ตอนที่ 545 กฎแห่งความโกลาหลขั้น 2

-A A +A

ตอนที่ 545 กฎแห่งความโกลาหลขั้น 2

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 545 กฎแห่งความโกลาหลขั้น 2

ในอดีตเซี่ยเฟยมักที่จะแทรกกฎแห่งความโกลาหลเข้าไปภายในกฎแห่งมิติเพื่อเพิ่มพลังทำลายเท่านั้น แต่ในคราวนี้เขาได้ใช้ร่างกายของตัวเองเป็นสื่อกลางในการใช้พลังของกฎแห่งความโกลาหล เป็นผลให้เขามีความเข้าใจการใช้กฎแห่งความโกลาหลมากยิ่งขึ้น และกฎแห่งความโกลาหลก็พร้อมที่จะยกระดับไปยังพลังขั้นที่ 2 ได้สำเร็จ

เมื่อเซี่ยเฟยได้ทำการสร้างอักขระของกฎแห่งความโกลาหลตัวที่ 2 ขึ้นมาในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาแล้ว เขาก็เดินออกมาจากห้องเพื่อมุ่งหน้าไปหาหยูฮัวตามที่เขาได้นัดหมายเอาไว้

ในเวลานี้ท้องฟ้าสว่างไสวอีกครั้งหนึ่งแล้ว และดวงอาทิตย์เทียมก็กำลังลอยอยู่เหนือศีรษะของเขา

“ยินดีด้วยที่นายฝึกกฎแห่งความโกลาหลได้สำเร็จ แบบนี้พลังโจมตีของนายก็ควรจะเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่น้อยไปกว่า 2 เท่าใช่ไหม?” อันธกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ความจริงแล้วสิ่งที่ฉันได้รับมาหลังจากกฎแห่งความโกลาหลพัฒนาเป็นขั้นที่ 2 น่าจะเป็นความสามารถในการควบคุมมากกว่า” เซี่ยเฟยกล่าวตอบ จากนั้นเขาก็ยื่นมือซ้ายออกมาเพื่อแสดงความก้าวหน้าให้อันธได้ดู

“มันกำลังมีพลังงานอะไรบางอย่างวิ่งอยู่ในฝ่ามือของนาย มันคือพลังของกฎแห่งความโกลาหลใช่ไหม?” อันธกล่าวถาม

“ใช่ ตอนนี้ฉันควบคุมพลังของกฎแห่งความโกลาหลได้ง่ายกว่าเดิมมาก และฉันก็สามารถใช้พลังของกฎนี้ออกมาได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามเหมือนเดิม ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้พลังการทำลายของมันจะเพิ่มขึ้นมาเท่าไหร่ แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันแน่ใจคือฉันควบคุมมันได้ดีกว่าเดิมมาก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

“ทุกคนต่างก็คิดว่าพลังการต่อสู้ของนายเกิดขึ้นมาจากการตีความกฎแห่งมิติในมุมมองที่แตกต่างออกไป แต่พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่าพลังที่แท้จริงของนายคือกฎแห่งความโกลาหลต่างหาก”

“พลังของกฎแห่งความโกลาหลเป็นพลังที่ลึกลับมากจริง ๆ ถึงขนาดสามารถย้อนกลับพลังของคนอื่นได้ด้วย หยวนเตี้ยนคนนั้นคงจะรู้สึกตกใจมากที่จู่ ๆ พลังพิเศษของตัวเองก็ย้อนกลับไปทำร้ายตัวเขาเองแบบนั้น” อันธกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

“พลังของกฎแห่งความโกลาหลน่าทึ่งมากจริง ๆ แต่ฉันอยู่ที่นี่มานานกว่า 1 เดือนแล้ว แต่ฉันยังไม่เคยเห็นใครฝึกกฎแห่งความโกลาหลนอกจากฉันเลย หรือว่าพลังของกฎนี้ไม่ได้เป็นพลังที่แพร่หลายในดินแดนของผู้ใช้กฎ?” เซี่ยเฟยกล่าว

พลังของกฎแห่งความโกลาหลเป็นพลังที่ก่อให้เกิดความปั่นป่วนไปทั่วทั้งเผ่าพันธุ์เทพเจ้าอย่างแท้จริง ไม่อย่างนั้นเทพขาวกับเทพดำก็คงจะไม่ถูกตามล่าจนต้องหลบหนีออกไปจากเผ่าพันธุ์เทพแบบนั้น แต่เซี่ยเฟยไม่ได้รู้เรื่องเหล่านี้เลยว่าผู้ที่สามารถใช้กฎแห่งความโกลาหลได้มีเพียงเทพขาวดำและตัวเขาเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น

เมื่อมันรวมกับความจริงที่ว่าเทพขาวดำต้องหลบหนีออกไปจากบ้านเกิด มันจึงเหลือเพียงแค่เซี่ยเฟยเพียงคนเดียวที่ใช้กฎแห่งความโกลาหล และยังคงอยู่ในดินแดนของผู้ใช้กฎ พลังอันน่าทึ่งของกฎแห่งความโกลาหลจึงเป็นทั้งพรและคำสาปในเวลาเดียวกัน แต่กว่าที่เซี่ยเฟยจะได้รู้ความจริงในเรื่องนี้มันก็คงจำเป็นจะต้องใช้เวลาอีกนาน

“นายอย่าลืมนะว่านายได้รับกฎแห่งความโกลาหลมาจากเทพดำ ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนของผู้ใช้กฎ ทั้งนายและตระกูลหยูต่างก็ยังห่างไกลจากเผ่าเทพมาก มันจึงเป็นเรื่องปกติที่นายจะยังไม่ได้เห็นคนอื่นที่ใช้กฎแห่งความโกลาหล” อันธกล่าวโดยพยายามคาดเดาเรื่องกฎแห่งความโกลาหล

เหตุผลที่เซี่ยเฟยรีบร้อนกลับมาหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ นั่นก็เพราะว่าเขาต้องการที่จะฝึกฝนกฎแห่งความโกลาหลให้พัฒนาเป็นขั้นที่ 2 โดยเร็วที่สุด เพราะในตอนนั้นพลังงานกำลังอัดแน่นภายในสมองของเขา ชายหนุ่มจึงไม่สามารถที่จะอยู่รอหยูฮัวอธิบายเรื่องของหมิงกุยได้เลย

เมืองหลักของตระกูลหยู

บ้านของหยูฮัวอยู่ตรงบริเวณชานเมืองซึ่งมันเป็นอาคาร 12 ชั้นที่ดูธรรมดา และเขาก็อาศัยอยู่เพียงแค่ลำพังที่อาคารชั้นบนสุด

“เข้ามาสิ” หยูฮัวเปิดประตูเชิญให้เซี่ยเฟยเข้ามาภายในห้อง

แม้ว่าหยูฮัวจะเป็นพ่อค้ารายใหญ่ที่มั่งคั่ง แต่ภายในบ้านของเขากลับไม่มีคนรับใช้อยู่เลยแม้แต่คนเดียว ภายในห้องก็ได้รับการตกแต่งอย่างเรียบง่ายไม่หรูหรา มันจึงทำให้เซี่ยเฟยค่อนข้างที่จะรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย พื้นที่ทั้งภายในและภายนอกของอาคารได้ถูกทำความสะอาดอย่างไร้ที่ติ ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าหยูฮัวคือคนที่รักความสะอาดเป็นอย่างมาก

“เมื่อคืนฉันต้องออกไปหาข้อมูลมาทั้งคืน ในที่สุดฉันก็ได้รู้จุดประสงค์ของคนพวกนั้นแล้ว” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับโยนขวดน้ำให้เซี่ยเฟย

“สรุปเขามีจุดประสงค์อะไรกันแน่? ผมจำไม่ได้นะว่าผมเคยไปทำอะไรให้กับเขามาก่อน” เซี่ยเฟยกล่าวถาม

“หมิงกุยเป็นนักปรุงยาชั้นสูงที่แต่เดิมเคยใช้ชื่อว่าไป่หยิงเซี่ย แต่ในวันหนึ่งเขาก็ถูกขับไล่ออกมาจากวงการนั่นก็เพราะว่าเขาเริ่มมีการวิจัยสร้างยาเสพติด”

“นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็ใช้ชื่อหมิงกุยมาโดยตลอด ก่อนที่เขาจะเริ่มรวบรวมคนมาตั้งเป็นองค์กรของตัวเอง และผลิตยาเสพติดส่งออกไปทั่วทั้งดินแดนของผู้ใช้กฎ” หยูฮัวอธิบายที่ไปที่มาของหมิงกุย

“แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับผมด้วย?” เซี่ยเฟยถามอย่างสับสน

หยูฮัวเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเปิดวิดีโอเผยภาพที่หยูกู่เหอแอบขโมยน้ำยาซ่อมแซมพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ไปจากสนามแข่งหน้าหอสายลมหนาว

“ชายคนนี้เป็นพ่อค้ายาในตระกูลของเราและเขาก็มีความสัมพันธ์กับหมิงกุย หลังจบการแข่งขันเขาได้แอบขโมยน้ำยาซ่อมแซมพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนายไป ซึ่งฉันก็สันนิษฐานว่าเขาน่าจะเอาน้ำยาขวดนี้ไปให้หมิงกุยทำการแกะสูตร เพื่อลอกเลียนการผลิตน้ำยาชนิดนี้ออกมาอีกครั้ง” หยูฮัวกล่าว

“มันก็แค่น้ำยาซ่อมแซมพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ไม่ใช่เหรอครับ มันคุ้มค่ามากพอที่พวกเขาจะต้องบุกเข้ามาในตระกูลหยูเพื่อจับตัวผมด้วยเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าว

คำอธิบายนี้ทำให้หยูฮัวมองไปที่เซี่ยเฟยด้วยสายตาอันว่างเปล่า เพราะมันดูเหมือนกับว่าชายหนุ่มคนนี้จะไม่เข้าใจคุณค่าของน้ำยาซ่อมแซมพื้นที่สมองส่วนที่ 7 จริง ๆ

ในอดีตพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเซี่ยเฟยได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง เขาจึงได้คิดค้นน้ำยาขึ้นมาซ่อมแซมสมองของตัวเองเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน 

แต่เนื่องมาจากว่าสูตรน้ำยาพวกนั้นไม่สามารถใช้ซ่อมแซมพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาได้ เซี่ยเฟยกับอันธจึงไม่คิดว่าสูตรน้ำยาพวกนั้นจะมีค่าอะไรเท่าไหร่นัก ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงสูตรน้ำยาซ่อมแซมพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ในดินแดนของผู้ใช้กฎต่างก็ล้วนแล้วแต่มีค่าไม่น้อยกว่าคริสตัลต้นกำเนิดสีขาว

“สรุปว่าสูตรน้ำยาของนายมันใช้ได้จริง ๆ ใช่ไหม?” หยูฮัวถาม

“มันก็พอใช้ได้ครับ แต่ฤทธิ์ของน้ำยาค่อนข้างจะเบาบางมาก มันสามารถซ่อมแซมพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ไม่สามารถซ่อมแซมพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักได้” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเฉยเมย

“ซ่อมแซมได้แค่เล็กน้อย? ที่นี่คือดินแดนของผู้ใช้กฎนะ แค่น้ำยาขวดนั้นสามารถซ่อมแซมพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้เพียงแค่เล็กน้อย มันก็มากพอที่จะกลายเป็นสมบัติของใครบางคนได้แล้ว”

“ท้ายที่สุดมันก็ไม่ใช่นักรบทุกคนที่จะสามารถซื้อน้ำยาระดับสูงได้ ดังนั้นแม้ว่ามันจะเป็นน้ำยาที่ซ่อมแซมพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้เพียงแค่นิดหน่อย แต่มันก็ยังมีมูลค่าที่สูงมากอยู่ดี”

“อย่าลืมนะว่าหมิงกุยเป็นนักปรุงยาระดับสูง ถ้าหากว่าเขาคิดว่าสูตรน้ำยาขวดนั้นเป็นของไร้ค่า เขาก็คงจะไม่คิดบุกเข้ามาจับตัวนายภายในตระกูลของเราแบบนี้” หยูฮัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เซี่ยเฟยรู้สึกว่าคำอธิบายของหยูฮัวสมเหตุสมผล ซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่าเขาจะประเมินสูตรน้ำยาของตัวเองต่ำเกินไป

“เดี๋ยวก่อนนะ ฉันได้ยินมาว่านายเพิ่งขายศพของหนอนด้วงมิติได้เงินมาเยอะเลยใช่ไหม?เอาล่ะมันถึงเวลาที่นายจะต้องคืนเงินที่ยืมฉันไปแล้ว” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับยื่นมือออกไปหาชายหนุ่ม

“เงินอะไร?” เซี่ยเฟยถามอย่างสับสน

“อย่าลืมสิว่าตอนที่นายเดินทางมาที่นี่ใหม่ ๆ ฉันให้นายยืมคริสตัลม่วงไป 10 ก้อน ส่วนตอนที่ฉันพานายเดินทางข้ามประตูมิติก็มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางอยู่เหมือนกัน นี่นายคิดจะเบี้ยวหนี้ฉันงั้นเหรอ?”

คิ้วของเซี่ยเฟยกระตุกขึ้นมาอย่างฉับพลัน เพราะเขาไม่คิดเลยว่าพ่อค้าใหญ่อย่างหยูฮัวจะยังจำเรื่องเล็กน้อยแค่นี้มาจนถึงปัจจุบันด้วย

“เท่าไหร่ครับ?”

“เงินต้นรวมดอกเบี้ย ฉันขอคิดแค่ 2 คริสตัลขาวก็แล้วกัน”

“มีดอกเบี้ยด้วยเหรอครับ?”

“มันก็เป็นเรื่องปกตินี่ มีใครให้ยืมเงินแล้วไม่คิดดอกบ้าง?”

เซี่ยเฟยถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะหยิบคริสตัลขาวออกมาจากแหวนมิติและส่งมอบให้กับหยูฮัว

“อ่าาา วันนี้ช่างเป็นวันที่ดีจริง ๆ” พ่อค้าวัยกลางคนเก็บคริสตัลขาวทั้งสองก้อนเข้าไปในแหวนมิติของตัวเองด้วยรอยยิ้มอันพึงพอใจ ก่อนที่เขาจะเริ่มกล่าวต่อขึ้นมาว่า

“สรุปก็คือต้นเหตุทั้งหมดเกิดขึ้นมาจากน้ำยาซ่อมแซมพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนาย แต่สิ่งที่ฉันไม่เข้าใจก็คือในเมื่อนายรู้จักการปรุงยาแล้วทำไมนายถึงไม่รู้จักวิธีการป้องกันสูตรน้ำยาของนายด้วย ในระหว่างการแข่งขันมันเห็นได้ชัดเลยว่านายไม่ได้ใส่ตัวป้องกันลงไปในน้ำยา นายไม่กลัวว่าคนอื่นจะขโมยสูตรน้ำยาของนายไปงั้นเหรอ?”

“ผมใส่ตัวป้องกันเข้าไปแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม

“เป็นไปไม่ได้! ฉันได้ตรวจสอบวิดีโอการแข่งขันตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันไม่เห็นนายใส่ตัวป้องกันลงไปในน้ำยาเลยแม้แต่ครั้งเดียว” หยูฮัวกล่าวอย่างสับสน

“ผมไม่จำเป็นจะต้องใส่สารอะไรลงไปในน้ำยาหรอก ผมแค่มีวิธีการป้องกันวิธีอื่น” เซี่ยเฟยกล่าว

“วิธีอะไร?” หยูฮัวถามอย่างสงสัย

แน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมไม่บอกความลับทางการค้าให้กับหยูฮัวง่าย ๆ ซึ่งอันที่จริงถึงแม้ว่าเขาต้องการจะบอกแต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะอธิบาย เพราะกุญแจสำคัญในการป้องกันที่เขาใส่ลงไปคือรายละเอียดทุกขั้นตอนในระหว่างที่เขาทำการปรุงน้ำยา

รายละเอียดพวกนี้เริ่มตั้งแต่เขาจะต้องใส่วัตถุดิบอะไรก่อนอะไรหลัง, ปริมาณความเข้มข้นของวัตถุดิบคือเท่าไหร่, ระยะเวลาในการใส่วัตถุดิบต้องห่างกันกี่วินาที ตลอดจนวิธีการกวนน้ำยาตามเข็มนาฬิกากี่ครั้งและทวนเข็มนาฬิกาอีกครั้ง แม้กระทั่งอัตราการเทส่วนผสมลงไปในหม้อยาก็มีผลต่อคุณภาพของน้ำยาที่ออกมาด้วย

วิธีการพวกนี้เป็นวิธีการที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อนมาก และมันก็ไม่ใช่วิธีการที่นักปรุงยาส่วนใหญ่จะใช้กัน

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหมิงกุยถึงต้องทุกข์ทรมานขนาดนั้น เพราะไม่ว่าเครื่องวิเคราะห์น้ำยาจะทันสมัยมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่สามารถวิเคราะห์รายละเอียดทุกอย่างออกมาได้อย่างแน่นอน

เมื่อได้เห็นว่าเซี่ยเฟยไม่อยากจะพูด หยูฮัวจึงเลี่ยงไปถามคำถามอื่นแทน

“ในเมื่อนายมีสูตรน้ำยาแล้วทำไมนายไม่ทำยาพวกนั้นขายซะล่ะ? ยาซ่อมแซมพื้นที่สมองส่วนที่ 7 มีราคาสูงมาก และตราบใดก็ตามที่นายมีเงินมันก็จะช่วยให้นายทำเรื่องอะไรต่าง ๆ ได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น” หยูฮัวกล่าว

เซี่ยเฟยเพียงแค่เผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่ตอบคำถามใด ๆ

“เอาแบบนี้ไหม? ฉันออกเงินทุนในการผลิตให้นายแค่ต้องให้สูตรน้ำยาฉันมา จากนั้นเราก็เอากำไรมาหารแบ่งกัน ถ้าทำแบบนั้นนายก็จะไม่ขาดคริสตัลต้นกำเนิดสำหรับการฝึกฝนอีกต่อไป”

แน่นอนว่าข้อเสนอของหยูฮัวดึงดูดใจของเซี่ยเฟยมาก แต่น่าเสียดายที่ชายหนุ่มไม่สามารถขายสูตรน้ำยาออกไปได้แม้ว่าเขาจะต้องการก็ตาม

รายละเอียดสูตรน้ำยาของอันธมีข้อกำหนดมากเกินไป แล้วมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครปรุงน้ำยาตามสูตรนี้ได้สำเร็จ เว้นแต่ว่าจะมีการฝึกฝนตามหลักสูตรในระยะยาว

ยิ่งไปกว่านั้นความผิดพลาดในขั้นตอนการผลิตเพียงแค่นิดเดียว มันก็จะนำมาซึ่งผลเสียอันร้ายแรง สูตรน้ำยานี้จึงไม่สามารถนำไปผลิตเป็นจำนวนมากพร้อม ๆ กันได้อย่างแท้จริง

“อย่างที่ผมบอกไปว่าสูตรน้ำยานั่นเป็นเพียงแค่สูตรน้ำยาที่ไร้ค่า พวกเราลืมเรื่องนี้ไปเถอะครับ” เซี่ยเฟยตอบปฏิเสธกลับไปโดยพยายามเบี่ยงเบนไม่พูดเหตุผลที่แท้จริง

หยูฮัวทำได้เพียงแต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย เพราะถ้าหากเจ้าของสูตรอย่างเซี่ยเฟยตอบปฏิเสธ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องยอมแพ้

“หมิงกุยหากินกับตระกูลของเรามาโดยตลอด และในตอนนี้เขาก็ล้ำเส้นพวกเรามากเกินไปแล้ว พวกเราจะต้องตอบโต้อะไรกลับไปบ้าง ไม่อย่างนั้นตระกูลอื่นในดินแดนก็จะหาว่าพวกเราเป็นพวกขี้ขลาดไม่กล้าที่จะจัดการกับศัตรูของตัวเอง” หยูฮัวกล่าว

“ตระกูลหยูต้องการที่จะตอบโต้อีกฝ่ายกลับไปงั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถาม

“ไม่ใช่แค่ตอบโต้ พวกเราต้องการทำลายพวกมันลงไปเลยต่างหาก”

“เมื่อไหร่ครับ?”

“อะไรกัน นี่นายสนใจจะเข้าร่วมด้วยงั้นเหรอ?” หยูฮัวถามด้วยรอยยิ้ม

“คนพวกนั้นเป็นศัตรูที่ต้องการจับตัวผมไป และศัตรูของผมทุกคนจะต้องถูกทำลายให้สิ้นซาก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้าอย่างหนักแน่น

หยูฮัวมองไปทางชายหนุ่มด้วยแววตาอันเป็นประกาย และเขาก็ค่อนข้างที่จะรู้สึกประทับใจกับคำพูดของเซี่ยเฟยเมื่อสักครู่นี้

“พรุ่งนี้เวลานี้ฉันจะรอนายอยู่ที่หน้าประตูมิติ การออกไปต่อสู้ในสถานการณ์จริงมันก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับนายเหมือนกัน เพราะมันจะช่วยให้นายสามารถพัฒนาระดับพลังได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น” หยูฮัวกล่าว

“ได้เลยครับ” เซี่ยเฟยตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น

การฝึกฝนเป็นเรื่องที่มีความผันผวนสูงมาก เพราะในบางครั้งแม้ว่าใครคนหนึ่งจะพยายามฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง แต่เขาก็อาจจะไม่ได้รับอะไรตอบแทนกลับมาเลย แต่ในบางครั้งถึงแม้ว่าใครบางคนจะทำการฝึกฝนไปเพียงแค่เล็กน้อย แต่พวกเขาก็อาจจะได้รับผลประโยชน์กลับมาในระดับที่ไม่คาดคิด

แม้ว่าการฝึกกฎแห่งการกลั่นพลังงานของเซี่ยเฟยจะยังไม่มีความคืบหน้า แต่กฎแห่งมิติและกฎแห่งความโกลาหลของชายหนุ่มมีความคืบหน้าในระดับที่รวดเร็วมาก

เมื่อเซี่ยเฟยรู้ว่าเขาจะได้ออกไปแก้แค้นหมิงกุย เขาก็ได้ใช้เวลาทั้งคืนในการเพิ่มพลังให้กับตัวเอง ซึ่งในตอนนี้เขาก็เข้าใกล้การเป็นนักรบกฎขั้นที่ 5 มากเต็มทน ซึ่งมันเป็นความเร็วในการพัฒนาในระดับที่เรียกว่าติดจรวดเลยทีเดียว

“น่าเสียดายมันขาดอีกเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น นี่ถ้าฉันมีเวลาอีกสัก 3 วัน ฉันมั่นใจว่าฉันจะพัฒนากลายเป็นนักรบกฎขั้นที่ 5 ได้แน่ ๆ” เซี่ยเฟยพึมพำขึ้นมาด้วยความเสียดาย

เมื่อใกล้ถึงเวลาออกเดินทางชายหนุ่มก็หยิบขนอุยขึ้นมาวางไว้บนไหล่ พร้อมกับเก็บกระป๋องเข้าไปในแหวนมิติ จากนั้นเขาก็เดินทางไปยังประตูมิติขนาดใหญ่ของตระกูลตามที่เขาได้นัดหมายกับหยูฮัวเอาไว้ ซึ่งเขาก็ได้เห็นอีกฝ่ายยืนรอเขาอยู่แล้ว

“คนอื่นล่ะครับ... อย่าบอกนะว่ามีคุณแค่คนเดียว?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย

“ใช่” หยูฮัวกล่าว

“แค่คุณกับผม 2 คนเนี่ยนะ?!” เซี่ยเฟยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

หมิงกุยควรจะมีลูกน้องอยู่ในฐานหลายร้อยคน ดังนั้นการพยายามกวาดล้างองค์กรของชายคนนี้มันก็จำเป็นจะต้องใช้กองกำลังนักรบที่แข็งแกร่งจำนวนนับร้อยเช่นเดียวกัน แต่หยูฮัวกลับคิดที่จะออกเดินทางโดยลำพังโดยมีตัวแถมเป็นเซี่ยเฟยแค่คนเดียว

“ตอนแรกฉันก็คิดจะไปคนเดียวอยู่แล้ว แต่ฉันเห็นนายอยากไปด้วยก็เลยเปลี่ยนความคิดว่าไปกันสองคนก็ได้ อะไรกันนี่นายคงไม่คิดที่จะยอมแพ้หรอกใช่ไหม?” หยูฮัวกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม

เซี่ยเฟยถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องเดินผ่านประตูมิติไปพร้อมกับหยูฮัว

***************

เหมือนพ่อพาลูกชายไปหาประสบการณ์เลย 55555

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Right Reserved.