ตอนที่ 66 ประชันอักษร – ราชครูหวังป๋อ
ตอนที่ 66 ประชันอักษร – ราชครูหวังป๋อ
เสียงอุทานด้วยความแปลกใจ ทั้งนับถือชื่นชม และตื่นเต้น... ชายชราจำนวนมากลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วมองไปยังแหวนเทพกระบี่ที่อยู่ในมือเย่หวูเฉินด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยความเคารพนับถือและกระตือรือล้น สำหรับผู้เยาว์ส่วนใหญ่ เทพกระบี่คือตัวตนในตำนานและอยู่ในจินตนาการ นาม ‘เทพกระบี่’ คือความศรัทธา คือเสาหลักค้ำจุนอาณาจักรเทียนหลง
ในเวลานี้ หลงหยินยืนขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยยินดีและนับถือ เขากล่าวเสียงดัง “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าหวูเฉินแท้จริงจะเป็นศิษย์ของเทพกระบี่ ผู้ใดก็ตามที่ครอบครองแหวนวงนี้ ย่อมแปลว่าเขาคือผู้สืบทอดของเทพกระบี่ ในที่สุดผู้สืบทอดเทพกระบี่ก็ปรากฎตัวขึ้นเบื้องหน้าของพวกเรา เขาคือบุตรชายตระกูลเย่แห่งเมืองเทียนหลง! นี่ย่อมหมายถึงเทพกระบี่ไม่เคยลืมพวกเรา นี่ย่อมคู่ควรกับการเฉลิมฉลอง คู่ควรเฉลิมฉลอง! ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
หลงหยินหัวเราะเสียงดัง ทำให้ผู้คนต่างร่วมหัวเราะไปทั่วบริเวณ ใช่แล้วเทพกระบี่ไม่เคยลืมพวกเขา ยิ่งกว่านั้นเขายังเลือกบุตรชายตระกูลเย่เป็นศิษย์ แสดงว่าเทพกระบี่คนถัดไปย่อมกลายเป็นเหมือนฟงเฉาหยางแห่งอาณาจักรต้าฟง เป็นผู้ที่มอบชีวิตซื่อสัตย์ รับใช้อาณาจักรเทียนหลง กลายเป็นเทพพิทักษ์ปกปักษ์นคร ในเวลานี้มุมมองที่มีต่อเย่หวูเฉินเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ในเมื่อเขาคือผู้สืบทอดของเทพกระบี่ เช่นนั้นเขาย่อมกลายเป็นเทพกระบี่คนต่อไป!
“หวูเฉิน ข้าเชื่อว่าความสำเร็จของเจ้าในวันข้างหน้าย่อมเหนือล้ำกว่าอาจารย์ของเจ้า!” หลงหยินกล่าวอย่างจริงจัง
เหนือล้ำกว่าเทพกระบี่ จะมีคำยกย่องใดเหนือกว่านี้อีกหรือ!? จากความสามารถที่เขาแสดงออกมา ไม่ใครกล้าสงสัยว่าคำพูดนี้กล่าวเกินจริง กระทั่งผู้คนจากตระกูลหลิน ผู้ซึ่งสีหน้าเขียวคล้ำลงแล้วลงอีก ยังเผลอคิดเหมือนกันอยู่ภายในใจ
“ฝ่าบาทกล่าวชมเกินไปแล้ว” เย่หวูเฉินยิ้มตอบ
“โฮ่ โฮ่ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง อาจารย์ของเจ้าได้ชี้นำเจ้าเข้าสู่วิถีทางแห่งเทวะ เห็นได้ชัดว่าไม่เพียงวิถีกระบี่ แต่สี่ศิลปะของเจ้ายังเข้าสู่วิถีทางในระดับเดียวกัน พวกเราไม่เคยคิดจินตนาการมาก่อน ไม่แปลกใจเลย!” ชายชราลูบเคราขาวแล้วกล่าวต่อ “หนุ่มน้อย ข้ามีคำขอน่าละอายอยากจะกล่าว คือขอเจ้าช่วยมอบภาพดอกบัวแฝดนี้ให้ข้าได้หรือไม่? ข้าจะย้ายภาพธรรมดาและศิลปะที่ไม่คู่ควรเหล่านั้นออกไปให้หมดจากผนังเพื่อติดภาพนี้เพียงภาพเดียว และข้าจะนั่งมองวันละสามเวลาเพื่อทำความเข้าใจแนวคิดที่แท้จริงแห่งการวาดภาพ”
เย่หวูเฉินไม่มีทางเลือกมากนัก ภาพวาดนี้ไม่สมควรถูกเรียกว่า ‘ระดับเทพ’ ถึงเพียงนั้น เขาเพียงอาศัยหลักการกายภาพบางประการ ยิ่งกว่านั้นผิวกระดาษชุ่มน้ำก็แห้งลงแล้ว ภาพนี้สมควรเรียกได้เพียงภาพวาดที่ดี มันไม่อาจแสดงความงามกระชากลมหายใจได้อีกครั้ง อีกทั้งภาพนี้ยังมีวัตถุประสงค์ที่เฉพาะเจาะจง
เขากล่าวด้วยความเคารพ “ผู้อาวุโส ภาพนี้มีเจ้าของแล้ว อันที่จริงภาพนี้ไม่ค่อยเหมาะกับท่านนัก หากท่านไม่รังเกียจ สักวันข้าจะไปเยี่ยมเยือนบ้านท่านด้วยตนเอง แล้ววาดให้ท่านสามภาพ ดังนั้นท่านโปรดอย่าได้ขุ่นเคืองเลย ผู้อาวุโส”
“เจ้าพูดจริงรึ? ประเสริฐ ประเสริฐ!” ชายชราพยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นเขาคิดบางอย่างแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เช่นนี้เอง ข้ามัวแต่ตื่นเต้นเกินไปหน่อยที่ได้เห็นผลงานมหัศจรรย์เช่นนี้ จนข้าลืมความหมายของดอกบัวคู่บนก้านเดียวไป ข้าเกือบทำให้ตนเองเป็นที่หัวเราะแล้ว”
ถ้อยคำเหล่านี้ทำให้ผู้คนเริ่มตระหนักขึ้นมาได้ ดอกบัวคู่บนก้านเดียวเป็นคำอุปมาถึงคู่รักที่อุทิศชีวิตให้แก่กัน เขาพึ่งบอกว่ารูปนี้มีเจ้าของแล้ว...หรือว่าหัวใจของเขามีเจ้าของแล้วเรียบร้อย? พอคิดได้เช่นนี้หญิงสาวที่ยังโสดมากมายต่างนึกเศร้าใจ ทั้งรูปร่างหน้าตา , บุคลิก , อุปนิสัย , พื้นเพ , วรยุทธ , พรสวรรค์ , อาจารย์ ไม่มีใครในพวกนางที่คู่ควรกับเขาเลย เขานั้นไร้ที่ติ บุรุษน่าอัศจรรย์เช่นนี้ย่อมไม่อาจพบได้อีกครั้งตลอดทั้งชีวิต สตรีแบบใดจึงจะมีวาสนาสามารถคร่ากุมเขาได้
“เฉินเอ๋อร์ อย่าเรียกเขาว่าผู้อาวุโส เขาคือตาแท้ๆของเจ้า!”
เสียงดังกล่าวนี้เป็นของใครไปไม่ได้นอกจากหวังเวิ่นชู เวลานี้นางฉีกยิ้มแทบถึงใบหู ในสายตาของมารดา ลูกชายนางยอดเยี่ยมอยู่เสมอ แต่ว่าก่อนหน้านี้ เนื่องจากบุตรชายที่ไม่อาจทำสิ่งใดได้สำเร็จของนาง ยามที่ผู้คนกล่าวถึงบุตรของตน แม้นางจะไม่เผยสีหน้าใด แต่ในใจนางหวั่นไหวอยู่ลึกๆ แต่ในวันนี้ หลังจากเย่หวูเฉินแสดงความสามารถน่าตกตะลึง หัวใจนางจึงเต็มไปด้วยความสุขและความภูมิใจ จนไม่มีคำใดอาจอธิบาย เวลานี้นางสามารถภูมิใจในฐานะมารดาได้อย่างแท้จริง เพราะบุตรชายที่ยอดเยี่ยมราวไข่มุกเม็ดงามดึงดูดสายตาทุกผู้คน เปล่งประกายเหนือผู้ใดในวัยเดียวกัน
ชายชราผู้นี้แท้จริงคือบิดาของนาง ‘ราชครูหวังป๋อ’ ยามเห็นพวกเขาเรียกขานกันด้วยคำ ‘หนุ่มน้อย’ กับ ‘ผู้อาวุโส’ นางไม่ทราบสมควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี สุดท้ายนางไม่อาจทนได้และตะโกนออกไป
“เอ๋?” เย่หวูเฉินชะงักในทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” หวังป๋อหัวเราะเสียงดังอย่างผ่อนคลาย เขาลูบเครายาวแล้วกล่าว “เฉินเอ๋อร์ ตาได้ยินมาว่าเมื่อตอนที่เทพกระบี่ช่วยเจ้าไว้ เจ้าได้สูญเสียความทรงจำและจำไม่ได้แม้กระทั่งญาติสนิทของตัวเอง ที่เจ้าแสดงออกเช่นนี้ย่อมนับว่าเป็นเรื่องปกติ และข้าจะไม่บังคับให้เจ้าเรียกข้าว่าท่านตา แต่ในเมื่อเจ้าตกลงที่วาดภาพให้ข้าสามรูปแล้ว เจ้าก็ไม่อาจกลับคำได้!”
“อืม ข้าจะไม่ผิดสัญญา!” เย่หวูเฉินตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
ตลอดหลายปีมานี้ หวังป๋อพบเย่หวูเฉินน้อยครั้งนัก บางครั้งเขามาเยี่ยมตระกูลเย่เพียงเพื่อพูดคุยสั้นๆ จากนั้นทำได้เพียงส่ายศีรษะด้วยความผิดหวังขณะจากไป แต่ตอนนี้ เขาเห็นมังกรทะยานขึ้นสูงเสียดฟ้า ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ถาวร คำเหล่านี้ช่างเหมาะกับหลานชายตน
ผู้คนที่กำลังงุนงงต่างเข้าใจในทันที มิน่าเล่าพวกเขาถึงใช้คำเรียกกันแปลกๆ ทั้งที่มีความสัมพันธ์กันแบบนั้น
“ดี! งั้นตอนนี้ตาก็สบายใจแล้ว เฉินเอ๋อร์ ข้าอยากรู้ว่าสาวน้อยคนใดที่เจ้าจะมอบภาพดอกบัวคู่บนก้านเดียวนี้ให้” หวังป๋อกล่าวยิ้มแย้ม เขากล้าถามต่อหน้าฝูงชน ในเมื่อเย่หวูเฉินก็วาดภาพนี้ต่อหน้าผู้คน ทั้งยังบอกว่าภาพนี้เจ้าของ ย่อมหมายความว่าเขาจะมอบภาพนี้ให้บางคนโดยเป็นที่รู้กัน หวังป๋อจึงอาศัยสถานการณ์นี้ถามออกไป
ด้วยคำถามนี้ สาวน้อยหลายคนจึงตกอยู่ในสภาพปั่นป่วน ไม่ว่าที่นั่งหรือยืนอยู่พวกนางต่างจับบิดชายเสื้ออย่างกระวนกระวาย สายตาที่มองไปรอบๆทอแววเป็นประกาย รอคอยอย่างกังวล ราวกำลังหวังวาสนายิ่งใหญ่จากฟ้าร่วงทับใส่
เย่หวูเฉินไม่ตอบคำ เขาเดินไปยืนเบื้องหน้าภาพดอกบัวแล้วม้วนไว้อย่างทะนุถนอม เก็บงานชิ้นตระการที่สร้างความอัศจรรย์ต่อผู้คน จากนั้นหยิบถุงสุราที่ฮั่วเจิ้นเทียนโยนให้ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงชัดเจน “วันนี้หากไม่ได้สุราของผู้อาวุโสฮั่ว ภาพวาดเช่นนี้คงไม่อาจเกิดขึ้นได้ ผลงานนี้จึงสมควรเป็นผลงานร่วมกันของพวกเรา ดังนั้นภาพวาดนี้จึงเหมาะสมกับผู้อาวุโสฮั่วแต่เพียงผู้เดียว...”
ผู้คนตะลึงค้างในฉับพลัน บางคนแทบกระอักเลือดออกมา... ภาพดอกบัวคู่บนก้านเดียวกลับกลายเป็นของตาเฒ่าหยาบคาย เรื่องนี้มันช่าง....
[โน๊ต : ราชครูหวังป๋อ คืออาจารย์ของจักรพรรดิหลงหยิน]
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 388
แสดงความคิดเห็น