ตอนที่ 4 เสน่ห์ปลายจวัก
มือน้อยยื่นตักหมูหวานจากปิ่นโตสีชมพูของตนใส่ในจานข้าว และก็ตักใส่อีกเมื่อผู้อาวุโสไม่ยอมกินมันโดยเขี่ยไปไว้ข้างจานแทน และในครั้งที่สามเมื่อเธอตักใส่อีกครั้งเขาถึงกับต้องร้องครางออกมา
“คุณหนู...”
“คุณลุงฟันไม่ดีหรือคะ?”
คนตัวเล็กทำตาซื่อใสไร้เดียงสา น่าหยิกแก้มให้โย้เล่นเลยจริงเชียว แต่ก็ทำไม่ได้ ชายสูงวัยจึงได้แต่ทำเสียงฮึ่มฮั่มในลำคอแล้วตักหมูหวานเคี้ยวเข้าปากไป พลางชำเลืองมองคุณหนูตัวร้ายที่ยกยิ้มอย่างพอใจพร้อมตักกับข้าวใส่ปากตน
“หนูเก็บเองค่ะ”
“ไม่ต้องค่ะ หนูทำเอง”
“ให้หนูช่วยนะคะ”
“มา หนูจะทำ”
คุณลุง...คุณลุง...คุณลุง โอ๊ย! อยากจะบ้าตาย เขาร้องเสียงดังอยู่ในหัวเมื่อรุ้งขวัญติดแจ วนเวียนไม่ห่างตัวชวนปวดหัวยิ่งนัก
“คุณหนูครับ ไหนบอกจะเอายูทูบยูแทบอะไรนั่นมาให้ดูไม่ใช่หรือ ไหนล่ะ?”
“จริงสิคะหนูลืมไป งั้นคุณลุงรอเดี๋ยวนะคะ หนูวิ่งไปเอาโทรศัพท์แป๊บเดียว”
ว่าแล้วก็วิ่งปรู๊ดหายไปในหลังบ้าน ชายสูงวัยเดินตามไปหลบที่ศาลาท่าน้ำแล้วแกล้งนอนหลับเพื่อหนีการกวนอกกวนใจจากรุ้งขวัญ
เขาผล็อยหลับไปจริง ๆ ตื่นมาอีกทีก็เห็นเธอกระโดดเล่นตั้งเตอยู่ไม่ไกลอย่างสนุกสนาน คิดในใจว่าทำไมสาวน้อยคนนี้ถึงชอบมาติดเขานัก จะว่าเป็นเด็กขาดความรักจากพ่อแม่จึงโหยหาความอบอุ่นจากผู้ใหญ่กว่า แล้วทำไมไม่ใช่ยายนวลซึ่งมีสายเลือดเดียวกัน กลับเป็นคนแปลกหน้าเช่นเขาไปได้
หรือเพราะการมีเศษเสี้ยวชีวิตที่ไม่สมบูรณ์เหมือนกัน ก็เลยเกิดเป็นแรงดึงดูดให้เข้าหาโดยไม่รู้ตัว
ชายสูงวัยรำลึกถึงอดีตเมื่อแรกลืมตาเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะยากจน พี่น้องทุกคนต้องแยกย้ายกันอยู่ เขาได้บวชเรียนพออ่านออกเขียนได้ จากนั้นก็สึกออกมาช่วยงานหว่านไถ โตพอจะใช้แรงงานก็ถูกขายให้ไปเป็นเด็กรับใช้อยู่กับคณะรำวงเร่ร่อน ไปมาไม่มีหลักแหล่ง กินกับเขา นอนกับเขา ทำงานให้เขา แต่ไม่ได้เงินใช้แม้แต่สตางค์แดงเดียวเพราะถือว่าให้พ่อแม่ไปหมดแล้ว
ยามหนาวไม่มีคนให้กอด ยามร้อนไม่มีคนพัดวีให้ ป่วยไข้ไม่สบายก็รักษาตัวเองตามยถากรรม
เขาเปรียบตัวเองในตอนนั้นว่าไม่ต่างจากลูกหมา พอคลอดออกมาก็เติบโตหากินเองตามมีตามเกิด ไม่เหมือนลูกมนุษย์ที่มีคนคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ จับใส่เครื่องแต่งกาย จูงมือไปส่งยังโรงเรียน ถึงจะพบกับปัญหาก็มีคนช่วยแบ่งเบาภาระและความทุกข์ใจ
การที่ต้องเติบโตผ่านชีวิตมาอย่างนั้นทำให้หัวใจของเขาค่อนข้างแห้งแล้งเป็นธรรมดา เลยไม่ชอบคุณหนูรุ้งขวัญในตอนแรกนัก เพราะคิดว่าเธอมีชีวิตที่สุขสบายไม่ต้องพบเจอกับความลำบากยากจนเช่นเขา แต่เมื่อได้รู้ว่าเธอเองก็มีบาดแผลบอบช้ำจากคนในครอบครัวเหมือนกันจึงพลอยเกิดความเห็นอกเห็นขึ้นมาบ้าง
เสียงฝีเท้าตึกตักวิ่งมาหา เขาจึงแกล้งหลับต่อ ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาอย่างเบื่อหน่ายแล้วก็วิ่งกลับไปเล่นคนเดียวอีก
ชายสูงวัยนอนหลับตาพริ้ม ยิ้มบางออกมาอย่างพอใจที่ใช้ไม้นี้หลบหนีสำเร็จ พอตื่นขึ้นมาอีกครั้งเธอก็กลับไปแล้วและไม่หวนมาช่วยรดน้ำผักในตอนเย็นเพราะได้สร้างวีรกรรมแสบซ่าเอาไว้ให้จนเขาต้องแอบคาดโทษไว้ในใจ
ชูแก้วน้ำดื่มเซรามิคที่ได้จากการไปเดินตลาดกับคุณยายเมื่อเช้ามาให้ดู
“อันนี้ของคุณลุงนะคะสีแดง ส่วนสีน้ำเงินนี้ของหนู ให้ใช้กระบวยตักใส่แก้วอีกทีนึง ห้ามดื่มจากกระบวยและห้ามใช้แก้วมุดเข้าไปตักน้ำโดยตรงนะคะ...แล้วหม้อนี้ได้ล้างบ้างหรือเปล่า? มีตะไคร่เต็มไปหมดเลย ทานได้ยังไงกัน.....คุณลุงช่วยยกหม้อเทน้ำให้หนูหน่อยหนูจะขัดและล้างข้างใน”
คิดว่าพอเจอหน้าจะเล่นงานเจ้าตัวแสบเสียหน่อยที่แอบเอาใบไม้มาโปรยบนตัวเขาเมื่อวาน แต่พอมาถึง คุณเธอก็พูดจาไม่หยุดปากปานนกแก้วนกขุนทอง
“แล้วนี่คุณลุงเอาน้ำที่ไหนมาดื่มคะ?”
“น้ำฝน” ตอบเสียงห้วนอย่างเคือง ๆ
“ห๊ะ! อะไรนะ นี่ฉันกินน้ำฝนหรือเนี่ยจะบ้าตาย ดื่มเข้าไปได้ยังไงมันสกปรก น้ำฝนสมัยนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อนนะคะ อากาศมีแต่มลภาวะ เห็นใส ๆ แต่สารพิษเพียบเลย มิน่าล่ะถึงว่ารสชาติปะแล่ม ๆ นี่คุณลุงดื่มมากี่ปีแล้ว รู้ไหมคะว่าถ้ามันไปสะสมในร่างกายนานเข้าจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคร้ายตามมา ทำไมถึงไม่หาน้ำสะอาด ๆ มาดื่ม ไปกดตู้หน้าปากซอยมาก็ได้”
“ก็นี่แหละตู้หน้าปากซอยล่ะ”
“อ่าว...หรือคะ? ก็เมื่อกี้ลุงบอกน้ำฝนน่ะ”
“พูดมากปากแจ๋ว สมเป็นหลานยายนวลจริง ๆ”
คนถูกว่าทำปากยื่นสะบัดหน้าพรืด ตั้งหน้าตั้งตาขัดหม้อน้ำต่อจนเสร็จจึงเรียกเขาให้ช่วยยกไปตั้งไว้ที่เดิม
“นี่ถ้าใส่ใบเตยไปด้วยคงจะหอมดีนะคะ ที่บ้านหนูมีสารพัดน้ำให้ดื่ม ทั้งน้ำใบเตย น้ำกระเจี๊ยบ น้ำอัญชัน น้ำมะตูม น้ำเก๊กฮวย คุณยายท่านชอบน่ะค่ะ ป้าอรเลยทำแช่ในตู้เย็นไว้ให้ไม่เคยขาด”
“มีอยู่นะ จะใส่หรือ”
“ใส่ค่ะ อยู่ไหนคะ?”
ชายสูงวัยเดินนำหน้าไปยังท้ายสวนบริเวณศาลาท่าน้ำ รุ้งขวัญหันรีหันขวางมองหากอใบเตย
“ไหนคะ? ไม่เห็นมีเลย”
“นู่น! เห็นหรือยัง”
เขาชี้มือไปยังฝั่งตรงข้ามแล้วหย่อนตัวลงไปในลำห้วย เห็นอย่างนั้นเธอจึงรับทักท้วงขึ้นมา
“คุณลุงน้ำไม่สกปรกหรือคะ?”
“สีมันเป็นอย่างนี้เองแหละ จากซากใบไม้ทับถมกัน ถ้ามันอันตรายจริงสัตว์น้ำคงอยู่ไม่ได้”
รุ้งขวัญเชื่อคำพูด นั่งลงจับขอบเสาไว้ ทำท่าจะหย่อนขาลงไปแช่น้ำเล่นบ้างแต่ต้องร้องอุทานเสียงหลงเมื่อถูกแกล้งให้ตกใจเล่น
“ระวัง! งู”
“ว๊าย! งู งู งูกัดขา ว๊าย”
“ฮะ ฮะ ฮะ”
“คุณลุงอะ”
สาวน้อยค้อนปะหลับปะเหลือกให้เมื่อถูกแกล้ง และมิตรต่างวัยก็เอาแต่หัวเราะชอบใจกับอาการสะดุ้งผวาของเธอ แถมยังส่งสายตายั่วล้อให้จากปกติที่ไม่เคยได้เห็นเพราะมักจะตีหน้าขรึมดุใส่
“เอ้า! รับไป จะเอาไปทำอะไรก็ทำ”
รวนพริกแกงเขียวหวานกับเนื้อไก่ ใส่กะทิ เติมน้ำ พอเดือดใส่มะเขือเปราะที่หั่นแล้วลงไป ปรุงรส ก่อนปิดเตาก็หย่อนใบโหระพาลงไปเป็นอันเสร็จ
“เป็นไงบ้างคะ ป้าอรผ่านไหม?”
“อร่อยค่ะคุณหนู ใช้ได้แล้ว”
รุ้งขวัญยิ้มแป้นหยิบปิ่นโตสองเถาสีชมพูลายการ์ตูนออกมา
“หนูแบ่งไปให้ลุงเขาบ้างนะคะ”
“วันนี้คุณหนูก็จะไปเที่ยวเล่นที่นั่นถึงเย็นอีกหรือคะเนี่ย?”
“คงจะอย่างนั้นค่ะ เมื่อวานลองทำกองปุ๋ยหมักแบบไม่พลิกกองที่ดูจากยูทูบด้วยกันยังไม่เสร็จเลย วันนี้คงจะทำต่อ”
“คุณหนูนี่ก็แปลก อยู่บ้านสบายดี ๆ ไม่ชอบ หาแต่เรื่องเหน็ดเหนื่อยไม่เข้าใจจริ๊ง ๆ”
“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะป้าอร สนุกดี ได้ออกกำลังกายด้วย มีอะไรให้เล่นให้ทำเยอะแยะ อยู่ที่นี่ป้าอรก็ไม่ให้หนูหยิบจับอะไร ไปช่วยลุงเขาหนูก็ได้ผักกลับมาทำกับข้าวนี่ไงจะได้ไม่ต้องไปซื้อหา...ประหยัด”
“โถ คุณหนู ถึงไม่ช่วยตานั่นก็เอามาฝากยายนวลอยู่ไม่ขาดแหละค่ะ”
“อย่างนั้นหรือคะ”
“ก็เขามาขอต่อไฟจากบ้านเราไง แต่ยายนวลไม่เคยเก็บก็เลยเอาผักมาตอบแทน”
“ก็สมควรที่ยายจะไม่เก็บ เพราะคงไม่รู้ว่าจะเก็บเท่าไหร่ ที่นั่นไม่เห็นมีเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรเลย ถึงจะมีหลอดไฟใช้แต่ก็ยังเห็นจุดตะเกียงอยู่”
“ขนาดนั้นเลยหรือคะ”
“ขนาดนั้นเลยค่ะ แล้วป้าอรรู้ไหมคะว่าลุงเขาชื่ออะไร หนูเรียกแต่คุณลุงอย่างเดียวยังไม่รู้จักชื่อที่แท้จริงของเขาเลย”
“อีตานั่นหรือ เอ...นังลุนเรียกว่าอะไรน้า?”
“ลุนไหนคะ?”
“เจ้าของแผงเช่าขายผักในตลาดที่ตานี่เอาไปส่งให้ประจำน่ะ ชื่อ...ชื่อ ‘หนู’ ตานั่นเค้าชื่อหนู”
“อ๋อ! ลุงหนู”
“โชคดีนะคะเนี่ย ที่เขามาอยู่ที่นี่ก่อนคุณหนูจะกลับมา ไม่งั้นคงห่วงน่าดูอยู่กันสองคนยายหลาน”
“ทำไมคะ?” เธอถามอย่างสงสัย
“ก็ที่นี่เป็นซอยตัน ค่อนข้างเปลี่ยว คนก็ไม่ค่อยมี ที่รกทึบข้าง ๆ มักมีพวกขี้ยาชอบมาเล่นยาและนัดส่งของกันประจำ”
“จริงหรือคะ? น่ากลัวจังเลย”
ทำหน้าตาตื่นตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“นั่นแหละค่ะ ป้าก็หวั่นใจอยู่บ่อย ๆ กลัวว่าพวกมันจะเมายาแล้วมาปีนรั้วขโมยข้าวของทำมิดีมิร้ายคนในบ้าน เห็นข่าวฆาตรกรรมคนแก่ที่อาศัยอยู่คนเดียวแล้วก็อดเป็นห่วงยายนวลไม่ได้...บางทีนะคะคุณหนู”
พูดเสียงกระซิบเบาลง นิ่งเงียบทำท่าว่าควรจะพูดออกไปดีไหม ทำให้รุ้งขวัญเขย่าแขนคะยั้นคะยอด้วยความอยากรู้
“ทำไมคะป้าอร?”
“เฮ่อ! บางทีก็มีมาเอากันด้วยค่ะ เมาแล้วมั่วกันเองมั่ง เอาตัวเข้าแลกยาเพื่อเสพมั่ง ไม่ก็วัยรุ่นแถวนี้ที่ไม่มีปัญญาไปเช่าโรงแรมก็แอบมาเอากันที่นี่”
“ฮึ้ย!”
สาวน้อยตกใจตาโตเกือบเท่าไข่ห่าน เมื่อได้ทราบถึงประวัติไม่ดีของสถานที่ใกล้ตัว
“ที่เปลี่ยวลับตาคนก็อย่างนี้แหละค่ะ ถ้าตำรวจมาพวกมันก็พากันกระโจนหนีข้ามฝั่งไปตรงข้าม จับไม่ได้ซักที...แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วค่ะ คุณหนูไม่ต้องกลัว ป้าไม่เห็นไอ้พวกนี้มันนานแล้วตั้งแต่ตานี่เข้ามาอยู่”
“เพราะอย่างนี้นี่เอง เป็นเหตุผลที่ยายไม่ค่อยอยู่ติดบ้านชอบไปโต้รุ่งค้างคืนที่อื่นบ่อย ๆ”
เธอสรุปความเอาเอง แต่กลับโดนแย้งจากคนที่รู้ไส้รู้พุงกันดี ป้าอรหันซ้ายหันขวาป้องปากพูดเสียงเบาทั้งที่หญิงชราก็ไม่ได้อยู่
“อันนั้นเขาเรียกว่านิสัยค่ะคุณหนู ฮิ ฮิ”
ชายที่ชื่อว่าลุงหนู ตักแกงเขียวหวานไก่ใส่ปาก พร้อมชำเลืองมองคนตัวเล็กที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้พรางทำตาอย่างคาดหวัง
“เป็นอย่างไรบ้างคะ?”
เขาไม่ตอบคำถาม เคี้ยวไปเงียบ ๆ พอตักคำที่สองเข้าปาก
“อร่อยไหม?”
และคำที่สาม
“หนูทำเอง”
คนถูกถามพยักหน้า เกรงว่าหากไม่ตอบ คำถามที่สี่จะตามมาพร้อมกับใบหน้าใสที่ยื่นเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ แต่รุ้งขวัญยังทำท่าคล้ายไม่ค่อยพอใจอยู่ดี เขาจึงจำต้องเอ่ยปากชมให้กำลังใจมากกว่านั้นอีก
“ใช้ได้อยู่ ดีกว่าซื้อจากตลาด”
เธอฉีกยิ้มกว้างรับคำชม
“ที่จริงแล้วหนูถนัดผัดมากกว่าค่ะ อันนี้หนูให้ป้าอรช่วยสอนให้...พรุ่งนี้เราลองทำผัดผักบ้างนะคะ”
“ตามใจสิ”
รุ้งขวัญเก็บผักบุ้งและพริกมาจากในแปลง ล้างผัก แกะกระเทียม เตรียมวัตถุดิบสำหรับทำผัดผักบุ้งไฟแดง หยิบกระทะ มองหาน้ำมันพืช แล้วต้องส่งเสียงเรียกหาเจ้าของบ้านเป็นการด่วน
“คุณลุงคะ ไม่มีเตาแก๊สหรือ? แล้วหนูจะผัดผักยังไง”
ชายสูงวัยเข้ามาหยิบไฟแช็ก ใช้เศษไม้ก่อไฟ ยัดฟืนเข้าไปในเตาอั้งโล่แล้วถอยออกมาให้คุณหนูแสดงฝีมือเสน่ห์ปลายจวัก ชั่วครู่เธอก็ทำหน้าบูดถือจานผัดผักบุ้งมาวางบนแคร่อย่างไม่สบอารมณ์
เขามองดูผัดผักมันเยิ้มสลับมองหน้าแม่ครัวที่มีเขม่าดำติดอยู่ปลายจมูกทั้งแก้มและหน้าผาก
“ไม่ใช่ความผิดหนูนะคะ ก็เพราะเตาของลุงต่างหาก ไฟไม่แรงพอ เดี๋ยวก็ลุกเดี๋ยวก็ดับ ปรับอะไรไม่ได้เลย แถมที่นี่ยังไม่มีซอสเต้าเจี้ยวอีก”
หญิงสาวแสดงอารมณ์หงุดหงิดที่มันไม่เป็นดั่งใจ กะว่าจะอวดฝีมือเสียหน่อย เขาจึงลุกเดินเข้าไปหน้าเตา ทำอะไรบางอย่างชั่วครู่ก็กลับออกมาพร้อมไข่เจียวหอมฉุยกับจานข้าวสองใบ ตักไข่ใส่จานให้เธอแล้วตักผัดผักบุ้งใส่จานให้ตัวเองกินไปไม่พูดอะไรซักคำ
สรุปแล้วที่คิดว่าจะต้องเททิ้ง ลุงหนูกลับไม่ทำให้ความตั้งใจของเธอเสียเปล่า หญิงสาวจึงได้รู้ว่าที่จริงแล้วคุณลุงคนนี้ก็เป็นคนจิตใจดีโอบอ้อมอารีเหมือนกัน แถมยังใจเย็นเป็นที่สุด แม้จะชอบทำหน้าขรึมดุใส่และพูดจาห้วนเสียงแข็งอยู่เป็นประจำ
“จะมืดแล้วยังไม่กลับอีกหรือ?”
“ไม่ค่ะ ยังไม่อยากกลับ”
“มาเที่ยวเล่นทั้งวันยายนวลไม่ว่ารึไง?”
“ไม่ค่ะ ยายไม่ว่าอะไร”
“ไม่รู้จักอยู่บ้านอยู่ช่อง ปล่อยให้คนแก่นั่งเหงาอยู่บ้านคนเดียว” ลุงหนูทำเป็นตำหนิบ่นใส่คนตัวเล็ก แต่ไม่จริงจังเท่าไหร่นัก
“ยายไม่เหงาหรอกค่ะ วันนี้มีเพื่อนมาเล่นที่บ้านเยอะ” เธอยังต่อปากต่อคำไม่ขาด
“อ้อ! ตั้งวงกันอีกล่ะสิ”
“คุณลุงรู้ด้วยหรือคะ?”
“ทำไมจะไม่รู้ ใคร ๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้น กิตติศัพท์วัยรุ่นแย้มฝาโลงแก๊งนี้”
“คุณยายบอกว่าคุณยายทำงานค่ะ ต้องทำมาหาเงินเลี้ยงดูขวัญและส่งเสียเรียนหนังสือ”
ฮึ! ลอยหน้าลอยตาเถียงแทนยายจนนึกอยากจะฟาดก้นสักทีสองทีจริงเชียว
“พอกันทั้งยายทั้งหลาน ดื้อด้าน หัวแข็ง ขี้เถียง ฉอดเก่งเหลือเกิน กลับไปได้แล้วไป”
ออกปากไล่อีกครั้งอย่างอ่อนใจ แต่เจ้าตัวกลับนั่งนิ่งทำหูทวนลมชวนคุยอย่างอื่นขึ้นมาแทน
“ทำไมคุณลุงไม่เปิดไฟคะ ไม่กลัวผีหรือ?”
“เอาผีที่ไหนมา?”
“ก็ผีมันชอบออกมากับความมืดตอนกลางคืนไม่ใช่หรือคะ อยู่ใกล้ห้วยอย่างนี้เดี๋ยวมันจะโผล่จากน้ำขึ้นมาหา”
ผู้อาวุโสมองหน้าคนตัวเล็กที่อยู่ในความสลัวรางพลางถอนหายใจ เขาเองก็เคยได้ยินเรื่องเล่าขานตำนานเกี่ยวกับผีมาเยอะแยะตั้งแต่เด็กจนโต แต่ยังไม่เคยพบเคยเจอกับตัวเองจริง ๆ เลยสักครั้ง เพราะเคยเจอสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นมาแล้ว ผีหลอกคนก็แค่ทำให้ตกใจเล่น แต่คนหลอกคนนี่สิ สุดแสนจะเจ็บปวดชอกช้ำในทรวงเหลือคณานับ
“กลับไปได้แล้วล่ะคุณหนู พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่เถอะ”
เสียงอ่อนลงคล้ายจะแสดงให้รู้ถึงความเหนื่อยอ่อนอย่างต้องการการพักผ่อนเต็มที
“พรุ่งนี้มหาลัยเปิดแล้วค่ะ”
“ก็ดีสิ! มีหน้าที่เรียนก็ตั้งใจเรียนไปเถอะ อย่าเอาแต่เที่ยวเล่น คิดถึงคนที่เขาอยากเรียนแต่ไม่มีโอกาสได้เรียนบ้าง” เขาพูดแทนใจตัวเอง
“คุณลุงจบชั้นอะไรหรือคะ?”
ถามด้วยความอยากรู้ แต่ชายสูงวัยคงอยากพักผ่อนแล้วจริง ๆ จึงบ่ายเบี่ยงไม่อยากคุยต่อ
“คุณหนูครับ ลุงง่วงแล้ว”
บอกเสียงยาน แต่เธออยากแย้งต่อว่าเพิ่งหัวค่ำอยู่เลยแต่ด้วยความเกรงใจจึงลุกขึ้นยืนอย่างเสียไม่ได้บิดไม้บิดมือไปมา
“คุณลุงไปส่งหนูหน่อยสิคะ มันมืด”
“ทำไมไม่เข้าประตูหน้าล่ะครับ”
“ไม่เอาอะ”
เด็กน้อยทำท่าดื้อดึงเอาแต่ใจ ขืนต่อความยาวออกไปคุณหนูตัวร้ายคงไม่ยอมกลับบ้านง่าย ๆ แน่ เขาจึงจำต้องลุกขึ้นยืนจุดตะเกียงส่องนำทางไปส่งให้ถึงที่
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 234
แสดงความคิดเห็น