ตอนที่ 50
ตอนที่ 50
คำสั่งของโจวเฟยเปรียบดั่งเสียงสวรรค์ ขับกล่อมทั้งจินเยว่ เจียวจ้าน และโจวเฟินจนเคลิบเคลิ้ม แสดงออกมาเป็นรอยยิ้มตื่นเต้นอย่างร้ายกาจ และแน่นอนว่าต้องจินตนาการไปต่างๆ นานาว่าคุณหนูใหญ่จะต้องถูกทำโทษหนักอย่างไรบ้าง
แต่ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ที่สมใจอยาก ต้องจับพวกชายชู้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก
แต่โดยที่ไม่มีใครคาดคิด พวกพลทหารรับใช้ยังไม่ได้พังประตูตามคำสั่งของโจวเฟย ทันใดนั้นประตูก็เปิดผางออกมาก่อน
ทุกสิ่งเหมือนหยุดชะงักเพราะประหลาดใจ
แต๋วมองมาด้วยแววตาที่สื่อความขุ่นเคือง เหมือนถูกปลุกให้ตื่นก่อนเวลาอันควร “ท่านพ่อเรียกข้าเพราะเหตุใดและท่านต้องการจับใครเจ้าคะ ?”
เมื่อโจวเฟยได้สติก็สั่ง “เข้าไปค้นหาให้เจอ !”
แต๋วเบิกตา “ท่านพ่อหมายความว่าอย่างไร !?” เธอกางแขนออกขวาง “หยุด ! พวกเจ้าจะเข้ามาในเรือนของข้าไม่ได้”
เหล่าพลทหารรับใช้เกิดความลังเล ถึงอย่างไรคุณหนูใหญ่คือลูกของแม่ทัพ หากแตะต้องเธอ ก็อาจโดนโทษในข้อหาล่วงเกิน
“ไม่ต้องสนใจคำพูดของนาง !” โจวเฟยสั่งเสียงดัง “พวกเจ้าทั้งสองจับนางไว้ ที่เหลือเข้าไปค้นหาให้ทั่ว”
พวกพลทหารรับใช้เหลือบมองกันอย่างลังเล แต่สุดท้ายก็ปฏิบัติตามคำสั่ง
“ไม่ ! ปล่อยข้า” แต๋วสะบัดตัวไม่ยอม “ท่านพ่อทำเช่นนี้ต่อข้าไม่ได้ เรือนนี้คือเรือนส่วนตัวของข้า มันเป็นพื้นที่ส่วนตัวของข้า”
“หุบปาก !” โจวเฟยตวาด “ที่แห่งนี้ไม่มีที่ส่วนตัวสำหรับเจ้า ตราบที่เจ้ายังไม่ออกไปจากตระกูลของข้า ไม่เว้นชายชู้ของเจ้าก็ต้องขึ้นอยู่กับข้า”
“ชายชู้ ?” แต๋วชะงักอย่างงงงวย คิ้วขมวดเล็กน้อย “ท่านพ่อไปได้ยินเรื่องเท็จนี้มาจากที่ใด ?”
“อย่ามาย้อนคำ เจ้ามันนางลูกไม่รักดี ทำให้ข้าเสื่อมเสีย ข้าจะลงโทษเจ้าและชายชู้ของเจ้า ข้าจะขับไล่พวกเจ้า ข้าไม่มีลูกอย่างเจ้า ข้า- ข้า- !” โจวเฟยแยกเขี้ยว ริมฝีปากสั่น เหมือนอยากจะพูดอะไรต่อแต่คิดไม่ออก
ทุกคนรู้สึกได้ถึงบรรยากาศเดือดระอุ โดยมีโจวเฟยคือดวงตะวันที่ลอยเด่นอยู่ใกล้
เวลาผ่านไปครู่สั้นๆ
ใบหน้าของแต๋วพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา กล่าวเสียงเรียบๆ ทว่าให้ความรู้สึกเป็นคำพูดทรงพลัง “ท่านพ่อเจ้าคะ หากท่านมิได้เห็นกับตา หากท่านมิได้เห็นหลักฐาน โปรดอย่าด่วนตัดสินข้า”
โจวเฟยเบิกตาเล็กน้อย ชะงักเหมือนถูกน้ำแข็งราด
ทั้งจินเยว่ เจียวจ้าน และโจวเฟินคาดอย่างมั่นใจว่าจะต้องเกิดปัญหา ดังนั้นพวกเธอจึงต้องเพิ่มฟืนเข้าไปให้เพลิงลุกโชน
“เจ้ายังแสร้งทำเป็นไม่รู้อีกรึ” น้ำเสียงของจินเยว่บ่งบอกความรู้สึกไม่ชอบเรื่องไม่ดีทั้งมวล “เรื่องที่เจ้าแอบมีชายชู้นั้น ตอนนี้เราได้รู้แล้ว แต่หากเจ้ายังคงปิดบัง กระทั่งความลับแตกภายหลัง เจ้ารู้หรือไม่ว่าจะเสื่อมเสียยิ่งกว่านี้หลายเท่า ฉะนั้นจงเรียกชายชู้พวกนั้นออกมาโดยเร็ว”
อันที่จริง จินเยว่รู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้จะต้องถูกเผยแพร่แน่นอน เพราะตอนนี้ไม่มีเพียงแค่คนในตระกูลโจวเท่านั้น ยังมีพวกบ่าวและพลทหารรับใช้ และแน่นอนว่าเธอตั้งใจพูดเป็นเชิงบังคับว่าอย่าแพร่งพราย แต่อันที่จริงคือตั้งใจให้ทุกคนเผยแพร่ออกไป เพราะเธอรู้ว่านิสัยของมนุษย์นั้นชอบพูดคุย โดยเฉพาะเรื่องลับๆ ที่เสื่อมเสียและไม่ต้องการให้ใครรู้ แต่มนุษย์ก็ชอบเอาไปนินทาแท้ สรุปคือจิตวิทยาอย่างหนึ่ง ยิ่งปกปิดก็ยิ่งทำให้คนอยากเล่าและอยากรู้มากขึ้น
ขณะที่โจวเฟยนั้นแตกต่างออกไป ถ้าเขามีความสามารถมากเหมือนจอมยุทธ์ เขาจะไม่เรียกพวกคนใช้และพลทหารมาช่วยกันอย่างเด็ดขาด เพราะว่าเรื่องนี้อาจจะรั่วไหลออกไปให้ตระกูลเสื่อมเสีย เขาทำได้เพียงอย่างเดียวคือออกคำสั่งห้ามแพร่งพราย ทั้งที่ความจริงเป็นไปไม่ได้
“ใช่” โจวเฟินกระโดดมาร่วมต่อไม่ขาดตอน “เจ้าซ่อนพวกชายชู้ไว้ที่ใด จงเรียกพวกมันออกมาโดยเร็ว โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา หากเจ้ายังคงยืดเยื้ออยู่เช่นนี้ ท่านพ่อจะยิ่งโกรธมากยิ่งขึ้น”
ใบหน้าของแต๋วพลันเปลี่ยนไป “อย่ามาใส่ร้ายข้า” น้ำเสียงของเธอนั้นมั่นคงและหนักแน่น นอกจากไม่หวั่น ยังมีความโกรธผสมอยู่ “ข้าไม่เคยกระทำเรื่องเสื่อมเสียเช่นนั้น”
“หากเจ้าไม่ได้แอบทำเรื่องไม่ดีไม่งามจริง เหตุใดเจ้าต้องปิดทั้งประตูและหน้าต่างเหมือนกลัวว่าใครจะเห็น และเหตุใดไม่รีบมาเปิดประตู กระทั่งพ่อของเจ้าสั่งให้พังเข้าไป เจ้าถึงยอมออกมา ?” แน่นอนว่าเจียวจ้านจงใจพูดให้คนอื่นสังเกตและคิดตาม
“นางต้องลนลานหาที่ซ่อนให้ชายชู้อยู่แน่นอนเจ้าค่ะ นางถึงมาเปิดให้ท่านพ่อช้า” โจวเฟินจงใจลากไปยังเรื่องสุดเสื่อม
แววตาของแต๋วเป็นประกายวิบวับ ดั่งตาแมวสะท้อนแสงจันทร์ยามค่ำคืน “ไม่ว่าข้าจะเปิดประตูหรือปิดหน้าต่างก็เป็นความต้องการส่วนตัวของข้า และบางครั้ง ข้าเองย่อมมีเรื่องส่วนตัวของข้าอยู่เช่นเดียวกัน จะให้ข้าตอบสนองได้ทุกอย่างตรงตามความต้องการได้อย่างไร”
หลายคนชะงักเหมือนถูกสาปกลายเป็นหิน
แน่นอนว่าเป็นคำตอบที่เข้าใจง่าย ความหมายกระจายออกเป็นวงกว้างและเป็นเหตุเป็นผล
แต่คำพูดเพียงเท่านั้นไม่อาจหยุดยั้งความเกลียดชังและไม่อาจขัดขวางความคิดอันชั่วร้าย
“แม้เจ้าทำเรื่องส่วนตัวอยู่ แต่ปากของเจ้ายังคงมีอยู่ไม่ใช่รึ เหตุใดเจ้าไม่ตะโกนออกมา เจ้าเงียบเพราะเหตุใด ?” จินเยว่มั่นใจอย่างมากว่าจะต้องหาข้ออ้างสมเหตุสมผลไม่ได้แน่นอน แล้วเธอก็มั่นใจว่าคำพูดนี้จะต้องจุดประกายไปสู่ข้อสงสัยอื่นๆ อีกมากมาย เพราะหลังจากคิดด้วยสมองอันฉับไวแล้วก็มั่นใจว่าต้องไม่มีจุดบอด
แต่ผิดคาด
แต๋วหันหน้าช้าๆ มามองเหมือนปลายลูกศรเบนทิศทาง
“ลืมไปแล้วรึ จวนแห่งนี้ห้ามพูดเสียงดัง ที่แห่งนี้คือตระกูลโจวอันมีเกียรติ”
คำพูดนั้นของคุณหนูใหญ่พุ่งมากระแทกหน้าเต็มๆ
ไม่เพียงกระแทกจินเยว่คนเดียว ยังกระเด้งกระดอนไปกระแทกหน้าโจวเฟย แถมรุนแรงกว่าหลายเท่า เพราะเขาคือผู้ออกกฎ แต่เมื่อครู่กลับเป็นผู้ทำผิดกฎเสียเอง
“พี่โจวจื่อรั่ว ! ท่านพี่เป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ ?”
ขณะที่หลายคนชะงักเพราะคาดไม่ถึง เสียงของโจวเฉี่ยวเอ่ยขึ้นมาไม่ไกล
สีหน้าของโจวเฉี่ยวไม่ผ่องใส ขอบตาคล้ำ ดวงตาออกแดงระเรื่อ ยังมีน้ำตาไหล บ่งบอกว่าเธอต้องเป็นกังวลมาก จนความรู้สึกทั้งหมดทะลักออกมา
แต่ถ้าสังเกตอย่างละเอียด จะพบว่าแววตาของเธอนั้นมีความโกรธแค้นที่จวนจะระเบิด เป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง
“โจวเฉี่ยวได้ยินว่ามีผู้ร้ายแอบเข้ามา โจวเฉี่ยวจึงบอกให้บ่าวไปประกาศที่หน้าจวน ขอผู้มีวิชายุทธ์มาช่วยเจ้าค่ะ”
โจวเฟยเบิกตาเมื่อได้ยินคำพูดของลูกสาวคนเล็ก เขาเผยอริมฝีปาก แต่ไม่ทันพูดอะไรออกไป สังเกตเห็นคนจำนวนหนึ่งรีบเข้ามาก่อน โดยมีคนใช้เป็นผู้นำทาง
กลุ่มบุรุษนั้นคืออาสาที่จะมาช่วย !
หน้าตาของแต่ละคนนั้นเคร่งขรึม บ่งบอกว่าเป็นผู้รักความยุติธรรมและดูมากความสามารถ และหลายคนในจำนวนนั้นก็เป็นผู้มีชื่อเสียง
“ท่านพ่อไม่ต้องกังวลแล้วเจ้าค่ะ พวกเขามาช่วยแล้วเจ้าค่ะ”
แม้น้ำเสียงของโจวเฉี่ยวนั้นล้นไปด้วยเจตนาอันดี แต่แท้จริงไม่ใช่
ทั้งหมดนี้คือแผนของโจวเฉี่ยวที่คิดขึ้นมา !
โจวเฉี่ยวรู้ว่าบุรุษที่อาสาเหล่านี้นิยมผจญภัย ท่องไปทั่วทิศดินแดน และทุกคนนั้นติดสุรา จึงมีโอกาสสูงที่พวกเขาจะเข้าโรงเตี๊ยม สั่งสุรามาดื่มจนเมาแอ๋ แล้วต้องหลุดปากเล่าเกี่ยวกับเรื่องสุดอับอายขายหน้าที่ได้เห็นในวันนี้
เธอมั่นใจ สุดท้ายความอื้อฉาวในวันนี้จะต้องกลายเป็นเรื่องเล่าอมตะนิรันดร์
“ท่านแม่ทัพโจวเฟย ท่านโปรดวางใจพวกเรา เราจะจับพวกมันได้แน่นอนขอรับ”
โจวเฟยทำเสียงอ้ำอึ้ง อยากจะพูดแต่กลับพูดไม่ออก
โจวเฉี่ยวหันขวับไปที่กลุ่มผู้มีวิชายุทธ์ “เหล่าท่านบุรุษผู้เก่งกล้า โปรดช่วยจับผู้ร้ายให้เราด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
“คุณหนูไม่ต้องกังวลขอรับ เชื่อมั่นพวกเรา เราจะไม่ยอมปล่อยให้ใครหนีรอดไปได้แน่นอนขอรับ”
สิ้นเสียงของคนที่เป็นตัวแทนกลุ่ม เหล่าผู้มีวิชายุทธ์ก็กระจายตัวล้อมรอบเรือน แต่ละคนก็เอาของที่คิดว่าใช้ขัดขวางการหนีและจับตัวได้ออกมา บางคนจับกระบองเตรียมฟาด บางคนเตรียมปาห่วงเชือกเพื่อจะคล้อง บางคนเตรียมดีดเข็มอาบยาสลบ และอีกหลายคนตั้งท่าจะบุกเข้าไปในเรือน
โจวเฟินได้ความคิดสุดยอดล่าสุด จึงกล่าวอย่างสุภาพ ตรงข้ามกับเมื่อครู่ “น้องโจวเฉี่ยว น้องเข้าใจผิดแล้ว ไม่มีผู้ร้ายทั้งสิ้น มีแต่พวกผู้ชายที่โจวจื่อรั่วยินยอมให้เข้าเรือน”
เหล่าบุรุษอาสาชะงัก แต่ดวงตาเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ หูก็ผึ่งระริก เปิดรับทุกพยางค์อย่างเต็มที่
โจวเฉี่ยวก็รู้งานว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป
“พี่โจวจื่อรั่วเชิญชวนพวกผู้ชายเข้าเรือนรึเจ้าคะ !?”
แม้ว่าคำอุทานของโจวเฟินมีเท่านั้น แต่ก็มากพอทำให้หลายคนเกิดจินตนาการโลดโผนไปไกลลิ่ว
โจวเฟยหันขวับถลึงตา
โจวเฉี่ยวยกมือปิดปากฉับไว “โจวเฉี่ยวขอโทษเจ้าค่ะ โจวเฉี่ยวไม่ได้หมายความว่าพี่โจวจื่อรั่วแอบมีชายชู้ โจวเฉี่ยวเพียง- อุ๊ย ! ขอโทษเจ้าค่ะ โจวเฉี่ยวไม่ได้ตั้งใจทำให้พี่โจวจื่อรั่วเสื่อมเสีย ขอโทษเจ้าค่ะ โจวเฉี่ยวขอโทษเจ้าค่ะ”
บุรุษจิตอาสาบางคนเหมือนอยากจะยิ้มแหย บางคนกลืนน้ำลายอย่างฝืดลำคอ
“คุณพี่เจ้าคะ” จินเยว่เอ่ย อันที่จริงเธอตั้งใจตัดจบ เพราะอยากให้กลับมาที่ประเด็นหลัก “ในเมื่อโจวเฉี่ยวได้ขอความช่วยเหลือมาแล้ว เราควรให้ท่านบุรุษผู้กล้าหาญเข้าไปจับพวกผู้ชายที่ซ่อนอยู่ในเรือนโดยเร็วเถิดเจ้าค่ะ หากนานไปกว่านี้ ชายพวกนั้นอาจจะคิดหาหนทางหนีได้ก่อนเจ้าค่ะ”
เมื่อเหล่าบุรุษอาสาได้ยิน ก็ตื่นตัวเตรียมจะบุกเข้าไปในเรือน รอเพียงคำอนุญาตจากโจวเฟยผู้มีอำนาจมากที่สุดในที่แห่งนี้อย่างเดียว
โจวเฟยคิดหนัก หากเขาอนุญาตให้เข้าไปค้นหาแล้วเจอ จะต้องเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่คนในรับรู้แน่นอน
แต่เขายังไม่ได้ตัดสินใจเอ่ยอะไรออกไป ทันใดนั้นพลทหารรับใช้ก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินออกมาจากเรือนก่อน
และแน่นอนว่าต้องมาพร้อมกับคำตอบที่หลายคนรอคอยมากที่สุด
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 258
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น