ตอนที่ 51
ตอนที่ 51
หลายคนอยากรู้คำตอบมาก แทบอยากจะกระชากพลทหารรับใช้มาทันทีทันใด แต่ได้เพียงคิด
เมื่อพวกพลทหารรับใช้มาถึง ตัวแทนกลุ่มก็ตะเบ็งเสียงชัดและหนักแน่น
“เราค้นหาจนทั่วแล้ว ไม่เจอขอรับ”
พวกอนุภรรยาเบิกตา แน่นอนว่าพวกเธอไม่เชื่อว่าจริง แทบอยากเข้าไปค้นหาทุกซอกทุกมุมด้วยตนเองทันที
ขณะที่โจวเฟยแตกต่าง เขารู้สึกโล่งอกโล่งใจเมื่อรู้ว่าไม่เป็นไปตามความคิดร้าย
โจวเฟยหันไปหากลุ่มบุรุษอาสา กระแอมกระไอเชิงเรียกความสนใจ แล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ตอนแรก เราคิดว่ามีใครอื่นแอบเข้ามา แต่ตอนนี้เราได้รู้แล้วว่าเป็นความเข้าใจผิดของเราทั้งหมด”
เหล่าบุรุษอาสาชำเลืองมองกันอย่างงงๆ เพราะคำพูดของโจวเฟยนั้นสรุปมาทันที โดยไม่มีหัวข้อต้นเหตุว่าเข้าใจผิดอย่างไร
“ข้าขอบคุณทุกท่านที่เต็มใจมาช่วย แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว”
แม้ว่าโจวเฟยพูดด้วยน้ำเสียงให้เกียรติ แต่เนื้อหาคำพูดกลับขัดแย้ง เหมือนตั้งใจไล่ออกไปจากจวนโดยเฉพาะ
เหล่าบุรุษอาสารู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน
โจวเฟยหันไปสั่งคนใช้คนหนึ่ง “เจ้าจงนำทุกท่านออกไป แต่ก่อนไป จงมอบเงินเป็นสินน้ำใจให้พวกเขา”
เหล่าบุรุษอาสาเบิกตาโต ไม่คาดคิดว่าแค่เดินเข้ามาแสดงท่าทางเล็กๆ น้อยๆ จะได้โชคหล่นทับ
อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงมีศักดิ์ศรี จึงเผยอริมฝีปากเพื่อจะเอ่ย แต่ยังไม่ได้เปล่งเสียงออกไป โจวเฟยกล่าวออกมาก่อน
“ข้าขออภัยทุกท่านยิ่งนัก หลายท่านคงมีหน้าที่และเรื่องที่ทำอยู่ แต่ทุกท่านเลือกละทิ้งเพื่อมาช่วย บุญคุณครั้งนี้ ข้าจะจำไม่มีวันลืม และได้โปรดอย่าถือเอาเรื่องเข้าใจผิดของลูกสาวของข้านี้มาขุ่นเคือง นางเพียงทำไปเพราะต้องการช่วยพี่สาวของนางเท่านั้น”
ทว่าประโยคช่วงหลังนั้นกลับให้ความหมายไปอีกอย่างว่า ได้โปรดอย่าเอาเรื่องนี้ไปเผยแพร่ให้ใครรับรู้
แน่นอน แม้โจวเฟยไม่พูดตรงๆ เหล่าบุรุษอาสาก็เข้าใจ ว่าเรื่องเช่นนี้ไม่ควรเล่าให้ใครอื่นฟัง
“เราไม่ขุ่นเคืองแน่นอนขอรับ”
“เรื่องที่คุณหนูเรียกพวกเรามานั้นถือว่าทำถูกต้องแล้วขอรับ หากเราป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่าขอรับ และพวกเราก็เต็มใจช่วยท่านแม่ทัพเสมอขอรับ”
“ใช่แล้วขอรับท่านแม่ทัพ”
แน่นอนว่าบุรุษคลั่งศักดิ์ศรีอย่างพวกเขามั่นคงวาจา
แต่ถ้าเมาแอ๋เกือบหัวทิ่มเมื่อใด... ก็กลายเป็นข้อยกเว้นเมื่อนั้น !
“ข้าขอบคุณทุกท่านยิ่งนัก” แล้วโจวเฟยก็หันไปสั่งคนใช้ “เจ้า นำทางทุกท่านออกไป”
เหล่าบุรุษอาสาชำเลืองมองหน้ากันครู่สั้นๆ ก็ได้ข้อสรุปโดยไม่ต้องพูด
“เช่นนั้นพวกเราขอตัวก่อนขอรับ”
อันที่จริง ตอนแรก พวกเขาจะเสนอตัวเข้าไปช่วยหาร่องรอยอย่างละเอียด เพราะมั่นใจว่าความสามารถด้านแกะรอยนั้นต้องดีกว่าพวกพลทหารแน่นอน แต่เมื่อโจวเฟยพูดตัดบทเชิงไล่แล้ว พวกเขาจะอยู่ต่อเพื่ออะไร
“ทุกท่านอย่าเพิ่งไปเจ้าค่ะ !” โจวเฉี่ยวเรียก
โจวเฟยหันขวับถลึงตาอย่างน่ากลัว
โจวเฉี่ยวก็หุบปากฉับไว
โจวเฟยหันกลับไป ปั้นหน้าเคร่งขรึมพอประมาณเหมือนเดิม “ไม่มีอะไรทั้งสิ้น พวกท่านไปเถิด”
เหล่าบุรุษอาสาชำเลืองมองกันครู่สั้นๆ
“หากไม่มีอะไรแล้ว พวกเราขอตัวก่อนขอรับ”
สุดท้ายพวกเขาไม่ถามมากความ เพราะตอนนี้แน่ใจแล้วว่าถูกไล่จริง
แน่นอนว่าเป็นเช่นนั้น เพราะโจวเฟยไม่ต้องการให้คนภายนอกมารับรู้เรื่องในครอบครัว
หลังจากพวกบุรุษอาสาหายไปจากสายตาแล้ว เจียวจ้านเอ่ยขึ้นมา
“คุณพี่เจ้าคะ” เจียวจ้านชำเลืองมองไปที่คุณหนูใหญ่เล็กน้อย แต่ไม่นานก็ตวัดสายตากลับมา “น้องคิดว่าเราบังคับนางโดยใช้อารมณ์เช่นนี้ไม่มีผลดีเจ้าค่ะ เราควรให้โอกาสนางและชายพวกนั้น” แล้วหันไปหาคุณหนูใหญ่ตรงๆ ด้วยแววตาอ่อนโยน “เจ้าพูดมาเถิด หากเจ้าพูดความจริงและยอมเรียกชายเหล่านั้นออกมา พ่อของเจ้าอาจจะลดโทษให้ไม่มากก็น้อย หรือไม่อาจจะไม่ลงโทษใดๆ ทั้งสิ้น”
แต๋วหรี่ตาเล็กน้อย “เจ้ายังคงคิดว่าข้าซ่อนผู้ชายไว้รึ ?”
เจียวจ้านไม่ตอบทันที นิ่งเงียบครู่อย่างใจเย็น “ข้ารู้ว่าแม่ของเจ้ามีฐานะใด และข้ารู้ตัวว่าข้ามีฐานะใด แต่ถึงอย่างไรเจ้าไม่ควรทำตัวกระด้างกระเดื่อง ยอกย้อนผู้ใหญ่ทุกครา หากเจ้าทำเช่นนี้บ่อย เจ้าอาจจะติดเป็นนิสัย ภายภาคหน้าอาจทำให้เจ้าเผลอตัวแสดงความไม่เหมาะสมในบางสถานการณ์ที่มิควรทำ เจ้าจะดูไม่ดีในสายตาของผู้อื่น และโปรดอย่าเข้าใจข้าผิด ว่าข้าตั้งใจทำให้เจ้าดูไม่ดี ข้าเพียงเป็นห่วงเจ้าด้วยความปรารถนาดีเท่านั้น”
“นางพูดถูก” จินเยว่เห็นด้วย “คำถามใดที่มาจากผู้ใหญ่ เจ้าควรตอบตรงประเด็นนั้น เจ้าไม่ควรยอกย้อน ยิ่งเฉพาะไม่ควรทำให้ผู้อื่นเสียหน้า”
“ความหมายของพวกเจ้าคือต้องการให้ข้ามีความเคารพพวกเจ้าในฐานะผู้ใหญ่” แต๋วชำเลืองมองน้องสาวทั้งสองคน “พวกเจ้าคงไม่ได้สังเกต ข้ามีความเคารพให้แล้ว เช่นเดียวกับน้องสาวของข้า พวกนางก็มีความเคารพต่อข้าในฐานะพี่สาว” เมื่อเธอตวัดสายตากลับมา แววตาของเธอก็มีประกาย “ข้าต้องชื่นชม พวกเจ้าที่สั่งสอนน้องๆ อย่างดี”
คำพูดของคุณหนูใหญ่นั้นไม่เป็นความหมายเปรียบเทียบอย่างเดียว ยังเป็นความหมายเสียดสีทางอ้อม
แน่นอนว่าต้องทำให้ทั้งเจียวจ้านและจินเยว่รู้สึกใบหน้าชาขึ้นมาฉับพลัน เหมือนถูกใบหูช้างตบหน้า
จึงเกิดเป็นความเงียบ แต่ไม่นาน...
“เรื่องผู้ชายนั้น” แต๋ววกกลับเข้าเรื่อง “ทหารเข้าไปหาจนทั่วแล้วมิใช่รึ ภายนอกก็ไม่มีที่ให้ซุกซ่อน”
ทุกคนเหลือบมองโดยรอบพลางคิด
ที่ตั้งเรือนของคุณหนูใหญ่นั้นอยู่ห่างจากสิ่งปลูกสร้างอื่นค่อนข้างมาก ถือว่าอยู่โดดเดี่ยวก็ย่อมได้ เนื่องจากโดยรอบไม่มีอะไรทั้งสิ้น ยกเว้นกำแพงสูงใหญ่ที่ห่างออกไป ดังนั้น ถ้ามีใครเข้าออกจากเรือน ก็ต้องถูกเห็นจากระยะไกล ที่สำคัญ ไม่มีที่ให้ซ่อนตัว ยกเว้นซ่อนอยู่ในเรือน
และแน่นอน แม้ว่าคุณหนูใหญ่ไม่พูดต่อ คำพูดเพียงเท่านั้นก็มากพอให้รู้ว่าตั้งใจสื่ออะไร
พวกอนุภรรยาเบิกตาเล็กน้อยเมื่อฉุกคิดตรงกันบังเอิญ
ก่อนหน้านี้ แม้คุณหนูใหญ่ถูกจับตัว แต่ไม่มีแสดงอาการกระวนกระวายอย่างพิรุธ ยกเว้นความไม่พอใจ
ดังนั้นเป็นไปได้อย่างเดียว...
พวกเธอเรียกคนมาช้าไป ชายชู้เหล่านั้นหนีไปก่อนแล้ว !
พวกเธอเริ่มกระสับกระส่าย หากไม่มีชายชู้อยู่ พวกเธอจะต้องถูกตำหนิ ไม่ก็แย่กว่านั้น ถูกทำโทษโดยตัดเงิน
หากเป็นเช่นนั้นจริง พวกเธอจะไปซื้อของสวยๆ มาได้อย่างไร !
โจวเฟินเรียกสติกลับมาได้อย่างรวดเร็วก่อนและนึกขึ้นได้เมื่อเห็นพวกคนใช้หญิงถือคันฉ่องสื่อสาร
“ท่านพ่อเจ้าคะ ในเมื่อจวนของเรามีกล้องติดตั้งตลอดแนวกำแพงอยู่แล้ว ดังนั้นเราควรเอากระดานวิเศษมาดูจะดีกว่าเจ้าค่ะ”
โดยกล้องทุกตัวนั้นเชื่อมต่อกับกระดานวิเศษ ส่วนใหญ่กล้องถูกซ่อนอยู่ที่ลับตา มันมีหน้าที่เก็บภาพตลอดเวลา และแน่นอนว่ากล้องทุกตัวนั้นดูภาพย้อนหลังได้ทั้งหมด
โจวเฟยพยักพเยิดเห็นด้วย จึงสั่งคนใช้ผู้ชายไปเอามาให้
ระหว่างรอคนใช้กลับมา ดวงตาของพวกอนุภรรยาทุกคู่ก็มองไปที่คุณหนูใหญ่ ขณะเดียวกันคุณหนูใหญ่ก็มองมาอย่างปกติ
แม้พวกอนุภรรยาไม่เห็นการแสดงออกเหมือนคนกระทำความผิด แต่มั่นใจว่าต้องมีทั้งหมด
และแน่นอน ระหว่างรอ ก็ยังคงคิดโจมตีไม่เลิก กระทั่งโจวเฟินคิดขึ้นได้ ก็หันไปถามพลทหารรับใช้ที่เข้าไปค้นหา
“แล้วพวกเจ้าพบสิ่งใดแปลกประหลาดในเรือนของโจวจื่อรั่วหรือไม่ เช่นสิ่งของที่ไม่ใช่ของผู้หญิง อย่างเสื้อผ้าของบุรุษ”
พวกพลทหารรับใช้ออกอาการอ้ำอึ้ง แม้ได้รับคำสั่งให้ค้นหาทุกซอกทุกมุม แต่ไม่ใช่ว่าจะรื้อสิ่งของเพื่อมองหาสิ่งผิดปกติอย่างละเอียด ถึงอย่างไรสิ่งของบางอย่างคือของส่วนตัวสำหรับผู้หญิง แน่นอนว่าผู้ชายอย่างพวกเขาไม่ควรแตะต้อง
“น้องโจวเฟิน” น้ำเสียงของแต๋วเย็นชา แต่ทำให้รู้ว่าไม่ชอบนัก “เจ้าไม่ควรถามคำถามเช่นนั้น เจ้าควรมีขอบเขตว่าเรื่องใดควรและไม่ควร”
โจวเฟินนิ่งเงียบครู่สั้นๆ แล้วกล่าว “ข้าขออภัยที่ข้าพูดโดยไม่ได้ไตร่ตรองอย่างละเอียด”
หลายคนรู้สึกได้ว่าโจวเฟินไม่มีความจริงใจ เพราะน้ำเสียงของเธอบ่งบอกมาเช่นนั้น
อันที่จริงก็เป็นเช่นนั้น แต่ไม่ใช่ว่าโจวเฟินพูดโดยไม่มีเหตุผล
“แต่บางครั้งต้องมีข้อยกเว้น เจ้าคงรู้” แล้วโจวเฟินก็หันไปหาบิดา “ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกอยากให้ท่านพ่อสั่งบ่าวผู้หญิงไปค้นหาในเรือนเจ้าค่ะ เผื่อว่าจะได้พบเจอหลักฐานอื่นเจ้าค่ะ”
โจวเฟยก็พยักพเยิดเห็นด้วย แต่ยังไม่ทำตามคำแนะนำ เขาถามพลทหารรับใช้ก่อน “เจ้าได้เห็นสิ่งของแปลกในเรือนของโจวจื่อรั่วหรือไม่ ?”
พลทหารรับใช้ทำเสียงอ้ำอึ้งอย่างกลัวๆ “เรา... ไม่ได้ดูของทุกชิ้นขอรับ”
อันที่จริง โจวเฟยคาดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องได้คำตอบใดกลับมาและเขาไม่คิดจะตำหนิตั้งแต่แรก เนื่องจากเขาไม่ได้สั่ง จึงกล่าวว่าเป็นความผิดทหารไม่ได้ จากนั้นโจวเฟยก็หันไปสั่งพวกคนใช้หญิง ให้เข้าไปรื้อค้นตามที่ลูกสาวบอก
พวกอนุภรรยามองหน้าคุณหนูใหญ่ แน่นอนว่าต้องมองอย่างเยาะเย้ย มั่นใจว่าคุณหนูใหญ่จะต้องแสดงอาการพิรุธแน่นอน
แต่เปล่าเลย...
คุณหนูใหญ่ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีสีหน้าเปลี่ยนแปลง ไม่เว้นกระทั่งแววตา
พวกอนุภรรยารู้สึกหวั่นๆ ขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด แต่ไม่ได้วิเคราะห์ต่อว่าเป็นเพราะสาเหตุใด มีอย่างอื่นมาดึงดูดความสนใจออกไปก่อน
“คุณท่านขอรับ กระดานวิเศษมาแล้วขอรับ”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 291
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น