เรื่องน่ากังวล
“อืม ทุกอย่างเรียบร้อยดีมาก หากมีใครมาเบิกอะไรต้องเขียนไว้อย่างชัดเจน เงินเดือนของคนในจวนอย่าให้มีอะไรผิดพลาด หากมีอะไรไม่เข้าใจมาถามข้าได้ บางอย่างสามารถขอคำชี้แนะจากพ่อบ้านได้ด้วยเช่นกัน” หลานหงนั่งอ่านข้อมูลที่คนทำบัญชีในจวนทำมาให้อ่าน นางเห็นว่าเรียบร้อยดีไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ
“เจ้าคะนายหญิง” นักบัญชีรับเอาสมุดบัญชีกลับหลังจากให้นายหญิงของนางตรวจทานดูเรียบร้อยแล้วและขอตัวออกจากห้องโถงไป
“ดูสิเจ้าท้องโตเช่นนี้ ยังจะทำงานอีกรึ” เจียเหรินกอดอกมองภรรยาของตน นางใกล้คลอดเต็มทีแล้ว แต่ยังไม่หยุดทำงานเสียทีเขาได้แต่ส่ายหัวให้นาง จะห้ามอย่างไรนางยังคงดื้อดึงจะทำเสียให้ได้
“ไม่ได้มีอะไรมากมายเจ้าคะ ข้าเพียงแค่ตรวจดูรายรับรายจ่ายภายในจวนเท่านั้นเจ้าคะ ว่าแต่สามีวันนี้ท่านจะไปที่ฟาร์มหรือไม่เจ้าคะ” หลานหงนางคิดว่าที่นางทำอยู่ไม่ได้มีอะไรมากมายนัก เป็นงานที่ไม่ได้ใช้แรงอะไรนางยังพอทำได้อยู่ หากจะให้นางนั่งอยู่เฉยนางคงทำไม่ได้แน่
“อืม ก่อนจะไปที่ฟาร์มของเรา ข้าจะแวะไปดูที่ฟาร์มของกรมเกษตรหน่อย เห็นว่าเริ่มลงปลูกสมุนไพรแล้วน่ะ” เจียเหรินตอบคำถามของภรรยา ในเมื่อจะต้องอยู่ในเมืองหลวงนานสักหน่อย เขาเองเลยถือโอกาสซื้อที่ดินนอกเมืองหลวงไว้เกือบห้าสิบไร่เพื่อทำฟาร์มของตนเองอีกหนึ่งแห่ง และเขาได้จ้างงานชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงมาช่วยทำด้วย พร้อมฝึกฝนนักเวทอีกหนึ่งคนไว้คอยดูแลควบคุมทั้งหมด แต่เขาเองก็ไม่ทิ้งงานที่เคยรับปากติงหยูไว้ เขามีเวลาว่างเมื่อใด มักจะไปที่ฟาร์มของกรมเกษตรเพื่อดูว่ามีอะไรผิดพลาดหรือไม่ จะได้รีบแก้ไข แต่นับว่ากรมเกษตรบริหารได้ดีข้อผิดพลาดจึงน้อยนักจึงวางใจได้มากเลยทีเดียว ต่อไปก็ไม่จำเป็นที่เขาจะเข้าไปยุ่งมากนัก
“เจ้าคะสามี เห็นท่านพ่อบอกว่าค้าขายดีไม่น้อยเลยใช่ใหมเจ้าคะ” หลานหงอยู่ๆก็นึกถึงบิดาของนางเอง พ่อฮั่วมาถึงเมืองหลวงเมื่อสองสามวันที่แล้ว เห็นว่าค้าขายดีไม่น้อย
“อืม ของที่ท่านพ่อตานำมาด้วยขายหมดเกลี้ยงเลยล่ะ" แม้ตามหัวเมืองต่างๆ จะส่งเสริมให้ปลูกผักแล้วก็ตาม ยังไม่ได้ผลนัก และบางคนรักความสบายหรือมีภาระอื่นๆ ทำให้ปลูกกินเองไม่ได้ ดังนั้นแม้จะมีกรมเกษตรที่ทำฟาร์ม แต่ส่วนมากพวกเขาจะส่งเข้าวังหลวงกับกองทัพ และรองลงมาคือเหล่าขุนนาง เพราะผลผลิตของกรมเกษตรมีความพิเศษอย่างยิ่ง ดังนั้นราคามันจึงยังสูงอยู่มาก แต่ก็เอามาขายให้ชาวบ้านอยู่เช่นกัน แต่ที่ฟาร์มของเจียเหริน ไม่ได้มีผลผลิตที่วิเศษนัก เพียงแค่ของที่ดีกว่าเดิมเล็กน้อยเท่านั้นจึงเป็นที่ต้องการของชาวบ้านยิ่ง
“อืม เห็นติงหยูเคยบอกว่าผลผลิตที่ได้มาอาจส่งออกให้แคว้นใกล้เคียงด้วยใช่หรือไม่เจ้าคะ” หลานหงเคยพูดคุยกับติงหยูอยู่บ้าง เนื่องจากเขามาเยี่ยมเยือนเจียเหรินที่จวนอยู่บ่อยครั้ง เห็นว่าเดิมที่มีความกังวลอยู่ไม่น้อย เพราะกลัวผลผลิตจะไม่กระจายสู่ชาวบ้าน แต่เมื่อเจียเหรินทำฟาร์มเพื่อขายในราคาเป็นธรรมแก่ชาวบ้าน ประกอบกับเจ้าเมืองต่างๆ เริ่มส่งเสริมการปลูกผักเลี้ยงสัตว์แล้ว นับว่าตอนนี้ไม่ขาดแคลนด้านอาหารแม้แต่น้อย ส่วนกรมเกษตรจึงได้หันมาด้านการส่งออกเพื่อดึงเม็ดเงินเข้าแคว้นของตน
“อืมตอนนี้ก็เริ่มมีการติดต่อขอซื้อเข้ามาบ้างแล้วล่ะ” หลังจากหมดสงครามแล้วทุกอย่างก็ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป ผลผลิตของกรมเกษตรก็ได้รับการเลื่องลือมาจากสงครามครั้งนี้เช่นเดียวกัน ทำให้พ่อค้าหลายแคว้นเริ่มเข้ามาติดต่อขอซื้อบ้างแล้ว
“เช่นนั้นก็ดีนะเจ้าคะ ตอนนี้คนในแคว้นก็ไม่ได้ขาดแคลนอาหารมากนัก” หลานหงเห็นเป็นเช่นนั้นนับว่าแคว้นสุ่ยกำลังไปได้ดีเลยทีเดียว
“อืม นั่นแหละตอนนี้งบที่กรมคลังส่งมาให้ได้รับการส่งคืนหมดแล้ว ซ้ำยังมีกำไรมากด้วย สามารถเอาไปพัฒนาแคว้นในด้านต่างๆ ได้แล้ว เห็นว่าเริ่มสร้างถนนที่ดีกว่าเดิมในหลายพื้นที่แล้ว” ทุกอย่างกำลังพัฒนามากขึ้น ชาวแคว้นสุยล้วนมีหน้าตายิ้มแย้มมากขึ้น หลังจากไม่มีความสุขมากว่าสามปี ซ้ำมีการจัดสอบขุนนางอีกครั้งในปีนี้ เนื่องจากเรื่องราวกบฏของเสนาบดีหวัง ทำให้มีเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ถูกกวาดล้างไปมากมายนัก หากราชสำนักขาดคนเช่นนี้คงยากจะเดินหน้านัก ดังนั้นสอบขุนนางจึงจำเป็นต้องทำในเร็ววัน
“เจ้าคะ ดีจริงๆ อุก” หลานหงกำลังพูดคุยกับสามีอยู่ นางต้องหยุดชะงักเมื่อเจ้าตัวน้อยในครรภ์เตะท้องนางอย่างรุนแรง
“หือ เจ้าเด็กน้อยดื้ออีกแล้วรึ เหตุใดจึงเตะท้องมารดาเจ้าแรงเยี่ยงนี้” เจียเหรินลูบครรภ์ของหลานหง เจ้าตัวน้อยนี่ยังเตะท้องภรรยาของเขาไม่หยุด ไม่รู้ว่าหากออกมาแล้วจะดื้อแค่ไหน ส่งสัยภรรยาของเขาจะต้องเหนื่อยอีกมากแน่
“ฮ่าๆ สงสัยเขาคงอยากจะออกมาแล้วเจ้าคะ ซนนัก” หลานหงไม่ได้อารมณ์เสีย นางดีใจไม่น้อยเขาคึกคักเช่นนี้ แสดงว่าบุตรของนางต้องแข็งแรงแน่นอน
“ตาเฒ่า นี่เจ้าจะเห่อหลานอะไรเช่นนั้น ดูๆ อุ้มหลานเข้า เอาหลานมาให้ข้าหากให้เจ้าอุ้มต่อหลานข้าช้ำพอดี” แม่หงร้องโวยวาย แย่งหลานมาจากพ่อฮั่ว ดูสิเขาเป็นบุรุษหยาบกร้านอุ้มหลานไม่นานหลานก็มีรอยแดงเต็มตัวแล้ว
“เหอะ ข้ารู้น่ะว่าจะต้องใช้แรงเท่าใด ให้ข้าชื่นชมหลานชายของตัวเองหน่อยไม่ได้หรือไร” พ่อฮั่วตอบกลับ แม้เขาจะเป็นบุรุษ แต่ก็เคยเลี้ยงลูกมาถึงสองคน แม่หงนั้นกังวลเกินไปจริงๆ พ่อฮั่วชักจะน้อยใจแล้ว
“ท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าคะ ถึงเวลาห่าวเอ๋อต้องกินนมแล้วเจ้าคะ” หลิงซีที่มองดู พ่อสามีกับแม่สามีของตนที่กำลังแย่งอุ้มหลานอยู่ นางยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเจ้าตัวน้อยช่างรู้งานนัก ดวงตากลมโตเฝ้ามองปูกับย่าสลับกันไปมา ไม่มีเสียงร้องไห้ออกมาแม้แต่น้อย
“อืม เห็นไหมยายเฒ่า ข้าได้อุ้มหลานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ข้าจะต้องออกไปดูฟาร์มอีกแล้วเนี้ย” เขาแค่ขออุ้มหลานแค่ครู่เดียวยายเฒ่านี่ชอบมาแย่งหลานกับเขาอยู่เรื่อยช่างขัดใจพ่อฮั่วยิ่งนัก
“ก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว ไปๆ เจ้าไปได้แล้ว” อุ้มนิดเดียวงั้นรึ สามวันมานี้นอกจากเวลาหลานต้องกินนม เขาก็มาคอยอุ้มหลานหนีหายไปตลอด เช่นนี้ว่าครู่เดียวรึ
“ฮ่าๆ ท่านพ่อไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ หลังจากท่านกลับจากฟาร์ม ค่อยมาเล่นกับห่าวเอ๋ออีกก็ได้เจ้าคะ” หลานหงเห็นพ่อแม่สามีทุ่มเถียงกันไม่จบเสียที่ นางจึงเอ่ยปากขึ้นเพื่อดึงความสนใจของทั้งสองคน
“น่ะเห็นไหมลูกสะใภ้ของข้า นางยังรู้จักเอาใจข้า ส่วนเจ้ายายเฒ่าเอาแต่ไล่ข้า” พอฮั่วยังไม่หยุด หลังจากห่างกันมาหลายเดือนเขายังไม่จุใจที่โดนแม่ฮั่วด่าทอ โลงหูมาหลายเดือนคล้ายกับขาดอันใดไปไม่น้อย
“เหอะๆ รีบๆ ไปเถอะเจ้ามาทำแง่งอนเป็นสตรีไปได้” แม่หงปัดมือไล่สามีนางให้รีบไป ตาเฒ่าวันๆ ไม่หาเรื่องให้นางด่าอยู่เรื่อย
“ได้ๆ ข้าไปแล้ว หลานรักเดี๋ยวตอนเย็นปู่จะมาหาใหม่นะ” พ่อฮั่วคุยกับหลานรักของตนที่แม่หงอุ้มอยู่ก่อนออกจากเรือนไปอย่างอ้อยอิ่ง
"ดูพ่อสามีของเจ้าเอาเถอะนับวันยิ่งเอาใหญ่แล้ว" แม่หงได้แต่ส่ายหัว ตั้งแต่ชีวิตครอบครัวดีขึ้นมานี้ นางมักได้เห็นด้านสบายๆ ของสามีเพิ่มมากขึ้น แม้ปากนางจะบ่นเขานักหนา แต่นางเองก็หยุดยิ้มไม่ได้เลย
“อิอิ ท่านแม่อย่าว่าให้ท่านพ่อเลยเจ้าคะ ข้าเห็นเขามีความสุขเช่นนี้ ดีเหลือเกินเจ้าคะ” หากเป็นเมื่อก่อนพ่อสามีของนางเขาไม่ได้มีท่าทีที่ผ่อนคลายเช่นนี้ ตอนนั้นสามีของนางล้มป่วย ทำให้บ้านฮั่วยากจนมาก จนถึงขั้นตัดสินใจส่งน้องสามีไปแต่งงานโดยที่นางไม่ได้รักชอบผู้เป็นสามี เพื่อเอาค่าสินสอดมารักษาสามีของนางเอง หากมันก็ไม่เพียงพอนักจำต้องขายที่นาไปจนหมด พ่อฮั่วเป็นหัวหน้าครอบครัวต้องออกไปทำงาน แม้แต่แม่หงก็เช่นนั้น พวกเขาไม่ได้มีคืนวันที่ดีนัก แต่มาตอนนี้ สามีนางหายดี พ่อแม่สามีนับว่าเลือกสามีให้น้องสามีไม่ผิด ทุกอย่างล้วนดีขึ้นเกินความคาดหมาย ทุกคนในครอบครัวล้วนมีความสุข ไม่ต้องกังวลแล้ว
“นั่นสินะ ว่าแต่เค่อสิงเห็นว่ามีพระราชโองการจากองค์ฮ่องเต้ ให้ยกทัพกลับเมืองหลวงแล้วใช่หรือหรือไม่” เป็นดังที่สะใภ้ของนางพูดตอนนี้ชีวิตของครอบครัวนับว่าดีมากจริงๆ แม่หงได้ยินข่าวว่าฮ่องเต้ทรงมีราชโองการเรียกทัพสามแสนนายกลับสู่เมืองหลวงแล้ว คาดว่าเค่อสิงผู้เป็นแม่ทัพเองก็ต้องกลับมาในครั้งนี้เช่นกัน
“เจ้าคะ เมื่อวานข้าเองพึ่งคุยกับท่านพี่เจ้าคะ เห็นว่าปลายๆ เดือนหน้าจะถึงเมืองหลวงเจ้าคะ” นางได้พูดคุยกับสามีผ่านหินแสงจันทร์ เมื่อเขาได้ยินเสียงร้องของบุตรชาย สามีของนางตื่นเต้นยิ่งนักเขาอยากรีบๆ กลับเมืองหลวงให้เร็วที่สุด แต่ด้วยตนเองเป็นแม่ทัพจะเห็นแก่ตัวไม่ได้ จึงจำเป็นต้องทำตามกำหนดเดินทัพกลับพร้อมกับทหารใต้บังคับบัญชาของตนเอง
“ดียิ่ง เขาจะได้เห็นหน้าบุตรชายเสียที” แม่หงยิ้มกว้าง ทั้งบุตรชายทั้งสะใภ้ของนางช่างอาภัพนัก ต้องพลัดพรากกันเสียนานบุตรชายของนางเขากลับมาครั้งนี้ ก็จะได้เจอภรรยาและบุตรชายของตนเองแล้ว นางหวังว่าต่อไปพวกเขาจะไม่ต้องห่างกันไปไกลอีก
“เจ้าคะ แต่ว่า” สามีหลับมานางและลูกจะได้พบกับเขานั้นแน่นอนว่านางย่อมยินดี แต่บางอย่างที่สามีนางเอ่ยออกมานั้น ทำเอานางรู้สึกกังวลอยู่ไม่น้อย แม้จะรู้ว่านางไม่ควรเป็นเช่นนี้ในฐานะของภรรยาขุนนางอนาคตไกล นางเคยคิดไว้อยู่บ้างว่าจะต้องพบเจอเรื่องราวเช่นนี้ แต่ในใจอย่างไรก็ปล่อยวางไม่ได้เสียที
“เจ้าเป็นอันใดรึ เหตุใดจึงทำหน้าเช่นนี้” แม่หงมองสีหน้าที่วิตกกังวล ปนเศร้าใจของลูกสะใภ้เช่นนี้ นางงุนงงไม่น้อยเหตุใดสะใภ้ของนางจึงแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมากัน
“กลับมาครั้งนี้ท่านพี่พาหญิงงามชนชั้นสูงกลับมาด้วยเสียหลายคนเลยเจ้าคะ” เรื่องนี้นางกังวลยิ่ง นางไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี จึงอยากปรึกษาแม่สามีดู ว่านางควรจะวางตัวหรือจะกระทำเช่นไรจึงจะดี
“เจ้าว่าอะไรนะ” แม่หงร้องขึ้นอย่างตกใจ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 140
แสดงความคิดเห็น