ท่ามกลางเสียงโต้เถียง
“ข้าตัดสินใจแล้ว เรือนหลังนี้พี่ใหญ่ของพวกเจ้าจะเป็นคนเลี้ยงข้า ข้าจะยกมันให้แก่เขา ที่นาให้พี่ใหญ่พวกเจ้าสามสิบไร่ เจ้ารอง เจ้าสาม และเจ้าสี่เอาไปคนละ10ไร่ วัวมีอยู่ทั้งหมดสิบสองตัว ให้เจ้าใหญ่หกตัว ส่วนพวกเจ้าน้องๆเอาไปคนละ2ตัว เงินทั้งหมดหนึ่งร้อยตำลึงทอง ให้พี่ใหญ่เจ้าสี่สิบตำลึง ส่วนพวกเจ้าสามคนแบ่งกันคนละ20ตำลึง พวกเจ้าเห็นด้วยหรือไม่” แม่โจ เกอผู้เฒ่าตระกูลโจบอกออกมา หลังจากตาเฒ่าโจคู่ชีวิตได้จากไปเมื่อหนึ่งปีก่อนแล้ว ตอนนี้ก็ได้เวลาที่จะแบ่งสมบัติให้แก่ลูกๆของเขาแล้ว
“ท่านแม่ท่านจะไม่ลำเอียงจนเกินไปหน่อยหรือขอรับ อย่างอื่นพวกข้าจะไม่ว่าเลยสักคำ แต่แม้แต่เงินที่พวกเราพี่น้องช่วยกันหามา ท่านยังแบ่งให้พี่ใหญ่มากกว่าผู้ใด” โจฉีพี่รองของบ้านกล่าวออกมา ไม่คิดว่ามารดาของตนจะลำเอียงได้ถึงขนาดนี้ พี่ใหญ่ได้บ้านหลังใหญ่งดงามที่พึ่งสร้างเสร็จได้ไม่นานแล้วยังไม่พอ เขายังได้ทุกอย่างมากกว่าพี่น้องไปอีก
“ใช่พี่รอง ท่านแม่ท่านลำเอียงเกินไปจริงๆ” โจรุ่ยเองก็มีสีหน้าไม่พอใจ ถึงพี่ใหญ่จะเป็นคนที่ท่านแม่เลือกไปอยู่ด้วยท่านแม่ยังมอบให้พี่ใหญ่มากขนาดนี้ อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ว่าท่านแม่ยังมีสมบัติส่วนตัวที่จะแอบเอาไว้ให้พี่ใหญ่อีก
“เจ้ารอง เจ้าสี่เหตุใดเจ้าถึงว่ากล่าวท่านแม่เช่นนี้เจ้า เจ้า” พี่ใหญ่อย่างโจต้าหลางกรุ่นโกรธยิ่ง ที่น้อง ๆถึงขั้นแสดงความไม่พอใจออกมาต่อหน้ามารดาเช่นนี้
“พี่ใหญ่ไม่ได้เป็นผู้ที่เสียเปรียบท่านก็พูดได้ พวกข้าทุกคนแม้แต่เรือนยังไม่มี เงินยี่สิบตำลึงทองนี้สร้างเรือนก็หมดแล้ว ข้าต้องเลี้ยงลูกเมียข้าจะหาเงินมาจากที่ใดรึ” โจฉีกล่าวออกมา พี่ใหญ่ของเขามีแต่ได้กับได้คงไม่เดือดร้อนอะไร แต่พวกเขาไม่ใช่ โดยเฉพาะ เขาที่มีภรรยาและลูกอีกสองคน เดิมท่านแม่ขอให้แยกเรือนในตอนนี้ก็นับว่าไม่ถูกต้องแล้ว พี่ใหญ่ยังจะเอาเปรียบพวกเขาอีก โจฉีเลือดขึ้นหน้าแล้วเวลานี้
“ใช่พี่ใหญ่ ท่านช่างโชคดีนักเป็นลูกรักของท่านแม่ อันใดก็ไม่ต้องเสียซ้ำยังได้บ้านไปโดยไม่ต้องหาเงินสร้างเอง” โจรุยก็ไม่อยากยอมรับการแบ่งสมบัติของมารดาเช่นกัน เขาเองก็มีภรรยาและบุตรชายอีกหนึ่งที่ยังแบเบาะ แต่ท่านแม่กลับไม่เคยเห็นใจพวกเขา สร้างบ้านหลังใหม่เสร็จกลับคิดหาทางขับไล่พวกเขาออกไปเสียได้ บ้านหลังใหญ่เช่นนี้พวกเขาอยู่รวมกันทั้งหมดยังได้ เห็นได้ชัดว่ามารดาลำเอียง
“พวกเจ้าจะว่าข้าได้รึ ข้าต้องเป็นผู้เลี้ยงดูท่านแม่ยามแก่เฒ่า ข้าได้มากกว่าพวกเจ้ามากสักหน่อยจะเป็นไรไป” โจต้าไม่คิดว่าเป็นความผิดของเขาที่เขาได้ส่วนแบ่งมากกว่าพี่น้องคนอื่น ต่อไปอย่างไรมารดาก็เป็นพี่ใหญ่อย่างเขาต้องเลี้ยงดู การเลี้ยงดูคนแก่คิดว่าง่ายดายไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเลยรึ
“เหอะพี่ใหญ่พูดคล้ายว่าพวกข้าจะไม่ดูแลท่านแม่เช่นนั้นแหละ สามีและข้าอย่างไรก็ต้องมาดูและนางบ้าง” ซูลี่สะใภ้รองของบ้านขณะที่นางอุ้มบุตรชายที่ยังเป็นทารกอยู่ในอก มองดูพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ พี่สะใภ้นางนี้หยิ่งยโสยิ่งตามปกติ มีแต่พวกนางเหล่าน้องสะใภ้ต่างทำงานทั้งในนาและในเรือนแทนนางอยู่ประจำ คิดรึว่านางจะดูแลแม่โจได้ แม้ย้ายเรือนออกไปคงไม่พ้นพวกนางที่ต้องคอยมาดูและเช่นเดิม
“น้องสะใภ้รองเจ้าเป็นเพียงสะใภ้จะสอดปากเรื่องนี้ได้รึ” โจต้า พูดเสียงแข็งนางเป็นเพียงสะใภ้จะมายุ่งเรื่องสมบัติของบ้านสามีได้รึ นางช่างกล้านัก
“นี่ท่าน” ซู่ลี่ถึงกับพูดไม่ออก นางไม่มีสิทธิ์เรื่องผลประโยชน์ของสามีนางรึ นางไม่ยุ่งได้รึก็เห็นๆอยู่ว่าสามีนางและน้องคนอื่น ๆต่างถูกโจต้าเอาเปรียบ
“หยุด พวกเจ้าเป็นพี่น้องกันทะเลาะกันเสียงดังเช่นนี้ ไม่อายชาวบ้านรึ พอแล้วหากเป็นเช่นนั้นพวกเจ้าไม่ต้องมาดูแลข้า ยังไงข้าก็แบ่งไปแล้ว ต่อไปนี้เรื่องของข้าพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ของพวกเจ้าเป็นผู้ดูแล พวกเจ้าไม่ต้องมาดูแลข้า ข้าจะไม่ถือว่าพวกเจ้าอกตัญญูแต่อย่างใด ให้เข้าใจตรงนี้ด้วย” แม่โจนางตะคอกเสียงดัง เรื่องราวในเรือนกลับทะเลาะกันเสียงดังเช่นนี้คาดว่าหูของชาวบ้านคงกระดิกรอฟังแล้ว ในเมื่อพวกเขาเห็นว่านางลำเอียง อย่างไรนางก็ฝากชีวิตที่เหลือไว้ให้ครอบครัวเจ้าใหญ่ดูแล ส่วนลูกคนอื่น ๆไม่จำเป็นต้องมาดูแลนาง นางกลัวแต่พวกเขาจะหาข้ออ้างมายืมเงินละสิไม่ว่า เช่นนั้นก็พูดให้ชัดเจนไปเลย
“ท่านแม่ ท่านถึงกับทำเช่นนี้ ได้ ต่อไปก็ให้พี่ใหญ่ดูแลท่านแม่ให้ดีสมกับท่านรักก็แล้วกัน” โจรุ่ยกำหมัดแน่น ไม่คิดว่ามารดาจะไร้เยื่อใยเช่นนี้ ทั้งในใจมีแต่ความน้อยใจและกรุ่นโกรธ หากท่านแม่ไม่ต้องการจากนี้ก็ทางใครทางมันก็แล้วกัน
“หึ ในเมื่อท่านแม่พูดเช่นนี้ ข้าจะจดจำไว้ พวกเรายากดีมีจนอย่าคิดถึงกันเลย เจ้าสามเจ้าว่าเช่นไร” โจฉีเมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาเองก็หมดใจต่อมารดาผู้นี้แล้ว ต่อไปเขาจะดูแลแค่ครอบครัวของตนเอง ก่อนจะหันไปหาน้องสามที่นั่งก้มหน้าไม่กล่าวอะไรมาเสียนาน น้องชายของเขาผู้นี้นับว่าน่าสงสารยิ่งนัก เขาโง่เขลาซ้ำยังถูกแม่โจทุบตีอยู่บ่อยครั้ง เขาพอรู้ความอยู่นับว่าดีมากแล้ว
“ขะ ข้าไม่” โจอันเฉิงกำมือไว้ที่หน้าเข่าตนเอง เขารู้ว่าพี่รองและน้องสี่ ทะเลาะเรื่องแบ่งสมบัติกับพี่ใหญ่ และรู้ว่าต่อไปตนจะไม่ได้อยู่บ้านหลังใหญ่ที่งดงามนี้แล้ว แต่เขาไม่มีทางปฏิเสธได้ว่าไม่อยากจากไป
“ท่านพี่ไม่ว่าอะไร แต่ข้าขอขัดนะขอรับ” อวิ้นซีไม่รู้ว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร เมื่อครู่ที่เขาไม่ได้พูดอะไรท่างกลางเสียงโต้เถียงกันนั้น เขากำลังใช้เวลาจักการข้อมูลในหัวที่ได้รับมา สรุปสั้น ๆคือเขาได้เข้ามาอยู่ในร่างคนอื่น ยังมีสามีแล้วด้วยและสามีก็เป็นคนโง่ผู้หนึ่งที่ตอนนี้กำลังจะถูกผู้อื่นเอาเปรียบ ซ้ำของเจ้าของร่างเดิมยังถูกเอาเปรียบด้วยเช่นกัน เมื่อมาถึงขั้นนี้เขาไม่พูดขึ้นไม่ได้แล้ว
“สะใภ้สาม เจ้าเป็นสะใภ้จะกล่าวอะไรอีก บุตรชายของข้าตกลงกันได้แล้ว เจ้าหยุดปากเสีย” แม่โจเมื่อเห็นสะใภ้สามผู้หัวอ่อน แต่บัดนี้ถึงกลับข้าขัดพวกเขาขึ้นมาในใจคล้ายกับมีลางสังหรณ์บางอย่าง จึงรีบตวาดเสียงดังไม่ให้เขาพูดอันใดออกมาอีกต่อไป
“เห็นทีจะไม่ได้ขอรับท่านแม่ ในเมื่อบ้านหลังนี้สร้างโดยสินเดิมของข้าส่วนหนึ่ง จะยกให้ผู้อื่นไปเปล่าๆได้รึ” อวิ้นซียกยิ้ม แค่เพียงใช้เสียงดังคิดว่าจะข่มเขาได้รึ อย่างไรวันนี้เขาจะต้องได้สินเดิมของเจ้าของร่างคืนมา คิดว่าเขาเป็นเพียงเกอหัวอ่อนที่ถูกครอบครัวผลักไสให้มาแต่งงานกับคนโง่อยู่รึ เกอเฒ่าผู้นี้คิดเอาสินเดิมของข้าไปเปล่าๆคิดง่ายเกินไปหรือไม่
“เจ้า เจ้าพูดอันใด สินเดิมอันใดอย่าพูดพล่อยๆข้ารึจะเอาสินสมรสของเจ้ามาสร้างเรือนนี้”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 113
แสดงความคิดเห็น