เสียงที่หายไป

เดอะ ดาร์คเนส
คุณกำลังอ่าน: เดอะ ดาร์คเนส

-A A +A

เสียงที่หายไป

            เสียงเท้าเหยียบพงหญ้าดังชัดเจนจากทิศหนึ่ง   มันมาจากสิ่งมีชีวิตคล้ายกระต่าย   มีหูและหางยาวยังกับหางปลากัด   กระโดดหยองๆ   อยู่ในผืนป่าทึบและเงียบสงบ   ในยามที่แสงกำลังจางหาย   รวดเร็วไม่แพ้ท่วงท่าการวิ่งของเจ้าขนปุย   ไม่มีวี่แววของรังตรงหน้า   ไม่มีแม้แต่เสียงจากเพื่อนร่วมทาง   มันมืดไปหมด  

          วิ้วๆ   สายลมพัดผ่าน   เย็นเกินธรรมดาจนขนพอง   เจ้าขนปุยยังวิ่งต่อไป   หูมันรับรู้ถึงบางสิ่งไม่ได้รับเชิญกำลังตามมา   เสียงที่ชัดเจน   ไม่ใช่การเคลื่อนไหวที่ธรรมดา   แต่เหมือนลม   เร็วจนผิดปกติ   และกำลังไล่ตามมันมาอย่างน่าฉงนใจ  

          การวิ่งแข่งเริ่มขึ้น   ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมแพ้   แต่ก็อย่างว่า   มีสิ่งใดที่เร็วเหนือกว่าสายลม?   กี๊!!   เสียงร้องเพียงเสี้ยววินาที   ค่อยค่อยเปลี่ยนเป็นเสียงกลืนกินอย่างเอร็ดอร่อย   เป็นเสียงที่ดังอยู่ทุกค่ำคืน   จนแล้วจนเล่าในที่สุดก็เงียบไป   ราวกับไม่มีอะไรเหลืออีกต่อไป

 

          วันแล้ววันเล่า   และในที่สุดความเงียบอันเป็นนิรันดร์ก็ถูกทำลายด้วยเสียงแซ่ซ้องสรรเสริญด้วยความยินดีกับบางอย่าง   ดังมาจากกลุ่มคนราวห้าสิบคนเห็นจะได้

          จากหลักสิบเป็นร้อยและร้อยเป็นพัน   จากบ้านฟางเป็นบ้านหินและไม้   พัฒนากันไปช้าบ้างเร็วบ้างจนที่สุด   ประเทศโฮอิรอนร์ก็ถือกำเนิด   ณ   ทิศใต้ของทวีปซอเกนฮอร์   ไม่ไกลจากทะเลสาบขนาดมหึมาที่พวกชาวบ้านเรียกว่า   ทะเลสาบไร้ชีวิต   เพราะไม่ว่าจะออกเรือไปไกลแค่ไหน   สิ่งที่พบคือผิวน้ำและน้ำ

          สัตว์ทะเลถูกลำเลียงจากมหาสมุทรแห่งการเริ่มต้น   ปล่อยไว้ในทะเลสาบ   รอให้มันขยายพันธุ์ตามธรรมชาติเพื่อเพียงพอสำหรับฤดูกาลแห่งการล่าครั้งที่หนึ่ง

 

          ประเทศโฮอิรอนร์ขยายอาณาเขตออกไปทุกคืนวัน   ประชากรเยอะขึ้นเป็นทวี   ชีวิตบนเกาะนี้ชั่งดูเงียบสงบและมีความสุขดี   และเมื่อวันเวลาที่ผ่านไปแล้วได้หวนคืนกลับมาอีกครั้ง   บ่งบอกถึงช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีแห่งความสุขที่จบลง   ในค่ำคืนอันไร้ดาวและแสงจันทร์  

          วิ้ว~~   สายลมแรง   ไม่เคยแรงเท่านี้   มันพัดผ่านชุมชนที่ตั้งอยู่ปลายอาณาเขตประเทศโฮอิรอนร์   ติดกับป่าทึบ   ให้ความรู้สึกประหลาดกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังยืนจ้องความมืดในป่าที่เหมือนจะขยับได้   ในขณะที่ชาวบ้านคนอื่นต่างร้องรำทำเพลงหน้ากองไฟขนาดใหญ่

          “โพเอฟ?”   ชายหนุ่มหันกลับไป   เป็นหญิงสาววัยกลางคนที่กำลังเดินออกห่างจากกลุ่มปาร์ตี้กองไฟ   ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่กำลังจางหายไปเมื่อใบหน้าทั้งสองปะทะกัน

            “อะไร?”   เธอหันมองตามแต่ก็เห็นเพียงความมืด

          “ไม่รู้   สัตว์มั้ง”  

          “เลิกจ้องแล้วไปรวมกลุ่มกับคนอื่นได้แล้ว   จะทำให้งานกร่อยไม่ได้นะ   โพเอฟ”   โพเอฟพยักหน้าก่อนจะเดินไปรวมกับกลุ่มคนหลากอายุที่กำลังเต้นรำอย่างมีความสุข   ตัวเขาเองก็พยายามทำตามแต่ดูฝืนจนน่าขำขัน  

          “เต้นอะไร?   ให้มันดูมีชีวิตชีวาหน่อย...”   ลมขนาดใหญ่ซัดเข้าใส่พวกเขาทั้งหมดอย่างจังราวกับมันเป็นคลื่นลมหนาแน่นที่พุ่งออกจากปากขนาดใหญ่   ทำให้กองเพลิงดับสนิท   ไม่ใช่แค่กองเดียวแต่ทั้งหมด  

          ทุกอย่างมืดไปหมดแต่ไม่มีเสียงกรีดร้องสักแอะ   ในความมืดที่ไร้แสงจันทร์จนมองมือตัวเองก็ไม่เห็น   โพเอฟได้ยินเสียงตะโกน   บอกให้อยู่กับที่   กำลังจะจุดไฟใหม่แต่เสียงที่ว่านั่นทิ้งระยะเวลาไปนานก็ยังไม่มีไฟถูกจุดขึ้นมาแต่อย่างใด  

          “วีเมก   ลืมใช้พลังธาตุตัวเองรึ?”   เสียงตะโกนหนึ่งดังขึ้นตามมาด้วยเสียงขบขันอย่างมีความสุข  

          เสียงตอบรับจากวีเมกจมหายไปในความเงียบ   โพเอฟรู้สึกสั่น   บางอย่างตรงหน้า   แม้จะมืดสนิทแต่มองเห็นว่ามันเคลื่อนไหวได้  

          ใคร?!!’   โพเอฟตะโกนแต่ดันกลายเป็นการออกเสียงในจิตใต้สำนึกแทน   เหมือนปากไม่มีอีกต่อไป  

          วิ้ว~~   สายลมครั้งที่สาม   ครั้งนี้ไม่เย็นอีกต่อไปเพราะมันนำพาเสียงกรีดร้อง   ดังทั่วทุกทิศทาง   ทันใดนั้นโพเอฟรู้สึกว่าถูกกระแทกอย่างแรงจนล้มลง   หัวฟาดกับหินอย่างจังจนสติหลุดออกจากตัว  

 

          อาการโคลงเคลงของพื้นที่นอนเหยียดทำให้รู้สึกประหลาดใจจนต้องลืมตาขึ้น   โพเอฟมองเห็นผืนฟ้า   แสงแบบนี้คือฟ้ายามเช้าตรู่   ฟ้าที่เพิ่งพ้นจากค่ำคืน  

          โพเอฟดีดตัวลุกอย่างเร็วเมื่อนึกได้แบบนั้น   สิ่งที่เห็นต่อมาคือพ่อและแม่   พวกเขานั่งอยู่ที่ปลายเท้าของเขา   ใบหน้ามองออกไปข้างหน้าโดยไม่ส่งเสียงอะไร   ไม่แม้แต่จะแสดงออกว่ารับรู้ว่าลูกตัวเองตื่นแล้ว

          “เกิดอะไร?”   โพเอฟถามไปแบบนั้น   มีแค่แม่ที่หันกลับมา   ใบหน้าเศร้าจนน่าสงสัยแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไร   เอาแต่ทำหน้าอมทุกข์แบบนั้น  

          เสียงคลื่นทะเลเริ่มชัดเข้ามาในหูจนต้องหันไปโดยรอบ   พบว่าเขาและครอบครัวอยู่บนเรือไม้ที่ปกติใช้สำหรับออกหาปลา   ทันใดนั้นก็เกิดความสงสัยขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

          “ท่านแม่   ท่านพ่อ   ทำไมออกหาปลาในมหาสมุทร?”   ก็ยังไม่ได้รับคำตอบอยู่ดี

          “พวกเรากำลังจะไปไหน?”   โพเอฟหันกลับไปข้างหลัง   เห็นขบวนเรือตามมาอย่างสะเปะสะปะจนน่าฉงนใจ

          “โฮอิรอนร์....”   โพเอฟเอียงหน้ากลับมามองผู้เป็นแม่   ใบหน้าเศร้าเต็มที่กำลังเปลี่ยนไป   “บ้านเกิดของพวกเรา….ไม่มีแล้ว”   เสียงโห่ร้องราวกับใจจะขาดดังขึ้นในทันใด  

          โพเอฟขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะชะโงกหน้ากลับไปมองอีกครั้ง   เห็นเกาะและผืนป่าขนาดใหญ่ไกลๆ   ตอนนี้พวกเขาออกมาไกลจากมันมาก   บ้านเกิดของพวกเขา   เสียงร้องไห้เหมือนใจจะขาดของแม่   มันเป็นเสียงที่จะเปลี่ยนทุกอย่างไปอย่างตลอดกาล.....

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.