บทที่ 9 หยุดยั้ง 1

มนตราสะท้านโลกา
คุณกำลังอ่าน: มนตราสะท้านโลกา

-A A +A

บทที่ 9 หยุดยั้ง 1

 

 

บทที่ 9 หยุดยั้ง

ท้องนภาเดิมที่เคยสว่างสไวทว่าตอนนี้กลับมืดมิตอย่างกะทันหัน ดวงอาทิตย์ที่เคยทอแสงกลับโดนกืนกินหายไปจนสิ้น

สิ่งที่เกิดขึ้นหาเพียงพวกที่กำลังต่อสู้ฝ้าดฟันคมดาบจะรับรู้ไม่ แต่มันยังทำให้ผู้คนจำนวญมากที่อยู่บนโลกรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติที่กำลังจะเกิดขึ้น

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้ผิดไปจากการคาดการของชายหนุ่มผู้ที่เคยได้ชื่อว่าเป็นผู้ก่อการร้ายอันดับหนึ่งของโลกเพียงเท่านั้น แต่สิ่งนี้กลับมีคนจำนวญหนึ่งร่วมให้ความร่วมมือด้วย  กลุ่มคนเหล่านั้นไปมาไร้ร่องรอย พวกเขาเคลื่อนไหวราวกับภูตพราย

การต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่พลันต้องหยุดชะงักในทันใด

ชายหนุ่มผมทองกัดฟันกรอด “ไม่คิดเลยว่าแกจะมีผู้สนับสนุนมากถึงขนาดนี้

นับว่าไม่เล็วจริง ๆ”

ชายหนุ่มเบื้องหน้าของวินยิ้มอย่างพึงใจ ก่อนที่จะกล่าวอย่างประชดประชัน

“แน่นอน ท่านคงไม่สังเกตว่าสามผู้คุมกฎของโลกนี้ไม่ได้คิดจะเคลื่อนไหว ไม่ใช่มันเคลื่อนไหวไม่ได้ แต่ว่าพวกมันถูกพวกเราตบตา เดิมทีพวกท่านทั้งหลายคงคิดว่าพวกเราคงจะไปปดผนึกพวกสัตว์อสูรก่อนใช่ไหม

คงไม่มีใครคิดว่าพวกเราจะไปปดผนึกพวกมารก่อน ถึงแม้ว่าวิธีการคลายผนึกพวกเผ่าเทพและมารจะ อยู่กับท่าน

แต่ว่าท่านคงลืมไปแล้วว่าตอนนี้ทางฝั่งข้างข้ามีผู้ท่องเวลา ดังนั้นการหาที่ผนึกจึงสามารถทำได้ หลังจากนั้นพวกของข้าก็ให้นางไปคลายผนึก

ถึงแม้ว่าการคลายผนึกครั้งนี้พวกข้าจะไม่สามารถปลดผนึกมันได้สมบูรณ์ แต่เท่านี้เผ่ามารระดับจีถึงซีก็สามารถออกมาสู่โลกนี้ได้อย่างง่าย ๆ หลังจากนี้มันเป็นยุคสมัยของพวกข้า”

“สิ่งที่พวกเราเสียสละทำกันมา แกทำลายมันได้ง่าย ๆ ถึงขนาดนี้เลยยังงั้นหรอ”

สิ้นคำกล่าวของโยดา ชายหนุ่มที่มีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับลูกศิษย์ของเขาก็ยกยิ้มอย่างชอบใจ

“ฉันไม่รู้หรอกว่าอดีตพวกท่าน ไม่สิเจ้าได้ทำอะไรไว้บ้าง แต่ผู้ชนะมหาสงครามเมื่อครั้งกระโน้น

เจ้ามันก็แค่วัตถุตายซากเมื่อยุคเก่าที่ไม่ยอมแก่และตายลงไป พวกแกก็คือผู้ที่ไม่คิดจะยอมแพ้ให้กับการเวลา”

ชายหนุ่มหยุดกล่าว ก่อนที่จะผายมือออก “แต่ว่ายิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไรพวกเราก็จะยิ่งแข่งแกร่ง พวกเราก็ยิ่งอยากจะสัมผัสและครอบครองต่อให้พวกเจ้าจะพยายามเท่าไรพวกเจ้าก็ไม่มีทางฝืนสิ่งที่โลกนี้ต้องการได้

เจ้าคงรู้ดีว่าการปดผนึกหากทั้งสามอาณาจักรร่วมมือกันก็คงไม่สามารถทำได้อย่างง่าย ๆ ถึงเพียงนี้ แต่ว่าการที่มันสามารถทำได้แสดงว่าทั้งสองในสามยอม เจ้าคงไม่รู้ว่าพวกมันคงจะเบื่อยุคสมัยที่มีแต่ความสงบสุขแล้ว”

“ไม่จริง มันเป็นไปไม่ได้”

“มันเป็นไปแล้ว”

สิ้นคำกล่าว ของชายเบื้องหน้า วินก็ยิ้มออกมา “ถ้าแบบนั้น ฉันก็มีวิธี ก่อนที่พวกแกจะทำให้โลกนี้กลับไปยังยุคก่อนสงคราม ฉันก็คงจะกำจัดพวกแกให้หมด”

สิ้นคำกล่าวของชายหนุ่มผมทอง ชายชราก็ยิ้มอย่างชอบใจ “สมแล้วล่ะ ข้าคิดไม่ผิดจริง พวกเราจะไม่ยอมให้โลกนี้กลับไปยังยุคก่อน”

“ข้าจะคคลอยดู แต่ว่าวันนี้ข้าต้องขอตัวลาก่อน”

สิ้นคำกล่าวชายเบื้องหน้าพลันพุ่งทะยานร่างออกไปจากการต่อสู้อย่างรวดเร็ว  ก่อนที่ทั้งสามจะได้เคลื่อนกายตามติดนั้น

ทันใดนั้นเองพลังเวทของสามพลันหายไป

“นี่มันอะไร” ทั้งสามคนอุทานพร้อมกัน

ก่อนที่วินหรือโยดาจะได้ทันทำอะไรนั้นเอง พวกเขาพลันเห็นผู้คนที่กำลังเคลื่อนกายมาทางพวกเขา

เสื้อคุมสีขาวของกลุ่มคนที่กำลังเคลื่อนร่างมาปลิวไสวตามแรงลม เพียงไม่นานกลุ่มชายชกรรจจำนวญประมาณ 30 คนก็เคลื่อนร่างมาถึง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สามชายกับหนึ่งหญิงรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขามันคือกับดักที่สองอาณาจักรได้วางแผนเอาไว้

ตราสัญลักษณ์ของทหารรับจ้างที่คุ้นตาทำให้ชายหนุ่มรับรู้ได้ทันที วินมองยังผู้ที่มาใหม่ก่อนที่จะกล่าวถาม

“พวกเจ้าเป็นคนของใคร”

“ดูจากท่าทางแล้ว พวกเจ้าคงเป็นคนของวิทาเรียรใช่หรือไม่ เหตุใดพวกเจ้าถึงทำเช่นนี้” เมฆากล่าวถาม

ชายหนุ่มมองกลุ่มชายชกรรจ์ที่ปกปิดตัวตนโดยการใส่ผ้าคุมหน้า ทว่าดวงตาที่ล่องลอยนั้นแสดงให้เห็นว่าพวกนี้กำลังโดนบางอย่างควบคุมอยู่

“แอนตี้เมจิกสินะ ยุ่งอยากสะแล้ว”

สิ้นคำกล่าวของเมฆา วินก็กล่าวขึ้น “อย่าฆ่า พวกนั้นแค่โดนควบคุมเท่านั้น”

ผู้มาใหม่ไม่คิดจะกล่าวตอบอันใด พวกมันทำเพียงเคลื่อนร่างเข้าใส่เพียงเท่านั้น  เช่นเดียวกับพวกวิน

พวกเขาก็เคลื่อนร่างเข้าใส่ศัตรูที่อยู่ด้านหน้าในทันที

พวกวินใช้การเคลื่อนร่างหลบหลีก ถึงแม้ว่าวินจะไม่มีพลังเวททว่าพลังอีกสองสายของชายหนุ่มกลับไม่ได้รับผลกระทบ

ผิดกลับพวกของโยดา

พวกเขาเมื่อไร้พลังเวทก็เหมือนหญิงชราและชายชราทั่วไป ฏการต่อสู้นี้วินกับเมฆาจึงต้องช่วยต่อสู้และปกป้องสองผู้เฒ่าไปด้วย

ถึงแม้ว่าผู้ที่มาใหม่จะมีจำนวญที่มากกว่ากลุ่มของวน ทว่าระดับฝีมือของพวกเขานั้นช่างต่างกันกับฟ้าดิน

เพียงสิบนาทีเมฆาและวินก็สามารถเอาชนะผู้ที่มาใหม่ได้จนหมด

ทว่าการต่อสู้ที่ต้องรักษาชีวิตคู่ต่อสู้นั้นทำให้เวลาที่ต้องใช้ในการต่อสู้มีมากมายกว่าที่หนุ่มทั้งสองจะคิด

เมื่อพวกเขาหยุดการต่อสู้ก็พบว่าตอนนี้ศัตรูที่พวกเขาถือว่าเป็นเป้าหมายได้หายตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

วินปาดเหงื่อบนใบหน้า ก่อนที่จะหันมามองยังสหายรักของตนเอง “ฝีมือของนายตกลงหรือเปล่า 

เมฆายิ้ม “ไม่หรอก ฝีมือของนายตั้งหากที่ตกลง คงเป็นเพราะว่าพวกเราอยู่ในโลกนี้นานเกินไป ยุคสมัยที่สงบสุขแบบนี้คงจะต้องจบลงเสียแล้ว”

วินสั่นศีรษะ ก่อนที่จะหันมาตบไหล่เพื่อนรักของตน “ไม่มีทาง ยุคสมัยที่สงบสุขจะไม่มีทางหายไป ต่อให้พวกเผ่าเทพและมารถูกปลดปล่อย แต่ว่าตราบใดที่มีพวกเราอยู่ ไม่สิ ตราบใดที่มีเปลวไฟที่จะส่องสว่าง  เผ่ามนุษย์ก็จะไม่มีทางแพ้อย่างแน่นอน”

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.