ตอนที่ 7 ราชสีห์เพลิง

สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)
คุณกำลังอ่าน: สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)

-A A +A

ตอนที่ 7 ราชสีห์เพลิง

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 7 ราชสีห์เพลิง

 

ทั้งสามคนมุ่งต่อไปยังเบื้องหน้า ในระหว่างทางมีสัตว์อสูรน้อยใหญ่บางส่วนที่เคราะห์ร้ายถูกฉู่จิงเทียนทุบตีร่วงในหมัดเดียว เมื่อเทียบกับสัตว์อสูรระดับต่ำเหล่านี้ ฉู่จิงเทียนก็เปรียบดั่งอสูรกาย ผ่านไปหนึ่งชั่วยามตะกร้าบนหลังก็ถูกบรรจุเต็ม เขามัดสัตว์อสูรตัวใหญ่นับสิบแล้วลาก พร้อมกับแบกตะกร้าที่แทบล้น แม้จะเป็นฉู่จิงเทียนก็ยังเริ่มรู้สึกเคลื่อนไหวได้ลำบาก หากแต่เย่หวูเฉินยังคงก้าวเท้าไปข้างหน้าไม่มีหยุด ดังนั้นเขาจึงไร้ทางเลือกนอกจากก้าวขาตามต่อไป

 

ย่างเท้าเข้าสู่ป่าลึก สุ้มเสียงสำเนียงยิ่งมายิ่งเงียบสงัด ผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม ในที่สุดฉู่จิงเทียนจึงยวบนั่งลงบนพื้นแล้วหอบหายใจกล่าว “พวกเราหยุดตรงนี้กันเถอะ หากเข้าไปลึกยิ่งกว่านี้ จะเป็นถิ่นหากินของราชสีห์เพลิง ข้ายังสามารถวิ่งหนีได้แม้ไม่อาจหักหาญเอาชนะมัน แต่หากเป็นเจ้ากับน้องสาวตัวน้อยย่อมจะกลายเป็นปัญหาใหญ่”

 

“ราชสีห์เพลิง?” เย่หวูเฉินระลึกได้ว่านั่นคือสัตว์อสูรระดับ 10 ที่ฉู่จิงเทียนเคยเอ่ยถึง รวมทั้งยังไม่เคยกำราบมันลงได้ เขามองออกไปแล้วถาม “ถัดจากพื้นที่หากินของราชสีห์เพลิงเป็นสถานที่แบบใด?”

 

ฉู่จิงเทียนผ่อนคลายลงเล็กน้อยและกล่าว “ถัดออกไปเป็นขอบแดนสันโดษแห่งนี้ เป็นม่านปราการที่ยอมให้ผู้คนเข้ามาแต่ไม่ยอมให้กลับออกไป กระทั่งท่านปู่ของข้ายัง....”

 

เย่หวูเฉินเงียบคำไม่กล่าววาจา จากนั้นเขาดึงเย่หนิงเสวี่ยแล้วสืบเท้าก้าวไปเบื้องหน้า

 

“เฮ้ สหาย ที่นั่นมันอันตรายนะ!” ฉู่จิงเทียนรีบวิ่งตามเขาไปทันที ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องคำรามของราชสีห์ดังขึ้น ฉู่จิงเทียนตื่นตระหนก เขารีบก้าวออกไปยืนอยู่เบื้องหน้าของเย่หวูเฉิน “น้องเย่หวูเฉิน พวกเราเข้ามาในอาณาเขตของราชสีห์เพลิงแล้ว เจ้ากับน้องสาวตัวเล็กรีบหนีไปเร็วเข้า!”

 

ทันใดนั้นมีเสียงคำรามดังขึ้นคำรบสอง เป็นราชสีห์ตัวหนึ่งสูงสองเมตร ทั่วร่างมีเพลิงลุกไหม้โชติช่วงกำลังย่างกรายเข้ามาให้เห็นในครรลองตา ท่าทางดุร้ายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะยามพบศัตรูผู้รุกล้ำ มันคำรามอย่างเกรี้ยวกราดขณะที่เห็นฉู่จิงเทียน มันพลันทะยานร่างตรงมายังที่เขา หากแต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ ปากมันก็อ้ากว้างพร้อมลูกไฟขนาดใหญ่ที่ถูกพ่นออกมา

 

ฉู่จิงเทียนที่ระวังตัวอยู่กระโดดหลบลูกไฟไปทางด้านข้าง เขาชักกระบี่เหล็กเตรียมจะพุ่งเข้าแทงราชสีห์เพลิง ขณะที่สายตาตวัดกลับมา เขากลับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่เย่หวูเฉินและเย่หนิงเสวี่ยยืนอยู่ด้านหลังเขา เขาเร่งตะโกน “รีบหลบเร็ว!”

 

ลูกไฟพุ่งเข้าหาพวกเขา เย่หวูเฉินกำลังจะพาเย่หนิงเสวี่ยเบี่ยงหลบ หากแต่จู่ๆเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดเข้าครอบงำจิต เขากวาดตามองและเหยียดแขนออกใช้มือจับรับลูกบอลไฟ

 

เพลิงที่แม้แต่ฉู่จิงเทียนยังไม่มีขวัญกล้าคว้าสัมผัส กลับถูกเย่หวูเฉินคว้าจับด้วยมือเปล่า ลูกอัคคีมอดดับอย่างรวดเร็วเมื่อถูกต้องกับแสงสีฟ้าในฝ่ามือของเย่หวูเฉิน ดั่งเปลวไฟที่วอดดับเมื่อเจอกับสายธารา

 

ฉู่จิงเทียนเบิกตากว้างราวกับพบเจอสิ่งไม่น่าเชื่อที่สุดในโลก

 

เย่หวูเฉินมองที่ฝ่ามือของเขา... ไร้ร่องรอยบุบสลาย ไม่มีผมหรือขนแม้แต่เส้นเดียวที่ถูกแผดเผา เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของเปลวเพลิง หากแต่ไม่รู้สึกถึงความร้อนเร่าเผาไหม้เลยแม้แต่น้อย

 

ไม่ใช่แค่ฉู่จิงเทียนเท่านั้น กระทั่งราชสีห์เพลิงเองก็ตกตะลึง มันคำรามแล้วพ่นลูกไฟอีก 3 ลูกเข้าใส่เย่หวูเฉิน แล้วทะยานวิ่งตรงเข้าหาเต็มกำลัง มันกระทั่งลืมเป้าหมายก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

 

ในครานี้ เย่หวูเฉินไม่ได้ใช้มือออกคว้าจับลูกเพลิง หรือไม่แม้กระทั่งหลบหลีก เพลิงทั้ง 3 ลูกพุ่งกระแทกใส่ร่างของเขาอย่างจัง และทำให้เขาถอยหลังไปสามก้าว หากแต่เพลิงไม่อาจทำร้ายเขาได้แม้เพียงริ้วรอยเดียว กระทั่งชุดที่สวมใส่ยังไม่มีรอยไหม้ใดๆ ขณะเผชิญหน้ากับราชสีห์เพลิง เขายกสองมือขึ้นวาด มีเกล็ดน้ำแข็งปรากฎออกแล้วซัดพุ่งเข้าใส่ยังราชสีห์เพลิง

 

เวทย์น้ำแข็ง สำหรับในทวีปเทียนเฉินถูกนับว่าเป็นเวทย์ธาตุน้ำระดับต่ำสุด เพียงเป็นนักเวทย์ธาตุน้ำระดับ 1 ก็สามารถใช้ออกได้ โดยปกติแล้วเกล็ดน้ำแข็งสมควรละลายหากเข้าใกล้เพลิงราชสีห์ระดับ 10 แต่อย่างไรก็ตาม เกล็ดน้ำแข็งสองชิ้นกลับพุ่งไปด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ เพียงพริบตาเดียวก็ทิ่มแทงเข้าใส่ดวงตาราชสีห์เพลิงอย่างทารุณ

 

ราชสีห์เพลิงร้องคำรามโหยหวนและล้มกลิ้งอย่างรุนแรง ฉู่จิงเทียนไม่ปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอยไป เขากระโดดขึ้นไปในฉับพลัน เกร็งกำลังทั้งหมดรวมลงที่แขน ขณะที่ราชสีห์เพลิงกำลังร้องครวญคราง เขาก็แทงกระบี่เหล็กเล็งตรงไปที่คอหอย เพราะความเจ็บปวดก่อนหน้าราชสีห์เพลิงจึงไม่อาจต้านทาน ลำกระบี่ตัดผ่านลำคอราชสีห์เพลิงอย่างง่ายดาย หลังจากดิ้นทุรนทุรายอยู่ครู่หนึ่งมันก็แน่นิ่งลง

 

ฉู่จิงเทียนดึงกระบี่เหล็กกลับ จากนั้นเขี่ยราชสีห์เพลิงพร้อมทั้งหัวเราะ “มันตายแล้ว? ช่างง่ายดายเช่นนี้? ข้ายังคงจำได้ดีว่าไม่เคยสังหารราชสีห์เพลิงได้เลย แม้จะสู้กับมันมาหลายครั้งหากแต่ก็ทำได้เพียงแค่ถูกมันเผาเสื้อผ้าเท่านั้น” ฉู่จิงเทียนยกนิ้วให้เย่หวูเฉิน “น้องเย่หวูเฉิน เจ้าช่างน่าทึ่งยิ่งนัก ข้าเคยคิดจะแทงดวงตาของมันมาก่อนแต่ไม่เคยทำได้สำเร็จสักครั้ง แต่เจ้ากลับสามารถโจมตีดวงตามันได้ง่ายดายโดยไร้ปัญหาใดๆ... อืมม เจ้าเป็นนักเวทย์ธาตุน้ำหรอกหรือ?”

 

เย่หวูเฉินใบหน้าดูซีดเซียว เขาโบกมือ “แค่เรื่องบังเอิญน่ะ บางทีข้าอาจจะพอรู้เวทย์ธาตุน้ำอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ทั้งหมดที่ข้ารู้ก็มีเพียงทักษะเกล็ดน้ำแข็งธรรมดาๆนี้เท่านั้น”

 

เย่หวูเฉินตอบไปตามตรง เพราะเขารู้สึกได้ว่าภายในร่างกาย พลังจำเพาะนี้สามารถใช้ออกได้เพียงสร้างเกล็ดน้ำแข็งธรรมดาๆ 2 ชิ้นเท่านั้น

 

“พี่ต้าหนิว ท่านนำราชสีห์เพลิงกลับไปก่อนเป็นอย่างไร? หนิงเสวี่ยกับข้ายังอยากอยู่ที่นี่ต่ออีกสักหน่อย ยังไงซะที่แห่งนี้ก็ปลอดภัยแล้ว”

 

เย่หวูเฉินคล้ายกับพลั้งพูดออกมา แต่จากน้ำเสียงราบเรียบก็เหมือนจะตัดสินใจแน่วแน่เอาไว้แล้ว

 

ฉู่จิงเทียนชะงักไปนิดหนึ่งจากนั้นจึงพยักหน้า “เอางั้นก็ได้ ข้าเองก็รู้สึกเหนื่อยกับการลากเจ้าพวกนี้แล้วเหมือนกัน แต่ต้องรับปากกับข้าว่าจะรีบกลับมา”

 

จากนั้นเขานำราชสีห์เพลิงวางพาดบ่าแล้วลากพวกสัตว์พะรุงพะรังตามหลัง เขาแอบชำเลืองมองไปข้างหลังเพื่อดูว่าเย่หวูเฉินจะทำสิ่งใด

 

“ไปกันเถอะ” เย่หวูเฉินพาเย่หนิงเสวี่ยตัวน้อยก้าวต่อไปด้วยความระมัดระวัง พอเดินไปได้ประมาณ 100 เมตรเขาก็หยุดเท้าลงอย่างกะทันหัน เนื่องจากสัมผัสได้ว่ามีกำแพงที่มองไม่เห็นขวางกั้นเอาไว้ หลังจากขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พาเย่หนิงเสวี่ยออกมาอยู่ห่างราว 10 เมตร แล้วกล่าวสำทับอย่างจริงจัง “ยืนอยู่ตรงนี้นะ อย่าขยับไปไหน”

 

เย่หนิงเสวี่ยพยักหน้าเหนียม จากนั้นมองดูเขาเดินกลับไปยังจุดเดิมโดยไม่กระพริบตา

 

หรือนี่จะเป็นม่านปราการที่กางกั้นดินแดนแห่งนี้ออกจากโลกภายนอก?

 

เย่หวูเฉินสูดหายใจเข้า รวบรวมสมาธิเพ่งความสนใจ ควบคุมการไหลเวียนของลมปราณในร่าง เขาเพ่งเกร็งพลังแห่งมนต์หวูเฉินไว้ที่แขนขวา ส่วนมือซ้ายปล่อยให้แสงไร้สีเข้าเคลือบคลุม เขาคำรามเสียงต่ำแล้วใช้ฝ่ามือต่างกระบี่ ฟาดฟันเต็มกำลังลงไปยังม่านปราการโปร่งแสงที่อยู่เบื้องหน้า

 

ไม่มีเสียงปะทะดังสนั่นอย่างที่คาดหมาย กลับเป็นเพียงเสียงเบาบางเล็กน้อยสายหนึ่ง หลังสิ้นเสียงเขาถูกผลักกระเด็นออกอย่างรุนแรง เขาม้วนกลิ้งกระเด็นอยู่บนพื้น ผ่านไปไม่กี่อึดใจก็ลุกขึ้นยืน มือซ้ายกุมมือขวาที่เจ็บปวด ขณะที่เหงื่อเย็นเยียบหลั่งออกมาเต็มหน้าผาก

 

“ท่านพี่!” เสียงร้องกระวนกระวาย เย่หนิงเสวี่ยรีบร้อนวิ่งเข้ามาหา ใบหน้าเล็กๆตื่นตะหนก เย่หวูเฉินยิ้มและมองดวงตาปริ่มน้ำใสของนาง เขากล่าวอย่างอ่อนโยน “หนิงเสวี่ยอย่ากังวลเลย ข้าสบายดี ข้าเพียงชนเข้ากับบางอย่างแล้วกระเด็นออกมาเท่านั้น”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.