บทที่ 149: เสี่ยวเหยากำลังแปลงร่าง
หลงเซียวดึงมือของพี่ชายออกและยักไหล่ “พี่ใหญ่ ลองเดาดูสิว่าอีกนานแค่ไหนที่ท่านแม่จะรู้ว่ามือท่านหัก”
เมื่อหลงอวี้ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย จู่ ๆ เขาก็นึกถึงสีหน้าบึ้งตึงของหูเจียวเจียว ก่อนที่เขาจะส่ายหัวพร้อมซ่อนมือข้างหนึ่งไว้ด้านหลังทันที
“ไปกันเถอะ กลับบ้านกัน”
ต่อมา ผู้เป็นพี่ใหญ่เข้าไปช่วยพยุงน้องชายคนรองให้ลุกขึ้น จากนั้นทั้งคู่ก็หยุดพูดกันไปโดยปริยาย และเดินกลับบ้านเงียบ ๆ
ทว่า…
ไม่นานหลังจากที่เด็กหนุ่มทั้ง 2 คนจากไป
ในตอนนั้นเอง ต้นไม้สูงตระหง่านที่ถูกหลงอวี้ชกนับพันครั้งก็แสดงอาการแตกร้าวโดยเริ่มจากกิ่งที่สูงที่สุดบนยอดของต้นไม้
แคร็ก! แคร็ก! ครึ่ก...
รอยแตกที่ไม่เด่นชัด 2 รอยเป็นเหมือนเส้นหยักค่อย ๆ ขยายลงมาหลาย 10 เซนติเมตรแล้วในที่สุดก็หยุดลง
...
เมื่อยามที่พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า
หูเจียวเจียวเดินออกไปส่งเหล่าภูตชายที่มาช่วยสร้างบ้านหิน แล้วเธอก็กลับมาที่ลานบ้านเพื่อเริ่มทำอาหารเย็น
ปัจจุบันความคืบหน้าของบ้านหินเร็วกว่าที่เธอคาดไว้จากเดิม 2 วัน ส่วนฐานรากใช้เวลาอีกเพียงไม่นานก็เสร็จสิ้น เธอรู้สึกว่าถ้าหลงโม่ยังอยู่ช่วยงานที่นี่ ฐานรากอาจจะเสร็จสมบูรณ์ภายในวันนี้เลย
หญิงสาวไม่รู้ว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่า แต่เธอรู้สึกว่าตอนที่ตนเองอธิบายโครงสร้างของบ้านหินให้กลุ่มภูตที่มาช่วยงานฟัง พวกเขาก็เข้าใจทุกอย่าง จากสมองที่ไม่สามารถรับข้อมูลอะไรได้เมื่อวานของคนเหล่านี้ดูเหมือนจะรู้แจ้งขึ้นมาเสียอย่างนั้น
หากทุกอย่างยังเป็นไปได้ด้วยดีเช่นนี้ต่อไป บ้านหินของครอบครัวทั้ง 7 อาจสร้างเสร็จภายในเวลาไม่ถึงเดือน
ถัดมา พอหูเจียวเจียวมองเข้าไปในบ้านก็เห็นลูก 2-3 คนนอนสลบเหมือดอยู่ เธอจึงปรุงปลาย่างของโปรดเป็นอาหารเย็นให้ทุกคน
ในยามที่เจ้าตัวเล็กทั้งหลายเดินไปนั่งลงที่โต๊ะกินข้าว เมื่อทุกคนเห็นปลาย่าง ทันใดนั้นพวกเขาก็มีพลังวังชากลับมา พร้อมกับดวงตาที่ลุกเป็นไฟ รวมถึงความอยากอาหารของแต่ละคนก็พลุ่งพล่าน
แม้แต่หลงเซียวที่ได้กลิ่นหอมของปลาย่างยังอดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปากของตนเอง
ส่วนแม่จิ้งจอกที่ได้เห็นปฏิกิริยาของลูก ๆ ก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้เลี้ยงลูกมังกรกับลูกสุนัขจิ้งจอก แต่ได้เลี้ยงลูกแมวจอมหยิ่งผยอง เย็นชาและชอบกินปลาครอกหนึ่งเสียมากกว่า
ยามนี้ปลาย่างที่เพิ่งเสิร์ฟกำลังร้อนได้ที่ มันจึงส่งกลิ่นหอมของกระเทียมสับและเนื้อปลา ทำให้เหล่าเด็กน้อยที่กำลังเฝ้ารออาหารต่างก็น้ำลายสอ
ในเวลาเดียวกัน หัวของหลงเหยากำลังวางเกยอยู่บนขอบโต๊ะ จากนั้นดวงตาสีทับทิมก็เป็นประกาย อ้าปากกว้าง แล้วมีกองน้ำลายเปียกอยู่บนโต๊ะ...
เนื่องจากเจ้าตัวเล็กทั้ง 5 กินอาหารรสเผ็ดไม่ได้ ปลาที่หูเจียวเจียวทำมาให้พวกเขาจึงแค่เติมพริกไทยกับเกลือเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ ส่วนของเธอเองก็ปรุงรสเผ็ดตามปกติ
ทันทีที่มังกรน้อยลองขยับไปดมปลาของผู้เป็นแม่ก็สำลักจนน้ำตาไหล...
“ฮ่า ๆๆๆ! เสี่ยวเหยา น้ำหูน้ำตาของเจ้าไหลออกมาแล้วนั่น”
“เสี่ยวเหยา เจ้านี่ตะกละเสียจริง”
หลงหลิงเอ๋อกุมท้องหัวเราะ ส่วนหลงอวี้ที่อยู่ข้าง ๆ เอื้อมมือไปช่วยน้องชายคนเล็กเช็ด ‘น้ำตา’ ของเขา ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้อีกฝ่ายออกห่างจากโต๊ะเล็กน้อย “อย่าเข้าไปดมใกล้แบบนั้นสิ ปลาของท่านแม่มีกลิ่นฉุน”
จากนั้นคนเป็นพี่ใหญ่ก็นำผ้ามาเช็ดน้ำลายของเจ้ามังกรตัวเล็กบนโต๊ะด้วย
เมื่อแม่จิ้งจอกนำอาหารจานสุดท้ายออกมาวางบนโต๊ะ เธอก็เห็นดวงตาของหลงเหยาเป็นสีแดงก่ำเพราะสำลักกลิ่นของพริกที่รุนแรง แต่เธอไม่ได้เดินเข้าไปหาเขา
“เหยาเอ๋อเป็นยังไงบ้าง?” หูเจียวเจียวถามอย่างขบขัน ขณะที่วางไข่ตุ๋นไว้ข้างหน้าลูกโดยที่แต่ละคนมีไข่ตุ๋นชามหนึ่ง ถ้าปลาที่กินมีรสจัดเกินไป พวกเขาสามารถกินไข่ตุ๋นเพื่อเปลี่ยนรสชาติได้
“เสี่ยวเหยาตะกละจนสำลัก” หลงหลิงเอ๋อแกว่งขาไปมาเบา ๆ พลางอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น
จากนั้นจิ้งจอกสาวก็หันไปเห็นว่าหลงเหยากลัวอาหารเผ็ดมากจนไม่กล้าดมกลิ่นอย่างอื่นอีก
เธอจึงขยับปลาย่างที่มีกลิ่นฉุนของตนออกไปไกล ๆ ก่อนจะเกลี้ยกล่อมลูกชายคนเล็ก “แค่นี้ก็ไม่เป็นไรแล้ว เหยาเอ๋อ มากินข้าวกันเถอะ”
ถัดมา หลงเหยาขยับจมูกสีดำเล็กน้อย พอได้กลิ่นหอมของไข่ตุ๋น เขาก็เด้งตัวลุกขึ้นบินไปที่ชาม แล้วหันมามองผู้เป็นแม่อย่างกระตือรือร้น
“กินได้เลย นั่นเป็นของเจ้าทั้งหมด”
หูเจียวเจียวแย้มยิ้มอ่อนโยนพร้อมพยักหน้าให้มังกรน้อย หลังจากที่เด็กทุกคนได้ยินคำพูดของเธอ พวกเขาก็เริ่มลงมือกินอาหารตรงหน้า
หลงเหยาออกตัวแรงเป็นคนแรก เขาม้วนหางยกช้อนขึ้นและตักอาหารส่งเข้าปากทีละคำ เมื่อเทียบกับปลาย่าง เขาชอบไข่ตุ๋นที่นุ่มฟูมากกว่า
“ฮ่า~”
มีความสุขจัง!
ดวงตาสีแดงเล็กมีความสุขจนหรี่เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว หลังจากที่เจ้าตัวเล็กกินข้าวไป 2-3 คำ เขาก็รู้สึกว่ามันไม่ทันใจ
มังกรน้อยใช้ช้อนเลาะไข่ที่ติดอยู่ขอบชาม ก่อนจะกวนไข่ให้เละ เสร็จแล้วก็เอาหัวจุ่มลงไปในชาม
“งั่ม ๆ~”
ในทางกลับกัน หลงเซียวมักจะกินข้าวช้า ๆ เนื่องจากเขากลัวคราบน้ำมันและไข่ตุ๋นเลอะติดเสื้อผ้าของตัวเอง ดังนั้นเขาเลยใช้มือซ้ายรองที่ใต้ช้อนทุกคำที่ตักข้าวเข้าปาก
ส่วนหลงอวี้กับหลงจงแบ่งเนื้อส่วนท้องปลาให้หลงหลิงเอ๋อ โดยจัดการแกะเนื้อรวมถึงนำเงี่ยงปลาออกเพื่อไม่ให้นางกินแล้วติดคอ
เวลานี้เด็กทั้ง 5 กินข้าวกันอย่างมีความสุข
วันนี้ท่านพ่อไม่อยู่บ้าน รู้สึกดีมาก~
พอทุกคนทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย ลูก ๆ ก็กลับไปพักผ่อนที่ห้องหลังจากอาบน้ำเสร็จ ในขณะที่หูเจียวเจียวไปยังแม่น้ำเพื่อล้างหม้อและชามตามปกติ
เมื่อหญิงสาวกลับมาที่กระท่อม เธอก็พบร่างสีดำอยู่ภายในห้อง
“เหยาเอ๋อ ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
แม่จิ้งจอกมองเข้าไปใกล้ ๆ ก็เห็นว่าเจ้ามังกรน้อยที่ท้องป่องกำลังกลิ้งอยู่บนเตียงของเธอ
“งือ...”
หลงเหยาส่งเสียงร้องอย่างอ่อนแรง และขดตัวไม่ต่างจากยาจุดกันยุง โดยที่หัวของเขาซุกเข้ากับร่างกาย เผยให้เห็นเพียงรูม่านตาสีแดงคู่หนึ่ง
หูเจียวเจียวที่เห็นสภาพของลูกชายก็ตกใจรีบวิ่งเข้าไปดู
“เป็นอะไรหรือเปล่า เจ้าไม่สบายตรงไหน?”
“โฮ~” มังกรตัวเล็กพยักหน้า จากนั้นส่ายหัวอีกครั้ง
จิ้งจอกสาวไม่ได้ตั้งใจจะถามเพื่อเอาคำตอบจากหลงเหยา เธอเอื้อมมือไปแตะหัวอีกฝ่าย ก่อนจะพบว่ามันร้อนกว่าปกติ
“ทำไมตัวร้อนจัง ตอนกินข้าวยังดี ๆ อยู่เลย” เธอขมวดคิ้วและรีบหยิบแผ่นเจลลดไข้ออกจากมิติมาแปะไว้ที่หน้าผากของมังกรน้อย
จากนั้นเธอเอาแอลกอฮอล์มาเช็ดตัวให้ลูกชาย
ยามนี้คนตัวเล็กนอนนิ่งเฉยขณะปล่อยให้ผู้เป็นแม่เช็ดตัว เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เขาก็เกลือกกลิ้งเพราะความเจ็บปวดเป็นครั้งคราว พอเธอเช็ดตัวให้เขาเสร็จ เขาก็ม้วนตัวไปอยู่ในท่าทางป้องกันอีกครั้ง
เด็กคนนี้ต้องทรมานมากแค่ไหนถึงได้มาหาเธอ
อาการไม่สู้ดีของลูกชายคนสุดท้องทำให้หัวใจของหูเจียวเจียวปวดร้าวไปชั่วขณะ แม้ว่าเธอจะรู้สึกแย่ ทว่าเธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ
แต่ทำไมหลงเหยาถึงมีไข้ล่ะ?
“เป็นไปได้ไหมว่าอาหารเย็นบูดไปแล้ว?” หญิงสาวพึมพำพลางสัมผัสท้องกลม ๆ ของคนตัวเล็กที่ซ่อนอยู่ใต้ร่าง แล้วส่ายหัวอย่างไม่มั่นใจ
ถ้ากินของไม่ดี เด็กคนอื่นน่าจะท้องเสียกันทั้งหมด
อีกทั้งเจ้าตัวเล็กมีพุงกลม ๆ แบบนี้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขากินจนพุงกางเลย
ขณะที่หูเจียวเจียวกำลังคิดว่าจะพาหลงเหยาไปหาหมอดีหรือไม่ ทันใดนั้นเสียงของลูกที่เหลือก็ดังมาจากนอกบ้าน
“เสี่ยวเหยา เจ้าอยู่ที่ไหน!?”
“เสี่ยวเหยา ออกมาเดี๋ยวนี้ อย่าเล่นอะไรแผลง ๆ นะ!”
“ท่านแม่! แย่แล้ว เสี่ยวเหยาหายไปแล้ว—”
บัดนี้เสียงของเด็กตัวเล็กดังก้องไปทั่วบ้าน ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ค้นหาบริเวณนอกบ้านแล้ว แต่ก็ไม่พบตัวหลงเหยา ดังนั้นพวกพี่ ๆ จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกไปตามหาน้องชาย
ในตอนนั้นเอง หลงหลิงเอ๋อที่ตาแดงก่ำมุ่งหน้าไปยังกระท่อมหลังเล็กของแม่จิ้งจอกแล้วชะโงกหน้ามองคนที่อยู่ข้างในก่อนจะพูดอย่างกังวลใจ ไม่นานนางก็สังเกตเห็นมังกรน้อยนอนอยู่ข้างหน้าแม่ของตน
“เสี่ยวเหยา?”
เสียงที่กังวลปนสะอื้นไห้ของเด็กสาวหยุดลงทันที และนางก็หันกลับไปตะโกนบอกพี่น้องอย่างมีความสุข ”พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม เสี่ยวเหยาไม่ได้หลงทาง เสี่ยวเหยาอยู่กับท่านแม่ที่นี่!”
เมื่อสิ้นเสียงของสาวน้อย ร่างเล็ก ๆ อีก 3 ร่างก็พุ่งเข้ามาในกระท่อมอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวเหยา เจ้าเป็นอะไรไป?” หลงอวี้ขมวดคิ้วมองน้องชายคนเล็กที่มีสีหน้าเจ็บปวด
“ท่านทำอะไรกับเสี่ยวเหยา!?” ใบหน้าของหลงจงมืดลง เขาฉีกแผ่นหน้าตาแปลกประหลาดบนหัวของหลงเหยาออก และถามหูเจียวเจียวด้วยน้ำเสียงโกรธ
พอเด็กหนุ่มได้เห็นท่าทางที่ทุกข์ทรมานของหลงเหยา เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่ลึกลงไปในใจตัวเองยามที่ใบหน้าของเขาถูกไฟไหม้ ซึ่งมันทำให้เขาคิดโดยไม่รู้ตัวว่าแม่ใจยักษ์กำลังจะทรมานพวกเขาอีกครั้ง
ทว่า…
ในเวลาเดียวกัน หลงหลิงเอ๋อขยับเข้าไปมองมังกรตัวเล็กใกล้ ๆ จากนั้นดวงตาของนางก็เบิกกว้างพร้อมกับอุทานด้วยความประหลาดใจ
“เสี่ยวเหยาไม่เป็นไร เสี่ยวเหยากำลังจะแปลงร่าง!”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 290
แสดงความคิดเห็น