ตอนที่23:ความเข้าใจผิด
“ โอ้ดีเลย ถ้างั้นบ้านเจ้าไปอยู่ที่ไหนกัน นำทางพวกข้าไปหน่อยสิ "
“ ไปตายซะไอ้เวร! แกต้องการจะทำอะไรน้องชายข้าอีก! ”
ชายหนุ่มขัดขืนอย่างสิ้นหวัง แต่เขาก็ไม่สามารถหลุดจากอ้อมแขนทรงพลังของซีคได้ ตัวชายหนุ่มพยายามจะชกหน้าซีคให้โดนเท่าที่ตัวเองขยับถึงแต่ก็ถูกซีคหลบหรือใช้มืออีกข้างบล็อคอย่างง่ายดาย
การกลั่นแกล้งนี้ดำเนินไปสักพักสุดท้ายชายหนุ่มก็หมดแรงหายใจหอบ ลูเบลล่าที่เห็นจึงออกตัวพูดโดยที่เธอยังคุกเข่าอยู่บนพื้น
“ ได้โปรดฟังพวกเราก่อนได้ไหม พวกเราไม่ได้มีเจตนาทำร้ายใครค่ะ ฉันอยากช่วยรักษาเขาพร้อมหยุดเหตุการณ์เลวร้ายที่กำลังเกิดขึ้นด้วยความตั้งใจ ”
“ แล้วจะให้ข้า เชื่อพวกเจ้าได้ยังไง ”
ทั้งเมืองตอนนี้พูดถึงแต่เรื่องของซีคและแม่มดลูเบลล่า ยิ่งเหตุการณ์ตอนที่เขาได้เจอทั้งสองครั้งแรกจึงทำให้เขาไม่อยากฟังคำพูดของลูเบลล่า
ซีคพูดเสริม “ ก็เข้าใจหรอกนะทำไมถึงสงสัยคำพูดยัยนี่ แต่แกช่วยมองข้อเท็จจริงหน่อยเป็นไง ” “น้องชายแกอยู่จุดที่ให้รอตัวเลือกมากรึไง ถ้าข้าพูดไม่ผิดละนะ ไม่มีอาการบาดเจ็บ ไม่ได้ถูกทำร้ายแต่กำลังอ่อนแอลงจนเข้าใกล้ความตาย ”
รูม่านตาของชายหนุ่มสั่นสะท้าน
“ ไม่ว่าเขาจะกินมากแค่ไหนน้ำหนักก็ลดและเดินลำบาก ท้ายที่สุดทำได้แค่นอนบนเตียงเท่านั้น “” ซึ่งมันใช่เวลาไม่นานหรอกก่อนจะตายไป "
“…”
ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่กำปั้นที่แน่นของเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าคำพูดของซีคนั้นถูกต้องแล้ว
“ จะบอกให้ถ้าแกยังอวดดีไม่นำทางเราไปน้องชายแกไม่รอดแน่ ต่อให้แกจะพยายามยื้อชีวิตเขาเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น “ ” ในความสิ้นหวังนี้แกยังมองไม่เห็นหนทางที่ควรเลือกงั้นหรือ นำทางพวกข้าไปแล้วจะรักษาให้ ตอบมาซะ! ”
คำพูดของซีคไม่ต่างกับการล่อลวงของปีศาจ ชายหนุ่มเหมือนกดดันหนักจนกัดริมฝีปาก
* * *
ชายหนุ่มนำทางซีคและลูเบลล่าเดินไปที่บ้านหลังหนึ่งในสลัม มันเป็นแบบเดียวกับสภาพโดยรอบ ที่เสื่อมโทรมปะปนไปกับกลิ่นเหม็น
“ คงเป็นเขาสินะค่ะ”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังนอนบนเตียงที่ทำจากกองฟางเก่าๆและเสื่อฟางราคาถูกปกคลุมตัว ผิวไม่ได้ซีดหรือหมอง การหายใจดูปกติ ลักษณะไม่ได้ดูเหมือนคนป่วยใดใด ที่ผิดปกติแค่ร่างกายที่ผอมแห้งมากเหมือนมัมมี่ต่อให้เทียบกับคนขาดสารอาหารในสลัมตัวเด็กหนุ่มคนนี่ดูอาการรุนแรงกว่ามาก
“ ครับ..ท่านหญิง ”
ทิมมี่ตอบคำถามของลูเบลล่า ถึงเขาจะยังระมัดระวังในตัวทั้งสอง แต่ในตอนนี้มันคือความหวังเดียวเพื่อน้องชาย น้ำเสียงและคำพูดจึงพยายามรักษาความสุภาพเรียบร้อย
ลูเบลล่าตรงไปหาเด็กชายพร้อมวางมือบนอกโดยไม่มีความลังเล ทิมมี่สะดุ้งแต่ไม่ได้หยุดเธอ
“ อาการเขาเป็นยังไง ”
“ ไม่ผิดแน่เหมือนที่พวกเราคิดไว้ ” ลูเบลล่าดึงมือออกจากเด็กชายแล้วตอบซีค
“ฉันแทบไม่รู้สึกถึงพลังชีวิตของเด็กคนนี่เลย มีพลังสกปรกของเบลลูเข้ามาปกคลุม เขากลายเป็นผู้เสียสละ "
" เสียสละ?! หมายความว่าไงครับ..น้องชายข้า ”
ทิมมี่ที่ยังไม่ค่อยเข้าใจแล้วเดินเข้ามาจับต้นแขนลูเบลล่าเพื่อให้เธอบอกกับเขา แต่เธอลังเลที่จะต้องเล่าปัญหาในตอนนี้ให้เขาฟัง ซีคจึงเป็นคนที่จะบอกทิมมี่แทน
“ ข้าจะบอกให้ฟังโดยคร่าวๆนะ มีพวกหนึ่งที่กำลังแพร่กระจายคำสาปกับทั้งเมืองโดยโยนความผิดให้พวกข้ากลายเป็นต้นเหตุ เจ้าคงเคยได้ยินชื่อพวกเบลลิดอยู่ใช่ไหม ”" ตอนนี้พวกมันดึงพลังชีวิตน้องชายแกและคนอื่นเป็นพลังงานให้กับพิธีกรรม ตอนนี้พวกมันยังไม่ดึงพลังไปจนถึงตายหรอก แต่บอกได้เลยว่าจะเกิดขึ้นตอนไหนก็เป็นไปได้ทั้งนั้น "
เหตุการณ์ใหญ่และความน่ากลัวถูกเปิดเผยให้เขาฟัง แต่ความคิดทิมมี่ไม่ได้อยู่ที่เรื่องนี้เลย
“ จะ-จะเป็นยังไงต่อ น้องชายข้าจะมีทางดีขึ้นไหม ”
" ใช่ แน่นอน "
ลูเบลล่าที่ตอนนี้ก้มหน้าอยู่ร้องถามออกมาด้วยความตื่นตัว " จริงเหรอ! นายมีวิธีให้เขาดีขึ้นได้แล้วงั้นหรอ” ในใจเธออยากรักษาเด็กคนนี้ในทันที กลายเป็นว่าแม้แต่เธอก็ไม่รู้วิธีรักษาคนที่ถูกพรากพลังชีวิตไปจนเข้าใกล้ความตายขนาดนี้
“ ใช่ มีแน่นอน”
“ ย-ยังไง…? ” ทิมมี่ถามซีคอย่างอ้อนวอน ราวกับตอนนี้เขาละทิ้งความหวาดระแวงทั้งสองไปแล้ว
“ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน พลังชีวิตถูกดึงไปที่ไหนก็ต้องเอาคืนจากที่นั่น เป็นวิธีการที่ได้ผลที่สุดแล้ว ”
เสียงของซีคเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะยิงคำถามเพิ่ม
“ เพราะงั้นเวลานี้ต้องรู้ก่อนว่า..ได้รับผลของพิธีกรรมตอนไหน มีอะไรที่นึกอะไรออก เขาไปที่ไหนหรือพบเจอใครก่อนที่จะล้มลง ”
“ มีหนึ่งคนครับ ต้องเป็นมันแน่! ”
ทิมมี่ดูมั่นใจ ทั้งซีคและลูเบลล่าต่างคาดหวังในคำตอบ
“ ดีมากเพื่อนรัก เจ้ากำลังเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของเด็กคนนี่ ที่ไหนและใครบอกพวกข้ามา ”
“ ไอ้สารเลวนั่น ซูเดะ ”
" ใครนะ? "
“ ไอ้สารเลวซูเดะ ท่านจำได้ไหมชายที่ท่านช่วยพวกเราทุบตีเขา ไอ้เวรนั่นแหละ! "
“ เป็นไปได้ยังไง? ” ลูเบลล่าเผลอพูดขึ้นโดยไม่ตั้งใจตอนฟังซีคและทิมมี่พูดกัน
ทิมมี่มองไปที่ลูเบลล่า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ ลูเบลล่าตกใจเธอสับสนกับคำตอบและอารมณ์ของทิมมี่
“ ไอ้พ่อค้าคนนั้นแหละ ที่ท่านช่วยชีวิตมัน! ” ทิ่มมี่พูดออกมาด้วยความเสียงดัง
ซีครีบมาอุดปากทิมมี่อย่างรวดเร็ว ความวุ่นวายเสียงดังไม่ดีกับซีคและลูเบลล่าที่ต้องซ่อนตัว โชคดีที่ทิมมี่ไม่ได้อยากตะโกนอะไรออกมาอีก ถึงจะถูกปิดปากไว้แต่สายตาทิมมี่ยังจ้องตรงไปที่ลูเบลล่า
“ เฮ้ไอ้สหาย ช่วยใจเย็นก่อนพวกเราต้องเคลื่อนไหวโดยไม่สะดุดตาจำไว้ เรื่องนี้เกี่ยวพันกับชีวิตน้องชายนาย ระมัดระวังหน่อย ”
ทิมมี่พยักหน้าและซีคก็เอามือออกจากปากชายหนุ่ม
“ เล่าให้พวกเราฟังมากกว่านี้ เรื่องนี้สำคัญยิ่งรายละเอียดชัดเจนแค่ไหนโอกาสรอดของเด็กคนนี้ก็มากขึ้นเท่านั้น ”
“…มันเกิดขึ้นเมื่อสิบวันหรือน้อยกว่านั้น ข้ากลับมาจากทำงานหาเงิน ข้าไม่เหมือนพวกท่านการหยุดพักผ่อนสักวันอาจทำให้เราอดตายได้ แม้น้องชายข้าจะไม่สบายข้ายังไม่สามารถอยู่ดูแลเขาได้เลย"
ทิมมี่ยกมือมาลูบหน้าผากน้องชายเขา อาจจะเพราะเด็กชายสัมผัสถึงมืออันคุ้นเคย ใบหน้าของเขายิ้มขึ้นเล็กน้อยหลังจากพลิกตัวไปมา ที่จริงควรเป็นฉากประทับใจแต่ร่างกายเด็กหนุ่มบนเตียงฟางดูย้ำแย่จนคนที่เห็นเจ็บปวดแทน
“ วันนั้นข้ากลับมาช้ากว่าวันอื่น เพราะมีงานให้ค่าตอบแทนสูง ”
ทิ่มมี่กลับมาที่บ้านพร้อมกระสอบที่เต็มกว่าปกติ แต่ความยินดีและเต็มอิ่มก็อยู่ได้ไม่นาน
“ ตอนข้ากลับมาถึงเด็กน้อยคนนี่ก็ไม่อยู่ ที่ผ่านมาเขาจะรอข้ากลับถึงบ้านไม่เคยไปไหน เพราะข้าสอนเขาเสมอว่าเมื่อเริ่มมืดนอกบ้านมันอันตราย ”
แน่นอนว่าเมื่อไม่เห็นน้องชายที่แรกที่เขาตามหาคือเขตสลัม มันเป็นพื้นที่คำว่ากฎหมายและระเบียบเป็นเรื่องตลก ความกังวลหลายอย่างเกิดขึ้นในหัว แต่เขาไม่มีทางยอมแพ้เด็กคนนี่เป็นคนเดียวในครอบครัวที่เขาเหลือ
“ ข้าเดินตระเวณไปทั่วสลัมนานจนเจอเขาตรงพื้นที่โล่ง บริเวณนั้นไกลจากถนน ”
แต่ว่าที่เขาเจอไม่ใช่มีแค่น้องชายเขา ยังมีชายอีกคนสวมหน้ากาก “ น้องชายของข้านอนอยู่บนพื้น ไอ้ห่านั้นหมอบอยู่เหนือตัวเขา ”
ชายสวมหน้ากากเอาบางอย่างมาติดที่แขนเด็กชาย ทิมมี่ยังจำภาพได้ชัดเจนเขาเห็นมันถือมีดที่ดูเยือกเย็นส่องประกายใต้แสงจันทร์
“ ข้าไม่มีเวลาให้คิดด้วยซ้ำ รีบพุ่งเข้าไปหามันแล้วร้องตวาดใส่ให้มันตกใจ ถึงมันจะผงะแล้วเตรียมจะตั้งรับแต่ข้าเร็วกว่าก่อนจะซัดกับมันหลายหมัด ”
การต่อสู้ได้ดำเนินต่อไปถึงทิมมี่จะต่อสู้เก่งกว่าแต่ก็ต้องคอยระวังอาวุธในมือศัตรู—ยืดเยื้อสักพักชายคนนั้นก็หลบหนีไปได้ “ แต่ว่าข้าถอดหน้ากากมันได้สำเร็จและจำมันได้ชัดเจน ”
“ เพราะต้องหาเงินอยู่ตลอด แม้ต้องขอทานข้าก็ยอมทำจึงเคยไปแถวเขตการค้าหลายครั้ง ข้าจดจำไอ้สารเลวนั้นได้เป็นมันไม่ผิดแน่”
“ ผู้ชายสวมหน้ากากคนนั้นคือซูเดะสินะ ” ซีคพูดขึ้น
ทิมมี่เวลานั้นห่วงแต่อาการน้องชายตัวเองเลยไม่มีเวลาไล่ตามซูเดะไป เขาตรวจดูตรงแขนที่น่าจะถูกซูเดะกรีด แต่มันก็แปลก
“ มันไม่มีรอยแผลตรงที่น่าจะถูกกรีด ไม่มีรอยถลอกเลยด้วยซ้ำ ไม่นานเด็กคนนี่ก็ได้สติเลยโล่งใจ ตอนนั้นคิดแค่ว่ามันต้องการลักพาตัวเพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ง่ายในสลัม "
" ที่นึกออกได้ก็หลังจากตอนนั้นแหละที่น้องชายข้าไม่มีเรี่ยวแรงหมดสติจนเริ่มมีอาการแบบที่เห็น ”
ทิมมี่มองน้องชายเขาด้วยสายตาสงสารและเป็นห่วงมาก
“ แม้ข้าจะนำอาหารให้เขากินแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์ จนข้าแทบบ้า! เขาไม่ได้ป่วยแต่อ่อนแอลงเรื่อยๆเหมือนที่พวกท่านพูดราวกับว่าพลังชีวิตเขาค่อยๆถูกดึงไป ”
จากนั้นเขาก็นึกถึงเหตุการณ์คืนนั้น
“ กริชที่ไม่ทิ้งรอยแผล ข้าสังหรณ์ใจว่ามันต้องมีอะไรมากกว่าที่ข้ารู้ เพราะเป็นเหตุการณ์ผิดปกติเดียวที่เกิดขึ้น "
แน่นอนอยู่แล้วว่าทิมมี่ต้องตรงไปหาซูเดะ เขารู้อยู่แล้วว่าหาตัวได้ที่ไหน แต่ก็ลงมือไม่ได้มากทางการไม่ให้ความสำคัญกับตัวตนน่ารังเกียจแบบพวกเขาเลย เพราะถึงซูเดะจะไม่ใช่คนมีฐานะแต่ก็ยังมีตัวคนขึ้นทะเบียนในสังคม
“ แต่ข้าทนอยู่เฉยๆไม่ได้เมื่อนึกถึงเด็กคนนี่ จึงเลือกทางแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง…แม้มันจะเสี่ยง ”
“ ทำให้พวกเราได้เจอกันตอนนั้นสินะ ”
“ ใช่ครับ ตอนนั้นข้าวางแผนจะเอากริชเล่มนั้นมาให้ได้ก่อน เพื่อต่อรองแลกวิธีการมารักษาเด็กคนนี่ต่อให้ไอ้ห่านัั่นไม่ยอมพูดแต่ถ้ามีหลักฐานไปแจ้งอาจจะทำให้เรื่องน่าเชื่อถือมากขึ้น ”
ทิมมี่หยุดพูดไปช่วงหนึ่งแล้วจ้องไปทางลูเบลล่าอีกครั้ง
“ แต่มันก็ถูกทำลายด้วยคนดีมีคุณธรรมไปหมดสิ้น ”
" ฉันขอโทษ มันเป็นฉันเข้าใจผิด…"
“ เข้าใจผิด? ”
เสียงของทิมมี่นั้นแหลมสูงขึ้น
“ ทำไมละ? เพราะเราเป็นฝ่ายเดียวที่ทุบตีเขา เพราะเราเป็นคนในเขตสลัม หรือเพราะพวกเราถูกสังคมตราหน้าว่าอันธพาลตามชาติกำเนิด ในสายตาคุณผู้หญิงเราคือคนแข็งกร้าวและชายคนนั้นอ่อนแอ "
" เลยตัดสินว่าเราต้องทำผิดใช่มั้ย! ” เสียงของทิมมี่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
“ บอกว่าเข้าใจผิดๆๆ แล้วน้องชายของข้าละ…! ”
ซีคตบไหล่ของทิมมี่
“ พวกข้าเข้าใจแล้วสหาย "
“ ดุด่าเธอเท่านี้ก็พอ ที่เจ้ากล่าวมาไม่ผิด ยัยยี่เติบโตมาในโลกที่สวยงามถูกปกป้องมาตลอดเธอยังขาดประสบการณ์ภายนอก ”
" เธอรู้ตัวแล้วและกำลังพยายามแก้ไข ตอนนี้เธอก็เผชิญหน้ากับพวกมัน ถึงมันจะยากแต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ "
ทิมมี่ระงับความโกรธของเขาได้แล้ว
ลูเบลล่าตอบอะไรกลับไม่ได้เลยเพราะเธอรู้สึกผิดจริงๆ คำพูดที่เปิดเผยของทิมมี่มันเสียดแทงเข้าใจเธอ
* * *
ซีคและลูเบลล่ากำลังเดินออกนอกบ้านของทิมมี่ พร้อมเบาะแสที่ชี้ทางไปหาซูเดะ
ทิมมี่เมื่อเห็นพวกเขาเดินกำลังจะพ้นประตูพูดขึ้น “ ได้โปรดนะครับ ช่วยรักษาชีวิตของน้องชายข้า ”
ราวกับว่าอารมณ์เขาเย็นลงแล้ว ทิมมี่ก็พูดอย่างสุภาพอีกครั้ง
“ ค่ะ แม้ต้องสาบานด้วยชีวิตเราก็จะทำให้สำเร็จ ”
ลูเบลล่าที่รู้สึกผิดและอยากแก้ไขมันเพื่อทิมมี่ เธอยิ่งมุ่งมั่นมากกว่าเดิม
ทิมมี่โค้งหัวทางพวกเขาและทั้งสองก็พยักหน้ารับ
“ เฮ้สหาย ขอบคุณที่ร่วมมือ อย่าสติแตกมากไปน้องชายนายจะดีขึ้นในไม่่ช้า ”
“ ครับ ขอให้ท่านทำมันสำเร็จได้โปรด ”
“ แน่นอน แต่ข้าอยากรู้อยู่เรื่องหนึ่งทำไมดูเจ้าไม่ได้โกรธเคืองข้าเลย ข้าก็ทำผิดต่อเจ้าเช่นกันมันเพราะอะไร ”
ในตรอกนั้นตอนลูเบลล่าปรากฏตัวซีคก็ไม่ได้สนใจทิมมี่เลย จะพูดว่าเขาไม่ต่างกับทรยศความหวังทิมมี่เหมือนกัน แต่ทิมมี่ก็ไม่ได้มองเขาอย่างแค้นๆ เหมือนทิมมี่มองซีคและลูเบลล่าต่างกันชัดเจนมาก
“ เอ่อ คำถามนั้นคงเพราะว่า ” ทิมมี่ลังเลเล็กน้อยพูดอย่างเกร็งๆว่า “ ผู้คนทั้งหมดที่ข้าร้องขอยกเว้นเพื่อนๆข้า…ก็มีแค่ท่านที่ยื่นมือเข้าช่วยโดยไม่ถามเหตุผล ตัวตนอย่างพวกข้าที่แม้แต่พ่อแม่ก็ทิ้งไป คงเป็นเหตุผลนี่แหละครับ ”
เพราะเรื่องนี้? ใบหน้าของซีคนิ่งแข็งค้างไป
“ ข้าพูดอะไรผิดไปครับ ”
“ ไม่ มันไม่มีอะไร ”
ทิมมี่มองอย่างงุนงงแต่ซีคก็ไม่พูดอะไรเพิ่ม ทิมมี่จึงไม่ถามเรื่องนี่ต่อ
“ แล้วเรืื่องที่พวกท่านลงมือกับท่านเจ้าเมืองและรองเจ้าเมือง มันเกิดขึ้นจริงหรอครับ หรือมันเกี่ยวกับคำสาปครั้งใหญ่นี้กัน ”
ถึงที่ผ่านมาเขาจะสนใจแค่เรื่องน้องชายเท่านั้น แต่เมื่อเขาใจเย็นลงก็มีเวลาคิดถึงปัญหานี่ ที่ทิ่มมี่ถามก็แปลกๆตรงที่เรียกเจ้าเมืองว่าท่านแต่รองเจ้าเมืองเขาไม่เติมคำนี่ แต่ซีคก็ตอบแค่ว่า
“ ถ้าเจ้ารู้มากไปมันก็เพิ่มความอันตรายให้ตัวเอง ไม่รู้นั่นแหละดีแล้ว ”
“ งั้นบอกข้าแค่เรื่องเจ้าเมืองก็ได้ครับ เขาตายแล้วหรือ มีชิวิตอยู่ ”
" เขาตายแล้ว "
ซีคคิดว่าเรื่องนี่บอกทิมมี่ไปก็ดี แต่ลูเบลล่าสงสัยว่าทำไมทิมมี่ถึงให้ความสนใจแค่เจ้าเมือง อาจจะเพราะรู้สึกดีก็ได้ที่เจ้าเมืองตายไปเพราะความเลวทรามที่เขาทำ
อย่างไรก็ตาม การตอบสนองของทิมมี่นั้นคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
“ น่าเสียดายครับ เขาเป็นคนดี ”
“ เป็นไปได้ไงค่ะ ” ลูเบลล่าตกใจในข้อมูลเรื่องนี่ “ คนดี? เจ้าเมืองปอร์ติ? "
“ ใช่ครับ เขาเป็นคนดีเกินไป ข้ายังไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาเติบโตมาจากเมืองแห่งความโลภเช่นนี้ "
“แต่ข่าวลือเกี่ยวกับเขาไม่ค่อยดีนั้นละ…”
ทิมมี่ทำหน้าบึ้ง
“ พวกท่านฟังจากพวกพ่อค้าหรือคนที่มีอันจะกินสินะครับ พวกนั้นไม่ชอบตัวท่านเจ้าเมืองเลย เขาพยายามเอาภาษีเมืองช่วยคนไร้ค่าคนยากไร้ ทำให้พ่อค้าและคนมีอำนาจหลายคนไม่พอใจ ”
“ เสียก็ตรงที่คำพูดพวกชั่วนั้นมีน้ำหนักมากภายในเมือง ข่าวต่างๆมากมายของท่านเจ้าเมืองจึงกลายเป็นเลวทรามไป ”
“ แต่ที่ฉันเห็นการใช้ชีวิตของเขาฟุ่มเฟือยสิ้นเปลืองมากเลยนะ คฤหาสน์ที่โหญ่โตหรูหรา เป็นไปได้ไงกันที่เขาเป็น-เขาดูโลภมาก ”
“ ท่านเข้าใจผิดอีกแล้ว ” ทิมมี่สบถออกมาด้วยความหงุดหงิด ลูเบลล่าปิดปากเธออย่างสับสน จิตใจเธอเหมือนต้นไม้ใกล้ตายพยายามทำลำต้นให้ตรง
“ เขาดูฟุ่มเฟือย คฤหาสน์หลังใหญ่แล้วสิ้นเปลืองงั้นหรอ ท่านเจ้าเมืองเขาทำมาทั้งหมดโดยไม่ใช่ตำแหน่งสักหน่อยตัวเขาหนะด้านการค้าขายเขาก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก มีคนมากมายที่ไม่เห็นเขาเป็นศัตรู แต่ทุกอย่างเขาใช้เงินตัวเองเป็นสิทธิ์ของเขา ”
“ ท่านเจ้าเมืองบริจาคเงินมาโดยตลอด พ่อค้าทั้งหมดภายในเมืองมีแค่ท่านคนเดียวที่ใช้เงินและห่วงใยคนจนแบบพวกเรา นิสัยคนๆหนึ่งมันเกี่ยวอะไรกับรูปลักษณ์ถึงบอกว่าท่านดูโลภ ”
“…”
ลูเบลล่าไม่สามารถพูดอะไรเพื่อตอบกลับ
.
.
.
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 349
แสดงความคิดเห็น