เจ้าก็เห็นเขาเหมือนกัน

เดอะ ดาร์คเนส
คุณกำลังอ่าน: เดอะ ดาร์คเนส

-A A +A

เจ้าก็เห็นเขาเหมือนกัน

          เด็กน้อยวิ่งเล่นอย่างมีชีวิตชีวา   วนอยู่รอบฐานหินขนาดใหญ่ทรงกลม   ตั้งอยู่ระหว่างบ้านสองหลัง   เป็นเส้นตรงไปสุดกำแพงเขตหมู่บ้าน   ท่ามกลางแสงแดดจ้ากำลังดี   ผู้ใหญ่ถ้าไม่นั่งมองความไร้เดียงสาก็เดินออกไปนอกเขตหมู่บ้าน   มีแปลงผัก   ข้าวและผลไม้ให้เลือกทำมากมาย  

          อาทิตย์อัสดงยังไม่ทันลับขอบฟ้า   ชาวบ้านต่างทยอยเดินกลับเข้าบ้านของตน   รีบบ้าง   ช้าบ้าง

          เมื่อแสงสุดท้ายจางหายไปจากท้องฟ้า   สิ่งน่าอัศจรรย์จึงบังเกิดเป็นประจักษ์แก่สายตา   ฐานหินทรงกลมกำลังส่องแสงราวกับดวงอาทิตย์เทียม   ไม่แค่นั้นแต่ทั้งตัวบ้านและกำแพงชุมชน   ทั้งหมดกำลังทำเหมือนกับกลางคืนไม่มีอยู่จริง  

          ชายวัยรุ่นและกลางคนทยอยเดินออกจากบ้านพร้อมมือที่จับแท่งไม้ยาว   ผูกเชือกสามเส้นกับผ้ามีรูที่กำลังส่องประกายแสงไม่ต่างจากสิ่งก่อสร้างภายใน   พวกเขาเดินเป็นแถวยาวออกไปนอกเขตชุมชน   หยุดยืนประจำที่   ณ   อาณาเขตที่แสงอาทิตย์จากกำแพงชุมชนส่องไม่ถึง   ที่นั่นคือดินแดนแห่งความมืด   เป็นใหญ่เหนือแม้กระทั่งแสงจันทร์  

          ชายวันกลางคนคนหนึ่ง   ยืนอยู่เพียงลำพังระหว่างอาณาเขตทั้งสอง   เขาจ้องมองออกไปข้างหน้า   และเห็นบางสิ่งเคลื่อนไหวในเงามืด   เร็วอย่างกับแสง   วินาทีนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังยื่นแท่งไม้ออกไปข้างหน้าและกวัดแกว่งจนแสงที่ออกมาจากผ้าขาวเปิดเผยสิ่งต่างๆ   โดยรอบ   แต่กลับไม่พบอะไรนอกจากผืนป่า

          “โพเอฟ   ตั้งสติ!!”   เสียงตะโกนดังมากจนหูแทบดับ  

            “หน้าที่เจ้าคือสังเกตการณ์   อย่าทำอะไรเกิน”   เสียงนั้นซอฟลงมาก   คงเพราะเขาเองก็ได้สติกลับมาแล้วพร้อมกับแท่งไม้ที่กลับมาในตำแหน่งเดิม

          โพเอฟสัมผัสได้ว่าเขาคนนั้น   เจ้าของเสียงตะโกนอันน่าเกรงขามเดินไปทางอื่นแล้วจึงเริ่มกลับมาเพ่งมองออกไปข้างหน้าอีกครั้ง   เงียบสงบ   ไม่มีการเคลื่อนไหวอีกต่อไป

 

          เช้าอีกวัน   โพเอฟขยับตัวไปมาบนเตียงนอนไม้   ท่ามกลางแสงสว่างภายในบ้านที่ภายในตกแต่งด้วยไม้   ตรงกลางมีลูกหินที่ให้แสงอาทิตย์ยามเช้าตั้งเด่น   ทุกครั้งที่เขาพยายามปิดตา   เขาจะเห็นภาพเดิมๆ   ภาพที่มาจากส่วนหนึ่งของความทรงจำ   ภาพของการเคลื่อนไหวในความมืดและมันทำให้เขาไม่กล้านอนอีกต่อไป

          โพเอฟลุกจากเตียงและเดินออกจากบ้าน   อย่างกับหมู่บ้านร้าง   ไม่มีใครอยู่ภายในเลยสักคน   เขาเดินออกจากเขตหมู่บ้าน   ไปที่ชายหาดทิศตะวันออกอย่างจงใจ   ที่นั่นมีเรือไม้จอดเทียบท่าอยู่เป็นสิบลำ   และมีชาวบ้านชายฉกรรจ์ยืนอยู่ประปราย   หนึ่งในนั้นเป็นชายรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังรีบดิ่งตัวตรงมาหาเขา  

          “โพเอฟ   เจ้าเสียสติรึ   ทำไมไม่นอน?”   ชายคนนั้นกล่าวไปหันซ้ายหันขวาไปมาอย่างมีพิรุธ

          “นอนไม่หลับ”   โพเอฟได้ยินเสียงถอนหายใจ

          “อยากตายรึไง!!”   ชายคนนั้นตะโกนขึ้นแต่เหมือนจะรู้ตัวว่าทำตัวเองเป็นจุดสนใจ   “กลับไป”   เสียงดูซอฟและเบาจนเหมือนกระซิบแต่โพเอฟกลับยังยืนนิ่ง   จ้องหน้าอีกฝ่ายไม่กะพริบตา

          “เปลี่ยนหน้าที่กับข้า   คืนนี้   ข้าจะทำงานแทนเจ้า”   อีกฝ่ายขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้งโดยปราศจากซึ่งคำพูดอื่นใดอีก

 

            เช้าตรู่ของอีกวัน   โพเอฟออกมาจากบ้านพบว่าแสงอาทิตย์จริงยังไม่ขึ้นเลย   มีก็แต่แสงอาทิตย์ปลอมเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดเป็นประจำ   ในขณะกำลังซึมซับความประหลาด   เขาเห็นเพื่อนคนเมื่อวานเดินตรงไปที่บ้านตรงข้าม   ทำหน้าเหมือนกำลังโกรธปนง่วงซึ่งดูน่าขบขันสำหรับเขามาก  

          เสียงแตรถูกเป่าขึ้นพลันชายวัยรุ่นที่ยืนรออยู่หน้าบ้านแต่ละหลังต่างเดินต่อแถวเป็นสองแถวก่อนจะออกเดินไปที่ชายหาดพร้อมกับแสงอาทิตย์จริงที่กำลังส่องประกายนำทางไปข้างหน้า  

          โพเอฟประจำที่ที่หัวเรือจุดหนึ่งพร้อมกับเด็กชายวัยราวแปดขวบเห็นจะได้   ไม่นานก็ออกเรือไปพร้อมกับเรือของคนอื่น   เขาสังเกตว่าเด็กชายคนนี้ดูไม่เหมือนเด็กทั่วไปที่เขาได้เจอเวลาขอสลับงานกับเพื่อน   เพราะส่วนใหญ่จะร้องไห้หาแม่หาพ่อหรืออยากกลับบ้านอะไรเทือกนั้นแต่เด็กคนนี้กลับพูดจ้อจนน่ารำคาญ   ขนาดที่เขาไม่ตอบโต้ก็กลายเป็นอีกฝ่ายพูดเองตอบเอง

          “เจ้า   หุบปากเจ้าเสียก่อนที่มันจะถูกตัดออก”   โพเอฟกล่าวเสียงเรียบแต่เด็กคนนั้นกลับไม่ฟัง   หนักข้อถึงขั้นเอามือไปสัมผัสผืนสมุทรจนโพเอฟดุด่าเป็นการใหญ่เพราะอันตราย   แต่กระนั้นเด็กนั่นกลับไม่ร้องไห้สักแอะ   แถมยังส่งยิ้มกวนโอ๊ยให้เขาอีก  

          เรือทั้งหมดเข้าเทียบท่าอย่างพร้อมเพรียง   จะมีก็แต่เรือของโพเอฟที่มาช้าสุดเพราะต้องคอยจัดการสั่งสอนเจ้าเด็กพูดมากคนนี้ตลอดทางทั้งที่มันไม่ใช่นิสัยของเขา   และกลายเป็นว่าเขาก็โดนหางเลขไปด้วยจนหูแทบชา

          “ถ้าควบคุมมันไม่ได้ก็ปล่อยมันไว้ที่นี่”   ชายวัยกลางคนตักเตือนเสร็จก็เดินไปคุมงานที่อื่น   โพเอฟมองไปที่ด้านหน้า   มันเป็นป่าลึกขนาดใหญ่   กว้างไพศาล   และดูเหมือนป่าพวกนี้มันจะทึบมากจนเหมือนกำแพงไม้ที่ไม่ต้องการให้ใครย่างกรายเข้าไป  

          “เริ่มงานได้!!”   เสียงแตรดังขึ้นอีกครั้งพลันทุกคนต่างพุ่งเข้าไปที่กำแพงหินที่ตั้งอยู่ห่างจากตัวกำแพงป่า   เป็นกำแพงหินที่ดูเหมือนจะกำลังอยู่ในระหว่างการสร้าง  

          โพเอฟเดินไปที่ชายหาดอีกครั้งเพราะลืมอุปกรณ์เสียสนิทแต่ผ่านไปไม่กี่ก้าวก็ต้องหันกลับมาเพราะเจ้าเด็กบ้านั่นไม่ยอมตามมาด้วยและเอาแต่จ้องเข้าไปในกำแพงไม้นั้นตาเป็นมันจนน่าประหลาด   เขาไม่รอช้าเดินกลับไปและกระชากแขนของเด็กคนนั้นมาด้วยตัวเอง   ฉุดกระชากลากไปอย่างทุลักทุเลท่ามกลางสายตาของชาวบ้านและคู่หูซึ่งก็เป็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันแต่กลับให้ความร่วมมือและความเคารพกับผู้สอนงาน

          ซวยจริง   โพเอฟคิดแบบนั้นแต่ก็ไม่วายต้องสอนงานให้คู่หูจอมรั้น   เริ่มตั้งแต่การเทียบท่าเรือ   การรับหินแสงอาทิตย์จากเดเออร์นท์   สิ่งมีชีวิตคล้ายเต่าที่หลังยุบลงไปซึ่งไว้สำหรับใส่สิ่งของภายในเพื่อการลำเลียงจากเกาะที่พวกเขาอยู่มาที่นี่   ปิดฉากด้วยการฉาบหินแสงอาทิตย์ให้กลายเป็นกำแพงที่ทอดยาวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด  

          กว่าจะเสร็จงานก็ปาไปช่วงบ่ายหนึ่งเห็นจะได้ซึ่งถือเป็นเวลาที่เร็วเกินไปสำหรับการทำงานนี้   โพเอฟในขณะที่กำลังพายเรือกลับไปยังเกาะที่ตนอยู่   เห็นว่าคู่หูตัวน้อยในตอนนี้ซึมผิดกับขาไปเป็นคนละคน   แถมยังเอาแต่หันหน้ามองไปที่เกาะที่เพิ่งออกมาอีก

          “อะไร?”   เสียงที่เหมือนติดในลำคอของโพเอฟ   น่าแปลกที่เบาแต่อีกฝ่ายได้ยินและตอบกลับมาเพียงสั้นๆ   ว่า   “เจ้าเองก็เห็นใช่ไหม?”   โพเอฟเผลอปล่อยมือจากไม้พายไปอันหนึ่งแต่ดีที่มันไม่ได้ลอยไปไกลเกินเอื้อม  

          “เป็นบ้ารึ?”   เขาเริ่มพายเรือต่อไปแต่เร็วขึ้นจนน่าฉงนใจและกลายเป็นว่าขากลับนี้พวกเขามาเทียบท่าเป็นกลุ่มแรก

 

            ก่อนจะแยกย้ายกันไปนอน   โพเอฟแอบชำเลืองไปเห็นใบหน้าของเด็กชายที่เขาเพิ่งบอกว่าเป็นบ้า   กำลังมองมาที่เขาด้วยแววตาประหลาด   เต็มไปด้วยความสงสัยจนพานให้การนอนหลับของเขาไร้ประสิทธิภาพไปอีกวันเต็ม

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.