่ค่อย ๆ แผ่ขยายขนาดของมันออกไปด้านข้างอย่างต่อเนื่อง
ส่วนทางด้านพลังของกฎแห่งความโกลาหลที่เซี่ยเฟยได้ปล่อยออกมา เป็นเสมือนกับเข็มที่แทงทะลุพลังของกฎแห่งความมืดที่กำลังจะระเบิดแตกออกโดยตรง มันจึงทำให้พลังที่สมควรจะระเบิดออกอย่างรุนแรงนั้นถูกระบายออกไปอย่างรวดเร็ว และทำให้ขนาดของลูกโป่งไม่ขยายขนาดขึ้นอีกต่อไป แต่มันยังค่อย ๆ หดตัวเล็กลงไปเรื่อย ๆ อีกด้วย
เซี่ยเฟยกัดฟันปล่อยพลังออกไปด้วยดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ โดยเขาพยายามส่งพลังของกฎแห่งความโกลาหลทั้งหมดออกไปเพื่อเผชิญหน้ากับกฎแห่งความมืดของควินซี่
ใบหน้าที่เคยซีดเซียวของเซธค่อย ๆ กลับมามีสีแดงเลือดฝาดเช่นเดียวกัน และเขาก็กำลังหอบหายใจด้วยความตื่นเต้น
ควินซี่คือผู้ที่มีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอมาในชีวิต แต่ในขณะที่เซธกำลังคิดว่าเขาจะต้องตายด้วยพลังของกฎแห่งความมืดที่อีกฝ่ายได้ปล่อยออกมาแล้ว เซี่ยเฟยก็ใช้พลังปริศนาในการทำลายกฎแห่งความมืดที่แข็งแกร่ง
ภาพเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก และพลังที่เซี่ยเฟยใช้ออกมาอยู่นั้นก็เห็นได้ชัดเลยว่ามันไม่ใช่พลังที่มีต้นกำเนิดมาจากทางฝั่งเทพหรือฝั่งมาร แต่มันเหมือนกับเป็นพลังที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาใหม่
เมื่อกฎแห่งความมืดปะทะเข้ากับกฎแห่งความโกลาหล มันก็เป็นเหมือนกับการที่นักวิชาการต้องไปเผชิญหน้ากับอันธพาล ซึ่งแน่นอนว่านักวิชาการย่อมไม่สามารถหาเหตุผลมาเถียงเอาชนะพวกอันธพาลที่ไม่เคยคิดจะใช้เหตุผลได้
ต้องการเหตุผลจากกฎแห่งความโกลาหลงั้นเหรอ?
ฝันไปเถอะ!
ควินซี่เบิกตามองภาพตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เพราะเขาไม่เคยคิดว่าวิชาการต่อสู้ที่ทรงพลังที่สุดของเขาจะไม่สามารถเอาชนะเซี่ยเฟยได้แบบนี้
เมื่อได้เห็นพลังแห่งความมืดถูกระบายออกไป ภายในใจของควินซี่ก็เริ่มสัมผัสได้ถึงการเป็นคนที่ไร้พลังด้วยเช่นกัน
ในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาควินซี่พยายามถนอมพลังของเขาเอาไว้โดยตลอด เพราะเขาคิดอยู่แล้วว่าสักวันหนึ่งศัตรูของเขาก็อาจจะต้องปรากฏตัวขึ้นมา เขาจึงคิดที่จะใช้พลังที่เก็บถนอมเอาไว้ในการจัดการกับศัตรูอย่างสุดกำลัง
แต่ในวันนี้พลังที่เขาเฝ้าทะนุถนอมเอาไว้กลับถูกระบายออกไปโดยพลังปริศนาของเซี่ยเฟย ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาก็ยังไม่สามารถหาคำใดมาอธิบายพลังที่ชายหนุ่มกำลังปลดปล่อยออกมาในตอนนี้ได้
“เยี่ยม!” โอโร่ตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น และถึงแม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่าเซี่ยเฟยเชี่ยวชาญการใช้พลังของกฎที่เขาไม่รู้จัก แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าพลังของกฎนั้นมันจะสามารถนำมาหักล้างกับพลังของกฎแห่งความมืดของควินซี่ได้แบบนี้
แม้ว่าสถานการณ์ของทางฝั่งเซี่ยเฟยจะได้เปรียบ แต่เขาก็ไม่คิดที่จะผ่อนกำลังลงเลยแม้แต่นิดเดียว ชายหนุ่มจึงใช้ฝ่ามือของเขาทั้งสองข้างผลักดันไปยังด้านหน้าอย่างช้า ๆ
ควินซี่ไม่สามารถที่จะยอมแพ้เพียงแค่นี้ได้ และเมื่อเขาไม่สามารถใช้พลังของกฎแห่งความมืดเพื่อทำลายเซี่ยเฟยได้อีกแล้ว เขาจึงคิดที่จะใช้กำลังกายเพื่อทำลายอีกฝ่ายลงไปซะ
น่าเสียดายที่ควินซี่ไม่รู้ว่าเซี่ยเฟยได้เฝ้ารอโอกาสแบบนี้มาเป็นเวลานานแล้ว เขาจึงเสือกแทงดาบยาวเข้าไปยังบริเวณลำคอของเป้าหมาย ซึ่งมันเป็นจุดอ่อนเพียงจุดเดียวของชุดเกราะชั้นยอดที่นักรบชาวไลอ้อนฮาร์ทได้สวมใส่ปกป้องร่างกายของตัวเองเอาไว้
“ตายไปซะ!” เซี่ยเฟยร้องคำรามพร้อมกับปลดปล่อยพลังของกฎแห่งความโกลาหลออกมามากกว่าเดิม
ชั้นเกราะบาง ๆ บริเวณลำคอของควินซี่ถูกทำลายลงไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ใบดาบของบลัดบิวเทียสจะแทงเข้าไปในลำคอของอีกฝ่ายได้ในที่สุด
ตอนนี้ควินซี่สามารถสัมผัสได้ในทันทีว่าการถูกโจมตีจากบลัดบิวเทียส มีความทรมานมากยิ่งกว่าการถูกกัดกินด้วยพลังของกฎแห่งความมืดเสียอีก
หากพลังของกฎแห่งความมืดภายในร่างของเขากำเริบขึ้นมา เขาก็สามารถที่จะใช้พลังของตัวเองในการบรรเทาอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นมาในระหว่างนั้นได้ แต่เมื่อบลัดบิวเทียสได้เสือกแทงเข้ามาในลำคอของเขา อาวุธชิ้นนี้ก็ทำตัวเป็นเหมือนกับแวมไพร์ที่ค่อย ๆ กลืนกินชีวิตของเขาเข้าไปโดยที่เขาไม่สามารถที่จะต่อต้านใด ๆ ได้เลย
ไร้พลัง!
เมื่อบลัดบิวเทียสแทงลึกเข้าไปในลำคอ ควินซี่ก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านอีกต่อไป
ในที่สุดอดีตนักรบอัจฉริยะแห่งราชวงศ์ไลอ้อนฮาร์ทก็เสียชีวิตภายใต้พลังของกฎแห่งความโกลาหลและบลัดบิวเทียสของเซี่ยเฟย โดยกฎแห่งความโกลาหลได้กลืนกินพลังของกฎแห่งความมืดเข้าไป ส่วนทางด้านของบลัดบิวเทียสก็ได้กลืนกินชีวิตของควินซี่เข้าไปโดยตรง
ร่างกายอันใหญ่โตค่อย ๆ เหี่ยวเฉาลงเรื่อย ๆ และถึงแม้ว่าควินซี่จะคุ้นเคยกับการทรมานจากกฎแห่งความมืด แต่เขาก็ยอมรับเลยว่าพลังพวกนั้นยังมีความโหดร้ายน้อยกว่าการถูกกลืนกินพลังชีวิตเข้าไปทั้งเป็นแบบนี้
นี่คือการต่อสู้ที่แบ่งออกเป็นคู่ ๆ อย่างชัดเจน โดยหงส์ครามกับขนอุยทำหน้าที่ปราบปรามศิลาหางฟินิกซ์, กฎแห่งความโกลาหลทำหน้าที่ปราบปรามพลังของกฎแห่งความมืด และสุดท้ายเซี่ยเฟยก็คือคนที่ปราบปรามและช่วงชิงชีวิตของควินซี่ไป
พลังงานบริสุทธิ์ไหลเข้าสู่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของชายหนุ่มอย่างบ้าคลั่ง ก่อให้เกิดความอันตรายมากยิ่งกว่าในตอนที่เขาเสียบบลัดบิวเทียสเข้าไปภายในร่างของคอลลินเสียอีก
ยิ่งไปกว่านั้นพลังงานที่เขาได้รับมาจากคอลลินในรอบที่แล้วยังคงตกค้างอยู่ในสมองของเขาบางส่วน แต่ในวันนี้เขากลับได้รับพลังงานของควินซี่เติมเข้าไปภายในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาอีกครั้ง
“ไอ้บ้า! นายทนรับพลังงานปริมาณมหาศาลขนาดนั้นไม่ไหวหรอก รีบ ๆ ปล่อยมันออกไปเดี๋ยวนี้!!” โอโร่ตะโกนขึ้นมาอย่างร้อนใจ
เซี่ยเฟยดึงบลัดบิวเทียสกลับมาพร้อมกับเดินโซเซราวกับคนเมา โดยดวงตาของเขาเป็นสีแดงก่ำ ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นว่าเขาแทบจะทนรับพลังในสมองไม่ไหวแล้ว
“อย่ามากวนฉัน!” เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องคำรามอย่างเจ็บปวด ขณะยกมือขึ้นมากุมศีรษะของตัวเองเอาไว้
“บ้า! นายมันบ้าไปแล้วจริง ๆ!!” โอโร่ไม่รู้ว่าเซี่ยเฟยกำลังพยายามจะทำอะไรกันแน่ แต่เขาก็คิดว่าชายหนุ่มจะต้องได้รับอันตรายแน่ ๆ ถ้าหากว่าเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตามโอโร่ก็ลืมไปว่าถึงแม้เซี่ยเฟยจะเป็นคนบ้าแต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ ในเมื่อเขากล้าที่จะเสี่ยงดูดกลืนพลังของควินซี่เข้าไป มันก็หมายความว่าชายหนุ่มได้เตรียมแผนการรับมือเหตุการณ์ในครั้งนี้เอาไว้แล้ว
ในเวลาเดียวกันเมื่อควินซี่เสียชีวิต ศิลาหางฟินิกซ์ก็กลายเป็นอาวุธมายาที่ไม่มีเจ้าของ ศิลาหางฟินิกซ์ทั้งเจ็ดก้อนจึงกลับมารวมตัวกันกลายเป็นก้อนเดียว และตามกฎดั้งเดิมของจักรวาลมันจะต้องทะยานออกไปในจักรวาลอันกว้างใหญ่อีกครั้ง เพื่อซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางความมืดมิดไปนานอีกหลายปีจนกระทั่งจะมีใครสักคนมาปราบมันอีกครั้ง
นี่คือธรรมชาติของอาวุธมายาที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งพวกมันจะคอยรับใช้เจ้านายไปจนกว่าเจ้านายของพวกมันจะเสียชีวิตลง และในเวลานั้นมันก็จะหวนคืนกลับสู่จักรวาลเพื่อรอคอยเจ้านายของพวกมันคนใหม่
แม้ว่าการที่ควินซี่เสียชีวิตลงจะบรรลุเป้าหมายของโอโร่แล้ว แต่เขาก็ไม่รู้เลยว่าการสังหารควินซี่ยังคงห่างไกลจากเป้าหมายสูงสุดของเซี่ยเฟย เพราะในตอนนี้เขากำลังจับจ้องมองไปยังอาวุธมายาตรงหน้าด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
“นั่นนาย... นายต้องการจะทำอะไร? อย่าบอกนะว่า…” โอโร่จับจ้องมองไปยังเซี่ยเฟยด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ทำไม? ฉันทำแบบนี้ไม่ได้หรือยังไง?!” เซี่ยเฟยยังคงตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อศิลาหางฟินิกซ์ทั้งเจ็ดก้อนได้กลับมารวมตัวกันอย่างสมบูรณ์ มันก็กลายเป็นแสงสีฟ้าพุ่งทะยานออกไปยังฟากฟ้าอันห่างไกล
หงส์คราม!
แต่ในทันใดนั้นเองเซี่ยเฟยก็ได้ควบคุมหงส์ครามไปคว้าจับศิลาหางฟินิกซ์เอาไว้
ในที่สุดโอโร่ก็ได้รู้แล้วว่าจุดประสงค์ของเซี่ยเฟยคือ การพันธนาการศิลาหางฟินิกซ์เอาไว้อย่างสุดกำลังเพื่อไม่ให้มันหวนคืนกลับไปสู่จักรวาล
“บ้าไปแล้ว! นายมันเป็นพวกบ้าไปแล้วจริง ๆ!!” โอโร่อุทานด้วยดวงตาอันเบิกกว้าง เพราะสิ่งที่เซี่ยเฟยกำลังทำอยู่นั้นมันเหนือเกินกว่าจินตนาการของเขามากเกินไป
“อาวุธมายาถือกำเนิดขึ้นมาจากจักรวาล เมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้ถือครองอาวุธมายาเสียชีวิตลง พวกมันก็จำเป็นจะต้องหวนคืนกลับไปสู่จักรวาลอีกครั้ง ซึ่งมันเป็นกฎของจักรวาลที่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ตอนนี้นายรู้ตัวไหมว่านายกำลังพยายามท้าทายกฎของจักรวาลอันกว้างใหญ่แห่งนี้อยู่?” โอโร่ร้องคำรามขึ้นมาเสียงดัง
ระหว่างนั้นพลังงานปริมาณมหาศาลภายในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเซี่ยเฟยก็ถูกส่งต่อไปให้กับหงส์ครามอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ใบหญ้าทั้งสามพยายามรั้งการหวนคืนของศิลาหางฟินิกซ์เอาไว้
แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่ใช่คนที่ทำตามกฎเกณฑ์ของคนอื่นอยู่แล้ว แล้วเขาก็ต้องการที่จะเหนี่ยวรั้งอาวุธมายาชิ้นนี้เอาไว้ แม้ว่ามันจะต้องหมายถึงการท้าทายกฎของจักรวาลก็ตาม
“ช่างหัวกฎจักรวาลมันสิ! ตราบใดก็ตามที่ฉันยังจับมันอยู่ มันก็จะต้องเป็นของฉัน!!” เซี่ยเฟยกัดฟันพูดขึ้นมาอย่างเย่อหยิ่ง
***************
บ้าไปแล้วจริงๆ …
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 269
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น