ep 3 Doctorละติจูด

มนตร์พราย
คุณกำลังอ่าน: มนตร์พราย

-A A +A

ep 3 Doctorละติจูด

ep 3 Doctorละติจูด

 

เรือนไม้โบราณสามช่วง หนึ่งเรือนหลักสองเรือนย่อยก่อสร้างสามารถเชื่อมต่อเดินถึงกัน รั้วรอบขอบชิดปลูกพุ่มใบเงาไม้ทึมทึบแน่นขนัดทั้งสี่ด้าน Doctorละติจูดนั่งขัดสมาธิในห้องกระทัดรัด ก้านธูปยังเผาไหม้ถูกจุดปักในกระถางบนแท่นสามดอก กรุ่นควันไอระเหยโชยเฉื่อยอบอวน หนังสือกระดาษข่อยคราบฝุ่นเกาะจับเขรอะ ถูกพลิกเปิดส่องกับเปลวเทียน ริมฝีปากบางเฉียบขยับเขยื้อนอ่านพึมพำ ใบหน้าคมเข้มยังเรียบเฉยปราศจากความรู้สึก

 

ทันทีที่อักขระมากมายถูกท่องบ่นเขม่นขะมัก รอบเรือนไทยทั้งเกิดอาการสั่นสะเทือน ร่มจามจุรีสลัดช่อกระจุกสีขาวร่วงพรู ลมพายุหมุนลอยวนขึ้นสูง เงาตะคุ่มทยอยผลุบโผล่หวีดร้องสำแดงท่าทางแห่งห้วงทนทุกขเวทนา อำนาจเร้นลับจากมนตราคัมภีร์เก่าแก่ แผ่กระแสสะกดขึงทั้งดูดรั้งภูตร้ายมากมายเข้ามายังตัวละติจูดเป็นจุดเดียว

 

ร่างล่ำสันสูงใหญ่เพ่งตาแน่วนิ่ง จดจ่อบริกรรมเร่งกระชั้น ครั้นศึกษาจบหลักสูตรจิตวิทยาขั้นสูงจากมหาลัยชั้นนำในOxford ไม่กี่ปีที่ผ่านมา วิจัยค้นพบข้อสรุปเกี่ยวกับจิตและรูปแบบพลังงาน มนุษย์ดำรงอยู่ได้ด้วยดวงจิต ซึ่งคือแหล่งพลังงานสามารถแทรกซึมกระจายไปทุกอณู ต่อเมื่อค้นคว้าผนวกทฤษฎีจิตศาสตร์รวมกับหลักอธิบายทางศาสนา คร่ำเคร่งทดลองโดยละเอียดจึงปลูกฝังความเชื่อใหม่ แท้จริงกลไกของจิตมนุษย์ ถูกค้นคว้าสังเกตมายาวนาน

 

ผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนหากประสบผลสำเร็จในการศึกษาเผยแพร่โครงสร้างแนวคิดแบบฉบับของตน จนเป็นที่ยอมรับทั่วโลก เชิงสันนิษฐานของละติจูดพบว่า ศาสนาและจิตวิทยามุ่งเน้นพัฒนายกระดับจิต เพียงต่างเป้าหมายแต่แนวทางคล้ายคลึง

 

เขาต้องยกระดับความรู้ให้ยิ่งใหญ่กว่านั้น น้ำอาหารเพียงหล่อเลี้ยงร่างกายและสุขภาพ ทว่ากายเนื้อปราศจากจิตควบคุม กลไกทุกอย่างจะหยุดทำงาน ผลลัพธ์คือการเปื่อยเน่าและเสื่อมสลายตามกฎไตรลักษณ์สามัญสามประการ ดวงวิญญาณสูบกินดวงวิญญาณ พัฒนาจากกายทิพย์ ทวีความแข็งแรงของกายหยาบคงไว้ซึ่งความหนุ่มแน่น และจิตตานุภาพแม้อาคมไสยเวทใดอย่าคิดต้านทาน มุมมองและทฤษฎีแบบนี้ หากเขาทดลองจนประสบผลดั่งคาดหมาย มนุษย์จะสามารถย่นระยะบรรลุขอบเขตอมตะเร็วกว่ากำหนดซึ่งผู้ทำนายคะเนจากเทคโนโลยีคงอีกหลายร้อยปี จอมขมังมนตร์ลือชาหลายคนร่ำรวยผิดหูผิดตา doctorละติจูดติดต่อรับซื้อภูตพรายเพื่อสูบกลืนอายชีพ การเปลี่ยนแปลงกระทั่งเขายังรู้สึกถึงอำนาจและบารมีหากทวีกำเริบกล้าทุกขณะ

 

เงาดำหลายสิบร่างเคียดแค้นโกรธา จิกจ้องด้วยลูกตาแดงก่ำ บัดนี้ค่อยๆหดฝ่อก่อนลอยหายเข้าปากDoctorจิตวิทยาแนวหน้าประเทศ กล้ามเนื้อง้างอ้ากว้างฉีกถึงใบหู รอยแผลปริแยกผิวหนังเหวอะหวะน่าแปลก...ไม่มีเลือดหยดอาบสักเล็กน้อย โพรงดำทะมึนลึกกลวง ดูดกลืนทุกดวงวิญญาณจนเกลี้ยง ร่างล่ำสันเหยียดยาวบิดกระตุกปริ่มทรมานเจียนขาดรอน ตากลมโตคู่นั้นฉายแววรวดร้าว ดวงหน้าคมเข้มแม้บิดเบี้ยวยังเจือปนความรู้สึกแห่งผู้ชนะ

 

"อ๊ากกกก...อาาาาา...อาาาาา!"

 

เสียงขู่คำรามประหนึ่งอสุรกายอเวจีดังจากลำคอสั่นสะท้านเรือนไม้โคลงเคลง หนังสือใบข่อยปลิวกระเด็นห่างไม่ไกล ทว่าร่างDoctorละติจูดดีดผึงจังก้า เนื้อหนังฉีกขาดตกห้อยกะรุ่งกะริ่ง เส้นโลหิตภายใต้ชั้นผิวขยายเปิดรับระบบสูบฉีดเพื่อแลกเปลี่ยนปรับสมดุล กล้ามเนื้อทุกส่วนปูดนูนดันโครงสร้างสรีระพัฒนารองรับอย่างรวดเร็ว

 

เพียงชั่วขณะทุกอย่างคืนสู่ความปกติ บาดแผลแบะอ้ายังประสานตัวแนบสนิท เลือดและอวัยวะภายใน คือสิ่งแลกเปลี่ยนหลังการสูบกินดวงวิญญาณทุกครั้งดำรงไว้ซึ่งกายหยาบ ขอแค่ดวงจิตอันเปี่ยมพลังงานมหาศาลนี้ไม่ถูกทำลาย เขายังสามารถสิงสู่ควบคุมซากศพคนตาย อาศัยสื่อกลางรักษาสถานภาพแห่งมนุษย์เหมือนเช่นคนปกติ

 

แขนมหึมายกกวัดแกว่งก่อนจะหุบเขี้ยวยาวเม้มปากทิ้งไหล่ กระแทกก้นนั่งครืนทำเอาพื้นไม้แทบปริแตก

 

............

 

กริ๊ง...กริ๊ง...กริ๊งๆ...

 

เสียงโทรศัพท์ลั่นดัง ยังให้ชายชราต้องวางอุปกรณ์ส่องพร้อมพวงเครื่องรางลงกราวเกรียว ก่อนจะผุดลุกหยิบฉวยเพื่อสนทนากับผู้ติดต่อเข้าสาย

 

"อ้าว!สวัสดีครับDoctor"

 

"เรื่องพระพุทธรูปถึงไหนละ ผมทำสำเร็จอีกขั้นแล้วนะ เพียงแต่..."

 

สำเนียงทุ้มเหี้ยมทอดหางเสียงลังเล

 

"ให้ผมเดาไม๊หละ วิญญาณคุณไม่สมดุล พลังงานทางฝ่ายมิจฉาทิฐิมากกว่าสัมมาทิฐิ"

 

ปลายสายเม้มริมฝีปากหัวเราะต่ำ

 

"หึๆใช่...ผมจึงอยากรบกวนอาจารย์ช่วยเหลือผมอีกแรง"

 

"ไม่ต้องเกรงใจผมรู้นิสัยคุณดี เรื่องแค่นี้จะว่าง่ายมันก็ง่าย...จะว่ายากก็สามารถพูดได้เช่นกัน"

 

"ผมไม่เข้าใจ"

 

อาจารย์ชันนิ่งเรียบเรียงความคิดแล้วอธิบายสรุปสั้นๆ

 

"ดวงวิญญาณสัมมาทิฐิอำนาจทิพย์เข้มข้นมากพอจะปรับสมดุลพลังงานในตัวคุณได้ตอนนี้ คือเทวดาชั้นจาตุมระดับกลางขึ้นไป หรือกระแสรัตนตรัยเท่านั้น ผมยังหาสำนักสงฆ์ชุมพัฒนาไม่เจอ แต่ลูกชายกำนันเสริมตบปากช่วย คงได้เบาะแสเร็ววัน"

 

Doctorละติจูดพยักหน้า กรอกเสียงราบเรียบเฉื่อยชาผ่านโทรศัพท์

 

"โอเครู้แล้ว...ไม่ต้องเร่งรีบ ผมยังควบคุมมันได้ปกติ"

 

"ฮ่าๆหะๆๆ ตกลงDoctor สองสามวันผมจะลองนั่งทางในดูอีกครั้ง"

 

ปลายสายเสนอแนะอีกหลายประโยคก่อนบทสนทนาทั้งสองจะตัดสัญญาณทิ้งไป

 

............

 

จราจรช่วงเย็นคับคั่ง แก๊สควันจากท่อไอเสียพาหนะมากมายฟุ้งดำโขมง ประดุจชำเลืองกระจกมองข้างฝั่งคนขับ ก่อนจะเปรยกับเพื่อนร่วมทางอีกสองคนเบาะหลัง

 

"สงสัยวันนี้คนจะแยะโชคดีพวกแกจองโต๊ะไว้แล้ว ต่อให้ค่ำกว่านี้ก็ไม่มีปัญหา"

 

"เออเว้ย! เครดิตต้องยกให้แกหวะเกริกเกียรติ ย่านนี้ขั้นกลางด้วยแม่น้ำน่าน ใกล้วัดจันทร์ตะวันตกและออก คนมากคงไม่แปลกหรอกโว้ย"

 

ทันทีรถเก๋งเลี้ยวแว้บ ชะลอหาที่จอดวิจิตรีบเปิดประตูก่อนใคร พลางวางท่าวาดกล้องถ่ายวิวอย่างชำนาญ

 

"เฮ้ยๆไปๆๆกินข้าว ในร้านมุมสวยๆเยอะแยะ ประเดี๋ยวฟิล์มหมดม้วนอย่าหาว่าไม่เตือน"

 

เกริกเกียรติยิ้มแก้มปริ เหยียดแขนตบไหล่วิจิตป้าบใหญ่ ประดุจสูดลมหายใจเข้าปอดเผลอปล่อยก๊ากก้าวตามหลังทั้งสองติดๆ บรรยากาศลูกกรุงกลางเก่ากลางใหม่ รสนิยมร่วมยุคสมัย ช่วงสอบปลายภาคมอหกชักชวนไอ้สองเกลออยู่เนืองๆ กระทั่งผลคัดเลือกติดมหาลัยในกรุงนั่นแหละ จึงห่างหายFeelingเช่นนี้

 

คนพลุกพล่านขวักไขว่เคล้าเพลงจากเครื่องเสียงขนาดใหญ่ในร้าน กระไดทอดต่ำลง พวกเขาเลือกจะนั่งชมทิวทัศน์กลางแพริมน้ำ มากกว่าจับเจ่ามุมร้านแสนธรรมดาคุ้นเคยจนน่าเบื่อ ลมเอื่อยฉิวหอบระลอกกระเพื่อมผิวน้ำฟองเล็กๆ บริกรพยักหน้ารับเมนูเพิ่มเติม วิจิตระบายลมจากปากรินค็อกเทลใส่แก้วยกดื่มอักๆดับกระหาย

 

"กลับมาคราวนี้แกวางแผนสมัครงานยังไง"

 

ประดุจมองหน้าวิจิตส่ายหัวช้าๆ

 

"เห้อ...อย่าเพิ่งเลยก่อนจะมาฉันเพิ่งยุ่งๆกับร้านคุณอาโหราที่อยุธยา"

 

"แกรับช่วงธุรกิจสะสมวัตถุโบราณเรอะ"

 

เกริกเกียรติตาโต

 

"เปล่าโว้ย"

 

ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงเข้ม วางแก้วสีอำพันอธิบาย

 

"อาโหราได้รับเอกสารจากDoctorละติจูด พวกนายคงคุ้นหูชื่อชุมพัฒนา เนื้อหาบันทึกไว้บอกว่า ข้างใต้สำนักสงฆ์เก็บรักษาพุทธรูปศิลปะตั้งแต่เมื่อครั้งเมืองสองแควเป็นเมืองลูกหลวงสุโขทัยโน่นแหนะ"

 

"อื้อฮือ! งานหนักหนาอยู่นะ ฉันว่าถ้าจริงดั่งแกบอก ตามเอกสารระบุชัดเจน คงมีพวกลักลอบขุดกรุเคยได้ของไปไม่น้อย"

 

เกริกเกียรติเม้มปากก่อนแสดงความเห็น

 

"เรื่องนั้นพอรู้ระแคะระคาย สามปีก่อนหมอไสยศาสตร์จากกรุงเทพพร้อมคณะร่วมสิบเทียว ใช้เวลานั่งทางในตรวจสอบอยู่เก้าคืน พ่อฉันเล่าให้ฟังพวกเขาลงมือขุดลงไปไม่เท่าไหร่ ดันหยุดการดำเนินงานกลางคันเสียดื้อๆ อาจารย์ขมังมนตร์รู้จักกับพ่อ ลูกศิษย์ลูกหาเรียกอาจารย์เขียนพระรามสาม ข้างใต้เป็นถ้ำโพรงจริง แต่ติดตั้งจักรพยนต์ป้องกัน แม้วิชาอาคมอาจารย์เขียนแก่กล้า ยังต้องเลิกล้มเดินทางกลับยกขบวน"

 

วิจิตอธิบายยืดยาว ก่อนจะกรอกเทเครื่องดื่มในแก้วรวดเดียวลงคอพรวด

 

"Doctorละติจูด ศาสตราจารย์จิตวิทยาแนะแนวใช่ไหมโว้ย"

 

"เออคนนั้นแหละ"

 

ประดุจพยักหน้า

 

"มันต้องเป็นกรมศิลปากร หรือนักสำรวจโบราณคดีสิวะ พระพุทธรูปประติมากรรมมันเกี่ยวอะไรกับDoctorจิตวิทยา"

 

วิจิตส่ายหน้าพึมพำ

 

"ข้าตกกระไดพลอยโจน ส่วนหุ้นเอี่ยวเข้าทาง มันต้องไปให้สุดสิวะ ถ้าสนเท่ห์นักหนา พวกแกสนใจร่วมไม๊หละฮ่าๆหะๆๆ"

 

ประดุจเอ่ยทีเล่นทีจริง ยังให้สองเกลอมิหนำอาการมึนเมากำเริบ ตบเข่าฉาดโพล่งลั่นบ้า

 

"ขอให้บอก...ไม่แส่อย่าเรียกข้าไอ้เกริกเกียรติโว้ย"...

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.