บทนำ (รีไรต์ครั้งที่ 2)
บทนำ
กรี๊ง!
เสียงออดเลิกเรียนแผดกังวานไปทั่วบริเวณส่งผลให้บรรดาเด็กๆ ต่างพากันรีบเร่งเก็บสำภาระต่างๆ เข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็ว เสียงร้องตะโกนหยอกล้อกันดังเซ็งแซ่สับสนปนไปกับเสียงเลื่อนโต๊ะก้าวอี้ที่ดังมาพร้อมกับเด็กหญิงชายในเครื่องแบบนักเรียนหลายสิบคนเดินออกมาจากตัวอาคารที่ตั้งอยู่ในบริเวณต่างๆ ของโรงเรียนเอกชนมีชื่อแห่งนี้
หน้าอาคารชั้นมัธยมปีที่หก เด็กวัยรุ่นหลายกลุ่มบ้างนั่งบ้างยืนแยกย้ายสนทนากันด้วยความสนุกสนานเฮฮา ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาททางสังคมทำให้มีวัยรุ่นจำนวนไม่น้อย ปลีกตัวออกจากความวุ่นวายหลบมุมมานั่งเล่นสมาร์ทโฟนอยู่สวนหย่อมข้างอาคารที่ให้ความเงียบสงบกว่าช่วงหน้าอาคารเป็นไหนๆ
วินวางสมาร์ทโฟนคู่ใจไว้บนม้าหินอ่อนพลางถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย สายตาของเด็กหนุ่มทอดมองออกไปยังสวนหย่อมขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กเบื้องหน้า รอบๆ ตัววินยังมีเด็กจับจองพื้นที่นั่งรอรถรับส่งหรือผู้ปกครองอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย วินเห็นพวกที่บ้านอยู่ไกลต้องเดินทางเข้ามาเรียนในตัวจังหวัดแล้วอดนับถือไม่ได้ เพราะขนาดตัวเขาเองมีที่พักอาสัยอยู่ในเมืองแท้ๆ ยังรู้สึกเพลียแทบขาดใจ ยิ่งเป็นช่วงใกล้สอบอย่างปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ได้ชื่อว่าเป็นเดือนแห่งความรักแล้วด้วย งานที่บรรดาอาจารย์แต่ละท่านสั่งให้ทำคงเยอะอย่างไม่ต้องสงสัย
“เค้าขอนั่งด้วยคนได้หรือเปล่า?”
เสียงแผ่วหวานที่ดังขึ้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวปลุกให้วินออกจากพวังได้ไม่ยาก เด็กหนุ่มหันมองตามเสียงที่ได้ยินก็พบกับเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขายืนยิ้มเอียงอายอยู่ข้างๆ
เธอมีดวงหน้ารูปไข่ปากนิดจำหมูกหน่อยส่งให้เธอแลดูน่ารัก ร่างเล็กๆ บอบบางในเสื้อนักเรียนสีขาวทำให้เธอน่าทะนุถนอมมากยิ่งขึ้น วินพยักหน้าเป็นเชิงอนุยาต เด็กสาวจึงนั่งลงพลางวางกระเป๋าที่ถือมาด้วยเอาไว้ข้างๆ
“นายชื่ออะไรเหรอ?” เด็กสาวเอ่ยถามพลางส่งยิ้มให้
รอยยิ้มของเธอทำให้วินเกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นในจิตใจ เขาไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมเมื่อเขาเห็นรอยยิ้มของผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้า มันทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจของเขาเร็วขึ้นแบบนี้
“ผมชื่อวินครับ...แล้วคุณละ ชื่ออะไร?” วินเอ่ยตอบและถามกลับอย่างสุภาพ
“เค้าชื่อมายด์ แล้วก็ ไม่ต้องพูดสุภาพกับเค้าแบบนี้ก็ได้ เรียกเค้ามายด์ดีกว่า ไม่ต้องใช้คำว่าคุณหรอก มันเหมือนเป็นผู้ใหญ่คุยกันยังไงก็ไม่รู้” มายด์เอ่ยบอก
เสียงหวานใสที่ตอบมาทำให้เด็กหนุ่มอดยิ้มไม่ได้ “แล้วมายด์อยู่มออะไรเหรอ?” เด็กหนุ่มถาม
“เค้าก็อยู่มอหกเหมือนวินนั่นแหละ”
คำกล่าวของคนตัวเล็กทำให้วินสงสัย “อ้าว...มายด์รู้ด้วยเหรอว่าเราอยู่มอหก รู้ได้ไงเนี่ย?”
เด็กสาวหัวเราะเบาๆ “ก็มายด์เห็นวินเดิมลงมาจากอาคารมอหกบ่อยๆ นี่นา เพียงแค่มายด์ไม่ได้ทักเท่านั้นเอง เพราะพี่ชายของมายด์มารับเร็ว กว่าวินจะลงมาพี่ของมายด์ก็พามายด์ขึ้นรถแล่ว”
“อ้าว...แล้วทำไมวันนี้มายด์ถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ มายด์ไม่กลัวพี่ของมายด์หาไม่เจอเหรอ?” วินถาม
เด็กสาวส่ายหน้า “วันนี้พี่มายด์ติดธุระน่ะ กว่าจะมาก็คงเกือบหกโมงเย็นโน่นมั้ง”
ในทีแรกเด็กหนุ่มคิดว่าอีกไม่นานเขาก็จะกลับบ้านแล้ว แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของมายด์ วินจึงตัดสินใจนั่งอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าเธอจะกลับ เพราะหากเขาปล่อยให้เธอนั่งอยู่นี่คนเดียว มันคงไม่ดีสักเท่าไหร่ แค่ช่วงสี่โมงเย็นกว่าๆ ในโรงเรียนก็แทบจะไม่มีใครแล้ว นี่เธอต้องรอจนถึงหกโมงหากไม่มีคนอยู่เป็นเพื่อนเลย เธออาจจะได้รับอันตรายได้
วินไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า เหตุใดเขาต้องเป็นห่วงเด็กสาวตรงหน้า หากแต่ความรู้สึกบางอย่างก็ทำให้เขานั่งรอเป็นเพื่อน จนกว่าพี่ของเธอจะมารับ
“กลับมาแล้วครับ” เสียงเด็กหนุ่มดังขึ้นพร้อมกับถอดรองท้าวนักเรียนวางไว้บนชั้นข้างประตู เมื่อวินเดินเข้ามาในตัวบ้านก็พบกับผู้เป็นบิดากำลังนั่งดูทีวีอยู่เด็กหนุ่งจึงรีบยกมือขึ้นไหว้
“สวัสดีครับพ่อ”
“อืม...สวัสดีลูก ว่าแต่วันนี้ทำไมกลับช้านักล่ะ?” ชายวัยกลางคนเอ่ยถามลูกชาย นพพลเชื่อใจลูกชายของเขาอยู่แล้วว่าจะไม่ไปก่อเรื่องหรือทำความเดือดร้อนที่ไหน แต่เพราะความเป็นห่วง เขาจึงถามไปงั้นเอง
“พอดีผู้ปกครองของเพื่อนวินมารับช้าน่ะครับ วินเลยอาสาอยู่รอเป็นเพื่อน” เด็กหนุ่งบอกออกไปตามตรง “ว่าแต่แม่ทำอะไรกินครับเนี่ย หอมจังเลย” วินอุทานแล้วนำกระเป๋าไปวางไว้บนโต๊ะข้างหน้าต่าง
นพพลยิ้ม “เอ...เห็นแม่บอกว่า จะทำต้มยำกุ้งของโปรดวินด้วยนี่”
“จริงเหรอครับพ่อ?” วินร้องขึ้นด้วยความดีใจก่อนจะออกวิ่งไปทางห้องครัว
ภาพที่เด็กหนุ่มวิ่งเข้ามาในห้องครัวเรียกรอยยิ้มจากชวนชมได้เป็นอย่างดี “อ้าว...วินกลับมาสักทีนะเราน่ะ วันนี้ทำไมถึงได้กลับช้าแบบนี้ล่ะลูก “
วินทำหน้าทะเล้น “อ๊ะ...แม่ถามเหมือนพ่อเป๊ะเลย ใจตรงกันนะเนี่ย...โอ้ย!”
ชวนชมเขกมะเหงกเด็กหนุ่มไปหนึ่งที “นี่แน่ะ ล้อแม่ ว่าแต่ทำไมถึงกลับมาช้า หืม”
วินลูบหน้าผากป้อยๆ “โธ่...แม่ ผมเจ็บนะเนี่ย” เด็กหนุ่มโอดครวน แต่เมื่อเห็นผู้เป็นมารดาชูกำปั้นขึ้นอีกครั้งจึงเอ่ยตอบแต่โดยดี “ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่ผู้ปกครองของเพื่อนวินมารับช้า วินก็เลยอยู่เป็นเพื่อนเธอก็เท่านั้นเอง”
“เอ้ะ...เมื่อกี้วินบอกว่าเธอเหรอจ๊ะ แสดงว่า เป็นเพื่อนผู้หญิงละสิ ฮั่นแม่ แอบมีแฟนไม่รู้จักบอกแม่นะเราน่ะ” ผู้เป็นมารดาเอ่ยเย้ายิ้มๆ
แก้มของเด็กหนุ่มมีสีเข้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะรีบเอ่ยแก้เป็นการใหญ่ “ไม่ใช่ครับแม่ ผมกับเธอเพิ่งรู้จักกันวันนี้เอง จะเป็นแฟนกันได้ไงครับ”
ชวนชมเห็นอาการเขินของบุตรชาย จึงแกล้งพูดต่อไปว่า “อ้าว...ก็ไม่รู้สิจ๊ะ อาจจะเป็นรักแรกพบก็ได้น้าแม่ว่า”
จากที่เด็กหนุ่มเขินอยู่แล้ว พอได้ยินคำพูดของมารดายิ่งรู้สึกเขินหนักไปกว่าเดิม “แรกพบอะไรครับแม่ ไม่มีหรอก อ้าวอาหารเสร็จแล้วนี่ครับ มา เดี๋ยวผมช่วยยกไปให้ดีกว่า” วินรีบหันเหความสนใจยกถาดอาหารที่มารดาของเขาจัดเตรียมไว้ช่วงก่อนที่เขาจะเข้ามาออกไปบริเวณบ้านที่คนในครอบครัวใช้รับประทานอาหารอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่วินทานอาหารและช่วยมารดาล้างจานชามเสร็จเรียบร้อย เด็กหนุ่มก็ขอตัวขึ้นมาอาบน้ำบนชั้นสองของบ้าน พอวินทำกิจวัตรก่อนนอนหมดทุกอย่างเสร็จสิ้น เด็กหนุ่มก็ออกมายืนรับลมตรงละเบียงหลังห้อง
มองจากระเบียงฝั่งห้องของวินลงไปข้างล่างจะพบหมู่มวลดอกไม้ชนิดต่างๆ ที่บิดาและมารดาของเขาปลูกเอาไว้ กลินหอมอ่อนๆ ลอยมาตามสายลมแผ่วเย็นทำให้เด็กหนุ่มปลอดโปร่งได้อย่างน่าประหลาด ยังดีที่วันนี้งานในแต่ละวิชามีไม่มากนัก เพราะมันทำให้เขาได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น ถึงแม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยก็ตามที
นึกแล้วก็เผลออดคิดถึงดวงหน้าหวานของคนตัวเล็กที่เขาเพิ่งเจอไม่ได้ เสียงแผ่วหวานของเธอยังคงดังก้องกังวานอยู่ในความทรงจำของเด็กหนุ่ม วินก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงยังจำได้ชัดเจนถึงขนาดนี้
รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของวินอย่างไม่รู้ตัว ดวงดาวในค่ำคืนนี้ดูงดงามขึ้นประดุจดั่งมีมนต์ขลัง มันทำให้เขาเผลอคิดไปว่า เจ้าของดวงหน้าหวานคนนั้น...ตอนนี้จะคิดถึงเขาดังที่เขาคิดถึงเธอหรือไม่
ถึงเวลาจะดึกมากแล้ว แต่เด็กสาวก็ยังคงนั่งทอดสายตาผ่านช่องหน้าต่างห้องนอนของเธอออกไปเบื้องนอก มายด์ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะคิดถึงใครได้มากขนาดนี้ ตั้งแต่ที่อามซึ่งเป็นพี่ชายของเธอมารับ ภาพเด็กหนุ่มร่างสูงผิวสีแทนคนนั้นก็ตราตรึงอยู่ในห้วงความคิดของเธอตลอดเวลา
เด็กสาวไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองจริงๆ การที่เราเผลอคิดถึงใครนานๆ แล้วยิ่งเวลาผ่านไป...ความคิดถึงนั้นยิ่งเพิ่มทวีขึ้นอย่างรวดเร็วและมากมายด์แบบนี้มันคืออะไร
เด็กสาวจำได้ว่าตอนที่เธอพบวินครั้งแรกนั้น คือช่วงที่วินกับเธอเดินสวนทางกันตรงประตูห้องพักครู เวลานั้นเธอรู้สึกว่าวินคงรีบมาก เพราะพอเขาออกมาจากห้องพักครูแล้ว เขาก็วิ่งลงบันไดไปเลย ส่วนเธอในตอนนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก พอหลังจากที่เธอส่งงานให้คุณครูเสร็จ พี่ของเธอก็มารับพอดี
หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไป เธอก็มีโอกาสได้พบเจอวินอีกหลายครั้ง...แต่เป็นเพราะเธอกับวินไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน เธอจึงไม่ได้เข้าไปทักทาย ถึงแม้บางครั้งเธออยากจะไปทำความรู้จักอยู่บ้างก็ตาม แต่เพราะเธอค่อนข้างเป็นสาวขี้อาย ดังนั้นนอกจากแค่คอยมองอยู่ห่างๆ แล้ว เธอจึงทำได้แค่รอให้วินมาทักทายเธอเองเท่านั้น
แต่เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา พี่ชายของเธอโทรศัพท์มาบอกว่ามีธุระด่วน ดังนั้นเธอก็เลยคิดที่จะไปนั่งรอบริเวณสวนหย่อมข้างอาคาร หากพอเธอไปถึงก็ปรากฏว่าที่นั่งแถวนั้นถูกนักเรียนคนอื่นๆ จองกันไปหมดแล้ว เธอก็เลยคิดจะไปหาที่นั่งจากบริเวณอื่น
ทว่าสายตาของเธอก็ดันไปเห็นวินเข้าเสียก่อน เธอก็เลยตัดสินใจข่มความเขินอายเดินเข้าไปขอนั่งกับวิน ซึ่งตัวของวินเองก็ไม่ปฏิเสธ
ครั้นเธอได้เริ่มพูดคุยกับวินไปได้สักพัก เธอก็ได้รับรู้ว่า วินมีท่าทีสุภาพกว่าที่เธอคิดเอาไว้เสียอีก
ยิ่งเธอได้ยินเพื่อนๆ ของวินคุยกันว่าวินมีบ้านอยู่ใกล้โรงเรียนแต่ก็ยังอุตส่าห์นั่งรอพี่อามเป็นเพื่อนเธอ เธอก็เลยประทับใจในตัววินจนมาถึงตอนนี้
เด็กสาวถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่งก่อนจะแอบคิดในจว่า...หากว่าวินคิดถึงเธอ เหมือนที่เธอแอบคิดถึงวิน ในค่ำคืนนี้เธอคงจะหลับฝันดีอย่างแน่นอน
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 757
แสดงความคิดเห็น