บทที่ 4...2/3
มีนามาทำงานตามปกติในวันต่อมา โดยเธอขอให้เมษาปิดร้านอย่างไม่มีกำหนดไปก่อนเพราะต้องซ่อมแซมตึกและซื้อของซึ่งเป็นอุปกรณ์ทำขนมทั้งหมด เพราะฉะนั้นเมษาบอกว่าจะหาเงินให้ได้ก่อน มีนาเลือกที่จะไม่บอกอะไรเพราะสิ่งที่เธอจะทำ พี่สาวคงไม่ยอมและไม่มีทางเห็นด้วย แต่เธอรู้ดีว่าวิธีที่เมษาเลือกจะทำนั้นประตูแทบปิดตายอย่างการกู้เพิ่มทั้งที่ตึกเพิ่งถูกไฟไหม้และยังผ่อนไม่หมด แต่เธอจะไม่ห้าม เมษาไม่ชอบพึ่งพาใครย่อมพยายามหาทางจนถึงที่สุด ดังนั้นเธอทำได้แค่รอ
วนัทเข้ามาถามไถ่มีนาก่อนจะไปทำงานต่อ มีนาเองก็ต้องมีสมาธิในงานของตัวเองเช่นกัน บ่ายวันนี้เธอต้องไปนำเสนองานให้ลูกค้าเจ้าของแบบล็อบบี้โรงแรม ดังนั้นในช่วงครึ่งวันเช้าเธอจึงซักซ้อมการเสนองานและคุยกับวรการที่จะเดินทางไปด้วยกัน
แต่ในเที่ยงของวันนั้นเองภาคินก็โทรมาหามีนา หญิงสาวพอจะรู้ว่าเขาโทรมาด้วยเรื่องอะไร เพื่อนๆ ร่วมมหา’ลัยคงเห็นโพสต์ของเธอในแชทกลุ่มกันหมดแล้ว ไม่กี่นาทีก่อนวารีก็เพิ่งโทรมาให้กำลังใจและขอโทษที่ไม่มีเงินพอที่จะช่วยซื้อห้องของเพื่อนได้ มีนาบอกว่าแค่โทรมาหาก็ดีใจแล้ว
“ทำไมมีนไม่บอกคินตั้งแต่เมื่อวาน ไม่รู้ล่ะ ห้องนั้นคินจะซื้อเอง แล้วมีนก็อยู่ต่อไปได้เลย”
มีนาเลือกจะขายห้องของตัวเองเพื่อนำเงินเธอที่จ่ายไปครึ่งหนึ่งของราคาห้องออกมา ส่วนที่ยังผ่อนคนซื้อต่อก็นำไปผ่อนต่อ เธอเพียงแค่ยอมขาดทุนไปบ้างเท่านั้น
“ไม่ได้ ถ้าเป็นคิน” มีนามีเหตุผลจึงไม่ได้บอกเพื่อนไปตั้งแต่เมื่อวาน
“ทำไมถึงไม่ได้ล่ะมีน คินมีเงินเก็บมากพอที่จะซื้อนี่นา แล้วนี่เป็นห้องของมีน คินยิ่งต้องช่วยสิ หรือคินให้มีนยืมเงินไม่เอาห้องเลยก็ได้ มีนมีเงินเมื่อไหร่ค่อยมาคืน ถ้าจะไม่คืนก็ยังได้”
ภาคินไม่รู้ว่าสถานการณ์การเงินของมีนากับเมษาเป็นอย่างไร แต่การที่จู่ๆ มีนาประกาศขายห้องโดยคนซื้อต้องไปผ่อนต่อ ย่อมแสดงว่ามีนากับเมษากำลังหมุนเงินไม่ทัน เขาเป็นเพื่อนมีนามาตั้งแต่เด็ก เรื่องแค่นี้เขาต้องช่วยอยู่แล้ว
“คินช่วยมีนมามากแล้ว มีนก็มีศักดิ์ศรีนะ บางเรื่องมีนก็ยากจะทำมันด้วยตัวเอง ถ้าคินยังคอยช่วยมีน มีนจะมองหน้าคินแบบเดิมได้ยังไง”
มีนาไม่ได้อายเพื่อน แต่เพราะเธอรับเงินจากเพื่อนสนิทในจำนวนที่มากขนาดนี้ไม่ได้ การที่ครอบครัวของภาคินทุกคนช่วยเหลือเธอกับเมษามาตลอดหลังจากพ่อแม่จากไป ทำให้เธอขายห้องให้ภาคินไม่ได้ เธอไม่อยากรับจากเขามากเกินไป
“แต่คินอยากช่วยจริงๆ นะ”
มีนาเงยหน้าเพราะน้ำตาจะไหลอีกแล้ว ไม่รู้เป็นอะไรช่วงนี้เธอบ่อน้ำตาตื้นเหลือเกิน
“มีนรู้ แค่มีนเอ่ยปาก คินไม่มีทางไม่ช่วยมีน แต่คินช่วยมีนเรื่องอื่นเถอะนะ มีนขอแค่เรื่องนี้”
การเป็นเพื่อนกันมานานทำให้ภาคินเข้าใจมีนาและพร้อมจะสนับสนุนในทุกเรื่องที่เธอต้องการ ถ้าซื้อห้องไม่ได้เขาก็จะช่วยเพื่อนทางอื่นแทน
“ก็ได้ ถ้างั้นคินจะลงประกาศขายห้องให้มีนในช่องทางอื่นๆ ด้วย มีนจะได้ขายห้องได้เร็วๆ แบบนี้มีนยอมใช่ไหม”
“ขอบคุณมากๆ นะ คินดีที่สุดเลย”
มีนาสูดหายใจแรงรู้สึกดีใจแม้ห้องจะยังขายไม่ได้ แต่เธอโล่งใจโดยไม่มีสาเหตุ ไม่สิ สาเหตุก็เพราะเธอยังมีคนที่รักและหวังดีในชีวิต คนที่จะคอยยอมรับและสนับสนุนเธอในทุกทางที่ขอ การมีเพื่อนแท้ พี่ที่รักและครอบครัวของปู่เจตน์คือความดีงามที่เธอจะรักษาไว้ตลอดไป
วรการขับรถพามีนามายังโรงแรมเก่าที่เจ้าของคนใหม่นำมารีโนเวทให้เป็นสไตล์โคโลเนียล ซึ่งดูคลาสสิคและอบอุ่นน่ามาพัก อีกทั้งบริเวณด้านหลังโรงแรมเป็นคลองที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ทำให้บรรยากาศเหมาะแก่การมาถ่ายรูปและหาที่เงียบๆ ไม่วุ่นวาย มีนาเดินตามวรการเข้ามาด้านในซึ่งเป็นห้องโถงขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ตรงส่วนนี้ที่บริษัทรักษ์บ้านได้เข้ามาออกแบบ ส่วนของล็อบบี้จะพ่วงบริเวณต้อนรับซึ่งมีพนักงานยิ้มสดใสให้แขกที่เดินทางมายังโรงแรมแห่งนี้
“เชิญทางนี้ค่ะคุณวรการ” พนักงานต้อนรับผายมือเชิญให้วรการเดินตามไปยังห้องรับรอง
มีนาเดินตามไปพลางมองทางเดินหินอ่อนขาวสะอาด มีหน้าต่างไม้ที่เปิดออกไปทุกบานทำให้ด้านในปลอดโปร่ง เธอได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากดอกไม้ พอมองไปถึงได้เห็นว่ามีกุหลาบมากมายอยู่ทางด้านนี้ของโรงแรม เธอเดินเข้าไปในห้องรับรองที่คล้ายๆ ห้องประชุมเพราะมีจอโปรเจคเตอร์พร้อมสำหรับการมาพรีเซนต์งานในวันนี้ หญิงสาวเดินมาด้านหน้า แล้วหยิบโน้ตบุ๊กออกมาเปิดไฟล์ต่อสายกับโปรเจคเตอร์ โดยมีพนักงานต้อนรับคนเดิมเข้ามาช่วย
“รอสักครู่นะคะ บอสติดสายลูกค้าสำคัญ ฝากบอกว่าจะมาช้าไม่เกิน 5 นาทีนะคะ”
“ขอบคุณที่มาแจ้งไว้ก่อนครับ” วรการตอบพลางนั่งลงพลางคุยงานกับลูกค้าที่โทรมาพอดีระหว่างที่รอ
มีนามานั่งฝั่งเดียวกับวรการเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดออก ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพลางมองวรการและมีนา
“คุณ...ใช่ไหม” ภูบดีถาม แม้จะแน่ใจ
“คิดว่าใช่นะคะ โลกคงกลมจริงๆ” มีนาเกือบหลุดหัวเราะออกมา ใครจะไปคิดว่าเธอจะได้เจอเขาอีก
“รู้จักคุณภูบดีมาก่อนหรือมีน” วรการถาม
มีนาคิดก่อนตอบ “เคยเจอ แต่จริงๆ แล้วไม่รู้จักค่ะ”
ภูบดีเห็นด้วยในคำตอบนั้น วรการแนะนำมีนากับภูบดี ก่อนจะให้มีนานำเสนองานที่ลูกค้าบรีฟงานผ่านเขาโดยตรง
มีนานำเสนอแบบล็อบนี้ของเธอที่ทำมาทั้งหมด 2 แบบ เพื่อที่ภูบดีจะสามารถเลือกหรือมีส่วนงานที่ตรงใจของเขา หากต้องแก้งานเธอจะได้จับทางได้ถูกมากขึ้นว่าเขาต้องการอะไร
ภูบดีเป็นนักฟังที่ดี เขารอให้มีนานำเสนองานครบทั้งหมดก่อนจึงถามในส่วนของงานที่เขาสงสัยหรือตรงไหนที่เขาชอบในไอเดีย
“สรุปว่าคุณภูบดีชอบงานทั้งสองแบบ แต่หากดูจากความเหมาะสมและความชอบส่วนตัว คุณภูบดีเลือกแบบที่ 2 แต่ขอแก้ไขเล็กน้อยในส่วนของตำแหน่งและสีขอให้เข้มขึ้น ซึ่งส่วนนี้ผมจะให้มีนส่งเฉดสีมาให้ทางคุณภูบดีเลือกนะครับ หลังจากนั้นในสัปดาห์หน้า ผมจะโทรมานัดวันกับคุณภูบดีว่าสะดวกวันไหน” วรการวางแผนคร่าวๆ ยังไม่กำหนดวันที่แน่นอน เขายังไม่อยากกดดันมีนามากนัก
“ตามนั้นครับคุณวรการ”
ภูบดีไม่ติดขัดอะไร การที่วรการติดต่อขอนำเสนองานเร็วกว่าที่นัดไว้หนึ่งสัปดาห์ ทำให้งานของเขาไม่ได้ล่าช้าเลยหากต้องรอการแก้ไขอีกสักนิด
“คุณวรการบอกว่าปกติแล้วคุณมีนาถนัดออกแบบห้องพัก นี่เป็นงานออกแบบล็อบบี้แรกของคุณมีนาใช่ไหมครับ”
มีนาหันไปมองวรการที่พยักหน้าว่าเขาเป็นคนบอกภูบดี “ใช่ค่ะ คุณภูบดีมีอะไรจะแนะนำเพิ่มไหมคะ”
ภูบดียิ้มชอบใจ การทำงานหากไม่ใช่คนน้ำเต็มแก้วย่อมง่ายต่อการพูดคุยเพื่อให้ได้สิ่งที่พอใจที่สุด “สำหรับงานนี้ถือว่าดีมากแล้วครับ คุณวรการโชคดีมากที่ได้สมาชิกใหม่ฝีมือดีเข้ามาเพิ่มในทีม”
“ผมเห็นด้วยครับ”
มีนายิ้มเขินๆ ไม่คิดว่าจะถูกชมจากทั้งลูกค้าและเจ้านาย
“ขอบคุณนะคะ”
การนำเสนองานจบลงด้วยดีไม่มีความเครียดอย่างที่รุ่นพี่นักออกแบบภายในเคยเจอกันในสายงานนี้ บางทีออกแบบมาดีแล้ว แต่ซินแสบอกว่าไม่ดี ผิดหลักฮวงจุ้ย สีไม่ถูกโฉลก ห้ามใช้สีที่ซินแสห้าม ต้องทุบตรงนั้นออก ต้องเพิ่มบางอย่างเข้าไปซึ่งไม่เข้ากับแบบดั้งเดิม เป็นต้น ถ้าเจอแบบนี้ความปวดหัวจะตามมาทันที
มีนาจะคิดว่านี่เป็นการเริ่มต้นที่ดี ช่างเป็นโชคดีของเธอที่ลูกค้าเป็นภูบดี เขาดูเป็นคนมีน้ำใจ มีอารมณ์ขันและเป็นผู้ฟังที่ดี อีกทั้งยังเป็นเจ้าของโรงแรมที่ดีอีกด้วยเพราะเดินมาส่งวรการกับมีนาถึงที่รถ มีนาเลยต้องทำมึนไม่พูดถึงที่เธอเคยบอกว่า...หากเจอกันอีกครั้งจะเลี้ยงข้าว ซึ่งเธอคงได้เลี้ยงข้าวเขาสักวันนั่นแหละเพราะอย่างไรก็เป็นลูกค้าของบริษัท แต่วันนี้อย่าเพิ่งทำตามสัญญาจะดีกว่า ซึ่งโชคดีมากเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องวันนั้นเลย
ภูบดีหัวเราะกับตัวเองยามที่เดินกลับมายังห้องทำงาน ใครจะไปคิดว่าโลกจะกลมปานนี้ วันนั้นเขาและเธอไม่มีใครคิดด้วยซ้ำว่าจะได้มาพบกันอีก เอาไว้เจอกันคราวหน้าเขาจะทวงสัญญา
ภูบดีก็น่ารักดีเหมือนกันนะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 327
แสดงความคิดเห็น