STARCIN ภาคที่ 6 OverThrow ตอนที่ 2 กอดรัด
"ท่านแคทเทอรีน...แค่นักดมกลิ่นจะตามจับเด็กนั่นได้เหรอคะ?" สาวใช้คนสนิทรินน้ำชารสเลิศอุ่น ๆ เหมาะแก่การดื่มช่วงอากาศหนาวเช่นนี้
"ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เธอไม่รู้ซะแล้วว่านักดมกลิ่นมันทำอะไรได้บ้าง" แคทเทอรีนยกชาขึ้นดมกลิ่นสัมผัสอันอบอุ่นและร่มรื่นจากใบชาที่หาได้ยาก
"ทั้งสองคน...อ้อไม่สิลืมเจ้าตูบไปได้ยังไง พวกเขาทั้งสามมีความสามารถเฉพาะในการตามล่าศัตรูถ้าจะพูดพวกเขาแข็งแกร่งพอ ๆ กับกองร้อยทั้งกองเลยนะ" รอยยิ้มแสยะเป็นว่าเล่นทำอย่างกับเป็นเรื่องสนุกที่ได้เล่าเรื่องของนักดมกลิ่น เธอกระตุกยิ้มหลังจากจิบชาส่งสายตาที่เต็มไปด้วยเลศนัยแม้แต่เด็กยังดูออกให้กับสาวใช้ของเธอ
"จี้เธอเป็นผู้รอดชีวิตจากสงครามกลางเมืองเมื่อยี่สิบปีก่อน ตอนนั้นที่เธอกล่าวเท้าออกมาจากกลุ่มควันไฟเราก็นึกว่าจะเป็นอะไรแต่กลับปกติสุขเหมือนไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นและเธอก็เป็นคนเดียวที่รอดชีวิตจากสงครามครั้งนั้น ด้วยประสงค์ของพระเจ้าจึงมอบพลังให้กับเธอก็คือดวงตาที่สามารถมองเห็นอนาคตได้ถึงแม้จะเล็กน้อยแต่ในการสู้รบนั้นเพียงแค่เสี้ยววินาทีก็สามารถตัดสินชะตากรรมได้"
...
"ทำไมถึงไม่โดนสักทีวะ !" คานะอุทานออกมาด้วยความหงุดหงิดไม่เพียงแค่หญิงสาวตรงหน้าจะหลบได้แต่เธอกลับไม่โจมตีสวนเลยสักครั้งทำอย่างกับเธอเป็นเด็กน้อยที่เล่นด้วยเฉย ๆ
"จะหยุดได้หรือยังแม่สาวน้อย ยังไงเลเวลฉันก็มากกว่าไม่มีทางที่จะเอาชนะได้แน่นอน"
"ฝันไปเถอะ" คานะเปลี่ยนจากมีดสั้นเป็นธนูคู่ใจยิงศรเวทมนตร์ออกไปทีเดียวสามดอกเล็งไปยังหญิงสาวตรงหน้าแต่เพียงการบิดตัวเล็กน้อยก็สามารถหลบวิถีลูกศรได้หมด
"เสร็จฉันล่ะ !" คานะยิงลูกศรเวทมนตร์ที่เต็มไปด้วยพลังงานไฟฟ้าปักลงพื้นที่เต็มไปด้วยน้ำนองส่งกระแสไฟฟ้าช็อตหญิงสาวผู้นั้น
"คิดว่าฉันไม่รู้หรือยังไง?" มันควรจะเป็นเช่นนั้นแต่เธอกลับยืนอยู่ได้สบาย ๆ เมื่อคานะสังเกตดี ๆ ก็ได้เห็นการใช้เวทลมดันตัวเองให้ลอยอยู่เหนือพื้นเล็กน้อยจนแทบมองไม่ออก
...
แคทเทอรีนดึงตัวสาวใช้เข้ามานั่งตักขณะที่จิบชาไปด้วย
"ส่วนสมพงนั้นเคยเป็นทาสของพ่อค้ามาก่อน ตอนที่เขาอายุได้สิบขวบก็สามารถใช้เวทตรวจสอบได้ หลังจากที่พ่อค้ารู้เรื่องจึงพยายามปั้นสมพงให้กลายเป็นนักตรวจสอบซึ่งเป็นอาชีพที่หายากมาก ๆ และการที่เขาได้มีนักตรวจสอบส่วนตัวก็ยิ่งทำให้การค้าขายราบรื่นขึ้น แล้วรู้ไหมว่าพ่อค้านั่นฝึกสมพงยังไง?"
"ไม่รู้ค่ะ" สาวใช้ตอบไปพลาง ๆ ไม่ได้สนใจแม้แคทเทอรีนจะส่งสายตาให้เท่าไรก็มีเพียงแววตาอันเฉยชามองกลับมา
"ฮ่า ๆ ๆ ฉันจะบอกให้ก็ได้ เขาให้สมพงมองไอเท็มและวิเคราะห์มันวันละเก้าร้อยเก้าสิบเก้าชิ้นและวิเคราะห์คนอีกเก้าสิบเก้าคนแถมช่วงแรก ๆ เหมือนจะสลบคาที่เลยมั้ง"
"โหดร้ายจังเลยนะคะพ่อค้าคนนั้น"
"อืม ! แต่ก็ต้องขอบคุณเขาด้วยที่สร้างปีศาจอย่างสมพงขึ้นมา แล้วก็มีเจ้าตูบที่ชื่อบลัดฮาวด์ด้วย เจ้านั่นเป็นสัตว์อสูรระดับสูงที่สามารถรับมือกับทหารเลเวลสี่ถึงห้าได้พร้อมกันสิบคนเลยนะจะบอกให้ แถมจุดเด่นที่เป็นเรื่องของการดมกลิ่นของมันไม่เพียงแค่ระยะกว้างไกลเท่านั้นยังสามารถสัมผัสกลิ่นของอารมณ์ได้อีกด้วย"
"โห...สุดยอดเลยนะคะ"
"แน่นอนฉันถึงบอกยังไงล่ะว่าแค่พวกเขาก็สามารถตามตัวเจ้าเด็กนั่นมาได้แน่ ๆ"
...
หลังจากการปะทะของทั้งสองฝ่ายโดยที่ทางฝั่งนักดมกลิ่นเอาแต่ดูเชิงไม่ได้ตั้งใจมาฆ่าฟันเอาแต่ป้องกันและหลบหลีกแทน
"อยู่นิ่ง ๆ สิวะเจ้านี่" เซนโมโหจนกัดฟันกรอดกระหน่ำตวัดแขนด้วยเวทเพลิงสีชาดไม่หยุดหย่อน
หนึ่งในคนที่มีใบประกาศจับในอาณาจักรเซีย ถึงแม้การเดินทางด้วยเรือจะไม่มีแล้วแต่เพราะชื่อเสียงเรียงนามของพวกเขาทำให้ข่าวสะพัดมาถึงอาณาจักรนอดได้ แม้ในใบประกาศจับจะมีแค่สามคนแต่เชื่อเลยว่าคนที่เหลือก็น่าจะเป็นอาชญากรเช่นกัน
สมพงกวาดสายตามองไปทั่วดูทั้งสเตตัสและประเมินศักยภาพคาดเดารูปแบบการต่อสู้ของพวกเขาได้อย่างละเอียด
"เหนื่อยหรือยังล่ะพ่อหนุ่ม?" สมพงออกหมัดที่เคลือบด้วยหินเวทมนตร์กระแทกเข้าที่ท้องแรงจนตัวเซนลอยและฟันศอกเข้ากลางหลังลงไปนอนกับพื้น
"ทำไมนายถึงไม่ขยับไปไหนเลยล่ะซึฮากิ" หลังจากที่เซนลงไปนอนกับพื้นเขาก็มาโผล่ด้านหลังของซึฮากิแทบจะมองไม่ทันเสียด้วยซ้ำ
"พวกนายไม่ได้มีเจตนาฆ่าฟันกันอยู่แล้วนี่ ฉันก็เลยปล่อยให้พวกเขาได้ออกแรงกันบ้างไม่อย่างนั้นฝีมือจะทื่อซะเปล่า"
เหอะ เจ้านี่มันไม่ธรรมดาจริง ๆ ถึงจะเป็นแค่กลุ่มเล็ก ๆ แต่มีผู้ถือครองพลังเดอะตั้งสองคน เซนใช้เวทไฟเน้นการต่อสู้ในระยะประชิดด้วยการใช้อาวุธมีคม คานะใช้เวทวารีและไฟฟ้าค่อนข้างยืดหยุ่นในการต่อสู้แต่พลังทำลายโดยรวมยังอ่อน เอลฟ์ยูกิที่มีพลังเดอะกุ๊กใช้เวทได้ทั้งลมและวารีแต่เลเวลยังต่ำอยู่ไม่น่าเป็นปัญหา
"ก็ไม่คิดว่าจะมาเจอกบฏของอาณาจักรเซียที่นี่ แล้วมีธุระอะไรกับอาณาจักรนอดล่ะ?" รอยยิ้มยียวนกำลังท้าทายซึฮากิแต่เขาก็ไม่ตอบโต้อะไรจนสมพงต้องเอามือโบกตรงหน้าเพื่อดูว่ายังมีสติอยู่หรือไม่
เป็นผู้ใช้มนตร์ดำซะด้วยแถมยังมีพลังเดอะที่ไม่เคยมีบันทึกมาก่อน...เดอะบอดี้สินะเราต้องจำไว้
สมพงออกหมัดจากมือขวาเป็นการหยั่งเชิงแต่เมื่อหมัดนั้นกำลังจะปะทะกับใบหน้าของซึฮากิเขาก็ถูกจับทุ่มลงพื้นทันที
เร็วมาก สมพงถีบขาคู่โดนท้องของซึฮากิเพื่อเว้นระยะห่าง
"ดูจะไม่ใช่แค่ข่าวลือแล้วสินะ"
วินาทีที่เราโน้มตัวออกแรงไปข้างหน้าเขาก็โน้มตัวลงต่ำนิดหนึ่งใช้ไหล่ยันลำตัวของเราและรวบแขนกดลงพื้น เห็นได้ชัดว่าเขามีทักษะการต่อสู้ระยะประชิดที่ไม่ใช่ระดับธรรมดาแน่นอน
สมพงใช้เวทมนตร์ตรวจสอบอีกครั้งไม่เพียงแค่นั้นเขายังใช้การประเมินเพิ่มเข้าไปอีกมองหาความสามารถทั้งหมดของพวกเขา
"ดะเดี๋ยวสิ ไม่น่ามีอะไรแบบนี้นะหรือเพราะเราง่วง ๆ เวทมนตร์ก็เลยรวนไปด้วย...ขอดูอีกสักรอบ"
Lv.6 ซึฮากิ ฮลาฟกาด
กายภาพ SSS
มันสมอง SSS
เวทมนตร์ SSS
ของจริงนี่หว่าแม้แต่ท่านแคทเทอรีนยังไม่ถึงขนาดนี้เลยแล้วทำไมเจ้าหนุ่มนี่ถึงมีศักยภาพสูงถึงเพียงนี้ พอดูดี ๆ แล้วสเตตัสก็สูงกว่าที่ควรจะเป็นถ้าเทียบกับพรรคพวกของเขาก็ยิ่งเห็นได้ชัด
เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่สมพงคิดวิเคราะห์เซนก็เข้ามาทางด้านหลังตวัดดาบเคลือบเวทไฟเหวี่ยงแรงจนตัวบิดเหมือนหวดไม้เบสบอล
"ออร่ามานาลอยมาแต่ไกลคิดว่าแค่นั้นจะทำอะไรได้?" สมพงไม่มีแม้แต่ความหวั่นเกรงเมื่อต้องปะทะกับคนที่มากกว่าราวกับได้คำนวณโอกาสชนะมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"ไม่ได้เลือดออกมานานแค่ไหนแล้วนะ" เซนบิดคอยืดเส้นยืดสายขณะที่พวกเขาทั้งสองเดินเข้าหากัน
"โห ยังยิ้มแบบนั้นได้แสดงว่าอึดพอตัวเลยนะเนี่ย"
"ถ้าล้มง่าย ๆ เราคงไม่มาถึงตรงนี้หรอก" เมื่อเสียงฝีเท้าหยุดลงพวกเขายืนประชันหน้ากันในระยะแค่หนึ่งเมตรส่งกระแสมานาปั่นป่วนกันไปมารุนแรงถึงขนาดสร้างรอยร้าวที่พื้นดิน
คมดาบเพลิงยาวหนึ่งเมตรออกลวดลายฟาดฟันกับหมัดหินของสมพงลากยาวจนทะลุเข้าไปในป่าไม่อาจรู้ได้เลยว่าใครเป็นผู้ชนะเห็นเพียงแสงไฟตวัดไปมาอยู่ไกล ๆ
"ทำไมถึง..." คานะใช้มาน่าจวนจะหมดจนร่างกายหนักอึ้งราวกับแบกเหล็กสักหนึ่งร้อยกิโลกรัมโดยที่ศัตรูตรงหน้ายังไม่มีรอยแผลเลยสักนิด
"เธอไปพักได้แล้ว" สเตล่าวางมือลงบนไหล่พยักหน้าตอบรับเพื่อให้คานะถอยออกไป
"มานี่เลยแล้วก็กินเข้าไป !" ยูกิกวักมือเรียกและยื่นอาหารอัดแท่งที่ทำไว้ให้ ทันทีที่กินเข้าไปมานาก็ของเธอก็ได้รับการฟื้นฟูถ้าเทียบกับเลือดของมอนสเตอร์แล้วดีกว่าเป็นไหน ๆ
สเตล่าวางมือบนด้ามมีดไม่ได้ชักมันออกมาอยู่ในท่าเตรียมพร้อมเดินไปรอบ ๆ หยั่งเชิง
เธอกำลังเลียนแบบเราสินะแต่มันก็แค่นั้น ดวงตาที่พระเจ้าส่งมอบให้ช่วยให้เธอสามารถมองเห็นอนาคตได้เล็กน้อยแต่มันก็มีข้อเสียใหญ่ ๆ อยู่
"[คลื่นวายุสะพัด]" มีดสั้นที่เหมือนไม่มีอะไรแต่เมื่อเธอเหวี่ยงมันออกไปกลับสร้างแรงลมมหาศาลผลักหญิงสาวผู้นั้นออกไปแต่ก็ยังไม่อาจสร้างบาดแผลให้เธอได้
รัศมีการส่งผลกว้างแต่ความรุนแรงค่อนข้างต่ำ จี้หลับตาซ้ายใช้เพียงตาขวามองจึงได้เห็นท่วงท่าการร่ายรำของใบมีดวายุที่กำลังตามหลังมาแต่เพราะคลื่นวายุสะพัดทำให้ฝุ่นมันเข้าตาบดบังวิสัยทัศน์
"ฉันสังเกตมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เธอมักจะหลับตาซ้ายบ้างขวาบ้างทุกครั้งที่เคลื่อนไหว ฉันก็เลยใช้วายุรบกวนดวงตาของเธอซะ" เพียงแค่หนึ่งช่วงลมหายใจสเตล่าก็เข้ามาประชิดตัวได้สำเร็จแต่ด้วยเลเวลที่ต่างกันมากทำให้คมมีดวายุของเธอไม่สามารถทะลวงเสริมกำลังของจี้ไปได้
"ดูท่าฉันคงทำอะไรเธอไม่ได้แน่ ๆ ต่อให้ใช้พลังทั้งหมดก็ตาม ถ้าอย่างนั้นฝากด้วยล่ะกิ" สเตล่ายอมล่าถอยกลับไปรวมกับยูกิ
"หลังจากที่ตรวจสอบบริเวณรอบ ๆ ทำให้รู้ว่ามีแค่พวกเธอจริง ๆ" ดวงตาข้างหนึ่งของซึฮากิกำลังเชื่อมต่อกับแฟรงค์ตลอดการปะทะกับพวกเขา
"พวกเราทั้งสามทำงานกันเป็นทีมจะไม่ร่วมมือกับใคร เพราะมันจะทำให้การเคลื่อนไหวสะดุดตาและช้าลงอย่างมาก"
เธอน่าจะมีพลังล่วงรู้เหมือนกับสเตล่าแถมดูแล้วยังเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด
"แล้วรู้อะไรมาบ้างล่ะสเตล่า?" ซึฮากิถามโดยที่ยังมองตาจี้อยู่
"อืม จุดอ่อนของเธอก็คือเป็นคนขี้ลืม"
"เฮ้ย ! อย่ามากล่าวหากันมั่ว ๆ สิวะ" จี้ตะเบ็งเสียงใส่ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
คนขี้ลืมเหรอหรือจะเป็นอัลไซเมอร์แต่อายุก็ยังแค่นี้ไม่น่าใช่ ซึฮากิเหวี่ยงระเบิดมานาสร้างจังหวะให้เขาเข้าประชิดตัวแต่การเคลื่อนของเขาก็ถูกเดาทางได้หมดแม้แต่การก้าวเท้าซ้ายหรือขวา
"จะวิ่งเล่นหรือยังไง?" เธอมองเห็นการเคลื่อนไหวที่ซึฮากิพยายามสับขาหลอกพร้อม ๆ กับการขว้างระเบิดมานาใส่
คราวนี้ข้างบนสินะ ดวงตาของเทพกำลังแสดงภาพของซึฮากิที่กระโดดข้ามหัวยิงกระสุนวายุเล็งลงหัวพอดิบพอดี
มีดบินจากด้านหลังต่อด้วยการเข้าประชิดตัว ทุกการเคลื่อนไหวของซึฮากิถูกเธอตอบโต้และป้องกันได้หมดแม้จะใช้ฝุ่นควันที่เกิดจากระเบิดมานาแต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อซึฮากิคิดจะเข้าประชิดตัวหรือโจมตีด้วยเวทมนตร์เพียงแค่เปิดดวงตาขวาของเธอก็สามารถมองเห็นภาพของอนาคตได้
"ไม่เหนื่อยบ้างหรือยังไง? ก็แค่ส่งเด็กนั่นมาก็จบเรื่องแล้ว" แววตาอันเบื่อหน่ายที่ต้องมารับมือกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้และกวาดมองไปยังเด็กน้อยคูเปอร์เป้าหมายที่ต้องจับ
โดยปกติหากเจอกับผู้ที่มีเลเวลสูงกว่าก็มักจะยอมแพ้หรือล่าถอยไปทันทีหรือแม้แต่จะอยู่เลเวลเท่ากันก็ยังเลี่ยงการปะทะเพื่อความปลอดภัย
เจ้านี่มันแปลก ๆ ไม่ว่าจะมองอนาคตยังไงก็เห็นแค่มันวิ่งไปมาเอาแต่โจมตีด้วยเวทมนตร์กระจอก ๆ นั่น
"หา?" ภาพของอนาคตที่เธอถูกซึฮากิตีวงล้อมจนไม่มีที่หนีไปไหนทำเอาไปไม่เป็น ทุกวินาทีที่อนาคตได้เข้ามาใกล้เธอก็ยิ่งคิดหาจุดปลอดภัยที่จะหลีกหนีไปได้แต่แล้วทุกอย่างมันกลับเกิดขึ้นเร็วมากเสียจนไม่มีเวลาคิด
"เธอพลาดแล้ว" เพียงแค่พริบตาเดียวก็ปรากฏร่างของซึฮากินับสิบอ้อมล้อมพร้อมออกอาวุธจู่โจม ทั้งหมัด ลูกเตะหรือเวทมนตร์ต่างก็อัดกระแทกของหญิงสาวผู้นั้นกระหน่ำแรงไม่ยั้งจนเสริมกำลังไม่สามารถต้านทานได้
ร่างกายอันสะบักสะบอมกำลังกระเสือกกระสนถอยห่างพร้อมกับลั่นวาจาดังก้อง
"อย่าคิดว่ามันจะจบแค่นี้นะ !" เธอระเบิดมานาออกมารอบข้างซัดร่างโคลนของซึฮากิออกไปราวกับเป็นกิ่งไม้ที่โดนพายุพัดเหลือเพียงรากฐานที่ยังคงยืนอยู่ได้ก็คือตัวซึฮากิตัวจริงเท่านั้น
"แกทำได้ยังไง? อย่าบอกนะว่า" เพียงแค่ฉุกคิดเล็กน้อยเธอก็ได้เข้าใจว่าเหตุใดซึฮากิถึงฝ่าการมองอนาคตมาได้ ระเบิดมานาพวกนั้นเป็นเพียงตัวล่อเพื่อให้ควันฟุ้งกระจายถึงแม้จะมองเห็นอนาคตได้แต่ก็ไม่สามารถมองทะลุฝุ่นควันพวกนั้นได้เช่นกัน
"หัวไวเหมือนกันนี่แต่เธอคงไม่ได้มองอนาคตตอนที่กำลังถูกอัดสินะ" ซึฮากิชี้ลงไปยังพื้นดินที่จี้ยืนอยู่ แทนที่มันจะเป็นพื้นดินรุกรังแต่มันกลับเป็นแอ่งน้ำที่คานะทำไว้
"เวรเอ๊ย!" ก่อนที่เธอจะไหวตัวทันก็โดนไฟฟ้าช็อตจากคานะจนแน่นิ่งไป
พวกเขาตรวจสอบสภาพของจี้อย่างน้อยเธอก็ยังมีชีวิตอยู่กลับกันทางด้านของเซนยังคงฟาดฟันกับสมพงไม่มีหยุดพัก
"นายนี้มันฉลาดเป็นกรดจริง ๆ ถึงจะใช้มานาไปเยอะมาก ๆ ในคราเดียวแต่กลับล่มคนที่เลเวลสูงกว่าได้" สเตล่ายิ้มไม่หุบที่ได้เห็นสภาพของหญิงสาวผู้นั้นก่อนจะจับมัดถอดเสื้อผ้าและอาวุธทั้งหมดออกเพื่อความปลอดภัย
"จากการคาดการณ์เธอคนนี้สามารถมองเห็นอนาคตใกล้ ๆ ได้เหมือนกับล่วงรู้และดูเหมือนมันจะแม่นยำกว่ามาก ๆ"
"แล้วนายทำได้ยังไงล่ะ? ในเมื่ออีกฝ่ายมองเห็นอนาคตอันใกล้...หรือว่านายจงใจใช้การมองเห็นอนาคตเป็นอาวุธในการจัดการ" ขณะที่กำลังค้นของจากสัมภาระของพวกเธอสเตล่าก็ยังคงถามซึฮากิไม่หยุด
"ฉันคิดว่าที่เธอมองเห็นน่าจะราว ๆ สามถึงห้าวินาที เราก็แค่กำหนดอนาคตที่เราต้องการไว้ล่วงหน้าก็แค่นั้น"
ใบหน้าอันงุนงงของพวกเขาทำให้ซึฮากิถอนหายใจ
"ระหว่างที่ใช้ระเบิดมานาฉันก็แอบวางมานาซ้อนไว้ข้างในอีกชั้นและมันก็คือร่างโคลนของฉันเอง ฝุ่นที่ค่อย ๆ กระจายออกช่วยซ่อนการปรับเปลี่ยนรูปร่างและเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็แค่มุ่งหน้าเข้าไปพร้อมกันจากทุกทิศทาง ต่อให้เห็นอนาคตในอีกห้าวินาทีว่าจะมีศัตรูล้อมรอบแต่นั้นมันก็สายไปแล้วเพราะร่างโคลนเหล่านั้นล้อมตัวเธอไว้ตั้งแต่แรกอาศัยฝุ่นควันบดบังไว้"
"เอ่อ...ช่างมันแล้วกัน" เล่นอธิบายซะละเอียดยิบเลยฟังแล้วหัวจะปวด คานะยิ้มเจื่อนส่งท้ายก่อนจะมุ่งหน้าไปสมทบกับเซน
…
เซนและสมพงยังคงกัดฟันปะทะกันด้วยแรงกายแรงใจแต่ด้วยมานาที่ต่างกันทำให้เซนไม่สามารถใช้เสริมกำลังหรือเวทมนตร์เสริมอื่น ๆ ได้ ยอมละทิ้งการป้องกันเพื่อจู่โจมศัตรูตรงหน้าแววตาของเขาเต็มไปด้วยความเลือดร้อนพร้อมทุ่มทุกอย่างเพื่อชัยชนะ
เจ้านี่มันเหมือนกับสัตว์อสูรมากกว่าวิธีต่อสู้แบบมนุษย์เสียอีก สมพงวิเคราะห์การเคลื่อนไหวดุจดั่งสัตว์ป่ากำลังล่าเหยื่อ
สัญญาณชีพของจี้อ่อนลงแถมยังอยู่นิ่งอย่าบอกนะว่าเธอเสียท่าแล้ว อย่ามาล้อเล่นนะเว้ย จู่ ๆ จิตสังหารของเขาก็ปกคลุมไปทั่วผืนป่าแห่งนั้นต่างกับก่อนหน้านี้คนละโลก
"เลิกเล่นเสียที ถ้าเจ้าเด็กนั่นเจ็บตัวนิดหน่อยก็คงไม่เป็นอะไร" เสียงอันแข็งกระด้างแสดงถึงความก้าวร้าวไม่เพียงแค่นั้นมานารอบ ๆ ตัวของเขาก็เปลี่ยนไปจากเดิมที่มีแค่ปกคลุมร่างกาย บัดนี้มันกำลังคลุ้มคลั่งล้นออกมาแม้แต่เซนที่ไม่มีเวทมนตร์ตรวจจับยังรู้สึกได้
"ฮ่า ๆ ๆ ในที่สุดแกก็เอาจริงแล้วสินะ" พูดไม่ทันขาดคำร่างของเซนก็โดนกระแทกไปไกลหลายสิบเมตรชนกับต้นไม้หักเป็นเส้นตรง
"เซน !" เสียงร้องเรียกของความโกรธเกรี้ยวเข้าครอบงำคานะ ลูกศรวารีพุ่งพวยออกไปราวกับเป็นสายฝนแม้จะรู้ตัวว่ามานาของตนนั้นยังไม่ฟื้นเต็มที่แต่ด้วยอารมณ์โกรธทำให้ขาดการนึกคิด
"เล็งแม่นเหมือนกันนี่แต่วิถีการควบคุมมานามันฟ้องตำแหน่งหมดแล้ว" มือของเขาถูกปกคลุมไปด้วยหินอย่างกับใส่ถุงมือใช้มันปัดป้องลูกศรวารีได้ไม่รู้สึกสะทกสะท้าน
แต่คานะเองก็คาดการณ์ไว้เช่นกันลูกศรวารีพวกนั้นเป็นเพียงตัวล่อเพื่อให้สมพงประมาทคิดว่าพลังของเธออ่อนแอ
หือ...มานาแปลก ๆ แบบนั้นอย่าบอกนะว่าเป็นสายฟ้า ขณะที่กำลังยุ่งอยู่กับห่าลูกศรเวทมนตร์จู่ ๆ ก็มีเวทสายฟ้าปะปนมาด้วยและทั่วพื้นที่ที่เต็มไปด้วยแอ่งน้ำเพราะลูกศรวารีทำให้สมพงรู้ตัวว่าเธอต้องการจะทำอะไร
ดูเหมือนแผนของคานะจะเป็นไปตามที่หวังจัดการเขาด้วยไฟฟ้าช็อตแต่จู่ ๆ ก็มีเปลวเพลิงลุกโชนปัดเป่าลูกศรเวทมนตร์ของคานะหายไปในครั้งเดียวเช่นเดียวกับสภาพแวดล้อมบริเวณนั้นที่โดนไฟเผาไปด้วยจนไม่อาจใช้ประโยชน์จากน้ำในการช็อตไฟฟ้าได้
"มีสองธาตุเหรอ? แบบนี้ชักจะแย่แล้วสิ"
ระหว่างการปะทะของทั้งสองฝ่ายสเตล่าก็แอบพาตัวเซนไปยังที่ปลอดภัย
"ไม่อยากจะพูดแบบนี้หรอกแต่จะขอบคุณมาก ๆ ถ้านายมาช่วย"
ซึฮากิเฝ้ามองอยู่ข้างหลังราวกับไฮยีนาที่รอแย่งเหยื่อแต่นั้นก็เป็นเพียงมุมมองของคานะเท่านั้น
ใช้เวทได้สามธาตุ ดิน ไฟ แล้วก็เวทศักดิ์สิทธิ์ ทั้งการเคลื่อนไหวและการควบคุมมานาถือว่าเหนือพวกเซนอย่างเห็นได้ชัด ถ้าไม่ได้อาหารของยูกิช่วยเพิ่มพลังก็คงจะโดนจัดการไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
"สเตล่า" ซึฮากิเอ่ยเรียกทำให้หญิงสาวร่างเล็กกระโดดเข้าไปกลางวงของการต่อสู้แม้เธอจะเลเวลแค่ห้าแต่ถ้าร่วมมือกับคานะก็อาจจะชนะได้
สมพงกวาดสายตาไปรอบ ๆ มองการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของสเตล่าและยังต้องคอยพะวงหลังกับลูกศรเวทมนตร์ของคานะ เมื่อใดที่เขาจะเข้าหาสเตล่าคานะก็จะยิงจำกัดการเคลื่อนไหวและเมื่อเขาอยากจะจัดการคานะก่อนก็โดนสเตล่าลอบโจมตี
เพราะเจ้าหนุ่มนั่นแท้ ๆ มานาก็เลยเหลือไม่ถึงครึ่ง ถ้าจะใช้เวทใหญ่นอกจากจะเป็นเป้านิ่งแล้วยังจะเสี่ยงต่อภาวะขาดมานาอีกมีแต่ต้องจัดการด้วยมานาที่น้อยที่สุด
"เฮ้ ! วางอาวุธแล้วหมอบลงไปซะ" ขณะที่พวกเขากำลังหน้าสิ่วหน้าขวานซึฮากิก็พาตัวหญิงสาวพรรคพวกของสมพงมาด้วย สภาพที่แทบจะเปลือยเปล่าไร้ซึ่งสติถูกมีดสั้นจ่อคอพร้อมจะปาดในทันที
"อย่านะเว้ย !" เสียงสั่น ๆ ของเขามาพร้อมกับแววตาสับสนและหวาดกลัวยิ่งซึฮากิใช้มีดปาดคอเล็กน้อยให้เห็นเลือดไหลชายหนุ่มตรงหน้าถึงกับเข่าทรุดหมอบไปกับพื้น
ไอ้พวกเวรนี้ คอยดูเถอะพลาดท่าเมื่อไรพวกแกตายแน่ สมพงโยนกำไลเวทออกไปและยกมือขึ้นไว้ที่ท้ายทอย
"จับเขามัดไว้ แล้วก็ถอดเสื้อผ้าออกด้วย"
ชิ ฉลาดเป็นกรดจริง ๆ แล้วเจ้าบลัดฮาวด์มันไปไหนวะ
"หาสัตว์อสูรตัวนั้นอยู่เหรอ? ถ้าใช่ก็ไม่ต้องห่วงเพราะมันน่าจะโดนปุยจัดการไปแล้ว"
หา? ตอนที่ตรวจสอบเมื่อกี้ไม่เห็นมีใครชื่อปุยเลยสักคน อย่าบอกนะว่าจะมีกำลังเสริมอยู่ห่าง ๆ ขณะที่คิดเช่นนั้นซึฮากิก็ลากตัวจี้มาใกล้ ๆ เป็นเวลาเดียวกับที่สมพงตัดสินใจมุ่งตรงไปยังชายหนุ่มผมดกดำแววตาเรียบนิ่งเล็งแทงด้วยมีดสั้นที่พกไว้
"ตายซะ !"
แววตาของซึฮากิกำลังจ้องมองมีดสั้นของสมพงเหมือนกับคาดการณ์ไว้แล้วและโยนร่างของจี้ใส่ทำให้เขาต้องเก็บมีดไปเสียก่อนเมื่อเป็นเช่นนั้นซึฮากิไม่รอช้ากระโดดถีบด้วยเสริมกำลังแรงกระแทกพอที่จะทำให้กระดูกซี่โครงหักในทันที
"โอะ มาพอดีเลย"
สีหน้าซีดเชียวของสมพงพยายามจะขยับกายหนีไปพร้อม ๆ กับจี้แต่กระดูกที่หักทำให้การเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเจ้าปุยก็เอาร่างของสัตว์อสูรมาวางทิ้งไว้อย่างกับเป็นของฝาก
ไม่นะพวกเราจะมาตายที่นี่ไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องรายงานให้ท่านแคทเทอรีนรู้ว่าเจ้าพวกนี้มันปีศาจของจริง
นักดมกลิ่นทั้งสามตกอยู่ในสภาพร่อแร่เพราะความประมาทที่เห็นพวกซึฮากิเลเวลน้อยกว่าจึงไม่ได้ระวังตัวแต่เพราะเป็นแบบนั้นจึงทำให้เขารับรู้ถึงข้อผิดพลาดอันใหญ่หลวง แม้จะทำภารกิจสำเร็จมามากเพียงใดจนคิดว่าตนเองนั้นแข็งแกร่งแต่ครั้งนี้มันต่างออกไป
"แค่ซี่โครงหักถ้าเป็นคนระดับเลเวลเจ็ดขึ้นไปก็คงจะไม่มีปัญหา เราจะปล่อยพวกนายไปแต่อยากจะฝากข้อความสักหน่อย...พวกเราไม่อยากจะทำสงครามหากต้องการเจรจาเรายินดีที่จะทำ"
พวกเขามุ่งตรงออกจากป่าเพื่อเตรียมเดินทางต่อหลังจากฝากข้อความไว้แม้มันจะดูเหมือนการดูถูก เยาะเย้ยแต่อย่างน้อยนักดมกลิ่นพวกนั้นก็ยังรอดชีวิตกลับไปได้
"เหอะ ฝากไปบอกกะผีสิ" แสงสีขาวสว่างจ้าราวกับระเบิดแฟลช ซึฮากิถึงกับตาโตจ้องมองไปยังเวทมนตร์อันแปลกประหลาดที่แพร่กระจายออร่าของมันออกมา
"ไปเร็วทุกคน !" ซึฮากิตะโกนด้วยความตกใจกลัวยิ่งทำให้พรรคพวกของเขาเข้าใจว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมันแย่แค่ไหน
"ไม่คิดเลยว่าพวกนายจะพลาดท่าเช่นนี้" เสียงของหญิงสาวที่แค่ได้ฟังยังต้องสั่นออกมาจากแสงสีขาวตรงหน้า
"หนีไป ! ฉันจะถ่วงเวลาไว้" ถึงจะลองคิดเล่น ๆ ไว้ก็เถอะแต่นี้มันก็เกิดคาดไปแล้ว ซึฮากิสลับเปลี่ยนตำแหน่งกับร่างโคลนเพื่อเบี่ยงเบนสายตาของหญิงสาวคนนั้น
"หา? หนีจากฉันเนี่ยนะ" เมื่อเธอก้าวเท้าออกมาจากแสงสีขาวเหยียบย่ำลงบนพื้นหญ้าสีเขียวจู่ ๆ มันก็กลายเป็นสีขาวราวกับถูกหิมะเกาะและเพียงแค่หนึ่งลมหายใจพื้นที่บริเวณนั้นกว่าห้าสิบเมตรถูกแช่แข็งไม่เว้นแม้แต่ซึฮากิที่แอบอยู่มุมมืด
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 218
แสดงความคิดเห็น