ตอนที่ 65 ประชันอักษร – คู่ปทุมมาลย์หนึ่งก้านอุทุม (3)
ตอนที่ 65 ประชันอักษร – คู่ปทุมมาลย์หนึ่งก้านอุทุม (3)
บนผืนภาพ ดอกบัวตูมคู่แฝดค่อยๆแย้มกลีบบานออกช้าๆราวเป็นปาฏิหาริย์ เผยให้เห็นดอกปทุมตูมเหลืองเล็กอยู่ข้างใน กระทั่ง‘ภาพสะท้อน’ใต้บัวยังบานตาม ดอกบัวบานประสานคู่ ผู้คนไม่อาจห้ามความคิดว่านั่นคือของจริง ไม่เพียงความมหัศจรรย์ของคู่ปทุมมาศ ผิวน้ำหยาบกระด้างที่พร่างพรมด้วยจุดเขียว กลับละลายกลายเป็นผิวน้ำเยียบยะเย็น สะท้อนให้เห็นแสงเขียววับสลับแสงตะวัน มองไกลๆเห็นผิวน้ำกระจ่างเป็นประกาย คล้ายผู้คนยามอยู่เบื้องหน้าสระใสในชีวิตจริง
สิ่งที่ทำให้ผู้คนหวั่นสะพรึงคือเงาสะท้อนของบัวแฝด เนื่องจากผิวน้ำวาดหลังสุดและยังต้องแสงตะวัน กลับปรากฎภาพสะท้อนได้เหมือนจริง ภาพสลับกลับหัวบนผิวน้ำคือสิ่งที่วาดยากที่สุด เพราะแนวคิดวิธีสร้างนั้นยากจะจับต้องจริง แต่ภาพวาดนี้กลับทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์
เมื่อดอกบัวคู่เบ่งบานจนได้ขนาด กลีบบัวแดงแกมขาวก็คล้ายถูกแช่แข็ง หากหยุดเร็วหรือช้ากว่านี้เพียงเล็กน้อย ภาพนี้คงไม่บรรลุถึงขั้นสมบูรณ์แบบถึงเพียงนี้ ทุกผู้คนคล้ายถูกสะกดจิตใจ ยังคงไม่มีใครตื่นออกจากภาพภวังค์
นี่เรียกว่าภาพวาดจริงๆหรือ? ไม่สิ...สมควรเชื่อได้ว่านี่คือดอกบัวคู่แฝดของจริง ทั้งผิวน้ำที่สะท้อนแสงเขียวระยับ ยิ่งกว่านั้นใครบ้างที่เคยเห็นภาพดอกบัวบานออกต่อหน้าต่อตา? ไม่มีทาง...แต่วันนี้พวกเขาได้มาเป็นประจักษ์พยานต่อภาพที่น่ามหัศจรรย์
นี่ไม่อาจเรียกว่าภาพวาดได้เลยจริงๆ
เมื่อเห็นท่าทางของผู้ชม เย่หวูเฉินก็ยิ้มบางออกมา เคล็ดลับเบื้องหลังภาพดอกบัวบานและภาพสะท้อนนั้นเรียบง่ายมาก เพียงทาน้ำให้ทั่วแล้วใช้สุราระเหยน้ำออกไปก็เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ แต่ถึงแม้จะรู้เคล็ดลับ การวาดจนบรรลุถึงระดับนี้ก็ยังคงแทบเป็นไปไม่ได้ ต้องควบคุมทั้งปริมาณน้ำหมึกที่ใช้ จุดที่ต้องแต่งแต้ม สัดส่วนปริมาณของสุรา และจังหวะเวลา... ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำลายภาพนี้ให้จบสิ้นลง
เย่หวูเฉินออกมายืนอยู่เบื้องหน้าภาพวาด เคลื่อนตัวบังภาพดอกบัวคู่บนหนึ่งก้านอันน่าพิศวง ดึงให้ผู้คนตื่นกลับมาสู่โลกแห่งความจริง หลังจากพบปาฏิหาริย์อัศจรรย์
“มหัศจรรย์! มหัศจรรย์!” ครั้งนี้เป็นเสียงของหลงหยิน เพียงแค่สองคำก็บ่งบอกความรู้สึกของเขาทั้งหมด
“ผ่านมากี่ปีแล้วตั้งแต่ที่ข้าเกิดมา ในที่สุดข้าก็ได้รู้จักว่าภาพวาดที่แท้จริงเป็นเช่นไร...”
“นี่มัน...นี่มันผลงานวิเศษอย่างแท้จริง! หากข้าไม่ได้มาเห็นกับตา ข้าคงเชื่อไม่ลงว่ามีศิลปะมหัศจรรย์แบบนี้อยู่จริงๆ”
“สามี! พวกเรามาเมืองเทียนหลงได้ถูกเวลาจริงๆ ผลงานตะลึงฟ้าเช่นนี้หาพบบนโลกได้ยากยิ่ง ข้าเกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อพวกเรายามเล่าให้พวกเขาฟัง”
“ไม่คิดเลย ไม่คิดเลยจริงๆ ข้าก้าวขาเบื้องหนึ่งไว้ในหลุมแล้ว แต่ข้ากลับยังโชคดีได้มาเห็นสิ่งนี้ ก่อนที่จะหลับตาลงพร้อมกับลมหายใจสุดท้าย พระเจ้าช่างเมตตากับข้าจริงๆ...ไม่ว่าข้าจะตายตอนนี้ ข้าก็ไม่มีสิ่งใดต้องเสียใจ!”
.......
.......
หลินเสี่ยวสาบานได้ว่าเขาไม่เคยได้ยินเสียงชื่นชมมากมายเช่นนี้มาก่อนชีวิต กระทั่งรวบรวมคำชื่นชมทั้งหมดที่เขาได้รับมาทั้งชิวิตเอามารวมกัน ก็ยังไม่อาจเปรียบเทียบกับเสียงชื่นชมเย่หวูเฉินในเวลานี้ ไม่ว่าเขาจะวาดภาพได้ดีเพียงใด มันก็ยังเป็นเพียงฝีมือของมนุษย์ แต่ภาพ ‘คู่ปทุมมาลย์หนึ่งก้านอุทุม’ เขาต้องยอมรับโดยดีว่านี่คือผลงานของพระเจ้า ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถสรรสร้างผลงานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้
แตกต่างอย่างสิ้นเชิง แตกต่างกันทุกสิ่ง ต่างกันมากเกินไป ไม่มีใครสามารถข้ามผ่านได้ หลินเสี่ยวสูดหายใจเข้าลึก เขาไม่อาจสงบจิตใจได้ลง คุ้นชินกับชื่อเสียงและคำยกยอ เขาเคยมีสถานะอยู่บนจุดสูงสุด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องแหงนหน้าขึ้นมอง แต่คนผู้นั้นอยู่สูงเสียดฟ้า ราวกับมองสวรรค์หลังเมฆ จากพื้นแผ่นดินที่ตีนภูเขา ไม่อาจมองเห็นร่างเงา แม้จะยกชะเง้อคอมอง
ในเวลานี้เองมีเสียงชราดังขึ้น “ทุกๆท่าน โปรดฟังถ้อยคำที่ข้ากำลังจะกล่าว”
เป็นเจ้าของเสียงที่ทรงอำนาจ เพียงไม่กี่คำก็ทำให้บรรยากาศสงบลง เป็นชายชราที่นั่งสงบอยู่ในแถวหลัง อายุของเขาดูเกินกว่า 60 ปี และเขาแต่งกายด้วยชุดสีเขียวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ดวงตาและคิ้วของเขาดูใจดีมีเมตตา ทั่วร่างดูคล้ายราวเทพเซียน ทุกคนที่มองเขาต่างเผยสีหน้าเคารพอย่างชัดเจน กระทั่งหลงหยินยังสะท้อนสีหน้าเคารพออกมาพอสมควร
เย่หวูเฉินลอบคาดเดาสถานะของชายชราผู้นี้ทันที
“โฮ่ โฮ่ หนุ่มน้อย ชายชราผู้นี้ภูมิใจกับสิ่งที่เล่าเรียนมาทั้งชีวิต สุดยอดวิถีแห่งการวาดมิใช่ผู้ใดจะบรรลุได้ แต่วันนี้ ข้ากลับได้เห็นผลงานที่มีเพียงพระเจ้าสามารถรังสรรค์ออกมา งานศิลปะชิ้นนี้สมควรปรากฎเพียงบนสวรรค์ บนโลกมนุษย์ย่อมไม่อาจหาพบเจอ...”
คนที่รู้จักชายชราผู้นี้จะรู้ว่า หาได้ยากมากที่เขาจะเอ่ยปากชม บางทีเย่หวูเฉินอาจเป็นคนแรก แต่ว่า...เขาคู่ควรกับคำชมนี้แล้ว
แต่ว่าวิธีที่เขาใช้เรียกเย่หวูเฉินนั้น...
“...โปรดอภัยกับความบุ่มบ่ามของชายชราผู้นี้ แต่ข้าขอบังอาจถาม ว่าเทพองค์ใดเป็นอาจารย์ของเจ้า?” ชายชราถามช้าๆ ริมฝีปากค่อยๆยิ้มอย่างอ่อนโยน
คำถามนี้กระตุ้นต่อมสงสัยของทุกผู้คน รวมไปถึงตระกูลเย่ ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่เย่หวูเฉิน
เย่หวูเฉินเผยรอยยิ้มลึกลับ “ผู้อาวุโสกล่าวได้ถูกต้อง อาจารย์ของข้าแท้จริงแล้วคือเทพองค์หนึ่ง ท่านอาจารย์ไม่มีความคิดที่จะปกปิดตัวตน ดังนั้นจึงคงไม่เป็นไรหากจะบอกท่าน”
ผู้คนเลิกคิ้วขึ้นสูง จากเดิมที่คิดว่าคนมีความสามารถเช่นนี้ย่อมต้องมีอาจารย์เป็นตัวตนดุจเทพ ทั้งตัวตนเช่นนี้ยังมักปิดซ่อนสถานะตัวตน กระทั่งไม่ยอมให้ผู้คนรับรู้ถึงการดำรงอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้หวังไว้มาก แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่า เย่หวูเฉินกลับไม่มีความคิดปิดปัง กระทั่งถึงขนาดยอมเอ่ยปากต่อหน้าผู้คน
“อาจารย์ของข้าคือ...เจ้าของแหวนวงนี้” เย่หวูเฉินนำแหวนเทพกระบี่ออกมาแล้วสวมบนนิ้วมือซ้าย จากนั้นยกชูมือขึ้นแสดงให้ทุกคนได้เห็นอย่างชัดเจน เขาลอบยกยิ้มมุมปากขณะที่แอบคิด ท่านปู่ฉู่ ขอข้าแอบอ้างชื่อเสียงของท่านอีกสักครั้ง แหวนวงนี้ที่ท่านให้ไว้ ช่างทำให้หนทางสู่อาณาจักรเทียนหลงของข้าง่ายดายขึ้นมากจริงๆ
หนี้บุญคุณครั้งใหญ่ ราวกับเขาติดหนี้ฉู่จิงเทียนด้วยเช่นกัน ชายชราทำให้เย่หวูเฉินติดหนี้ด้วยเจตนา
เจ้าจิ้งจอกเฒ่า
ผู้คนแทบไม่อาจตอบสนองยามได้ยินผู้ติดตามสองคนข้างหลงหยินกล่าวตะโกน “แหวนเทพกระบี่!!”
ถ้อยคำดุจฟ้าผ่าดังไปทั่วทั้งจตุรัสบริเวณ เสียงตอบสนองของผู้คนพลันปะทุดังขึ้นมา
“แหวนเทพกระบี่! เป็นแหวนที่เขาสวมเมื่อตอนนั้น!”
“ใช่แล้ว นั่นคือแหวนของเทพกระบี่จริงๆ...สวรรค์คงเวทนา จึงอนุญาตให้ข้าได้มาเห็นแหวนของเทพกระบี่”
“นายน้อยแห่งตระกูลเย่...แท้จริงเขาคือผู้สืบทอดของเทพกระบี่! ไม่แปลกเลยที่เขาจะมีวิชายุทธและพรสรรค์ถึงเพียงนี้แม้ยังมีอายุเยาว์วัย เมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกอย่างล้วนสมเหตุผล!”
“อาวุโสเทพกระบี่จากยุคสมัยแห่งเทพ มีศิษย์ถึงเพียงนี้ย่อมนับเป็นเรื่องปกติ”
“แหวนแห่งเทพกระบี่...เขากลับกลายเป็นศิษย์ของเทพกระบี่จริงๆ! มีข่าวลือว่าเขาหายตัวไปเป็นปี ที่แท้ เขาถูกพาไปอยู่กับเทพกระบี่ในตำนาน ตระกูลเย่ได้รับพรประทานจากสวรรค์โดยแท้จริง”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 325
แสดงความคิดเห็น