ตอนที่ 12 ท่านปู่หลง
ตอนที่ 12 ท่านปู่หลง
ชายชรารีบเดินไปหาพวกเขาอย่างรวดเร็วแล้ววางตะกร้าบนหลังลง เขาตรวจดูลมหายใจของเย่หวูเฉินและตรวจจับชีพจรที่ข้อมือ ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาเผยสีหน้าแปลกใจก่อนจะถอนหายใจและส่ายศีรษะ จากนั้นเขาหันไปยังเด็กหญิงผู้ที่ใครได้เห็นแค่คราเดียวก็ไม่อาจลืมลง นิ้วเขาจับลงตรงข้อมือ สีหน้าเขาพลันแปลกใจ “นางกลับมีความอดทนถึงเพียงนี้ แม้ว่านางจะยังเด็กอยู่มาก นางเกือบสูญเสียพลังและศักยภาพ... หากเกิดเรื่องนั้นขึ้น กระทั่งพระเจ้ายังไม่อาจช่วยนางฟื้นฟูได้ แต่ตอนนี้นางใช้พลังไปจนแทบหมดสิ้น ฉะนั้น ไม่รู้ต้องใช้เวลาเท่าไหร่นางจึงจะฟื้นคืนพลังได้ทั้งหมด เฮ้อ!”
“ครั้งนี้ข้าจะยกเว้นให้ เพื่อตัวเจ้า สาวน้อยผู้น่าอัศจรรย์”
ชายชราใช้ข้างหนึ่งหิ้วเย่หวูเฉิน อีกข้างหิ้วเย่หนิงเสวี่ย ร่างกายเหี่ยวย่นของชายชรากลับคว้าจับคนทั้งสองไว้อย่างง่ายดาย จากนั้นร่างของเขาลอยขึ้นจากพื้น แล้วบินพุ่งออกจากป่าไป
ท่านพี่... ท่านพี่...
นางเรียกชื่อเขาอย่างต่อเนื่องในขณะที่ไร้สติ เพราะสิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับนางคือการสูญเสียเขาไป
เป็นเขาที่กุมมือนางไว้และกลายเป็นพี่ชายนาง ยามที่นางอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังอย่างสุดแสนไม่ทราบจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร ยามที่นางถูกปฎิเสธและรังเกียจจากทุกผู้คน เขากลับสัมผัสใบหน้านางและสัญญาว่าจะปกป้องไม่ให้นางต้องหิวโหยหรือถูกใครรังแก เขาไม่แยแสออกเผชิญหน้ากับทุกคนและให้บทเรียนกับผู้ที่รังแกนาง...
นับแต่นั้นมา โลกของนางไม่ได้เป็นสีเทามืดอีกต่อไปเมื่อคนผู้นี้ก้าวเข้ามายังโลกของนาง เพราะการดำรงอยู่ของเขา นางจึงเริ่มชื่นชมโลกใบนี้
หากว่านางต้องสูญเสียพี่ชายไป...
นางค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วกระซิบแผ่วเบา “ท่านพี่ ท่านพี่...พี่ชายข้าอยู่ที่ไหน?”
อ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง นางกระทั่งลำบากที่จะขยับเปลือกตา น้ำเสียงแก่ชราอ่อนโยนดังขึ้นข้างๆหู “ตื่นแล้วหรือ เด็กน้อย? หลับพักผ่อนให้มาก เจ้าเหน็ดเหนื่อยมามากเกินไป”
“พี่ชาย ข้าอยากเห็นพี่ชายข้า...”
“พี่ชายเจ้าอยู่ข้างๆตรงนั้น เจ้าวางใจแล้วหลับต่อเสียเถอะ หากเจ้าไม่รีบหาย แล้วใครจะคอยดูแลพี่ชายให้เจ้ากัน?”
สุดท้ายหนิงเสวี่ยจึงปิดตาแน่นแล้วหลับไปอีกครั้ง นางเหนื่อยเกินไปจริงๆ
ชายชรามองดูนางอยู่ครู่หนึ่งด้วยสีหน้าอ่อนโยน “หากข้ามีหลานสาวเช่นนาง ข้าคงจะมีความสุขมาก ถึงแม้นางจะมีแผลเป็นร้ายแรงบนใบหน้าและผมสีขาวแปลกประหลาด แต่นางมีจิตใจที่อ่อนโยนซึ่งข้า...เฮ้อ ช่างมันเถอะ ข้ายกเว้นและช่วยไปแล้วครั้งหนึ่ง จะเป็นไรไปถ้าจะช่วยนางอีกครา ในเมื่อข้าก็แก่คร่ำคร่าปานนี้แล้ว
เขายื่นสองนิ้วออกไป แตะสัมผัสระหว่างคิ้วของเย่หนิงเสวี่ย จากนั้นกระแสลมปราณอบอุ่นก็ไหลเข้าสู่ร่างนางผ่านนิ้วทั้งสอง เย่หนิงเสวี่ยที่กำลังหลับไหล สีหน้าซีดขาวของนางกลับเรื่อสีแดงขึ้นทีละนิดๆ ชายชรายิ้มออกและดึงนิ้วกลับมา เขามองสองฝ่ามือตัวเองด้วยสีหน้าประหลาดใจ “อย่างไรเสีย นางก็เป็นแค่เด็กหญิง และไม่ต้องใช้พลังของข้ามากนัก... ในกรณีนี้ นางจะฟื้นตัวได้เมื่อตื่นขึ้นมา เฮ้อ... ช่างเป็นเรื่องยุ่งยากกับนางเสียจริง”
เพียงแต่...
สายตาเขามองที่ใบหน้าเย่หนิงเสวี่ยอีกครั้งด้วยความสับสน เขากระซิบเบา “ช่างประหลาดนักที่ตลอดชีวิตข้าไม่เคยเห็นรอยแผลเป็นเช่นนี้มาก่อน... อะไรที่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นเช่นนี้ได้?”
เมื่อความมืดคืบคลานมา เย่หนิงเสวี่ยลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าร่างกายนางยังคงรู้สึกเจ็บปวดและปวกเปียก แต่ความเหน็ดเหนื่อยนั้นเกือบหายไปทั้งหมด นางพลันเรียก “พี่ชาย” ก่อนจะรีบยืนขึ้นและมองหาเย่หวูเฉินที่อยู่ข้างๆ สีหน้าของเขายังคงซีดขาว ลมหายใจยังคงโรยริน นางได้แต่ยืนมองเขาโดยไม่อาจเอ่ยคำใด น้ำตาเริ่มปริ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นางสูดจมูกเบาๆเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
ผ้าม่านเก่าเปิดออก ชายชราถือถ้วยเล็กๆก้าวเข้ามาและยิ้ม “เด็กน้อย เจ้าตื่นแล้ว มาดื่มยาถ้วยนี้ก่อน” เย่หนิงเสวี่ยเหมือนเห็นความหวัง นางรีบลงจากเตียงไม้แล้วคุกเข่าต่อหน้าชายชรา “ท่านปู่ ได้โปรดช่วยชีวิตพี่ชายข้าด้วย ได้โปรดเถิด ข้าขอร้อง... ข้ายอมทำทุกอย่างตามที่ท่านสั่ง”
พอกล่าวจบ นางก็เริ่มโขกศีรษะขณะที่ชายชรารีบเข้ามาพยุงนางขึ้น เขาถอนหายใจเบาๆแล้วยิ้มให้นางด้วยความสงสาร “เด็กน้อย ดื่มยาเสียก่อนแล้วเราค่อยมาว่ากันตกลงมั้ย? อีกอย่าง เจ้าสามารถเรียกข้าว่าปู่หลง”
“ตกลง ขอบคุณท่านปู่หลง” เย่หนิงเสวี่ยพยักหน้าแสดงความขอบคุณแล้วรับถ้วยยาต้มมา จากนั้นนางดื่มอย่างรวดเร็วโดยไม่ใช้ช้อนเพราะว่าหิวเหลือเกิน อย่างไรก็ตาม นางวางถ้วยลงหลังจากดื่มลงไปครึ่งหนึ่ง “ท่านปู่หลง ข้าอยากแบ่งอีกครึ่งไว้ให้พี่ชาย”
ชายชราใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยว เขาถอนหายใจยาวแล้วกล่าว “เด็กน้อยเจ้านั่งลงก่อนสิ นั่งลงข้างๆพี่ชายเจ้า”
เย่หนิงเสวี่ยทำตามคำของเขา หากแต่รู้สึกกังวลอยู่ข้างใน
ทันใดนั้นก็มีเสียงร่าเริงของชายหนุ่มดังขึ้นมา “ท่านปู่ข้ากลับมาแล้ว!”
ผ้าม่านเปิดออก ปรากฎใบหน้าหล่อเหลาขึ้น เป็นชายหนุ่มอายุราว 20 ปี ใบหน้าดูกล้าหาญหากแต่ดูหยิ่งยโส และเจือด้วยความโศกเศร้าเบาบาง แม้ว่าที่แห่งนี้จะเป็นเพียงเมืองโดดเดี่ยวเล็กๆ แต่ความหุนหันพลันแล่นและอารมณ์ของเขา ไม่มีคนธรรมดาคนใดสามารถเปรียบเทียบได้ เมื่อเห็นเย่หนิงเสวี่ยเขาแปลกใจในทีแรก ก่อนจะถามด้วยความห่วงใย “เจ้าตื่นแล้วเหรอ สาวน้อย ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอยู่รึปล่าว?”
ปู่หลงได้เล่าให้เขาฟังทุกเรื่องเกี่ยวกับเย่หนิงเสวี่ย ซึ่งไม่เพียงทำให้ชายหนุ่มประทับใจแต่ยังทำให้เขาประหลาดใจ เป็นเรื่องหาได้ยากที่เด็กสาวตัวน้อยๆอายุเท่านี้จะมีความจริงใจหนักแน่นได้ถึงขนาดนี้
เย่หนิงเสวี่ยเงยหน้าน้อยๆขึ้นอย่างกังวลแล้วถาม “พี่ชายท่านนี้คือ...?”
“เขาคือหลานชายข้าชื่อหลงเจิ้งหยาง เจ้าสามารถเรียกเขาว่าพี่หลงได้” ชายชรากล่าวอย่างอ่อนโยน
หลงเจิ้งหยางสีหน้าฉายแววประหลาดใจ เพราะหาได้ยากที่ปู่ของเขาจะบอกชื่อจริงของเขากับคนแปลกหน้า
“พี่หลง เป็นเกียรติที่ได้พบท่าน ข้าคือหนิงเสวี่ย เย่หนิงเสวี่ย ท่านพี่เป็นผู้มอบชื่อนี้ให้กับข้า” สายตานางมองที่ใบหน้าเย่หวูเฉินด้วยหวังว่าเขาจะตื่นขึ้นมาในทันที
“พี่ชายเจ้ามอบชื่อนี้ให้กับเจ้า... พี่ชายแท้ๆหรือว่า...?” หลงเจิ้งหยางถามอย่างสับสน
เย่หนิงเสวี่ยส่ายศีรษะ “มีเพียงท่านพี่ที่ดีกับข้าในขณะที่คนอื่นๆต่างเกลียดข้า เขาเล่นกับข้า ปกป้องข้า และตั้งชื่อให้ข้า”
หลงเจิ้งหยางยิ้ม “สาวน้อย ชายส่วนมากตัดสินคนเพียงรูปลักษณ์ภายนอก เจ้าเพียงแค่อย่าไปสนใจพวกมัน แต่เห็นได้ชัดเลยว่าพี่ชายของเจ้าไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าไม่สนใจกระทั่งชีวิตตัวเองเพียงเพื่อจะช่วยชีวิตเขา ว่าแต่ เจ้าไปได้รอยแผลเป็นบนหน้านั้นได้อย่างไร?”
เย่หนิงเสวี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เพราะนางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงส่ายศีรษะของนาง “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ข้าจำอะไรไม่ได้เลยเช่นเดียวกับพี่ชายข้า... ได้โปรดช่วยชีวิตพี่ชายข้าด้วยนะ... ได้โปรด...”
ปู่หลงถอนหายใจเบาๆ พร้อมแววตาที่เปล่งประกาย “หยางเอ๋อร์ ไปตรวจร่างกายเขาสิ”
“ข้า?” หลงเจิ้งหยางแปลกใจ “แต่ว่าท่านปู่ ข้ารู้จักแค่เพียงวิชาแพทย์พื้นฐาน...”
“ลองดูแล้วเจ้าจะรู้เอง”
หลงเจิ้งหยางคล้ายเข้าใจบางสิ่งและเงียบลง เขายื่นมือขวาวางบนอกเย่หวูเฉินหลังจากลังเลอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่ในฉับพลันเขาก็รีบถอนมือกลับราวกับถูกเผาด้วยไฟ ใบหน้าแตกตื่นตระหนก
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 255
แสดงความคิดเห็น