ตอนที่ 14 .. “ แก้วหรือหยก ”
น้ำในตา - โป่ง ปฐมพงศ์ (หิน เหล็ก ไฟ)
นิยาย แนว สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action
ตอนที่ 14 .. “ แก้วหรือหยก ”
“สามครั้งถูกแล้วค่ะท่าน” เผด็จงง ว่าทำไมนิ่มถึงบอกแบบนั้น
“ทำไม ถึงสาม ไหนลองบอกมาซิ ยัยตัวแสบ”
“ครั้งแรกสำหรับยาย ครั้งที่สองสำหรับลุง และครั้งสุดท้ายสำหรับตัวหนูเอง ไงคะ”
“อุบ๊ะ นังนี่ มันเข้าใจแถได้เก่งเหมือนกันหวะ ชอบๆ ฉันชอบ ดีๆ เอ้าๆ มีเหตุผลๆ เออๆดีหวะ เข้าใจตอบ”
“แล้วตกลง จะเอาเรื่องอะไรหนูอีกไหมเจ้าคะ หนูจะได้เตรียมตัว และเตรียมใจรับโทษ”
“เอาหละฉันบอกแล้วว่า ว่าไม่เอาเรื่อง คนเราก็มีการเข้าใจผิดกันได้”
จากนั้นนิ่มก็ขยับตัวถอยหลังเข้าไปหายายชื่นดังเดิม
“ก็ถือซะว่าฉันซวยเองก็แล้วกันวันนี้..ไหนเรามานี่ซิ”
“หนู” นิ่มชี้มาที่ตัวเอง เผด็จพยักหน้า
“เออ ก็เจ้านั่นแหละ จะใครซะอีกแหละ อยู่กันแค่นี้”
นิ่มยังกลัวๆเผด็จเพราะไม่รู้จัก ไม่สนิทและไม่เคยเห็นมาก่อน เลยไม่กล้าที่จะออกไปหา ยายชื่นมองหน้าและพยักหน้า เมื่อเป็นดังนั้นนิ่มจึงยอมคลานออกไปอีกครั้ง นั่งพับเพียบต่อหน้าเผด็จ
“ไหนยืนขึ้นซิ” นิ่มไม่เข้าใจว่าเผด็จต้องการอะไรจากเธอกันแน่ แต่ก็ต้องทำตามที่สั่ง เธอค่อยๆยืนขึ้นช้าๆ
เผด็จนั่งจ้องดูรูปร่างได้สักพัก ก็ลุกขึ้นไปเดินดูรอบๆตัวใกล้ๆ นิ่มหันซ้ายหันขวาตามเผด็จ เผด็จมองตรงไหนเธอก็มองตาม
“อายุเท่าไหร่” เผด็จถามห้วนๆ
“16” เธอตอบห้วนๆ
“ค่ะด้วย ยายเคยสอนไว้ยังไง” ยายชื่นตะโกนออกมา นิ่มจึงตอบใหม่
“16 ย่าง 17 ค่ะ” เผด็จเดินไปคิดไป พยักหน้าไป แล้วก็หันมาจ้องที่หน้าอกของนิ่ม จนนิ่มต้องยกมือขึ้นมาปิดและหลุดปากออกไป
“ลามก” เป็นเรื่องแล้วไง คราวนี้ยายชื่นเดินมาตบหน้านิ่มอย่างแรงทันที ดังเพลี๊ยะ
“ขอโทษนายเดี๋ยวนี้นะอีนิ่ม” เผด็จหันไปห้ามชื่น
“ไม่ต้องหรอกน้า ผมผิดเองที่ทำแบบนั้น ไม่ต้องหรอก” แล้วก็กวักมือไล่นิ่มกลับไปนั่ง ชื่นลากตัวนิ่มกลับเข้าไปทันที
เผด็จเดินไปกระซิบที่หูของภณ สักพักก็มองและชี้ไปที่นิ่ม แล้วก็หันไปหานพ กระซิบกระทราบอะไรไม่รู้อยู่พักใหญ่ แล้วก็เดินขึ้นเรือนไปเลย จากนั้นนพก็เดินไปหาแม่ตัวเองลากตัวแม่มาคุยที่ท่าน้ำ สักพักชื่นก็พยักหน้า นิ่มงงมากว่าลุงกับยายทำอะไรกัน จากนั้นทั้งหมดก็เดินแยกย้ายกันขึ้นเรือน ทำให้เธอสงสัยมาก ด้วยความอยากรู้ นิ่มจึงรีบวิ่งขึ้นเรือนตามไปทันที
“ต้องถามให้รู้เรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” นิ่มงง
“ทำไมถึงไม่มีใครบอกอะไรฉันเลย ซุบซิบกันเสร็จแล้วก็หายไปกันหมด” นิ่มวิ่งหาจนทั่วเรือน
“ทำเหมือนดูตัวและทำการซื้อขายฉันยังไงยังงั้น ดูซิหายตัวไปไหนกันหมด ใครก็ได้ช่วยบอกฉันทีเถอะ”
นิ่มวิ่งไปบ่นไป แต่เมื่อขึ้นไปด้านบนก็มองไม่เห็นใครแล้ว
“ยาย ลุง” นิ่มตะโกนทั่วเรือน ทั้งห้องครัวไปจนถึงเรือนรับแขก ก็ไม่พบใครเลยสักคน
***** >>><<< *****
เผด็จนั่งกุมมือขวาเนเน่อยู่ สักพักเนเน่เริ่มรู้สึกตัว เผด็จดีใจมากที่ลูกสาวรู้สึกตัว เนเน่ขยับมือซ้ายยกมือมาแตะหัวตัวเอง ค่อยๆลืมตาขึ้นมามองขึ้นไปก็เจอเพดานไม้ ตายังลายๆ แต่รู้สึกว่า มือขวามีคนจับอยู่จึงค่อยๆเอียงหน้าไปดู เนเน่นึกว่าฝันไปหลุดปากออกมาเบาๆ
“พ่อ” เผด็จยิ้มให้ แล้วก้มหน้าไปหอมแก้มซ้ายลูกสาว เนเน่จึงรู้ได้ทันทีว่าไม่ได้ฝันไป คราวนี้จึงแหกปากออกมาดังลั่น
“พ่อ” คราวนี้เผด็จก้มลงมากอดลูกสาว 3 ปีเต็มๆแล้ว ที่เผด็จไม่ได้ทำแบบนี้
เนเน่ดีใจมากที่ได้เจอพ่อเสียที หลุดร้องไห้โหออกมาทันที ชื่น ภณ นพ และนิ่มเดินเข้ามา เห็นภาพนี้แล้วก็อดตื้นตันไม่ได้ โดยเฉพาะนิ่ม ที่ไม่เคยได้กอดพ่อเลย ได้แต่กอดยายกับลุง ชื่นเดินเข้ามาแตะไหล่เผด็จ เผด็จหันมาและนั่งลง ชื่นเข้ามาดูอาการของเนเน่ จับแก้มและแตะหน้าผาก ยิ้ม แล้วก็หันไปกวักเรียกสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สะกิดไล่ให้เผด็จออกไป เผด็จไม่อยากออกไปแต่ชื่นจ้องหน้าแล้วใช้สายตาไล่ เผด็จจึงต้องออกไป เผด็จและทุกคนออกมารอที่เรือนรับรองด้านนอก บางคนนั่งและบางคนก็ยืน แต่ละคนทำหน้าไม่ค่อยจะดีเลย นิ่มยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นต้องรอดูทีท่ากันต่อไป ไม่นานหลังจากที่ชื่นได้เปลี่ยนผ้าพันแผลและทำแผลใส่ยาให้เนเน่ใหม่เรียบร้อยก็เดินออกมา ชื่นปิดห้องและเดินมานั่งท่ามกลางทุกคนที่รออยู่อย่างใจจดใจจ่อ เผด็จรีบเดินเข้าไปถามชื่นเป็นคนแรก
“ลูกผมเป็นไงบ้างน้า” โชคดีที่ชื่นเป็นหัวหน้านางพยาบาลเก่า จึงไม่มีปัญหาอะไรใดๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้
“ไอ้เน่ปลอดภัยแล้ว ถ้าวันนี้มันยังไม่ฟื้น น้าก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับเจ้าด้วย” ชื่นพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไข้ลดแล้ว แผลก็แห้งดีแล้ว ไม่มีการติดเชื้อและอักเสบ พักฟื้นสักเดือนก็คงจะดีขึ้น”
เผด็จตกใจมาก “เดือนนึงเลยเหรอน้า” ชื่นพยักหน้า เผด็จทำหน้าไม่สู้ดีเลย
“หรือเจ้าอยากจะให้มันหายไปจากโลกนี้” ชื่นรีบพูดดักคอเผด็จ เพราะรู้ว่าเผด็จคิดอะไรอยู่
“น้าเป็นพยายาลนะ ถ้าเจ้าไม่เชื่อน้า ก็ตามใจ” เผด็จดึงมือชื่นไว้
“เชื่อจร้า ถ้าผมไม่เชื่อน้า ผมจะไปเชื่อใคร ทำงอนไปได้”
“เอาหละ ไม่มีอะไรที่จะต้องกังวลอีกแล้วนะ ทำหน้ากันใหม่ได้แล้ว”
ทุกคนกำลังจะเดินแยกกันไปอีกแล้ว นิ่มจึงส่งเสียงเรียก
“เดี๋ยว” เพื่อที่จะให้ใครก็ได้ ตอบปัญหาที่ค้างคาใจเธอสักที
ทุกคนหยุด และหันมามองนิ่มเป็นสายตาเดียวกัน จนนิ่มต้องอ้าปากถาม
“ตกลงมีใครสักคนไหม ที่พอจะบอกอะไรกับหนูได้บ้าง ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น” นิ่มอึดอัดมาก
“ให้หนูมายืนหมุนตัวให้ดู แล้วตั้งนานสองนาน จากนั้นก็ไม่บอกอะไร” นิ่มสงสัยจริงๆ
“เดินหนีหายกันไปหมด ทำเหมือนหนูเป็นตัวตลก” นิ่มไม่พอใจมาก
“ว่าไงคะ ถ้าไม่มีใครตอบหนูตอนนี้ อย่าหวังว่าเย็นนี้จะมีใครได้ทานมื้อเย็นกันสักคนแน่”
นิ่มเอาจริง พร้อมกับมองหน้าผู้สูงอายุทั้ง 4 คน แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะทั้ง 4 คน ไม่สนใจ เดินแยกหายไปจากตรงนั้น เมื่อไม่ได้คำตอบ จึงทำให้นิ่มโมโหมาก
“อึ๊ย เออ แล้วจะรู้ว่านรกมีจริง คอยดูฤทธิ์แม่บ้างเย็นนี้”
บ่นจบนิ่มก็หันหลังเดินลงจากเรือนไปเลยทันที เข้าสวนแล้วหายไปไหนไม่รู้ ไม่มีใครเห็นอีกเลย
----- ***** -----
พอเลิกงาน วิทย์ขับรถพาขิงไปที่แห่งหนึ่ง ขิงเห็นว่านี่มันไม่ใช่ทางกลับไปคอนโด จึงเอ่ยปากถามสามีทันที
“วิทย์จะพาขิงไปไหนเนี่ย มันไม่ใช่ทางกลับคอนโดเรานี่” วิทย์จึงต้องบอกความจริงกับเมียไปตรงๆ
“ช่วงนี้เราคงไม่ได้กลับคอนโดพักใหญ่ ต้องขอโทษด้วยนะ ที่ต้องพาขิงมาลำบากด้วย”
“ทำไมพูดแบบนั้นหละ เราเป็นผัวเมียกันนะ ดีแล้วที่วิทย์บอก” ขิงเข้าใจสามีเสมอ
“ถ้าไม่บอกเหมือนที่ผ่านๆมาซิขิงถึงจะโกรธ แล้วจะบอกได้หรือยังว่าจะพาขิงไปไหน”
ขิงถามไปพร้อมกับหาอะไรให้สามีทานไปด้วย เพราะรู้ว่าวันนี้วิทย์ประชุมทั้งวัน ไม่ค่อยได้ทานอะไร
“ไปถึงแล้วขิงก็จะรู้เอง แต่ต้องรับปากกับวิทย์ก่อนนะว่า ถ้าที่ทำงานใครมาถามอะไร ห้ามบอกทั้งสิ้น” ขิงพยักหน้า
“ว่าวิทย์หายไปไหน เข้าใจไหม เพราะตั้งแต่พรุ่งนี้ไป วิทย์จะไม่เข้าสำนักงาน วิทย์ถึงต้องพาขิงมาอยู่กับวิทย์ที่นี่ก่อนเพื่อความปลอดภัย ทำได้ไหม”
วิทย์พูดแบบนี้ ทำเอาขิงหายใจไม่ทั่วท้องเลย
“มันร้ายแรงมากขนาดนั้นเลยเหรอวิทย์ แล้วขิงจะเอาชุดที่ไหนใส่ไปทำงานหละ” ขิงไม่เข้าใจ
“อีกอย่าง แล้วขิงจะไปทำงานยังไง วิทย์บอกขิงกะทันหันแบบนี้ ขิงไม่..” ก่อนที่ขิงจะพูดอะไรจบ วิทย์รีบบอกเมียทันที
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น เมื่อเช้านี้วิทย์จัดการให้หมดแล้ว โน่น” วิทย์ชี้ไปข้างหลัง
“กระเป๋าเสื้อผ้าขิงอยู่ข้างหลัง วิทย์เอาของใช้เท่าที่จำเป็นมาให้เท่านั้น” ขิงหันไปดู
“เพราะอยู่ไม่นานไม่เกิน 7 วัน” แล้วก็ยิ้มและหันไปหอมแก้มซ้ายสามี
“น่ารักที่สุดผัวขิง รักเมียจริงๆ ไปเลย แบบนี้ ถึงไหนถึงกัน ผัวอยู่ไหน เมียอยู่ด้วย สบายมาก เอ..แต่ว่า ที่นอนที่ใหม่เนี่ย นุ่มไหม” วิทย์เกาหัวเลย
***** ..... *****
เมื่อเปิดเผยตัวตนให้ลูกสาวแล้ว เผด็จจึงกลับมาอยู่กับลูกเช่นเดิม แต่ยังคงให้ภณหลบซ่อนตัวอยู่ที่ Save House เดิมก่อน คือที่คอนโดเพื่อทำงานที่เหลือต่อให้จบ เผด็จสั่งให้ภณกลับไปคนเดียวก่อน พอเสร็จธุระทางนี้แล้วจะให้นพตามไป
“แกกลับไปก่อนนะ เฝ้าฐานที่มั่นของเราเอาไว้ แล้วอย่าลืมเตรียมของที่ฉันสั่งไว้ด้วย เอารถฉันไป ติดอุปกรณ์ที่ฉันบอกเพิ่มด้วยไปได้แล้ว” ภณรับคำสั่ง
“ครับนาย ผมกลับก่อนนะพี่ แล้วเจอกันที่ฐานเร็วๆนี้”
ภณขับรถของเผด็จกลับไปทันที หลังจากสั่งงานเสร็จก็เดินกลับเข้าไปหาลูก
“พ่อ” เผด็จกำลังป้อนข้าวเนเน่
“พ่อขอโทษนะ ที่ผ่านมา ที่ทำแบบนั้นกับหนู ต่อไปนี้พ่อสัญญาว่า จะไม่ให้หนูห่างกายพ่ออีกแล้ว” เนเน่น้ำตาซึมเลย
“พ่อ..จริงๆนะ อย่าหลอกหนูให้ดีใจอีกหละ”
เนเน่พูดไปขณะที่แรงไม่ค่อยจะมี นั่งพิงขอบเตียงอยู่ แล้วก็ยกนิ้วก้อยขวาขึ้นมา
“ต้องทำตามสัญญาให้ได้ด้วย มาเกี่ยวก้อยกับหนูก่อน” เผด็จยกนิ้วก้อยซ้ายขึ้นมาเกี่ยวกับเนเน่แล้วเขย่า
“ใครผิดสัญญาขอให้จู๊ดๆไม่หยุด” พอเขย่าเสร็จ เผด็จก็ป้อนข้าวต้มต่อ
เนเน่ทานแบบมีความสุขมาก เผด็จเช็ดปากที่เลอะให้ตลอด ชื่นยืนแอบดูที่ประตู น้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัว ดีใจที่เผด็จทำได้ตามที่ตกลงไว้ รักลูก รักครอบครัว ให้มากขึ้น เรื่องงานให้เพลาๆลงบ้าง เด็กมันจะได้มีความอบอุ่น เพราะทุกวันนี้เนเน่ไม่มีใครคอยอบรมสั่งสอน พ่อไปทาง แม่ไปทาง จะหวังพึ่งปูนหรือเพ็ญก็คงจะไม่ได้ เพราะมันไม่ผูกพันเหมือนพ่ออย่างเผด็จ หรือแม่อย่างเนตรอัปสร
นิ่มเองก็ใช่ย่อยขาเผือกเหมือนกันแอบดูด้วย แต่คนละด้านกับชื่น ถึงนิ่มจะไม่รู้ว่าสองคนมีความผูกพันกันแบบไหน เป็นอะไรกัน แต่ก็รู้สึกอิจฉาเนเน่ที่มีคนคอยดูแลและเอาใจใส่แบบนี้
“หนูก็เหมือนกัน ต่อนี้ไปหนูจะไม่ยอมให้พ่อห่างกายหนูไปไหนอีกแล้ว 3 ปีแล้วนะพ่อ ที่หนูไม่เห็นหน้าพ่อเลย พ่อใจร้ายกับหนูมากๆเลยรู้ไหม”
เผด็จหอมแก้มเป็นรางวัลที่ทำผิดกับเธอมานาน เนเน่ก็หอมกลับ ชื่นยืนรำพึงอยู่คนเดียวที่หน้าห้องกับภาพที่เห็น
“จำเอาไว้นะอาเต๋า คนที่เรารักกับงานที่เราทำ เปรียบเทียบเอาเองว่าอะไรมันสำคัญกว่ากัน แก้วหรือหยก น้าขอให้เจ้าคิดได้เร็วๆนะ”
เมื่อรำพึงเสร็จ ชื่นก็เดินจากไป แล้วไปลากนิ่มที่แอบหลบอยู่ตรงตุ่มน้ำใบใหญ่ข้างห้องนั้น ออกไปด้วยทันที
“มานี่เลย เจ้าตัวแสบ จุ้นนักนะ มาแอบดูแอบฟังคนอื่นเขาเนี่ย มานี่มานวดให้ยายเลย ยายเมื่อยแล้ว” ชื่นบิดหูของนิ่มทันที
“โอ๊ยยาย หนูเจ็บนะ ปล่อย หนูจะไม่ทำอีกแล้ว” ชื่นปล่อยมือที่หู
“เออ แล้วจำคำที่แกพูดออกมาซะด้วย ไปได้แล้ว” แล้วก็ให้นิ่มเดินนำหน้าไปทันที เพราะกลัวจะหนีไปอีก
“ทานเยอะๆนะลูก จะได้หายไวๆ แล้วจะได้ขี่มอเตอร์ไซด์เล่นกันอีก ดีไหม” เนเน่พยักหน้าพร้อมกับข้าวเต็มปาก
“เอาไข่เค็มด้วยพ่อ มีแต่ข้าวเปล่า ไม่หย่อย” เนเน่ได้ทีอ้อนพ่อ
“ได้เลยไอ้ขี้อ้อน” ทั้งสองมีความสุขมากในค่ำคืนนี้
หลังจากที่ทั้งสองคนทานข้าวกันจนอิ่ม และทำแผลจนเสร็จ ทานยาตามเวลาที่กำหนด คืนนี้เผด็จก็นอนกอดเนเน่ ตามคำขอของลูกที่ได้บอกเอาไว้ เนเน่มีความสุขมาก
%%%%% ----- %%%%%
1 อาทิตย์ผ่านไป (10 มิ.ย.) มาดามร้อนใจมากที่แจงหายตัวไป จึงรีบให้คนตามหาตัวเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ส่วนงานต่างๆต้องดำเนินต่อไป
“โจ้ งานคืนนี้เตรียมการไปถึงไหนแล้ว” มาดามไม่ค่อยสบายใจเลยที่นักฆ่าฝีมือดีหายตัวไป แล้วงานคืนนี้จะสำเร็จไหมเนี่ย
“เรียบร้อยแล้วครับ กวงและตุ้ม จัดเตรียมกำลัง เตรียมพร้อมแล้ว 3 ทุ่มคืนนี้พร้อมลงมือครับ”
“ดีมาก ถ้าทำสำเร็จ ถือว่าพวกเจ้าสามคนมีผลงาน ข้าจะมีรางวัลให้ ไปเตรียมตัวได้แล้ว”
หลังจากที่โจ้เดินออกไป บิงซูกุนซือใหญ่จึงรีบออกความเห็น ถ้าขืนเป็นแบบนี้ งานคงไม่เดินแน่ จึงบอกให้มาดามอย่าเอาผิดแจง และคนในสังกัดทั้งหมดของเธอ เพราะถ้าข่าวนี้แพร่ออกไป แจงและลูกน้องในสังกัดคงจะยอมปรากฏกายออกมาอย่างแน่นอน “มาดาม ข้าว่าท่านต้องยอมลดทิฐิแล้วหละ” บิงซูออกความเห็น
“ยังไงแล้ว เราก็ต้องพึ่งพาจุ๊บแจงนะ เพราะหล่อนมีฝีมือมากที่สุด” มาดามทำท่าคิด
“คิดซะว่าความผิดในครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรก ให้อภัยได้” บิงซูพยายามหว่านล้อม
“ให้นางทำงานทดแทนความผิดในครั้งนี้แทนก็แล้วกัน” บิงซูมีทางออกให้
“หรือจะหักรายได้ของนางที่จะได้ออกแทนก็ได้” มาดามยืนคิดอยู่นาน
“แก้วหรือหยก อะไรสำคัญกว่ากัน ลองนำมาเปรียบเทียบถึงผลที่จะตามมาภายหลังเถอะ” บิงซูสรุปให้
“ควรมิควรแล้วแต่จะพิจารณาขอรับ ที่ข้าเสนอ ก็เพื่อความรุ่งเรืองขององค์กรล้วนๆ” มาดามยอมทำตาม
“ได้ ข้าจะลองเชื่อเจ้าดูสักครั้ง ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ให้ทุกหน่วยงาน ทุกสายข่าว ที่กระจายอยู่ทั่วเมือง กระจายคำสั่งนี้ไป ยกโทษและให้อภัย ไม่เอาผิดใดทั้งสิ้นกับหงส์ฟ้าและหน่วยงานของเธอ ให้รีบกลับมาทำงานในเร็ววัน ให้รีบกลับมารายงานตัวด่วน” บิงซูโล่งอกและดีใจมาก ที่คำร้องขอเป็นผล เพราะไม่งั้นองค์กรยุ่งแน่
“รับคำสั่งที่มาดามถ่ายทอดขอรับ” หลังจากที่รับคำสั่ง บิงซูจึงรีบออกไปจัดการตามคำสั่งของเจ้านายทันที
xxxxx ===== xxxxx
เพ็ญยังคงไม่ปรากฏตัวให้เผด็จเห็นว่าเธอได้ขึ้นมาจากเกาะแล้ว เพื่อที่จะตามหาข่าวของปูนและหงส์ฟ้าเอง โดยร่วมมือกับทับทิมทำงานแบบเงียบๆ งานนี้ป๋องก็ไม่รู้ว่าเมียกำลังคิดทำอะไรกันอยู่กับเพ็ญ หลังจากที่เห็นเพ็ญแวะเวียนมาหาเมียบ่อยมากช่วงนี้
“เพ็ญกับทิมมีความลับอะไรกันนะ” ป๋องสงสัยมาก
“เมื่อก่อนไม่เห็นที่จะสนิทกันแบบนี้นี่ หลังๆนี้ทำไมสองคนนี้ดูสนิทกันจัง มันต้องมีอะไรแน่ๆ”
***** ^^^^^ *****
3 ทุ่มที่สำนักงาน ปปป. หน่วยป้องกันและปราบปรามพิเศษ มีการวางกำลังพิเศษ เพราะพรุ่งนี้เช้าต้องคุ้มกันรถขนธนบัตรปลอม เพื่อเอาไปเก็บรักษาไว้ที่ศาลแพ่งรัชดา เนื่องจากเป็นหลักฐานสำคัญ วิทย์ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าการคุ้มกันภารกิจในครั้งนี้ ..
ก่อนออกจากที่ซ่อนตัว ขิงเป็นห่วงสามีมาก
“รักษาตัวด้วยนะที่รัก ขิงรู้ว่าวิทย์เอาตัวรอดได้ แต่ถึงยังไงขิงก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี” ขิงหอมแก้มให้กำลังใจ
“ไม่ต้องห่วงกังวลอะไรทางนี้นะ วิทย์กับทีมไปทำงานให้สมหน้าที่เถอะ” ขิงให้กำลังใจเต็มที่
“ขอบใจนะที่เข้าใจ พรุ่งนี้เย็นเราเจอกัน จ่าฉันฝากดูแลเมียและลูกฉันด้วย” จ่าตะเบ๊รับคำสั่ง
“และอย่าลืมจัดเวรยามดูพวกนั้นให้ดีด้วยหละ” วิทย์รอบคอบขึ้นกว่าเดิมเยอะ
“ครับสารวัตร” จ่าคนหนึ่งในทีมรับคำสั่ง แล้วออกไปรักษาการ
ก่อนที่วิทย์จะเดินออกไป ขิงวิ่งไปกอดและจูบให้กำลังใจอีกครั้ง
“ที่รักอย่าประมาทพวกมันเชียวนะ ขิงเป็นกำลังใจให้ แล้วกลับมาทานมื้อเย็นกันนะพรุ่งนี้”
วิทย์ได้กำลังใจเต็มที่ พยักหน้าและยิ้มให้ศรีภรรยา รีบขับรถออกไปยังสำนักงานทันที เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง ระหว่างทางจึงโทรไปเช็คอีกสักครั้ง เพื่อความ Sure
“ทางนั้นเป็นไงบ้างหมวด” หมวดบูรณ์ตอบกลับมา
“ยังปกติครับ ผมกับจ่านึก กำลังเดินตรวจตราบริเวณที่จอดรถครับ”
“ฝากด้วยนะฉันกำลังเดินทางไปอีกสักพักคงถึง”
หลังจากวางสายวิทย์ก็รีบเหยียบเครื่องเพื่อจะให้ถึงที่หมายอย่างไวที่สุด ระหว่างทางที่จะถึงสำนักงานไม่ถึง 5 กิโล ก็เกิดเรื่องจนได้ กวงให้คนกลุ่มหนึ่งเกือบ 20 คนมาดักและขวางทางไม่ให้วิทย์ถึงสำนักงานจนได้ ระเบิดลงตูมขึ้นกลางถนน สว่างโล่ท่ามกลางความมืด
“เห้ย” วิทย์ขับหลบแทบไม่ทัน เดชะบุญที่มีสติ จึงไม่เป็นไร หักรถหลบลงข้างทางแล้วรีบลงจากรถหาที่หลบซ่อน
“กูว่าแล้ว ว่ามันต้องไม่ปกติ จนได้” วิทย์ดึงปืนขึ้นมา และมองไปรอบๆผ่านความมืด ยังมองไม่เห็นเป้าหมาย ทางสำนักงานก็เช่นกัน ตุ้มกับพวกอีก 20 คน ลงมือพร้อมกัน ตุ้มโยนระเบิดแก๊สน้ำตาเข้าไป หมวดบูรณ์รีบบอกให้ทุกคนระวัง
“ทุกคนระวัง พวกมันมาแล้ว” ไม่นานห่ากระสุนก็สาดมาจากทางไหนไม่รู้ เต็มไปหมด จนต้องวิ่งหลบกันแทบไม่ทัน และจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็เริ่มเปิดฉากยิงต่อสู้กันท่ามกลางควันที่พวยพุ่งขึ้นมาบังและปกคลุมไปทั่วบริเวณ ทางวิทย์เมื่อเห็นพวกนั้นขยับก็รีบยิงปืนผ่าความมืดเข้าไป พอวิทย์เปิดงาน พวกนั้นก็สาดกระสุน รัวปืนออกมาอย่างไม่นับใส่วิทย์ จนวิทย์ต้องวิ่งออกจากที่หลบ วิทย์ลงทุนโยนระบิดอีก 2 ลูกที่เหลือตามลงไปด้วย คราวนี้พวกนั้นยอมปรากฏกายออกมาจากที่ซ่อน กวงหัวหน้าตะโกนสั่งลูกน้องทันที
“อย่าให้มันมีชีวิตรอดไปได้ เก็บมัน ตามมันไป” วิทย์ตัวคนเดียว แย่แน่
“เอาไงดีวะ” ลูกปืนในแม็กซ์เต็มที่ก็แค่ 30 นัด
วิทย์ดันแม็กซ์ออกมาดู ตอนนี้ยิงไปเกือบ 10 กว่านัดแล้ว เหลืออีกไม่กี่นัดเอง ตอนนี้พวกนั้นกำลังตีวงล้อมเข้ามาใกล้มาก วิทย์ตัดสินใจใช้สติเหมือนที่เผด็จเคยสอนไว้ หลับตาแล้วใช้ปัญญา วิทย์เก็บปืนและมองหาอาวุธอย่างอื่น เขาหันไปเห็น ท่อนไม้ที่หักหล่นลงมาจากแรงระเบิดเมื่อกี้ ขนาดเหมาะมือ 1 อัน และเศษไม้หน้าสามอีก 1 อัน จึงรีบคลานไปเอามาทันที จากนั้นก็ค่อยๆเก็บทีละคนสองคน จนพวกนั้นเหลือกำลังน้อยลง กวงแอบมาข้างหลังและตรงเข้าประชิดตัว จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้นอยู่พักใหญ่
“ใครวะ” วิทย์รีบหันไปดู
“ไอ้กวง ไอ้หมาลอบกัด” ตอนนี้จึงซัดกันนัวเลย
ทางด้านสำนักงาน พวกนั้นสาดกระสุนปืนกันไว้ไม่ให้พวกหมวดบูรณ์เข้าถึงรถขนเงิน เพื่อที่จะให้โจ้และลูกน้องขับออกไป สิ่งที่คิดกำลังจะเป็นความจริงแต่ก็ต้องผิดหวัง ท่ามกลางควันตลบนั้นอยู่ดีๆลูกน้องของโจ้ 3 คนที่กำลังจะวิ่งไปขับรถก็ต้องลอยกระเด็นออกมาตายสนิทหมดต่อหน้าทุกคนที่อยู่ตรงนั้น
“อ๊ากๆๆ” พอควันจางลงก็เห็นคนๆหนึ่งกระโดด ลงมายืนอยู่บนหน้ารถบรรทุกคันนั้น ตุ้มตะโกนลั่นออกมา
“วิหคขาว” คู่กัดโจทย์เก่าของเขานั่นเอง เธอมาพร้อมกับเพื่อนชายอีก 1 คน
“มาได้ยังไง” ตุ้มรีบรัวปืนกลไปที่วิหคขาว เธอรีบดึงผ้าคลุมใหม่ที่เผด็จทำให้มาปิดทันที จึงไม่สามารถทำอะไรเธอได้ แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนตายไปแล้ว รุ่นใหม่นี้เหมือนของเนเน่ หงส์หยกและหงส์ฟ้า เป็นเนื้อผ้าพิเศษสามารถกันกระสุนและความร้อนได้ เผด็จไม่ยอมให้เมียตัวเองตายหรือได้รับอันตรายหรอก
นพกระโดดหลบและรัวปืนกลใส่เหล่าร้ายทันที จากนั้น ปูนก็เริ่มกำจัดเหล่าร้ายช่วยสามีทำงานทันที หมวดบูรณ์กับจ่านึกเห็นว่ามีคนมาช่วยแล้ว จึงรีบนำกำลังมาช่วยปูนอีกแรง ปูนจึงเหนื่อยน้อยลง ลูกน้องของโจ้ไม่มีใครสามารถเข้าถึงรถบรรทุกได้เพราะใครขืนเข้ามาปูนซัดเรียบ หมวดบูรณ์และจ่านึกเข้าต่อสู้ประชิดตัวกับเหล่าร้ายทันที ส่วนพวกตำรวจบางส่วน ก็ยิงปะทะกันอย่างเต็มที่
ปูนฝีมือดี แรงยังไม่ตก จึงสามารถกำจัดพวกเหล่าร้ายได้อย่างสบาย ทั้งมือเปล่า และใช้อาวุธประจำตัวด้วย เผด็จหาของเล่นใหม่ๆให้เมียใช้เต็มที่ ปูนจึงชอบมากที่มีอะไรใหม่ๆมาลองใช้ไปในตัว อาวุธที่ว่าก็เช่น ลูกดิ่งหรือโยโย้พิฆาตที่มีมีดเล็กๆฝังอยู่รอบๆ หรือกระบองเล็กสั้นตะขอคมกริบ ถ้าเอามาต่อกันจะกลายเป็นทวนยาวทันที สามารถใช้ในระยะไกลได้ รวมถึงมีดสั้นติดโซ่ที่เผด็จทำขึ้นมาให้เมียอย่างวิหคขาวใช้โดยเฉพาะ เหมือนจะให้เป็นอาวุธประจำตัวเลยก็ว่าได้ งานนี้เผด็จขนอาวุธมาให้เมียใช้เพียบ ไม่มันส์วันนี้แล้วจะมันส์วันไหน
----- ***** -----
เบิ้มได้รับได้รับแจ้งข่าวว่าที่สำนักงาน ปปป.ถูกจู่โจมจึงรีบออกไปทำข่าวกับดลทันทีในเวลาต่อมา ระหว่างทางเบิ้มก็แพร่ภาพไปด้วย
“ตอนนี้เกิดเหตุอุกอาจ เราได้รับแจ้งเหตุจากทีมงานว่า สำนักงาน ปปป.กองตำรวจหน่วยพิเศษของท่านรองเผด็จในอดีตถูกโจมตีอย่างหนัก สาเหตุเพราะต้องการปล้นรถขนธนบัตรปลอมที่จะนำไปเก็บไว้ที่ศาลแพ่งรัชดาในวันพรุ่งนี้ พวกคนร้ายไม่ต้องการให้มีการขนย้ายและต้องการทำลายหลักฐานทิ้งนั่นเอง ส่วนทางสารวัตรอัธวิทย์นั้น ท่านก็ได้ถูกซุ่มโจมตีอย่างหนักเช่นกันก่อนที่จะถึงสำนักงานอีกต่างหาก เหตุการณ์นี้ทางคนร้ายได้วางแผนมาเป็นอย่างดี รายละเอียดและความคืบหน้าจะเป็นเช่นไร ทางทีมข่าวจะกลับนำมาเสนอให้ทราบอย่างเร่งด่วนในเวลาต่อไป..บรรชา รายงาน ปวรรัชดล ถ่ายภาพ..จบข่าว ”
แจง ขิง ทับทิม เพ็ญ เบ็นซ์และผู้คนทั่วประเทศ รับฟังข่าวอย่างใจจดใจจ่อ เพราะข่าวที่เกิดขึ้นนี้ สร้างความสะเทือนใจไปทั่วเมือง
“อ้าวเฮ้ย มีงานมันส์ๆอย่างนี้ ทำไมถึงไม่บอกกันบ้างวะ” แจงเจ็บใจมาก เมื่อได้ชมข่าว
***** ..... *****
ของเล่นแค่สามอย่างนี้ ปูนก็สลับใช้จนเพลินมือเพลินใจไปเลยคืนนี้ ตุ้มกับโจ้มองหน้ากัน แต่ก็ยังสู้เพราะยังมีระเบิดและกระสุนอีกเพียบ ปูนมองเห็นแล้วว่าตุ้มอยู่ตรงไหน เธอรีบวิ่งเข้าไปจัดการกับโต้โผใหญ่ในครั้งนี้ทันที ตุ้มโดนปูนอัดจนน่วม เมื่อสู้ไม่ได้จึงให้ลูกน้องเข้ามาอารักขาทันที พร้อมกับวิ่งจู๊ดไปหาที่หลบทันที เพราะตุ้มรู้ฝีมือของปูนดีว่าร้ายกาจแค่ไหน จึงนั่งหลบตัวสั่นไม่เป็นท่าเลยคืนนี้
“ตาย ตาย กูตาย โธ่เว้ย”
+++++ ***** +++++
เนเน่ตื่นมากลางดึกมองหาพ่อไม่เจอ ควานหาเท่าใดก็ไม่พบ ขนาดเมื่อตอนเย็นนอนกอดไว้แล้วเชียวนะ เผลอหลับไปหน่อยเดียว ตื่นมาไม่เจอเสียแล้ว จึงได้แต่ตะโกนเรียกหาอย่างเดียวอยู่นานสองนาน
“พ่อ พ่อ พ่อ” เนเน่ตะโกนเสียงดังลั่นจนนิ่มต้องตื่นและวิ่งเข้ามาดู เพราะเผด็จให้นอนเฝ้าลูกสาวอย่างใกล้ชิด
“คุณหนู คุณหนูเป็นอะไร” เนเน่มองหน้านิ่ม ไม่รู้ว่าเป็นใครด้วยซ้ำ แต่เพราะความอยากรู้ ยังไงก็ต้องถามไว้ก่อน เรื่องอื่นว่ากันทีหลัง
“พ่อ พ่อ พ่อฉันไปไหน เธอเห็นพ่อไหม” นิ่มพยายามเขย่าตัวเนเน่ให้หายบ้า เมื่อไม่ฟังจึงเผลอตบหน้าดังเพลี๊ยะอย่างแรง เนเน่จึงหยุดได้
“ขอโทษ หนูไม่ได้ตั้งใจ” เนเน่นิ่งเงียบไปพักนึง จึงตบกลับเช่นกัน 1 ฉาด
“แกเป็นใคร บังอาจมากที่มาตบหน้าฉัน” เนเน่ชี้หน้านิ่ม ขณะที่กำลังเกิดเรื่องอยู่นั้นยายชื่นเดินเข้ามาพอดี
“อะไร อะไร เกิดอะไรขึ้น” เนเน่ชี้ไปที่นิ่มและหันไปถามยายชื่น
“อีนี่นังนี่เป็นใครยาย ทำไมถึงกล้ามาตบหน้าหนู” ชื่นหันไปมองหน้านิ่ม
“แกทำอย่างนั้นจริงเหรอนังนิ่ม” นิ่มตัวสั่นเทา พยายามจะอธิบาย
“หนูไม่ได้ตั้งใจ ก็คุณหนูตื่นขึ้นมาแล้วก็โวยวาย หนูบอกให้หยุด เค้าก็ไม่ยอมหยุด หนูก็เลยต้องเสียมารยาท มันก็เท่านั้น หนูไม่เคยคิดจะทำร้ายอะไรคุณหนูเลย จริงๆนะยาย” เนเน่ไม่ชอบหน้านิ่มเลยเมื่อเจอกันครั้งแรก
“ขอโทษคุณหนูซะ เร็ว” นิ่มรีบยกมือไหว้
“ขอโทษค่ะ” เนเน่มองนิ่มด้วยหางตา
“ยายแล้วพ่อหนูไปไหน ไหนบอกหนูว่าจะอยู่กับหนู ไม่ห่างกายหนูไง แล้วนี่พ่อหายไปไหน พ่อผิดสัญญา”
“ยายไม่รู้จริงๆ นายท่านไปมาไร้ร่องรอย” แล้วก็หันไปมองนิ่ม
“แกรู้ใช่ไหมอีนิ่ม ว่านายไปไหน เพราะลุงแกก็ไม่อยู่ด้วยนี่” นิ่มพยักหน้า
“บอกมา นายกับลุงแกไปไหน” นิ่มมองหน้าเนเน่และก็ยายชื่นแบบไม่เต็มตา
“รายละเอียดหนูไม่รู้ นายแค่บอกว่าให้หนูนอนเฝ้าและดูแลคุณหนูด้วย นายจะไปทำงานธุระกับลุงนพ”
“ไปนานรึยัง” ยายนิ่มบิดไปที่แขนของนิ่มเบาๆ
“โอ๊ย หนูเจ็บนะยาย”
“รีบบอกมา นายกับลุงแกไปนานหรือยัง” นิ่มตอบแบบหน้าเหยเกและขยับตัวหนีเพราะกลัวยายหยิกอีก
“ตั้งแต่ทุ่มนึงแล้ว หนูรู้แค่นี้ จริงๆ ลุงนพไม่ได้บอกอะไรหนู” นิ่มบอกจนหมด
“นายท่านยัดเงินใส่มือหนูไว้ 3 พันแล้วก็รีบออกไปเลย” นิ่มหยิบเงินให้ดูเป็นหลักฐาน
“ยาย พ่อออกไปสู้กับไอ้พวกคนร้ายอีกแน่เลย พ่อ” เนเน่จัดแจงขยับตัวจะลุกออกไป
“เนเน่ เจ้าจะทำอะไรหนะ” เนเน่เริ่มดื้อ
“หนูจะไปช่วยพ่อ” ยายชื่นจึงเอ็ดเข้าให้
“แล้วเจ้ารู้เหรอว่าพ่อเจ้าไปที่ใดทำอะไรอยู่ที่ไหน ที่นายไม่ให้เจ้าไป ก็เพราะไม่อยากให้เจ้าเป็นอะไรไปมากกว่านี้ หยุดบ้าและเลิกทำให้นายท่านเป็นห่วงได้แล้ว”
ยายชื่นโมโหมากที่เนเน่ดื้อ เอาแต่ใจตัวเองและไม่ยอมฟังใครอีกแล้ว จึงตวาดไปอย่างแรง
“ถ้าเจ้ารักพ่อจริง ก็ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ อย่าดื้อ ยายไม่ชอบ เข้าใจไหม” เนเน่เจอตวาดเข้าไปจึงเงียบได้
“นอน นายท่านไม่เป็นอะไรหรอก นายท่านเก่งและเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว คนดีย่อมไม่เป็นอะไร อย่าดื้อ นายท่านสั่งเอาไว้ ถ้าเจ้าดื้อ ให้ลงโทษได้เลย รู้ใช่ไหมว่าจะโดนอะไร”
เนเน่รู้ว่าจะโดนอะไรถ้างอแง เลยต้องเงียบและเป็นเด็กดี
“แกด้วยนิ่ม นอน ดูแลคุณหนูให้ดี 4 ทุ่มกว่าแล้ว ยายง่วง” พูดจบยายชื่นก็เดินออกไป
พร้อมกับปิดไฟและปิดประตู แต่ไม่ไปจริง ส่งเสียงเข้ามาอีก เพราะแอบดูอยู่ข้างนอก
“บอกให้นอน” ทั้งสองสาวเงียบกริบและล้มตัวลงนอนทันที ยายชื่นมายืนที่ระเบียงแล้วถอนหายใจ
“จะเป็นแบบนี้อีกนานไหมเนี่ย เวรกรรมๆ รับปากแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังแอบออกไปอีกจนได้”
ไม่นานยายชื่นก็เดินกลับเข้าไปนอนทันที เพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไม่อยากที่จะรับรู้อะไรอีก
>>>>> @@@@@ <<<<<
กวงบอกให้ลูกน้องสองคนจับตัววิทย์ขึ้นมา หลังเสียท่าโดนกวงเล่นสกปรกจนหน้าคว่ำลงกับพื้น ลูกน้องทั้งสองคนจึงรวบแขนวิทย์ไปข้างหลัง แล้วซ้อมเล่น ต่อยไปมาเหมือนกระสอบทราย
“เก่งจริงมาฟัดกันตัวต่อตัวซิวะ ไม่ใช่หมาลอบกัด ให้คนมาฟาดฉันข้างหลัง ทุเรศ”
“ฉันยอมรับว่าฉันสู้แกไม่ได้ แต่ฉันไม่สน วิธีไหนที่ทำให้ชนะ ฉันไม่เกี่ยง เอามัน”
พูดจบกวงก็ให้ลูกน้องทั้งหมดคนรุมกินโต๊ะวิทย์ทันที คราวนี้ไม่ใช่สองคนเหมือนเมื่อกี้อีกแล้ว แต่กลับเป็นสิบ มาช่วยกันรุมประชาทัณฑ์ สกรัม ยำตีนกันอย่างสนุกสนานเลยทีเดียว และขณะที่กวงกำลังเพลินกับการให้บุพเฟ่ตีนของเขาอยู่นั้น เสียงปืนกลก็ดังขึ้น รัวมาจากไหนไม่รู้ ปลิวมากับอากาศ ลูกน้องทั้งหมดที่กำลังเพลินอยู่กับสกรัมยำตีนอยู่นั้น ก็ร่วงเกือบหมด เหลือไม่กี่คน วิ่งหนีไปหมด
“ใครวะ” กวงวิ่งจะไปดึงตัววิทย์ที่นอนกองอยู่มาเป็นตัวประกัน สักพักก็ต้องร้อง
“โอ๊ย” ขึ้นมาทันที เพราะมีอาวุธลับปักไปที่มือซ้าย พอหันไปก็พบว่ามีชายคนหนึ่งยืนตะหง่านอยู่หน้ามัน
“เผด็จ” กวงหลุดปากออกมา
“เออกูเอง ไอ้กวง” เผด็จชี้หน้าแล้วด่าซ้ำอีกด้วย
“มึงนี่เลวระยำหมาจริงๆ สู้เค้าไม่ได้ ก็ยังแอบลอบกัดเค้า แบบนี้กูว่ามึงเอาผ้าถุงแม่ยิงมาใส่จะดีกว่ามั้ง”
แล้วเผด็จก็ดึงปืนขึ้นมาแล้วจ่อไปที่หัวของกวง กวงซึ่งเป็นคนที่ขี้ขลาดตาขาวอยู่แล้วด้วย จึงรีบพนมมือขอชีวิตจากเผด็จทันที
“อย่าทำอะไรข้าเลยจ๊ะท่าน ข้าผิดไปแล้ว เขาบังคับข้าให้มาทำงานนี้ ถ้าไม่ทำ ข้าก็ตาย”
%%%%% ----- %%%%%
ไม่นานรถโอบีทำข่าวของเบิ้มมาถึงพอดี ดลจึงรีบจับภาพทันที กวาดกล้องไปทั่ว เบิ้มก็เริ่มรายงานไปด้วย ตัดเป็นรายการสดทันที ช่วงที่ดลกำลังจับภาพอยู่นั้น ก็จับภาพวิหคขาวได้ด้วย ขณะที่กำลังลุยกับพวกเหล่าร้ายพวกนั้นอยู่อย่างชัดเจน
“วิหคขาว” นพพึ่งนึกออกถึงของอีกอย่างที่เผด็จฝากมาให้ปูนลองใช้
“คุณปูนรับ” ปูนหันไปรับสิ่งที่นพโยนให้
“อะไรหนะพี่” ปูนอยากรู้
“นายท่านบอกว่า เอามาให้ลองใช้” ก่อนที่นพจะบอก ขอยักคิ้วทำหล่อหน่อยนึง
“ปืนไฟ ฉบับพกพา นายบอกมาแค่นี้ ผมก็ไม่เคยใช้ นายท่านพึ่งประดิษฐ์เสร็จ บอกว่าให้คุณปูนลองใช้หน่อยและบอกด้วยว่าแซ่บไหม ผมจะได้กลับไปรายงานนายท่านได้ถูก มันทำงานปลดล๊อกเครื่องด้วยลายนิ้วมือคุณปูนได้คนเดียวเท่านั้นด้วยนะ” ปูนยิ้มเลย จึงไม่ขัดศรัทธาผัว อุตส่าห์ทำให้ถึงขนาดนี้
“จริงดิ แหมผัวฉันนี่จะรักเมียอะไรขนาดน้าน เอาใจน่าดู ไม่รักผัวคนนี้แล้วจะไปรักใครได้เนี่ยฉัน จัดปาย”
ปูนรีบดึงถุงมือด้านขวาออก เพื่อลายนิ้วมือจะได้ปลดล๊อกเครื่องเพื่อทำงานได้ แล้วกำปืนไฟด้ามนั้นเล็งไปที่พวกเหล่าร้ายทันที พอปูนแตะปุ่มเซ็นเซอร์ ไฟก็พุ่งเป็นทางยาวลุกไหม้เผาร่างพวกนั้นทันที
“สุดยอดเลยผัวขา ชิ้นนี้เมียชอบมาก เอาไปเลย พันคะแนนล้านคะแนนก็ไม่พอ ฮู้ สะใจดีแท้โว๊ย มัวส์หวะคืนนี้”
จากนั้นปูนก็เริ่มมันส์มือ ยิงปืนไฟส่ายไปมายังกลุ่มพวกเหล่าร้ายทั้งหลายที่กำลังวิ่งเข้ามาอย่างเมามัน ไฟเผาร่างพวกนั้นจนต้องรีบวิ่งหนีกระเจิงกันไปหมดทันที ไม่มีใครกล้าเข้าไปอีกเลย ตุ้มกับโจ้เห็นท่าไม่ดีแล้ว จึงแอบหนีไปทันที ขณะที่กำลังชุลมุน ทับทิมเห็นภาพปูนอยู่ในจอทีวีอย่างชัดเจน กำลังส่ายปืนไฟไปมาอย่างสนุกมือเลย จึงหลุดปากออกมาเบาๆ
“อีเพื่อนเลว นี่แสดงว่าแกยอมรับออกมาแล้วใช่ไหมว่าใช่ ถึงได้ออกไปช่วยผัวตัวเองอย่างโจ๋งครึ่มขนาดนั้น ฉันจำเสื้อคลุมแบบนั้นได้ ทีมพญายมเท่านั้นถึงจะมี ถ้าไม่ใช่คนสำคัญจริงๆ หมดสิทธิ์ได้”
อย่าว่าแต่ทับทิมเลย แตงโมก็ดูข่าวนี้เช่นกัน เขาคอตกขณะที่อุ้มลูกชายคนโตของเขาอยู่ในแขน “ปูน”
“อีเพื่อนเลว” เพ็ญก็เช่นกันเมื่อเห็นข่าวแบบจะๆ ทุกคนเห็นกันหมด .. แตงโมหันไปมองลูกสาวคนเล็กในเปล
“ปูน ตกลงว่านี่คือคำตอบแล้วใช่ไหม ปูนเลือกแล้วจริงๆใช่ไหม พี่คงไม่สามารถที่จะยื้อปูนกลับมาได้ดังเดิมแล้วใช่ไหม”
น้ำตาของแตงโมไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว .. ป๋องกับเชี่ยว นั่งดูรายการที่กำลังรายงานอย่างสลดใจ และหดหู่ โดยเฉพาะป๋องเป็นห่วงวิทย์ลูกชายยิ่งนัก ทับทิมเดินอุ้มลูกสาวซึ่งหลับอยู่ในแขนมานั่งลงใกล้ๆ แล้วปลอบใจสามี
“พี่ป๋องใจเย็นๆนะ คุณวิทย์คงจะไม่เป็นอะไร ในเมื่อยังไม่มีรายงานข่าวออกมา เราต้องคิดในทางที่ดีเอาไว้ก่อน เชื่อหนู คุณวิทย์ต้องปลอดภัย หนูมั่นใจแบบนั้น ต้องมีคนไปช่วยเหลือได้ทัน” ทับทิมมั่นใจเช่นนั้น 100% เพราะเมื่อเห็นปูนออกโรงช่วยเต็มที่ขนาดนี้แล้ว แสดงว่าเผด็จต้องไปช่วยเหลือทางอัธวิทย์อย่างแน่นอน ทับทิมหันไปมองภาพปูนที่ทีวี แล้วทำท่าไม่สบอารมณ์อย่างมากเลยทีเดียว
xxxxx ===== xxxxx
ภณเดินมาหาเผด็จ หลังจากที่ใช้โดรนยิ่งขับไล่พวกที่กะเลกะลาด ที่ตกหล่นเหลือบางคน ไปจนหมดแล้วมั่นใจว่าปลอดภัย 100% ไม่มีใครหลงเหลือหรือย้อนมาอีกอย่างแน่นอน
“ไปหมดแล้วนาย” เผด็จพยักหน้า ชี้ไปที่วิทย์ แล้วบอกให้ภณไปพาตัวขึ้นมา ไปไว้ที่รถของเขา
“เอากลับไปไว้ที่อัมพวาก่อน เดี๋ยวรถของวิทย์ฉันจะเอากลับเอง ไปได้แล้ว” เผด็จกระซิบเบาๆที่หูของภณ
ภณรับคำสั่งแล้วรีบพาวิทย์ที่เจ็บหนักนั้นไปทันที จากนั้นก็หันมาชำระความกับกวงต่อทันที เผด็จเอาปืนเก็บและดึงมีดสั้นที่คมกริบขึ้นมาแทน นั่งยองๆลงบนที่นั่งหิน แล้วเอามีดจ่อไปที่ต้นคอของกวง
“วันนี้กูจะไม่ฆ่ามึง แต่มึงต้องทำงานชดใช้ให้กู ตอบแทน” กวงมองหน้าเผด็จ
“อะไร มึงจะให้กูทำอะไร ว่ามา” เผด็จยิ้มและพูดเบาๆ
จากนั้นก็เปลี่ยนท่านั่ง เขานั่งห้อยเท้าอย่างมีความสุขขณะที่กวงต้องนั่งคุกเข่าอยู่ใต้เขาที่พื้นดิน
“มึงต้องยอมเป็นสายให้กู” กวงสลัดหน้าหนี
“ไม่” ยังไงกวงก็ไม่ยอม
“ให้กูตายเสียดีกว่าที่ต้องทรยศองค์กร” เผด็จหัวเราะแล้วถุยน้ำลายลงดิน
“ถุย คนอย่างมึงเนี่ยนะไอ้กวง จงรักภักดีต่อองค์กร ถ้ามึงดีแบบนั้นจริงๆ มึงคงไม่หักหลังไอ้ฉัตรเทพแล้วเอาความลับมาขายให้กับกงจักรทองหรอก จริงไหม” เผด็จมองหน้ากวง
“ไม่งั้นไอ้ฉัตรเทพคงไม่ถึงกับวิบัติจนถึงกาลปาวสานได้ง่ายและเร็วแบบนั้นหรอก”
“เออๆ..” กวงโกหกปัดความผิดของตัวเองยังไงก็ไม่รอด
“ไม่ต้องยื้อเวลา ตอบมา สั้นๆง่ายๆ อยากอยู่หรืออยากตาย” เผด็จรู้ว่ากวงถ่วงเวลา
“ถ้าอยากตายก็ปฏิเสธ ถ้าอยากอยู่ก็พยักหน้า กูง่วงแล้ว” เผด็จแกล้งพูดออกมา
“อยากกลับบ้านไปนอนแล้ว เร็ว ตอบมา” กวงจะเอายังไงดี ยังคงคิดอยู่นาน
เผด็จเอามีดกดเข้าไปที่ลำคอเล็กน้อยจนเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย
“โอ๊ย” กวงทนความเจ็บไม่ไหวและความขี้ขลาดเริ่มกลับมาอีกแล้วจึงพยักหน้าให้เพื่อจะได้รอดตาย
เผด็จจึงเอามีดออกจากลำคอและตัดเชือกที่มัดมือมัดเท้าออก กวงสบัดมือและเท้าเมื่อเป็นอิสระ
“แล้วจะให้กูทำยังไงว่ามา” กวงรีบถามทันที
“ก็ไม่มีอะไรมาก” เผด็จหยิบเครื่องเล็กๆตัวนึงขึ้นมาให้กวงดู
“แค่มึงเอาเครื่องดักฟัง 4 ตัวนี้ไปติดไว้ที่รังใหญ่ของมึงให้กูหน่อย ติดไว้ที่ห้องประชุมหรือส่วนไหนขององค์กรก็ได้ กระจายกันไปและโทรรายงานกูด้วยว่าจะไปทำความชั่วที่ไหนบ้าง ก็เท่านั้น” เผด็จอธิบายง่ายๆ
“แค่เนี้ย” กวงงง “ใช่ แค่นี้ กูให้มึงทำแค่นี้แหละ มึงก็มีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกนาน เห็นปะ ง่ายจะตาย”
“ทำไมมันง่ายจังวะ นี่มึงจะหลอกให้กูไปตายรึเปล่าเนี่ย ไม่หงะ มึงหลอกกู” กวงยังคงระแวง
“กูจะไปหลอกมึงทำเหี๊ยอะไรวะไอ้กวง” เผด็จมองหน้า
“ไม่มีใครรู้หรอก ถ้ามึงไม่ทำตัวให้พวกนั้นสงสัย ในเมื่อไม่มีใครรู้ แล้วมึงจะกลัวอะไรหละวะ มึงก็ทำตัวแบบปกติซะ มันก็จบ จริงป่ะ”
กวงไม่มีทางเลือกแล้วนี่
“เออ ก็ได้ เอามาซิไอ้เครื่องพวกนั้นหนะ ตกลงแค่นี้ใช่ไหม”
เผด็จพยักหน้าแล้วก็ยื่นถุงดำขนาดไม่ใหญ่มากให้กับกวงไป เมื่อกวงได้ของแล้ว ก็รีบเดินออกไปจากตรงนั้น เผด็จตะโกนตามหลังไป
“แล้วอย่าให้กูรู้นะว่ามึงคิดตุกติกและคิดไม่ซื่อกะกูหนะ” เผด็จขู่ไว้ซะด้วย
“และไม่ต้องคิดหนีนะ เพราะถึงมึงจะหนีไปไหน มึงก็หนีกูไม่พ้นหรอก เพราะกูรู้ความเคลื่อนไหวของมึงตลอดแหละรู้ไว้ด้วย”
กวงหงุดหงิดมากส่ายหัวอย่างแรง เพราะเสียรู้และเสียท่าให้กับเผด็จอย่างไม่น่าที่จะเสียได้
..... +++++ .....
หลังจากทุกอย่างจบสิ้นลง ทุกอย่างถูกควบคุมได้แล้ว หมวดบูรณ์ก็เดินมาขอบใจวิหคขาวและขอจับมือเช็คแฮนออกทีวี เพื่อบอกให้พวกมิจฉาชีพทางอ้อมว่า ตอนนี้มนุษย์หน้ากากออกมาทำหน้าที่อีกแล้ว จะไม่หยุดทำความดี เมื่อใดเหล่าร้ายหมด ก็จะขอหลบหน้าไปอีก และถ้าเมื่อไหร่ที่บ้านเมืองไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็จะออกมาอีก เป็นเช่นนี้เรื่อยไปไม่มีที่สิ้นสุด ขอให้พวกที่กำลังคิดทำชั่วอยู่นั้น จงละทิ้งความคิดชั่วๆแบบนี้ซะ อย่าได้คิดทำชั่วอีกเลย เพราะถ้าคิดทำอะไรที่ไม่ดี ผลที่ได้มันก็จะไม่คุ้มเสีย ดังภาพที่เห็นไปเมื่อกี้
แต่ผิดกับดลที่ยังมีความคิดฝังใจว่า Fake โกหกตอแหล ทำความดีเอาหน้ากลบเกลื่อนความผิดในอดีตที่บางคนมองไม่เห็นเสียมากกว่า จ่าสมนึกเดินยิ้มและพูดคุยมากับนพเหมือนจะสนิทกันไม่ปาน ไม่นานปูนก็กระซิบบอกกับหมวดบูรณ์เรื่องของสารวัตรอัธวิทย์ เพราะสามีได้ติดต่อเข้ามาบอกเรียบร้อยแล้ว เมื่อกี้นี้
“ตอนนี้สารวัตรปลอดภัยแล้วนะคะ ไม่ต้องห่วง แต่อาจจะต้องซ่อนตัวเพื่อรักษาตัวสักระยะหนึ่ง หายดีเมื่อไหร่ จะปล่อยตัวมาให้ทำงาน ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ มีธุระที่ต้องทำอีก”
นักข่าวหลายต่อหลายคน พยายามแหวกวงล้อมตำรวจเข้ามาให้ได้ เพื่อที่จะขอสัมภาษณ์วิหคขาวกับการที่ปรากฏตัวต่อสาธารณะอย่างเปิดเผยเป็นครั้งแรก หลังจากที่หายตัวมานานถึง 3 ปีเต็มๆ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วหละ เพราะเธอได้หายตัววับไปกับตา ไร้ร่องรอยพร้อมกับนพตอนไหนไม่รู้ เมื่อนักข่าวสามารถดันและฝ่าด่านเข้ามาได้
“อ้าว วิหคขาว หายไปไหนแล้วหละเนี่ย ว๊าเสียดายจัง เลยอดได้ข่าวเลยเรา”
$$$$$ ----- $$$$$
หลังจากที่ทุกอย่างจบลง แจงปิดทีวีทันที แล้วโยนรีโมทลงไปยังที่นอน และเอามือหนุนหัว เอนตัวหงายหลังลงไปนอนกับที่นอน “วิหคขาวอย่างนั้นเหรอ เธอเป็นใครกัน” แจงเริ่มมีคำถามเพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว
“ทำไมเธอถึงได้มีอาวุธที่แปลกๆและร้ายกาจมากมายขนาดนั้น” แจงคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ตก
“ตอนที่เจอกันครั้งแรก เธอไม่มีอะไรเลยนี่ ผ้าคลุมก็ไม่มี อาวุธอะไรก็ไม่มีสักอย่าง แล้วพอมาวันนี้ ทำไม ถึงได้ขนเครื่องเล่นพวกนั้นมาเต็มไปหมด เอามาจากไหนกัน ชักน่าสนใจขึ้นมาแล้วซิ ผิดกับพิราบเทา” แจงแปลกใจ
“เอ พูดถึงพิราบเทา ทำไมเราถึงไม่เห็นนางหละ จำได้ว่าสองคนนี้จะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ หรือว่าสองคนนี้ต้องผิดใจอะไรกันสักอย่าง แน่นอนเลย ชักน่าสนเสียแล้วซิ วิหคขาว” แจงดีดนิ้วเป๊าะ และยิ้มออกมา
>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<
โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 15 .. “ แก้วหรือหยก 2 ”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 287
แสดงความคิดเห็น