รอยร้าวแห่งโชคชะตา
มันเป็นวันพิเศษแต่ไม่ได้พิเศษมากไปกว่าวันเกิดเพราะวันนี้สามารถมีได้มากกว่าหนึ่งครั้งต่อปี มันคือวันที่มีคนมากมายไปเที่ยวกันที่หาดแห่งหนึ่ง งานสังสรรค์และรื่นเริงถูกจัดขึ้นเต็มชายหาด มีทุกสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการ ทั้งความสุขจากอาหารเลิศรสในราคาย่อมเยาและอาหารตาของวัยรุ่นหนุ่มสาวมากมาย “ฉันบอกคุณแล้วไงว่าช่วงนี้หาดนี้คนจะเยอะเป็นพิเศษน่ะ!!” หญิงวัยกลางคนในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงขาสั้นสีชมพู “ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา พวกเราไม่มีเวลาแล้วนะ” ชายวัยกลางคนสวมชุดแบบเดียวกับหญิงคนนั้นเพียงแต่มีโทนสีฟ้าสว่าง กล่าวในขณะที่กำลังเอามือโกยทรายออกจนกลายเป็นหลุม ชายวัยกลางคนปักร่มชายหาดลงไปในหลุมลึกก่อนจะโปะทรายกลับเข้าไปใหม่ในขณะที่หญิงวัยกลางคนเริ่มปูผ้าหลากสีและลวดลายก่อนที่ทั้งสองจะนั่งลงโดยที่ฝ่ายหญิงกำลังจัดแจงอาหารจากตะกร้าปิกนิกที่ทำจากไม้สานขนาดใหญ่
“คุณพ่อ!! คุณแม่!! หนูอยากลงน้ำแล้ว!!” เด็กสาวผมน้ำตาลที่ได้มาจากผู้เป็นพ่อและนัยน์ตาสีเขียวที่ได้มาจากผู้เป็นแม่ คำขอของเธอทำให้ผู้เป็นพ่อและแม่มองหน้ากันไปมาก่อนจะแสดงรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข “เอาล่ะ ซาราห์ ได้เวลาเปียกแล้ว!!” ชายวัยกลางคนอุ้มร่างของเด็กสาวที่กำลังปั้นตุ๊กตาทรายขึ้นอย่างฮึกเหิม “ระวังหน่อย ยามิล!” หญิงวัยกลางคนรีบเดินตามยามิลไปอย่างติดๆ
พ่อ แม่และลูกต่างพากันเดินลงไปยังทะเล ผ่านกลุ่มวัยรุ่นหลายกลุ่มที่ต่างก็ทักทายพวกเขาอย่างสนิทสนมทั้งที่ในความเป็นจริงไม่เคยรู้จักกันมาก่อน น้ำถูกสาดใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างมีความสุขโดยแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นฝั่งแม่และลูกกับฝั่งพ่อผู้ยอมเป็นกระต่ายขาเดียว “ดีไหมลูก สนุกไหม?” ยามิลเอ่ยอย่างมีความสุขแม้จะเริ่มรู้สึกแสบตาจากความเค็มของน้ำทะเล “สนุกมากเลยค่ะ คุณพ่อ” ยามิลที่ได้เห็นรอยยิ้มของลูกสาวกลับเปลี่ยนสีหน้าเป็นเศร้าหมองลงอย่างรวดเร็ว ไม่มีรอยยิ้มอีกต่อไปจนผู้เป็นภรรยาเองก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนและเธอก็เริ่มจะร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัว “อย่าร้องไห้....ในเวลาที่กำลังสนุก....ที่สุดแบบนี้สิ....จอร์เจียนา” ยามิลกล่าวติดติดขัดขัดเพราะอาการร้องไห้ “คุณพ่อ คุณแม่เป็นอะไรหรือคะ?” ยิ่งได้ฟังเสียงใสซื่อของผู้เป็นลูกก็ยิ่งทำให้น้ำตามันทะลักออกมาจากดวงตาของยามิลแต่เพียงครู่หนึ่งทุกอย่างก็สงบลงอีกครั้ง “โทษทีนะ ซาราห์ คงเพราะน้ำทะเลเข้าตาน่ะจ่ะ” ยามิลยิ้มเล็กๆ “ใช่จ่ะ” จอร์เจียนาเองก็ยิ้มตามแต่เป็นรอยยิ้มที่ดูฝืนเป็นอย่างมาก
สงครามสาดน้ำดำเนินต่อไปอีกหลายชั่วโมงจนครอบครัวอันแสบอบอุ่นก็ได้ขึ้นมาจากน้ำก็ปาไปเกือบเย็นแล้วซึ่งพวกเขาก็ได้เดินทางกลับไปยังสถานที่พักซึ่งเป็นโรงแรมหรู ติดกับชายหาด พักอยู่ที่ห้องชั้นบนสุดของโรงแรมที่ดูมีราคาแสนแพง จอร์เจียนาอาบน้ำให้ซาราห์เสร็จแล้วก็เริ่มประแป้ง สางผมให้ลูกสาวอย่างเบามือและทำการแต่งตัวให้เธอด้วยชุดที่เด็กสาวไม่คุ้นตาราวกับคืนนี้จะมีงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง ซาราห์หันไปมองที่พ่อของเธอก็พบว่าได้แต่งตัวด้วยชุดออกงานสีดำแล้ว “วันนี้ลูกจะต้องสวยที่สุดจ่ะ” จอร์เจียนายิ้มอย่างมีความสุขก่อนที่เธอจะขอตัวไปแต่งตัวบ้าง “คุณพ่อ คืนนี้พวกเราจะไปไหนต่อคะ?” ซาราห์หันไปถามยามิลผู้อมยิ้มเล็กน้อยและยื่นมือออกไปหาลูกสาว “ไปยังสถานที่ที่ความฝันของลูกจะเป็นจริง” แม้ซาราห์จะไม่เข้าใจกับคำใบ้ของผู้เป็นพ่อแต่ไม่นานผู้เป็นภรรยาก็ได้เดินออกมาจากห้องแต่งตัว
ทั้งหมดขึ้นไปยังดาดฟ้าของโรงแรมซึ่งโดยปกติจะเป็นโซนร้านอาหารแต่ตอนนี้กลับเหลือเพียงโต๊ะอาหารโต๊ะเดียวที่ตั้งอยู่ที่ส่วนยื่นคล้ายระเบียง มีการประดับตกแต่งสถานที่ด้วยดอกไม้และตุ๊กตาน้อยใหญ่ตลอดทางเดินที่ปูพรมสีแดงซึ่งมันทำให้นัยน์ตาของซาราห์เบิกกว้างด้วยความดีใจ “คุณพ่อ คุณแม่!! นี่คือความฝันใช่ไหมคะ?” ซาราห์ยิ้มร่าก่อนจะวิ่งออกไปหาตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ตัวหนึ่งและกอดมัน “ลูกรู้สึกเหมือนความฝันได้กลายเป็นจริงไหมจ๊ะ?” จอร์เจียนาเดินตรงไปหาซาราห์ ย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อกระซิบข้างหูเด็กสาว มองดูใบหน้าที่พยักรับด้วยความดีใจ
จอร์เจียนาจูงมือซาราห์เดินไปยังโต๊ะอาหาร เทียนเล่มเล็กและอาหารบนจานนับสิบที่วางอย่างเข้ารูปซึ่งแต่ละจานบ่งบอกถึงความเป็นอาหารชั้นสูงและแพงหูฉี่ซึ่งมันทำให้ซาราห์ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะแหงนหน้ามองจอร์เจียนา “คุณแม่คะ วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรหรือคะ?” ซาราห์ถามด้วยใบหน้าแห่งความสงสัยซึ่งมันทำให้พ่อแม่ของเธอถึงกับสะอึกไปเล็กน้อย “....ก็ไม่มีอะไรหรอกจ่ะ พวกเราก็แค่รู้สึกว่าควรจะใช้เงินก้อนหนึ่งให้ลูกสักครั้งในชีวิต” จอร์เจียนากล่าวเพียงเท่านั้นก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง ยามิลฟังเสียงของภรรยาในขณะที่จ้องหน้าของลูกสาวที่ดูจะสับสนกับทุกอย่าง ซาราห์เริ่มเห็นรอยยิ้มที่จืดชืดของยามิลชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทว่าอยู่อยู่ก็มีเสียงเปิดประตูทางเชื่อมของดาดฟ้าซึ่งมันทำให้เสียงทั้งหมดเงียบลงพร้อมกับจอร์เจียนาและยามิลที่ต่างก็หันมองไปที่ผู้มาเยือนซึ่งก็คือชายปริศนาผู้สวมชุดสูทสีดำผู้เดินมาพร้อมแผ่นกระดาษแข็งหนา
“คุณแม่จะสั่งอาหารเพิ่มหรือคะ?” จอร์เจียนาไม่ตอบอะไร ยามิลเองก็เช่นกัน สายตาของพวกเขาไม่ได้มองที่ซาราห์แต่เป็นชายผู้มาเยือน ดูจากใบหน้าก็พอให้เด็กสาวคาดเดาว่าน่าจะเป็นคนในวัยทำงานที่มีใบหน้านิ่งจนออกไปทางเย็นชา ไม่เป็นมิตรและน่ากลัว ชายปริศนาเดินมาถึงโต๊ะของพวกเขาแล้วจึงโค้งตัวลงเล็กน้อยก่อนจะยื่นแผ่นกระดาษให้ซึ่งมันมีลักษณะเป็นหนังสือปกแข็งหรู “นายท่าน รับสิ่งใดเพิ่มไหมครับ?” ทั้งยามิลและจอร์เจียต่างไม่กล่าวอะไร แถมยังไม่ยอมยื่นมือไปรับหนังสือเมนูนั่นด้วย “ยังมีเวลาเหลือไม่ใช่หรือครับ?” ยามิลกล่าวด้วยใบหน้าเป็นกังวลหลังจากมองดูเข็มนาฬิกา เขารู้สึกว่ามีเม็ดเหงื่อไหลอยู่บนใบหน้าและมือของเขากำลังสั่นเทาไม่ต่างจากฝ่ายภรรยา “พูดเรื่องอะไรหรือครับ นายท่าน?” พนักงานรับรายการอาหารยังคงค้างอยู่ในท่าเดิมจนกระทั่งจอร์เจียนาก็ได้ยื่นมือออกไปรับเมนูด้วยมือของเธอเองพร้อมกับกล่าวขอบคุณพนักงานรับรายการอาหาร “ขอเป็นไอศกรีมมะนาวจัมโบ้ไซส์หนึ่งที่จ่ะ” จอร์เจียนายื่นเมนูกลับไปพร้อมรอยยิ้มโดยไม่ทันสังเกตว่าซาราห์ที่ในตอนแรกกำลังสับสนกับสถานการณ์กลับมามีใบหน้าของเด็กที่รู้ว่าของขวัญกำลังถูกสั่ง “จัมโบ้ไซส์เลยหรือคะคุณแม่ หนูรักคุณแม่ค่ะ!!” ซาราห์ส่งเสียงหวานด้วยความดีใจเป็นอย่างมากแต่ความสุขของเด็กสาวกลับไม่ทำให้ใบหน้าเรียบเฉยของพนักงานรับรายการอาหารเปลี่ยนแปลง “รบกวนรอสักครู่ครับ นายท่าน” พนักงานรับรายการอาหารเดินจากไปอย่างเรียบเฉย
เมื่อพนักงานรับรายการอาหารจากไปพร้อมกับเสียงประตูดาดฟ้าที่ปิดลงอีกครั้งกลับมีอีกเสียงที่ดังขึ้นอย่างไม่เป็นมิตร เสียงของเก้าอี้ที่ล้มกระแทกพื้นพร้อมกับยามิลผู้ลุกขึ้นยืน ใบหน้าของเขาดูตึงเครียดเป็นอย่างมากจนซาราห์เริ่มจะหวาดกลัวขึ้นมากับอาการของผู้เป็นพ่อ “คุณพ่อ....” “พาลูกหนีไป ผมจะถ่วงเวลามันไว้ให้!!” เสียงของยามิลเกือบจะเป็นเสียงตะโกนที่จริงจัง “จะหนีไปไหน?! อย่าพูดเหมือนกับเราไม่เคยทำมาก่อน!!” จอร์เจียน่าเองก็เริ่มตะเบ็งเสียงแข่งกับสามีตัวเอง น้ำเสียงและแววตาดุดันและขมึงตึงด้วยกันทั้งสองฝ่ายซึ่งมันทำให้ซาราห์รู้สึกเริ่มจะคุ้นเคยกับอาการของผู้เป็นพ่อและแม่ในขณะนี้ ความสงสัยในหัวของซาราห์ก่อตัวมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เธอนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ดันไปสอดคล้องกับสิ่งที่คนทั้งสองกำลังสนทนา มันเริ่มแปลกไปตั้งแต่ปีที่แล้ว บ่อยครั้งที่พ่อแม่ของเธอชอบเปลี่ยนที่พักบ่อยๆ ทั้งไปนอนบ้านปู่ ย่า ตา ยาย ญาติไม่ซ้ำหน้าและก็มีเพื่อนของทั้งคู่ แทบจะนับวันอยู่บ้านจริงจริงได้เลยด้วยซ้ำ
“ลองอีกสักครั้ง!! ได้โปรดเถอะพระเจ้า!!....เถอะนะ ถือว่าผมขอก็ได้” ยามิลเริ่มจะหลั่งน้ำตาออกมาไม่ต่างจากคนเสียสติ จอร์เจียนาหลับตาลง พยายามที่จะกลั้นน้ำตาที่กำลังใกล้จะเอ่อล้นออกมาเต็มทีแต่สุดท้ายมันก็หลั่งรดแก้มของเธอจนได้ หญิงวัยกลางคนพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง “มีอะไรหรือคะคุณแม่ คุณพ่อ?” ซาราห์หันไปหาจอร์เจียนาแต่เมื่อไม่ได้คำตอบอะไรจึงหันไปหายามิลก่อนที่ไม่นานผู้เป็นพ่อจะเริ่มเผยรอยยิ้มทั้งน้ำตา “ลูกอยากไปนอนรึยังจ๊ะ?” รอยยิ้มกว้างของจอร์เจียนามันกำลังสั่นเทาจนดูน่าตลกขบขันมากกว่าจะทำให้เชื่อว่าอีกฝ่ายกำลังโศกเศร้าและเสียใจ “จะทำบ้าอะไร....!!” พนักงานรับรายการอาหารเปิดประตูออกมา ในมือถือถาดที่มีถ้วยไอครีมแก้วสวยหรูเต็มไปด้วยก้อนสีเขียวอ่อนเกือบห้าก้อนซึ่งมันเป็นเวลาเดียวกับที่ยามิลมีอาการสงบลงและยอมนั่งลงในที่สุด “ไอศกรีมมะนาวจัมโบ้ได้แล้วครับ นายท่าน” พนักงานรับรายการอาหารวางแก้วไอครีมลงต่อหน้าของซาราห์อย่างรู้ใจซึ่งมันทำให้ความสงสัยที่ถูกเติมเต็มอยู่ในจิตใจของเด็กสาวดับหายไปในทันทีพร้อมกับตาคู่โตที่เบิกกว้างด้วยความสุข “คุณแม่ หนูขอรับประทานไอศกรีมก่อนจะได้ไหมคะ?” ซาราห์ยิ้มออดอ้อนผู้เป็นแม่ซึ่งจอร์เจียนาก็ไม่ได้ห้ามอะไรแถมเธอยังสั่งอาหารเพิ่มอีกต่างหาก
พนักงานรับรายการอาหารโค้งตัวรับก่อนจะหายเข้าไปในบานประตูอีกครั้ง การหายไปครั้งที่สองยิ่งทำให้ยามิลมีอารมณ์รุนแรงมากกว่าเดิม เขาลุกขึ้นยืนและจับแขนของซาราห์อย่างแรง พยายามที่จะฉุดกระชากลูกสาวให้ตามเขาไปด้วยแรงของชายที่ไม่ได้อยู่ในฐานะพ่ออีกต่อไปจนซาราห์ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดและในที่สุดจอร์เจียนาก็ไม่อาจทนกับความดื้อรั้นของผู้เป็นสามีและพุ่งตัวเข้าไปปราม ในระหว่างที่กำลังฉุดกระชากลากตัวกันไปมาจนเกือบจะไปถึงประตู ทั้งหมดก็ต้องหยุดยืนกับที่เมื่อเห็นว่าพนักงานรับรายการอาหารคนนั้นกำลังยืนอยู่ที่ข้างประตูในตอนนี้ “ให้เด็กเข้านอนก่อน!!” จอร์เจียนาตวาดเสียงดังลั่นแต่ยามิลกลับจับมือทั้งคู่เดินผ่านพนักงานรับรายการอาหารไปหน้าตาเฉย “ยังไม่ถึงเวลาก็ทำอะไรไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? ไม่ต้องกลัวมัน!!” ยามิลมองหน้าพนักงานรับรายการอาหารหลังจากที่เดินผ่านเขาคนนั้นมาแล้ว ใบหน้าของอีกฝ่ายชั่งดูเรียบเฉยอยู่ตลอดเวลาซึ่งมันทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
“ไอศกรีม....อร่อยไหมครับ นายหญิง?” พนักงานรับรายการอาหารเบนหน้ามองซาราห์เพียงเล็กน้อยแต่กลับสร้างความตกใจให้ยามิลจนตาทั้งคู่เบิกกว้างด้วยความตกตะลึงและมันทำให้ขาของเขาหยุดก้าวไปดื้อๆ “นี่แก?!” ยามิลปล่อยมือจากจอร์เจียนาแต่ยังไม่ปล่อยมือจากลูกสาวก่อนที่เขาจะหันกลับมามองที่พนักงานรับรายการอาหารที่ในตอนนี้ยืนอยู่ที่ขอบระเบียง พนักงานรับรายการอาหารล้วงมือเข้าไปในเสื้อสูท หยิบขวดขนาดเล็กที่ในนั้นไม่มีสิ่งใดอยู่ภายใน “งานของผมจบแล้วครับ นายท่าน ขอให้นายท่านทั้งสามมีความสุขกับช่วงเวลาที่เหลือครับ” พนักงานรับรายการอาหารโยนขวดแก้วลงพื้นแต่มันกลับไม่แตกออก “ไอ้ชั่ว!!!” ยามิลวิ่งเข้าใส่พนักงานรับรายการอาหารอย่างรวดเร็วก่อนจะคว้าปกเสื้อสูทด้วยแรงทั้งหมดจนตัวของพนักงานรับรายการอาหารลอยขึ้นและถูกหมัดซัดเข้าไปที่ใบหน้าอย่างเต็มแรงจนกระเด็นล้มลงกับพื้น พนักงานรับรายการอาหารลุกขึ้นยืนหน้าตาเฉยเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใบหน้าที่ถูกซัดจนเต็มแรงปรากฏรอยร้าวไม่ต่างจากผืนดินในยามแล้งและมันกำลังมีบางอย่างที่คล้ายฝุ่นดินร่วงกราวลงมาจากแก้มของชายคนนั้นด้วย
“จะบอกว่าผมเป็นคนชั่วไม่ได้นะครับในเมื่อผมให้เวลาคุณถึงหนึ่งปีเต็มตามสัญญาและเวลาในการตายของลูกของคุณก็คือนับจากนี้ไปอีก 35 นาทีเห็นจะได้” พนักงานรับรายการอาหารกล่าวอย่างเยือกเย็นหลังจากดูนาฬิกาข้อมือแล้ว “แก!!!” ยามิลกางแขนออกจากลำตัว น้ำสีเขียวหม่นทะลักออกมาจากตัว ก่อร่างเป็นมือน้ำขนาดใหญ่ที่ประกบเข้าหากันราวกับอีกฝ่ายคือยุง ทว่าหินย้อยนับสิบพุ่งทะลุออกมาจากมือน้ำที่ประกบกัน บังคับให้ยามิลต้องเบี่ยงตัวหลบซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่มือน้ำคลายสภาพกลายเป็นน้ำเจิ่งนอง “สมมุติว่าคุณฆ่าผมได้จริงจริงและแม้คุณอาจจะหาวิธีทำให้ลูกของคุณรอดจากยาพิษก็จะมีคนใหม่เข้ามารับหน้าที่ตามล่าแทนผมอยู่ดีครับ” พนักงานรับรายการอาหารกล่าวเสียงเรียบ
“เกเบรียล” เสียงเรียกชื่อนั้นดังมาจากจอร์เจียนาผู้กำลังเดินตรงมาที่พนักงานรับรายการอาหารซึ่งนามได้ถูกเฉลยแต่ก็ยังมีใบหน้าเรียบเฉยอยู่ดี “เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว เธอเคยมอบความเมตตาให้เด็กคนนี้แล้วครั้งหนึ่ง จะเป็นไปได้ไหมที่ครั้งนี้ฉันจะขอความเมตตาจากเธออีกสักครั้ง?” น้ำเสียงของจอร์เจียนานั้นสั่นเครือ เธอคุกเข่าลงกับพื้น ปล่อยให้หัวทาบลงกับพื้นในขณะที่มือยังจับแขนของซาราห์ไว้อย่างแน่นหนา “คุณแม่ นี่มันเรื่องอะไรกันหรือคะ? ทำไมถึงต้องทำแบบนั้นด้วย? คุณแม่ร้องไห้ทำไม?” ซาราห์ถามไถ่ผู้เป็นมารดาด้วยความกลัวและสับสน เกเบรียลจ้องมองซาราห์ด้วยใบหน้าเรียบนิ่งก่อนที่เขาจะล้วงมือเข้าไปในเสื้อสูทและหยิบบางอย่างติดมือออกมาด้วย มันคือขวดแก้วใสที่บรรจุน้ำสีฟ้าใสอยู่ภายใน “ผมจะให้ก็ได้ครับแต่ครั้งนี้ต้องแลกกับความพยายามเล็กน้อยนะครับ” เกเบรียลโยนขวดนั้นลงไปจากชั้นดาดฟ้าซึ่งทำให้ทั้งยามิลและจอร์เจียนาหน้าเสียในทันที “ไอ้ชั่ว!!!” ยามิลกำลังจะวิ่งเข้าไปต่อยเกเบรียลอีกครั้งแต่อีกฝ่ายกลับซึมหายลงไปในชั้นดาดฟ้าราวกับมีแอ่งน้ำบนพื้นแข็ง “ขวดนั้นแข็งแรงมากเพราะงั้นไม่ต้องห่วงครับ” ยามิลอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะรวบรวมสติและวิ่งเข้าไปอุ้มซาราห์ขึ้นนั่งบนบ่าและพาจอร์เจียนาลงลิฟต์ของโรงแรมไป
ณ ห้องแห่งหนึ่งที่ดูเหมือนห้องสำนักงานทั่วไป เกเบรียลนั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะทำงานที่มีชายอีกคนกำลังนั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่บนแผ่นกระดาษเอสี่ “ทำไมวันนี้ทำหน้าเศร้าแปลกแปลกหืม เกเบรียล?” ชายเจ้าของโต๊ะทำงานจ้องหน้าอีกฝ่าย “เปล่าครับ คุณแอนเดอร์สัน ผมก็แค่สงสัยว่าเมื่อไหร่ผมจะได้เกษียณจากงานบ้าบ้านี้สักที” “ตราบใดที่ยังมีความผิดพลาดเกิดขึ้น” แอนเดอร์สันเลื่อนสายตาที่จดจ่อที่ใบหน้าของอีกฝ่ายกลับไปจดจ่อที่แผ่นกระดาษ “แม้ความผิดพลาดนั้นจะไม่ได้เกิดจากเราหรือครับ?” แอนเดอร์สันโยนปากกาออกจากมือ ใบหน้าเรียบนิ่งเริ่มแสดงออกทางอารมณ์ที่ไม่แน่ใจระหว่างโมโหกับตึงเครียด “คิดซะว่าเป็นการช่วยโลกก็แล้วกันนะ เกเบรียล หนึ่งชีวิตที่ไม่ควรเกิดมาแลกกับหนึ่งร้อยชีวิตที่สมควรอยู่ นายเข้าใจใช่ไหม?” ทิ้งเวลาอยู่ร่วมเกือบนาทีเห็นจะได้ก่อนที่เกเบรียลจะพยักหน้ารับ
“เอาล่ะ เดี๋ยวจะมีงานต่อไปมอบให้นาย สำหรับงานเมื่อคืน นายทำได้ดีมาก เพื่อน” เกเบรียลลุกขึ้นยืน โค้งตัวทำความเคารพแอนเดอร์สันก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบสงบ ‘เพื่อโลกที่ดีกว่านี้...’
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 253
แสดงความคิดเห็น