ตอนที่ 53
ตอนที่ 53
เรื่องเมื่อเช้า แต๋วไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น แต่เธอไม่ตกใจมากนัก เพราะระมัดระวังตัวตั้งแต่แรกอยู่แล้ว โดยหลังจากข่มขู่พี่น้องตระกูลหวง เธอก็ไล่ออกไปทันที
นอกจากเธอไม่ประมาทแล้ว ในม้วนสารที่เสี่ยวเฮยมาส่งให้นั้น ไม่มีแค่แจ้งให้รู้เรื่องกับดักอย่างเดียว ยังแจ้งให้รู้ด้วยว่าในจวนนี้มีกล้อง
ตอนแรกที่เธอได้อ่านก็เริ่มคิดหนัก แต่เมื่ออ่านเนื้อหาจนจบ ก็เกิดความประหลาดใจ
สองพี่น้องคู่นั้นมีวิธีหลบเลี่ยงกล้อง !?
แม้ได้รู้แล้ว แต๋วก็ยังไม่เชื่อเต็มร้อย เพราะเธอเข้าใจอย่างดีว่าไม่มีสิ่งใดสมบูรณ์แบบ เหตุการณ์ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
ดังนั้นเธอจึงใช้ลูกแก้ววิเศษ สั่งให้มันทำให้กล้องที่อยู่ตลอดแนวกำแพงจับภาพไม่ได้ แต่เธอไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือไม่ กระนั้นไม่ประมาทย่อมดีกว่า
แต่ทว่าเธอไม่ได้นึกถึงคนที่อาจจะบังเอิญมาเห็น จึงเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น
แต๋วมองห้องรับแขกที่อยู่ไกลๆ
วันนี้เป็นวันที่ตระกูลมี่มาเยี่ยม และพวกเขาก็มาถึงแล้ว
เมื่อนึกถึงตระกูลมี่ ความทรงจำของร่างคุณหนูใหญ่ก็เริ่มเล่าเรื่องเกี่ยวกับตระกูลมี่ให้รับรู้
ตระกูลมี่นั้นถือว่าเป็นตระกูลใหญ่ เช่นเดียวกับครอบครัวคนจีนในนิยายกำลังภายในยุคโบราณ ที่มักจะเน้นมีลูกหลานเยอะๆ และทำธุรกิจโยงใยเชื่อมต่อกันในตระกูล
โดยตระกูลมี่นั้นทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงประมูล ยังรวมไปถึงโรงการค้าที่มีขายทุกอย่าง ตั้งแต่สิ่งที่ไม่น่าขายได้ ไปจนถึงสิ่งที่ราคาแพงจนไม่น่าขายได้ และรับทุกอย่างที่ทำเงินให้พวกเขา ไม่ว่าจะรับซื้อสิ่งของ รับฝากขาย แม้กระทั่งเปิดพื้นที่ให้เช่าติดใบประกาศต่างๆ
แม้ว่าธุรกิจของตระกูลมี่นั้นมีสาขาอยู่แทบทุกเมือง แต่ไม่ยิ่งใหญ่ถึงขั้นสามารถเขย่าเศรษฐกิจได้ทั้งแผ่นดิน เพราะก็มีคู่แข่งที่ทำธุรกิจอย่างเดียวกันอีกมาก อย่างไรก็ตาม ตระกูลมี่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในตระกูลคหบดี
ส่วนมี่อี้ถูกส่งมาเป็นผู้จัดการประจำเมืองแห่งนี้ แน่นอนว่าต้องหอบเอาครอบครัวมาด้วย
แต่ทว่ามี่อี้ไม่ได้ทำหน้าที่จัดประมูลอะไรทั้งสิ้น เนื่องจากเมืองแห่งนี้ไม่มีโรงประมูล มีแต่โรงการค้าอย่างเดียว
แต๋วกลับมาสนใจกับปัจจุบัน
ทั้งเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะที่ออกมาจากห้องรับแขกแว่วๆ บ่งบอกว่าภายในต้องมีบรรยากาศดี
เมื่อไปถึงหน้าประตู ทุกคนที่นั่งอยู่ภายในก็หันมามอง ซึ่งมีทั้งโจวเฟยผู้เป็นบิดา มี่อี้ผู้เป็นว่าที่พ่อสามี มี่เตี่ยนผู้เป็นคู่หมั้น และบ่าวไม่กี่คน
แต๋วกล่าวทักทายตามมารยาท
ทั้งสองพ่อลูกตระกูลมี่ก็ตอบรับกลับ
แต๋วคลี่ยิ้ม ทันใดนั้นขาเรียวของเธอก้าวฉับ เสมือนอสรพิษพุ่งงาบเหยื่อ
หลายคนเบิกตา เกิดอาการสะดุ้งโดยไม่รู้ตัว
กิริยาของเธอนั้นไม่ใช่การแสดงออกไม่ดีไม่งาม เพียงแค่ว่าเธอทำให้เกิดความรู้สึกแปลกๆ อย่างขนลุก เหมือนได้เห็นปีศาจจำแลงเป็นสาวงาม ท่วงท่ากรีดกรายมากเสน่ห์ แต่ถ้าเดินมาถึงเมื่อใด... หายนะเมื่อนั้น
แน่นอนว่าเป็นเช่นนั้น
แต๋วเผยยิ้มจนเห็นฟัน ‘วันนี้แหละ นรกแตก !’
เธอไปนั่ง นิ้วเรียวกระดิกอย่างสง่า เป็นความหมายออกคำสั่งให้บ่าวเทน้ำชา
ทั้งโจวเฟย มี่อี้ และมี่เตี่ยนอ้ำอึ้ง คิดไม่ออกว่าจะเริ่มต้นสนทนาอย่างไร เพราะการเคลื่อนไหวของคุณหนูใหญ่เมื่อครู่ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนวิญญาณบินหนีออกไปชั่วขณะ
แต่ไม่นาน มี่อี้คือผู้เริ่มทำลายความเงียบเป็นคนแรก
“แรกที่เราได้ยินข่าวของคุณหนูโจวจื่อรั่ว เราตกใจมากขอรับ” มี่อี้เสียงสั่น เหมือนยังตกใจอยู่ “มี่เตี่ยนลูกชายของข้าแทบคลุ้มคลั่ง อยากจะออกไปฟาดฟันกับโจรพวกนั้น ข้าต้องพูดอยู่นานกว่าเขาจะยอมสงบขอรับ”
“ใช่ขอรับ” สีหน้าของมี่เตี่ยนพลันทะลักด้วยความโกรธ “ใจของข้าแทบแหลกร้าว” เขาแตะหน้าอก “แต่เมื่อข้าได้รู้ว่าคุณหนูยังคงปลอดภัย ข้าก็โล่งอก” อารมณ์ที่แสดงออกทางหน้าตาของเขาหายไป มีความมุ่งมั่นและความจริงจังเข้ามาแทนที่ “ข้าจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีก คุณหนูไม่ต้องกลัวขอรับ เราตระกูลมี่ได้ร่วมเป็นอีกแรงช่วยจับพวกมัน เราส่งใบประกาศจับพวกมันไปทุกเมืองแล้ว คุณหนูมั่นใจได้ว่าพวกมันจะต้องถูกจับแน่นอนขอรับ”
อันที่จริง ใครมากมายก็เคยพูดอย่างนั้น แต่ไม่มีใครจับโจรพันหน้าได้แม้คนเดียว
อย่างไรก็ตาม แต๋วก็ต้องพูดไปตามมารยาท
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
“คุณหนูโจวจื่อรั่วไม่ต้องขอบคุณพวกเราขอรับ เพราะเป็นเรื่องที่เราควรจะทำอยู่แล้วขอรับ” มี่อี้ยิ้มจนตาหยี
“ใช่ขอรับคุณหนู” มี่เตี่ยนเห็นด้วย
แม้ว่าสองพ่อลูกไม่กล่าว แต๋วชำเลืองมองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าสร้างภาพ
“เรามีของมาฝากด้วยขอรับ มีทั้ง...”
จากนั้นมี่อี้ก็ร่ายยาว มีผสมเรื่องไร้สาระอื่นเพื่อเพิ่มสีสันการพูดคุย
เหตุผลที่เปลี่ยนเรื่องฉับพลันนั้น แต๋วมั่นใจว่าพวกเขาไม่อยากพูดถึงเรื่องเลวร้าย เพราะบรรยากาศอาจจะพัฒนาไปด้านลบ แต่ก็ต้องพูด หากไม่เช่นนั้นจะทำให้รู้สึกว่าไม่จริงใจอย่างที่เคยสร้างภาพไว้
แต๋วชำเลืองมองของฝากมากมายที่อยู่ไม่ไกล
แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องเป็นสมุนไพรสำหรับโจวเฟย
อันที่จริง... มันคือตัวชูโรงทุกฉากทุกตอน
เนื่องด้วยโรงการค้าของตระกูลมี่รับซื้อทุกอย่างและมีสาขาอยู่แทบทุกเมือง ดังนั้นบางครั้งก็ได้สิ่งของแปลกๆ มา หรือกระทั่งของหายาก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือสมุนไพรที่บรรเทาอาการป่วยของโจวเฟยได้ แม้ว่ามันไม่อาจทำให้หายขาด ก็ถือว่าเป็นของมีค่า
มี่อี้จึงเอาของให้โจวเฟยอย่างง่ายดาย และที่สำคัญ ยกให้เหมือนของแจกไม่อั้น เพราะถือว่าโจวเฟยนั้นคือแม่ทัพที่ทำประโยชน์ให้ต่อบ้านเมือง
ส่วนโจวเฟยก็คงซาบซึ้งใจ จึงตอบแทนคุณตามแบบจีนโบราณ โดยยอมทำตามคำขอทุกอย่าง ไม่ว่าต้องการสิ่งใด แม้กระทั่งเสียสละชีวิต
แต่อันที่จริง... เป็นมุมมองโลกสวย
แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นที่ใด ก็ต้องมีเรื่องใต้โต๊ะ
แท้จริงครอบครัวมี่อี้คงอยากดองกับตระกูลโจว เพราะต้องการอาศัยตำแหน่งแม่ทัพของโจวเฟยเป็นตัวสนับสนุนและเปิดทางการทำธุรกิจ จะได้ดำเนินธุรกิจอย่างไหลลื่น เพราะบางอย่างไม่อาจถูกแก้ไขด้วยเงินอย่างเดียว จะต้องมีตำแหน่งมารับรองด้วย
ส่วนโจวเฟยก็ต้องการยารักษาโดยไม่เสียเงินตลอดชีพและต้องการมาง่ายๆ โดยเส้นสายทางลัด และเขาคงรู้จุดประสงค์ของมี่อี้ด้วย จึงยกลูกสาวคนโตให้หมั้นกับมี่เตี่ยน
ด้วยเหตุผลเหล่านั้น ทั้งสองฝ่ายก็ได้ผลประโยชน์ต่อกันและกัน
แต่ทว่า... เรื่องทั้งหมดนั้นคือความคิดของแต๋ว
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร สุดท้ายแล้ว... ตัวเธอนั้นเป็นเพียงสิ่งของชิ้นหนึ่งเท่านั้น
แต่เรื่องที่สนทนากันนั้นหยุดชั่วคราวก่อน เพราะโจวเฉี่ยวมาหยุดอยู่หน้าประตู
โจวเฉี่ยวไม่มาตัวเปล่า ยังถือถาดที่มีขนมมากมายมาด้วย ซึ่งนอกจากหน้าตาน่ารับประทาน ยังถูกจัดวางอย่างสวยงาม ราวกับผลงานชิ้นเอกของจิตรกรระดับโลก
“โจวเฉี่ยวทำความเคารพท่านมี่อี้และท่านมี่เตี่ยนเจ้าค่ะ”
แม้ดวงตาของโจวเฉี่ยวมองพ่อลูกตระกูลมี่อย่างเหมารวม แต่ความจริงต้องไม่ใช่ เป้าหมายแท้จริงต้องเป็นมี่เตี่ยน ซึ่งเป็นว่าที่พี่เขย
แต๋วมั่นใจ เพราะสัญชาตญาณเพศหญิงกรีดร้องบอก
“ขนมเป็นของโปรดสำหรับโจวเฉี่ยวมาตลอด โจวเฉี่ยวจึงรู้ว่าร้านใดทำอร่อยเจ้าค่ะ” เธอกล่าวเสียงหวาน “โจวเฉี่ยวคิดว่าทุกท่านต้องพูดคุยกันนาน ทุกท่านอาจจะต้องการของว่าง โจวเฉี่ยวจึงใช้บ่าวไปซื้อมาให้ ร้านนี้อร่อยมากเจ้าค่ะ”
แววตาของโจวเฉี่ยวนั้นเหมือนกับดาวระยิบระยับ กะพริบตาทีก็มีประกายกระเด็นกระดอนออกมา สื่อเป็นความหมายเรียกร้องความสนใจอย่างยิ่ง
มี่เตี่ยนก็ยิ้มหวานให้ ภาพลักษณ์รูปหล่อสาดกระจาย “น้องโจวเฉี่ยวเหมือนรู้ใจมากขอรับ ขนมเป็นของโปรดสำหรับข้าเช่นเดียวกัน”
โจวเฉี่ยวเบิกตาประหลาดใจเล็กน้อย แสดงออกเอียงอายอย่างน่ารัก กระนั้นกล้าสบตาเหมือนอดใจไม่ไหว
และเมื่อสายตาได้ประสานกันอีกครั้ง ทันใดนั้นทั้งคู่เหมือนกลายเป็นเทพธิดาและเทพบุตรบังเอิญมาพบรักกันที่สวรรค์ชั้นฟ้า ก่อเกิดปรากฏการณ์ความรักอันบริสุทธิ์งดงามสะเทือนไปทั้งภพทันใด
แต่ทว่า... จินตนาการทั้งหมดหายไปชั่วพริบตา เมื่อมีนางมารร้ายโผล่หัวมา
“น้องโจวเฉี่ยว เจ้าไม่เห็นรึว่าตอนนี้ผู้ใหญ่พูดคุยกันอยู่”
โจวเฟยเบิกตาตกใจ
“เจ้าไม่รู้รึ ว่าหน้าที่ยกของกินเป็นหน้าที่ของบ่าว มิใช่หน้าที่คุณหนูอย่างเจ้า”
มี่อี้เบิกตาประหลาดใจ
“รู้ตัวหรือไม่ ว่าเจ้าทำให้ท่านพ่อเสื่อมเสีย หรือว่าเจ้าลืมฐานะของตนแล้ว ต้องให้ข้าสอนอีกกี่ครั้ง เจ้าถึงจะจดจำ”
มี่เตี่ยนเบิกตาไม่คิดไม่ฝัน
“เจ้าไม่คิดจะเห็นใจข้าบ้างรึ รู้หรือไม่ ข้าในฐานะพี่สาวก็เหนื่อยเป็น ต้องมาสอนเรื่องเดิมๆ ทั้งที่เจ้าก็โตมากเพียงนี้แล้ว แต่กลับยังไม่รู้ความ ว่าเรื่องใดควรทำและเรื่องใดมิควรทำ”
แววตาของโจวเฉี่ยวไหวกระเพื่อมคลอ มือที่ถือถาดขนมเริ่มสั่น ทันใดนั้นทิ้งถาดกระแทกจนขนมกระเด็นกระดอน ยกมือปิดหน้าแล้ววิ่งออกไปด้วยความอับอาย
แต๋วมองขนมที่กระจัดกระจาย “นอกจากเรื่องมารยาท ข้าคงต้องสอนเรื่องความสะอาดเพิ่มให้เจ้า”
หลายคนเกิดอาการตาค้าง
ตะลึง ! ตะลึงอย่างเดียวเท่านั้น !!!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 242
แสดงความคิดเห็น