ตอนที่ 689 ตามหาควินซี่
ตอนที่ 689 ตามหาควินซี่
“คุณจะทำตามแผนนี้จริง ๆ เหรอ? มันเสี่ยงมากเกินไปหน่อยไหม?” คาเซะถาม เพราะแผนการของเซี่ยเฟยคือการเจาะเข้าไปในตระกูลหยู ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถแฝงตัวเข้าไปได้ง่าย ๆ
“แผนการนี้มันมีความเสี่ยงอยู่มากจริง ๆ ส่วนโอกาสที่แผนจะสำเร็จหรือล้มเหลวมันก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกคุณทำได้ดีมากแค่ไหน ฉันได้อธิบายลักษณะนิสัยของทุกคนเท่าที่จะทำได้แล้ว ส่วนที่เหลือพวกคุณก็คงจะต้องลอบเข้าไปสังเกตการณ์เก็บข้อมูลด้วยตัวเอง” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างใจเย็น
“พวกเราไม่ได้สงสัยในข้อมูลที่คุณให้มาหรอก พวกเราต่างก็รู้ดีว่าทักษะในการสังเกตของคุณมันน่ากลัวมากแค่ไหน สิ่งที่ทำให้ฉันเป็นกังวลก็เพราะว่าเหตุการณ์นี้มีความเกี่ยวข้องกับเก้าตระกูลชั้นยอด ดังนั้นถ้าหากว่าแผนการทั้งหมดผิดพลาดขึ้นมา…” คาเซะกล่าวอย่างลังเล
“ไม่ต้องห่วง ตราบใดก็ตามที่พวกคุณทำตามแผนการของฉันไปทีละขั้นตอน ฉันกล้ารับประกันได้เลยว่ามันไม่มีปัญหาตามมาอย่างแน่นอน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
คาเซะเงยหน้าขึ้นไปถามความเห็นจากพ่อ ซึ่งรัคโค่ก็พยักหน้ากลับมาเป็นเชิงให้ตอบรับ หลังจากนั้นคาเซะก็กดปุ่มที่ซ่อนอยู่ด้านใต้โต๊ะภายในห้อง ก่อนจะมีชายชุดดำเดินเข้ามาภายในห้องจากประตูด้านข้างอย่างเงียบ ๆ
“เขาชื่อทากะเป็นหน่วยสอดแนมที่ดีที่สุดภายในทีมของเรา ส่วนโคตะที่คอยดูแลสัตว์อสูรให้กับพ่อของฉันก็เป็นลูกชายของเขาเอง” คาเซะกล่าวแนะนำชายชุดดำ
เซี่ยเฟยพยักหน้าทักทายเล็กน้อย ส่วนทางทากะก็ถอดหน้ากากออกมาเพื่อแสดงใบหน้าของเขาเช่นเดียวกัน โดยชายคนนี้ยังดูเด็กมาก ใบหน้าของเขาประกอบไปด้วยคิ้วหนา, ตาโตดูหล่อเหลาและฉลาดเฉลียวมากกว่าลูกชายของตัวเขาเอง
หน้าที่ของทากะคือการแอบเข้าไปภายในพื้นที่เป้าหมายล่วงหน้า เพื่อรวบรวมข้อมูลทุกอย่างที่จำเป็น ตามปกติเขาจึงไม่ได้แสดงใบหน้าที่แท้จริงออกมาให้ใครได้เห็นมากนัก แต่การที่คาเซะได้แนะนำตัวของเขาต่อหน้าเซี่ยเฟยแบบนี้ เขาจึงไม่จำเป็นจะต้องปิดบังใบหน้าอีกต่อไป
“คราวนี้เราจะต้องทำภารกิจของอาเฟย และพวกนายจะต้องเตรียมออกเดินทางไปยังกลุ่มดาวม้าขาวของแดนเทพ รีบกลับไปเตรียมตัวให้พร้อม และกำชับทุกคนภายในทีมเป็นอย่างดีว่าภารกิจนี้ผิดพลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด” คาเซะกล่าวอย่างเคร่งขรึม
เมื่อทากะได้ยินว่าเขาจะต้องออกเดินทางไปยังกลุ่มดาวม้าขาว มันก็ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้พูดคัดค้านอะไรออกมา ก่อนที่เขาจะก้มศีรษะลงและพูดกับเซี่ยเฟยด้วยความเคารพว่า
“คุณได้ช่วยชีวิตพ่อแม่ของฉันเอาไว้ คุณจึงถือว่าเป็นผู้มีพระคุณของครอบครัวของเรา ดังนั้นคุณไม่จำเป็นจะต้องเป็นห่วง พวกเราจะปฏิบัติภารกิจนี้อย่างดีที่สุด”
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอฝากคุณจัดการเรื่องนี้ด้วยก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นคาเซะก็เริ่มเรียกสมาชิกภายในทีมเข้ามามอบหมายงานทีละคน และสาเหตุที่เขากระจายงานทุกอย่างต่อหน้าเซี่ยเฟยแบบนี้ นั่นก็เพราะว่าเขาต้องการที่จะแสดงความจริงใจให้ชายหนุ่มได้เห็น
เซี่ยเฟยนั่งชมการกระจายงานของคาเซะอยู่อย่างเงียบ ๆ เพราะท้ายที่สุดชายคนนี้ก็คือผู้นำทีมสายลับที่ดีที่สุดในแดนเนรเทศ เขาจึงไม่จำเป็นจะต้องเข้าไปแทรกแซงเรื่องภายในของคนพวกนี้
“คาเซะเป็นสายลับที่เก่งกาจและไว้ใจได้ พวกเราปล่อยให้เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของเขาเถอะ” โอโร่กล่าวโดยแฝงความนัยว่าให้ปล่อยเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของคาเซะ แล้วให้เซี่ยเฟยออกเดินทางเพื่อไปจัดการกับควินซี่เสียที
ควินซี่คือผู้ทรยศเผ่าพันธุ์ไลอ้อนฮาร์ท โอโร่จึงไม่สามารถที่จะอยู่นิ่งเฉยได้ เว้นแต่ว่าเขาจะแน่ใจว่าชายคนนี้ถูกสังหารไปแล้วจริง ๆ
แน่นอนว่าเซี่ยเฟยเข้าใจความคิดของโอโร่เป็นอย่างดี เขาจึงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไรออกมา
—
“ไม่ทราบว่าคุณติดปัญหาอะไรกับแผนการของฉันไหม?” คาเซะถามหลังจากทุกคนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว
“คุณคือผู้นำทีมสายลับที่ดีที่สุดของแดนเนรเทศเชียวนะ ส่วนผมเป็นแค่คนนอก ดังนั้นทุกการตัดสินใจของคุณย่อมดีต่อแผนการมากที่สุดอยู่แล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับไป
“ไม่ต้องห่วง พวกเราจะคอยช่วยเหลือคุณอย่างสุดความสามารถเอง” คาเซะกล่าว
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็หยิบอุปกรณ์เรดาร์แบล็คแบทรุ่นใหม่ออกมาจากแหวนมิติ ก่อนที่เขาจะยื่นมันไปให้กับคาเซะ
“เพื่อป้องกันไม่ให้การสื่อสารระหว่างพวกเรารั่วไหล หลังจากนี้พวกเราจะสื่อสารผ่านอุปกรณ์ชิ้นนี้ ส่วนเรื่องระยะทางสื่อสารไม่ต้องเป็นห่วง ฉันรับประกันได้ว่ามันสามารถใช้ได้ทั่วทั้งเขตแดนของดินแดนผู้ใช้กฎ”
ทันใดนั้นคาเซะก็ชะงักค้างไปเล็กน้อย เพราะอุปกรณ์ตรงหน้ามีลักษณะเป็นเพียงแค่กล่องโลหะสีดำขนาดเล็ก และอุปกรณ์สื่อสารขนาดเล็กนี้จะสามารถใช้ได้ทั่วทั้งดินแดนผู้ใช้กฎได้ยังไง
“ฉันเป็นคนค้นคว้าอุปกรณ์สื่อสารชิ้นนี้ขึ้นมาด้วยตัวเอง และเคยทดสอบการใช้งานมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นมันย่อมใช้การได้อย่างไม่ต้องสงสัย คุณสามารถเอามันไปใช้ด้วยความมั่นใจได้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มเมื่อสังเกตเห็นแววตาแห่งความสงสัยภายในดวงตาของคาเซะ
“นี่คุณเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเองงั้นเหรอ หรือว่าคุณก็มีความเชี่ยวชาญทางด้านอุปกรณ์สื่อสารด้วย?” คาเซะกล่าวถามด้วยความตกตะลึง
“จะเรียกว่าเชี่ยวชาญก็คงจะไม่ถูกนักหรอก เอาเป็นว่าผมพอรู้นิด ๆ หน่อย ๆ ก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยตอบกลับอย่างถ่อมตัว
แม้ว่าชายหนุ่มจะตอบกลับอย่างถ่อมตัว แต่คาเซะก็ยังคงรู้สึกตกตะลึงอยู่ไม่หาย เพราะทุกคนต่างก็รู้ถึงคุณค่าของอุปกรณ์สื่อสารภายในดินแดนของผู้ใช้กฎดี ซึ่งในตอนนี้มันมีเพียงแค่เข็มทิศมิติที่สามารถใช้สื่อสารได้ทั่วทั้งดินแดนกฎเพียงเท่านั้น แต่เข็มทิศมิติมีราคาที่สูงมาก และถึงแม้ว่าทีมของพวกเขาจะหาเงินได้เป็นจำนวนมาก แต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะซื้อเข็มทิศมิติแจกจ่ายให้ทุกคนได้
ด้วยเหตุนี้เองหากเซี่ยเฟยนำอุปกรณ์สื่อสารชิ้นนี้ขายไปในตลาด มันก็จะต้องได้รับความนิยมในเวลาอันสั้นอย่างแน่นอน เพราะอุปกรณ์ชิ้นนี้ไม่เพียงแต่จะสื่อสารได้ทั่วทั้งดินแดนกฎเท่านั้น แต่มันยังไม่มีค่าใช้จ่ายในการสื่อสารอีกด้วย ซึ่งถ้าหากคุณสมบัติของอุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นจริงดังที่เซี่ยเฟยกล่าวไว้ คาเซะก็คิดว่ามันคืออุปกรณ์สื่อสารที่ดีกว่าเข็มทิศมิติเสียอีก
“ในบัตรมีเงินอยู่ 1 ล้านคริสตัลเหลือง ถ้าหากว่าเงินนั่นมีไม่พอก็ให้ติดต่อมาขอฉันเพิ่มได้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยื่นบัตรธนาคารฟารซีให้กับคาเซะ
“บัตรธนาคารฟารซี!?” คาเซะอุทานออกมาด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง เพราะมันไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเปิดบัญชีกับธนาคารแห่งนี้ได้ บัตรใบนี้เพียงใบเดียวจึงสามารถพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า เบื้องหลังของชายหนุ่มคนนี้จะต้องเป็นตระกูลที่มีความร่ำรวยมาก
“ใช่ มันคือบัตรจากธนาคารฟารซี ทางฝั่งของคุณไม่ได้มีปัญหาอะไรกับมันใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าว
“อาเฟยพวกเราไม่สามารถรับเงินจำนวนนี้ได้จริง ๆ ไม่ว่ายังไงคุณก็เป็นคนช่วยครอบครัวของพวกเราเอาไว้ ถ้าหากว่าทุกคนรู้ว่าฉันเรียกเก็บเงินค่าจ้างจากคุณ คนอื่น ๆ คงจะจับฉันไปถลกหนังทั้งเป็น” คาเซะกล่าวพร้อมกับยื่นบัตรคืนให้กับชายหนุ่ม
หลังจากโยนบัตรธนาคารกันไป ๆ มา ๆ หลายครั้ง เซี่ยเฟยก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องเก็บบัตรธนาคารนี้กลับไป
เซี่ยเฟยยังคงคิดว่าค่าจ้างของทีมซุยเซนอยู่ที่ 300 คริสตัลเหลืองต่อวัน แต่เขาไม่ได้รู้เลยว่าปัจจุบันค่าจ้างของทีมซุยเซนเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 คริสตัลเหลืองต่อวันแล้ว การที่คาเซะปฏิเสธที่จะรับค่าตอบแทนแบบนี้ จึงช่วยให้ชายหนุ่มประหยัดเงินได้เป็นจำนวนมากโดยที่แม้แต่เขาก็ไม่รู้ตัว
หลังจากนั้นพวกเขาก็พูดคุยรายละเอียดกันไปจนถึงเช้า ก่อนที่เขาจะขอตัวจากไปเพื่ออาบน้ำ
“การเตรียมการของอาเฟยในแผนการครั้งนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเราเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่เพียงแต่จะมีระดับพลังที่สูงมากเท่านั้น แต่เขายังมีความเชี่ยวชาญด้านเครื่องกลที่สูงมากอีกด้วย” รัคโค่กล่าวหลังจากเซี่ยเฟยกลับไปแล้ว
“มันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิครับ เงินจำนวน 1 ล้านคริสตัลเหลืองที่เขาเสนอให้กับพวกเรามา มันเป็นรายได้รวมของพวกเราทั้งปีด้วยซ้ำ และการที่เขาเปิดบัญชีของธนาคารฟารซีได้แบบนี้ มันก็หมายความว่าเขาจะต้องเป็นคนที่ร่ำรวยมาก” คาเซะกล่าวเสริม
หลังจากนั้นพ่อลูกก็เผยรอยยิ้มให้แก่กัน โดยตอนแรกคาเซะไม่ค่อยพอใจที่ภรรยาพยายามจะให้ลูกสาวสุดที่รักของเขาแต่งงานกับเซี่ยเฟย แต่ในตอนนี้เขากำลังรู้สึกเห็นด้วยอย่างเต็มที่ และถ้าหากซากุระได้แต่งงานกับเซี่ยเฟยจริง ๆ มันก็จะทำให้ชีวิตในส่วนที่เหลือของลูกสาวของเขาเป็นการใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย
—
อาหารเช้าที่โซระนำมาเสิร์ฟให้กับเซี่ยเฟยนั้นเป็นอาหารง่าย ๆ อย่างเช่นโจ๊กกับไข่ลวก ซึ่งในระหว่างมื้ออาหารซากุระก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้วมันก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายตัวไปที่ไหน
หลังจากเซี่ยเฟยกินอาหารทุกอย่างจนเสร็จเขาก็กล่าวคำอำลา ซึ่งคาเซะรู้ดีว่าชายหนุ่มมีสิ่งสำคัญที่จะต้องไปทำเขาจึงไม่ได้พยายามที่จะรั้งเซี่ยเฟยเอาไว้
ประตูมิติค่อย ๆ ถูกเปิดออกอย่างช้า ๆ ซึ่งหลังจากที่เซธโบกมือลาเดินเข้าไปภายในประตูมิติแล้ว เซี่ยเฟยก็หันมากล่าวกับคาเซะด้วยรอยยิ้มว่า
“ฝากบอกซากุระด้วยนะว่าคราวนี้ฉันขอโทษที่ทำตัวหยาบคายไปหน่อย เดี๋ยวคราวหน้าฉันจะซื้อของขวัญติดไม้ติดมือกลับมาให้”
—
จุดหมายปลายทางของการเดินทางในครั้งนี้คือดาวเคราะห์ที่ร้อนมาก แต่โชคดีที่ชุดเกราะชาร์ปเลสมีระบบปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ สภาพแวดล้อมของดาวดวงนี้จึงไม่เป็นปัญหาสำหรับเซี่ยเฟย
“ดาวเคราะห์ดวงนี้เป็นถิ่นที่อยู่ของพวกบัลรอคที่ไม่ชอบความหนาวเย็น ตอนนี้ยังเป็นเพียงแค่ตอนเช้า ถ้าหากว่าเป็นตอนเที่ยงอุณหภูมิจะสูงมากกว่านี้อีก” เซธกล่าวพร้อมกับเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้า
“เป้าหมายของฉันไม่ใช่พวกบัลรอคแต่เป็นคนที่ทำให้นายกลายเป็นทาส นายรู้ไหมว่าเขาอาศัยอยู่ที่ไหน?” เซี่ยเฟยถาม
“ครั้งสุดท้ายที่ผมมาที่นี่ระบบตรวจสอบสิ่งมีชีวิตหาตัวเขาไม่พบด้วยซ้ำ ตอนนั้นจู่ ๆ เขาก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ผมเลยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอาศัยอยู่ที่ไหน” เซธกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“สาเหตุที่ควินซี่เลือกดาวดวงนี้นั้นก็เพราะว่าบาดแผลที่ฉันสร้างจะเริ่มสร้างความเจ็บปวดให้กับเขาในวันที่ฝนตก แต่บนดาวดวงนี้แห้งแล้งมากแล้วมันก็ไม่มีทางที่ฝนจะตกลงมาง่าย”
“ยิ่งไปกว่านั้นศิลาหางฟินิกซ์ยังเป็นอาวุธธาตุดินที่เหมาะสมสำหรับการใช้ในสภาพแวดล้อมแบบนี้มากที่สุด คราวนี้นายจะต้องระวังเขาเอาไว้ให้ดี ๆ แม้ว่านายจะแข็งแกร่งขึ้นมามากแล้ว แต่การเผชิญหน้ากับเขามันก็ยังไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ” โอโร่กล่าวขณะเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงอาทิตย์อันแผดเผา
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 299
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น