ตอนที่ 333 โกลด์แพนเธอร์
ตอนที่ 333 โกลด์แพนเธอร์
“เปลี่ยนเป้าหมายและกำจัดมันซะ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
ยานประจัญบานใกล้จะระเบิดขึ้นมาเต็มทน แล้วมันก็ทำให้เหล่าบรรดาลูกเรือภายในยานต่างก็กำลังพยายามวิ่งหนีกันอย่างจ้าละหวั่น
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเขาแทบจะเป็นมนุษย์คนแรกในพันธมิตรที่ใช้ยานรบหนักในการเผชิญหน้ากับยานประจัญบานจริง ๆ และผลลัพธ์ที่ปรากฏออกมาก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์
ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่ายานรบหนักสามารถเผชิญหน้ากับยานประจัญบานได้จริง ๆ แต่ผลลัพธ์นี้ก็อาจจะเป็นเพราะกัปตันยานประจัญบานไม่คุ้นเคยกับยานรบรุ่นใหม่อย่างยานรบหนักได้เช่นกัน
สมมติว่ายานประจัญบานลำนี้ได้ติดตั้งเครื่องแทรคชั่นคอนโทรลเลอร์เอาไว้ มันก็จะทำให้เบโอเนทกลายเป็นเป้านิ่งได้เช่นกัน และถ้าหากว่ายานประจัญบานคอยระดมยิงจากระยะไกลเซี่ยเฟยก็ไม่สามารถที่จะทำลายยานลำนี้ลงไปได้
ขณะเดียวกันถ้าหากว่ายานประจัญบานของศัตรูได้ติดตั้งระบบดูดพลังงานหรือระบบรบกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ ถึงแม้ว่าเบโอเนทจะไม่พ่ายแพ้แต่มันก็คงจะไม่ได้รับชัยชนะง่าย ๆ เหมือนกับการสู้รบในครั้งนี้ด้วยเหมือนกัน
ตูม!
ยานประจัญบานขนาดใหญ่เริ่มเกิดการระเบิดขึ้นมาอย่างรุนแรง และทำให้ทั่วทั้งท้องฟ้าที่มืดมิดส่องสว่างวาบขึ้นมาราวกับมีดอกไม้ไฟ
ขณะที่เซี่ยเฟยกำลังพยายามเร่งเครื่องเข้าไปกำจัดยานรบอีก 5 ลำ จู่ ๆ มันก็ได้มีรูหนอนปรากฏขึ้นมาก่อนที่ยานรบทั้งห้าลำนั้นจะเคลื่อนที่เข้าสู่รูหนอนเพื่อหนีออกไปจากสนามรบ
เซี่ยเฟยนั่งจุดบุหรี่อยู่ในห้องบัญชาการและเมื่อเขาได้นึกถึงการต่อสู้เมื่อสักครู่ มันก็ทำให้เขาเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“นายตัดสินใจเสี่ยงมากเลยนะที่เอายานรบหนักเข้าไปเผชิญหน้ากับยานประจัญบานโดยที่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันมาแบบนี้ นี่โชคดีที่กำลังเสริมของศัตรูเคลื่อนที่เข้ามาช่วยเหลือได้ไม่ทัน ไม่อย่างนั้นนายก็คงจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากกว่านี้หลายเท่า” อันธกล่าวหลังจากการต่อสู้ได้จบลง
“ของบางอย่างถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ ตอนแรกฉันก็วางแผนที่จะหนีออกไปแล้วด้วยเหมือนกัน แต่หลังจากที่ฉันได้เห็นยานฟริเกตถูกทำลายด้วยปืนใหญ่นิวตรอนเพียงแค่สามนัด มันก็ทำให้ฉันเปลี่ยนความคิด” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพ่นควันออกมาเป็นวง จากนั้นเขาก็เริ่มพูดต่อว่า
“สถานการณ์แบบนี้คงจะเกิดขึ้นได้แค่เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น เพราะเมื่อไหร่ที่คนทั้งพันธมิตรได้รู้จักกับยานรบหนักและเริ่มศึกษาข้อมูลของยานประเภทนี้อย่างจริงจัง เมื่อนั้นฉันก็คงจะไม่สามารถใช้แผนการแบบนี้ได้อีกต่อไป แต่อย่างน้อยในวันนี้ฉันก็สามารถยืนยันทฤษฎีของตัวเองได้อีกครั้ง”
“ทฤษฎีอะไร?”
“ไม่มียานรบลำไหนแข็งแกร่งที่สุด สิ่งที่กำหนดความแข็งแกร่งของยานรบขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ติดตั้งบนตัวยานและความสามารถในการสั่งการของกัปตัน”
—
เซี่ยเฟยไม่ได้โต้เถียงกับอันธมากนัก เพราะท้ายที่สุดวิญญาณตนนี้ก็ไม่ต่างไปจากมือใหม่ในเรื่องเครื่องจักร เขาจึงพยายามเปลี่ยนประเด็นไปพูดคุยในเรื่องอื่น โดยเฉพาะในตอนที่สถานการณ์ของวินด์ไชม์ยังไม่แน่นอนจนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกกังวล
พอตเตอร์ยังคงชื่นชอบวินด์ไชม์มาก ซึ่งถ้าหากว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนนี้ชายชราก็คงจะตรอมใจไปเป็นเวลานาน แล้วมันย่อมส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทควอนตัมอย่างแน่นอน
เซี่ยเฟยขับยานรบลงไปจอดท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง และเนื่องจากว่าลมทะเลทรายยังคงพัดอย่างรุนแรงมันจึงทำให้เปลวไฟโหมกระหน่ำมากยิ่งขึ้น
ชายหนุ่มนำผ้าพันคอมาพันปิดปากปิดจมูกตัวเองเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ลมพัดทรายเข้ามาในปากและในจมูกของเขา ส่วนอีกเหตุผลคือเขาไม่ชอบกลิ่นซากศพที่ถูกเผาไหม้ และถึงแม้เขาจะรู้ว่าทุกคนจะต้องตายแต่การถูกเผาท่ามกลางไฟสงครามก็ยังคงเป็นเรื่องที่น่าสงสารเกินไปอยู่ดี
ผู้คนภายในเมืองที่ถูกทำลายเริ่มออกมาทำความสะอาดบ้านเรือนที่ถูกรื้อค้น ซึ่งในระยะสายตาของเซี่ยเฟยก็มีหญิงเปลือยกายนั่งร้องไห้อยู่หลายคน และเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์มันก็คงไม่จำเป็นจะต้องบอกว่าเธอได้ประสบกับเรื่องเลวร้ายอะไรมา
“ไม่นะ! บ้านฉันมันพังไปหมดแล้ว!!” ชายคนหนึ่งเอามือมากุมศีรษะพร้อมกับร้องไห้อย่างหมดหนทาง
ขณะเดียวกันหญิงสาวผู้ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นภรรยาของชายคนนั้นก็เดินอุ้มทารกเข้ามาให้กำลังใจสามีของตัวเอง โดยเธอได้กล่าวปลอบสามีออกไปว่าตราบใดก็ตามที่สมาชิกภายในครอบครัวยังคงอยู่ พวกเขาก็สามารถที่จะสร้างบ้านขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้
ทันใดนั้นเองชายที่กำลังพยายามดับไฟบนอาคารก็เริ่มสังเกตเห็นเซี่ยเฟย เขาจึงใช้แขนปาดเหงื่อบนหน้าผากพร้อมกับทิ้งคราบสีดำเอาไว้
“คุณกำลังหาพี่สาววินด์ไชม์อยู่หรือเปล่า?”
เซี่ยเฟยพยักหน้าอย่างระมัดระวัง
“ผมเคยเห็นคุณในบาร์ของพี่สาววินด์ไชม์มาก่อน ผมจำได้ว่าตอนนั้นเป็นครั้งแรกเลยที่ผมเห็นคนที่สามารถกินเผ็ดได้มากขนาดนั้น” ชายร่างใหญ่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“ตอนนี้บาร์ยังอยู่ดีไหม?” เซี่ยเฟยถาม
“บาร์ถูกทำลายหายไปแล้วแต่พี่สาววินด์ไชม์ยังปลอดภัยอยู่ มาสิเดี๋ยวผมจะพาคุณไปหาพี่สาววินด์ไชม์เอง” ชายร่างใหญ่ตอบพร้อมกับเดินนำเซี่ยเฟยออกไปยังนอกเมือง
เมื่อออกมาจากนอกเมืองเซี่ยเฟยก็ได้พบกับลมพายุทะเลทรายที่ทำให้เขาแทบที่จะลืมตาไม่ขึ้น ซึ่งหลังจากที่เขาได้เดินทางกลางทะเลทรายไปประมาณ 5 กิโลเมตร มันก็เริ่มมีความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้นมาในจิตใจของเขา
‘วินด์ไชม์เป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมเธอถึงได้มาอยู่ท่ามกลางทะเลทรายที่แห้งแล้งแบบนี้?’
หลังจากเดินต่อไปได้ไม่นานคฤหาสน์หลังใหญ่ก็ได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเซี่ยเฟย โดยตัวคฤหาสน์ถูกสร้างขึ้นมาด้วยทรายผสมโลหะพิเศษ แต่น่าเสียดายที่ตัวคฤหาสน์น่าจะถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานานแล้ว มันจึงทำให้ตัวคฤหาสน์ตกอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรมเป็นอย่างมาก
“เข้าไปข้างในกันเถอะ” ชายร่างใหญ่หันศีรษะมาพูดกับเซี่ยเฟย
ลมทะเลทรายบริเวณนี้แรงมาก มันจึงทำให้ชายร่างใหญ่จำเป็นจะต้องส่งเสียงตะโกนออกมาเสียงดังเพื่อให้เซี่ยเฟยได้ยินในสิ่งที่เขากำลังจะสื่อ
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับพร้อมกับดึงเดือยกระดูกออกมาถือไว้ในมือเงียบ ๆ
“เข้ามาเร็วเข้าน้องชาย! ลมข้างนอกมันค่อนข้างแรง เข้ามาล้างหน้าล้างตาข้างในก่อน” ชายกำยำคนหนึ่งเปิดประตูออกมาต้อนรับเซี่ยเฟยอย่างอบอุ่น
เมื่อเข้ามาด้านในสภาพของคฤหาสน์ก็ไม่ต่างไปจากบ้านเรือนในท้องถิ่น เพราะเพื่อป้องกันไม่ให้ลมพัดทรายเข้ามาด้านใน ทั้งหน้าต่างและประตูจึงถูกปิดทึบทำให้ภายในห้องตกอยู่ภายในความมืดมิด
แต่ในทันใดนั้นเองเซี่ยเฟยก็เริ่มเคลื่อนที่ด้วยความเร็วอย่างสุดกำลัง
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
ชายหนุ่มเคลื่อนที่เข้าไปปาดคอมือปืนหลายคนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดเพียงแค่พริบตา ก่อนที่เขาจะยกเดือยกระดูกมากดใบมีดลงไปบนคอของชายที่เปิดประตู
ชายคนนี้กำลังเตรียมน้ำออกมาให้เซี่ยเฟยได้ล้างหน้าและเมื่อเขาได้เห็นใบมีดที่กำลังจ่อคออยู่ เขาก็ปล่อยถังน้ำหล่นลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ขณะเดียวกันมันก็มีเสียงตึงตังดังขึ้นมาจากในคฤหาสน์ซึ่งเป็นเสียงของมือปืนที่กำลังล้มตัวลง
เหตุการณ์นี้ทำให้ชายฉกรรจ์รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก เพราะเซี่ยเฟยได้ใช้เวลาเพียงแค่พริบตาในการสังหารมือปืนที่เขาได้เตรียมเอาไว้
“แกเป็นใครกันแน่? แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับวินด์ไชม์?” เซี่ยเฟยถามออกไปอย่างเย็นชาพร้อมกับกดใบมีดลงไปบนลำคอจนเริ่มมีเลือดไหลออกมาจาง ๆ
—
ลึกเข้าไปในทะเลทรายประมาณ 300 กิโลเมตรมีหุบเขาขนาดใหญ่ถูกหลบซ่อนเอาไว้ ซึ่งเซี่ยเฟยก็กำลังจับมือชายคนนั้นพร้อมกับมองไปตามแนวหุบเขา
“วินด์ไชม์อยู่ที่นี่งั้นเหรอ?”
“ใช่ พี่สาววินด์ไชม์กับกลุ่มกบฏซ่อนตัวอยู่ในหุบเขานี้ แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกเธออยู่ที่ไหนกันแน่”
ป็อก!
เซี่ยเฟยบิดแขนชายฉกรรจ์เบา ๆ จนมีเสียงกระดูกหักดังลั่นออกมาจนถึงด้านนอก
เพี้ยะ!
ในระหว่างที่ชายฉกรรจ์กำลังดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด เซี่ยเฟยก็ตบหน้าเรียกสติชายคนนั้นด้วยความโหดเหี้ยม
“พูดความจริงออกมาเดี๋ยวนี้!”
“มุ่งหน้าไปทางใต้ประมาณ 70 กิโลจะเป็นฐานทัพเก่าของวินด์ไชม์”
ฟุบ!
ร่างของทั้งสองหายไปอีกครั้งก่อนที่พวกเขาจะได้ปรากฏตัวขึ้นทางทิศใต้ที่ออกห่างไปประมาณ 70 กิโลเมตร
เซี่ยเฟยเริ่มเดินตามเส้นทางของชายคนนี้ ก่อนที่เขาจะได้พบว่าหุบเขาด้านในไม่ได้มีลมกรรโชกเหมือนกับหุบเขาทางด้านนอก
ต่อมาพวกเขาก็ได้พบกับถ้ำแห่งหนึ่งที่ดูคล้ายกับจะเป็นถ้ำที่ถูกขุดขึ้นมาตั้งแต่สมัยเมื่อนานมาแล้ว
“ที่นี่เคยเป็นเหมืองแร่มาก่อน พี่สาววินด์ไชม์กับคนของเขาซ่อนตัวอยู่ด้านในเหมืองที่เชื่อมต่อกันเป็นโครงข่ายขนาดใหญ่ ดังนั้นถึงแม้ว่าท่านลอเรนโซ่จะอยากกำจัดกลุ่มของพี่สาววินด์ไชม์ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรพวกพี่สาววินด์ไชม์ได้” ชายฉกรรจ์รีบรายงานสถานการณ์ก่อนที่เซี่ยเฟยจะเริ่มอารมณ์เสียและทำร้ายร่างกายของเขาอีกครั้ง
เพี้ยะ!
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไรเขาก็ถูกเซี่ยเฟยตบเข้าใส่ใบหน้าอย่างแรง
“แกจะเรียกคนที่ไล่ฆ่าพี่สาววินด์ไชม์ว่า ‘ท่าน’ ได้ยังไง” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
เซี่ยเฟยเป็นผู้ที่มีพลังพิเศษสายความเร็วและเขาก็ยังมีประสาทสัมผัสที่เฉียบคมมาก ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาเพียงแค่ไม่นานในการสังเกตเห็นว่ามีคนซ่อนตัวอยู่ในถ้ำและกำลังแอบดูพวกเขาอยู่
“ฉันชื่อเซี่ยเฟย ฉันมาที่นี่เพื่อตามหาพี่สาววินด์ไชม์ ช่วยรายงานเรื่องนี้ให้เธอได้รู้ด้วย!” เซี่ยเฟยตะโกนเข้าไปภายในถ้ำก่อนที่จะนั่งลงและยกบุหรี่ขึ้นมาจุด
ตุบ!
ชายในมือของเซี่ยเฟยถูกชายหนุ่มโยนลงพื้นอย่างแรงจนทำให้เขารู้สึกจุกไปชั่วขณะ
“เซี่ยเฟยทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” หลังจากนั้นไม่นานมันก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากระยะไกล
เซี่ยเฟยมองตามเสียงไปก่อนที่เขาจะได้พบว่าเจ้าของเสียงคือวินด์ไชม์ ผู้ซึ่งเป็นคนสนิทของพอตเตอร์นั่นเอง โดยในตอนนี้เธอได้สวมใส่ชุดเครื่องแบบทหารพร้อมกับพกปืนเลเซอร์เอาไว้ที่เอวคล้ายกับว่าเธอพร้อมออกรบได้ทุกเวลา
—
เซี่ยเฟยได้รับการเลี้ยงต้อนรับด้วยกลุ่มกบฏที่กำลังมองมาทางเขาอย่างระแวดระวัง ซึ่งคนที่อยู่ภายในถ้ำส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่เซี่ยเฟยเคยเห็นหน้าภายในบาร์ของวินด์ไชม์ตั้งแต่เขามาในครั้งก่อน
“ทำไมอยู่ ๆ คุณถึงกลายเป็นกบฏได้ล่ะ?” เซี่ยเฟยถามขณะวางจานลงบนโต๊ะ
“ฉันเคยบอกตั้งแต่ครั้งที่แล้วใช่ไหมว่าพวกเรากำลังวางแผนจะต่อต้านลอเรนโซ่ ซึ่งในตอนนี้สถานการณ์ก็กำลังเข้าสู่ความวุ่นวายและมันก็เป็นโอกาสที่ดีที่พวกเราจะเริ่มลงมือด้วยเหมือนกัน” วินด์ไชม์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ลอเรนโซ่คือผู้มีอำนาจที่ควบคุมดาวดวงนี้และจากข้อมูลที่วินด์ไชม์ได้ให้มา มันก็ดูเหมือนกับว่าเขาจะเป็นพวกใช้อำนาจไปในทางที่ผิด โดยเฉพาะการกดขี่ชีวิตของประชาชนเพื่อให้ความเป็นอยู่ของตัวเองเป็นไปอย่างสุขสบาย
“พอตเตอร์... สบายดีไหม?” วินด์ไชม์ถามอย่างลังเล
“โชคดีที่ลุงเขายุ่งอยู่กับงาน เขาเลยไม่ค่อยมีเวลาเศร้าโศกเสียใจมากเท่าไหร่” เซี่ยเฟยกล่าว
วินด์ไชม์ค้อมศีรษะลงเล็กน้อยราวกับว่าเธอกำลังรู้สึกผิดอยู่เช่นกัน
“คุณไปพันธมิตรพร้อมกับผมเถอะ อย่างน้อยที่นั่นก็สงบสุขมากกว่าที่นี่” เซี่ยเฟยพูดอย่างจริงใจ
“พี่น้องทุกคนต่างก็ไว้ใจฉันและทุกคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็หวังว่าจะมีอิสระในสักวันหนึ่ง ดังนั้นฉันจึงทิ้งพวกเขาไปพันธมิตรพร้อมกับนายไม่ได้จริง ๆ” วินด์ไชม์กล่าวพร้อมกับส่ายหัว
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยขณะกำลังจะพูดในสิ่งที่เขาได้เตรียมเอาไว้เพื่อเกลี้ยกล่อมให้วินด์ไชม์เดินทางไปยังพันธมิตร แต่ในทันใดนั้นชายฉกรรจ์ผู้สวมใส่สร้อยคอทองคำก็รีบเดินเข้ามาพร้อมกับส่งเสียงตะโกนด้วยความรวดเร็ว
“พี่สาววินด์ไชม์มันถึงเวลาที่เราต้องไปแล้ว!”
“พี่สาววินด์ไชม์ไว้ค่อยกลับมาคุยทีหลังเถอะ ตราบใดก็ตามที่เราสามารถจับโกลด์แพนเธอร์ในครั้งนี้ได้ พวกเราก็จะมีเงินมากพอที่จะซื้ออาวุธไปจัดการกับลอเรนโซ่” ชายผู้มีหนวดสีดำกล่าวเสริมขึ้นมา
ชายฉกรรจ์ผู้สวมสร้อยมองชายหนวดดำด้วยความไม่พอใจ ราวกับว่าจะส่งสัญญาณเตือนว่าอย่าพูดอะไรต่อหน้าคนนอก
“โกลด์แพนเธอร์!? พวกคุณกำลังพูดถึงสัตว์อสูรธาตุไฟผสมน้ำแข็งอยู่หรือเปล่า?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตกใจ
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 160
แสดงความคิดเห็น